รุ่งเช้าวันที่สอง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2547 เวลาประมาณ 05.00 น. เราได้เดินทางออกจากกองพันเพื่อเดินทางไปยังสถานียิงปินอีกครั้งเพื่อทำการยิงปืนเก็บคะแนนของนักศึกษาวิชาทหาร ระยะทางก็ไกล รวมถึงยังไม่สว่างดีนัก ทำให้มองไปรอบ ๆ ถนนที่เราเดินมาไม่ค่อยถนัดตา เราเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงสถานียิงปืน ตอนนั้นเช้าพอดี เรามานั่งพักที่รวมพลเพื่อทำการแจกกระดาษเป้ายิง และจัดสายยิงเพื่อการยิงจะได้เป็นระเบียบและไม่สับสน จากที่เราได้จัดสายไปเมื่อวาน วันนี้เพื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็จัดแถวเดินทางไปยังสนามยิงปืนซึ่งไม่ไกลจากสถานีเท่าใดนัก เราแบ่งกันไปทีละหมวด เมื่อเราไปถึงสนามยิงปืน เบื้องหน้าเป็นภูเขาสูงใหญ่ สะท้อนเสียงของกระสุนปืนเป็นพัก ๆ รู้สึกลูกกระสุนกลัวเหมือนกัน ปืนที่ว่าเป็นปืนที่ใช้กันในสนามรบ ปืนที่ใช้เป็นปืน sk 33 กระสุนเป็นกระสุนที่ใช้ในการรบจริง หัวแหลม และก็ขนาดยาว หนักด้วย ครูฝึกได้ให้ลูกกระสุนคนละ 18 นัก ซึ่ง 3 นัดแรก เป็นนัดซ้อมยิง ว่าเราจะต้องขยับศูนย์ปืนที่เคยเรียนไปเมื่อวานว่าต้องขยับไปทางไหน เพื่อจะได้ทำคะแนนได้ดี 10 นัดต่อมาเป็นกระสุนทีใช้ยิงในท่านอนยิงซึ่งเจ็บข้อศอกมาก ต้องยันพื้น และด้ามจับปืนไว้ตลอดเวลา ส่วนอีก 5 นัดสุดท้ายเป็นการยิงในท่านั่งยิง ท่านั่งที่ว่านี้ ต้องนั่งให้ต้านแรงด้นปืนให้ได้มากที่สุด โดยใช้หน้าขาช่วย เรามีคู้ฝึกอยุ่ หนึ่งคนเพื่อช่วยเหลือในการยิงปืน เป็นคนหยิงซองกระสุนให้ ซึ่งหน้าที่ทุกหน้าที่ที่พูดถึงนี้ทุกคนได้มีโอกาสทำหมด เพราะต้องสลับกันไปเรื่อย ๆ คนละหมวดชุดยิงตอนที่เรายิงนั้น มันอื้ออึงไปหมด พานท้ายปืนก็กระแทกเอาที่แก้มเรา สกอร์ที่เราได้ไม่ค่อยน่าภูมิใจนัก 18 นัด เรายิงได้เพียง10 นัด... เป้า 5 คะแนน ได้ 1 นัด...เป้า 4 คะแนน ได้ 1 นัด...เป้า 3 คะแนนได้ 2 นัด และเป้า 2 คะแนนได้ 3 นัด ส่วนอีก 2 นัดนั้น หลุดพื้นที่ให้คะแนนในกระดาษซะนี่ เราได้ทำหมวกตกไว้ที่สนามยิงปืนด้วย แต่คงไม่กลับไปเอาแล้วล่ะ ช่างมันเถอะเราไปซื้อใหม่ก็ได้ ไม่นานก็ได้ยินเสียงนกหวีดเรียกรวมพลเพื่อเข้าสู่ฐานทดสอบกำลังใจ ซึ่งแต่ละฐานจะเป็นการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ซึ่งมีทั้งกระโดดข้ามกำแพงที่มีระดังสูงต่างกันไป โหนเชือกเพื่อข้ามไปสุ่อีกฝั่งหนึ่ง ปีนตะข่ายเชือก ซึ่งล้วนแล้วต่อสนุกสนานและเราก็ผ่านพ้นมาได้อย่างสบาย ๆ สักพักก็ได้เวลาที่เราต้องเข้าไปในที่พักที่หนึ่งเพื่อฟังการชี้แจงในการเข้าไปฝึกยังเขาชนไก่ ซึ่งเราต้องไปค้าแรมที่นั่น (ที่นี่หละที่เรารู้สึกว่าจะต้องหนักแน่ ๆ เลย ทีที่เราไม่อยากจะสัมผัสมันเลย ให้ตายเถอะ) หลังจากนั้นเรากจัดแถวเพื่อเดินทางไปสักการะพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งอยู่บนยอดเขา ไม่แน่ใจว่าเขานั้นเป็นเขาชนไก่รึเปล่า เราเดินทางกันนานมาก ทางขึ้นเขาก็แสนชัน จนต้องนั่งพักริมทางเป็นพัก ๆ เพราะเหนื่อยจริง ๆ ทางที่ขึ้นนั้นไม่มีขั้นบันไดด้วย เป็นเพียงแค่หินและดินเท่านั้น ระหว่างทางที่เราเดินก็ได้มองออกไปข้างล่าง มันดูสวยงามมาก ภาพของป่าโปรงที่มีสนามเป็นทาง ๆ รอยถนนที่ลาดยามที่เราเดินผ่านมาสักครู ผืนป่าที่กว้างใหญ่ ซึ่งยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก ท้องฟ้ากทีมีเมฆคอยปกคลุมแสงแดดตอนเย็น ๆ เป็นช่วง ๆ ลมบางเบาที่พัดผ่านช่องเขารู้สึกเหมือนได้กลิ่นดายของป่าเขาได้เป็นอย่างดี เดี๋ยวก่อน อย่าพึงพรรณามาก ตอนนี้เราอยู่แค่กลางเขา ยังมีระยะทางอีกไกลเพื่อที่เราจะต้องขึ้นไปให้ได้ และเมื่อไปถึงก็ได้สักการะพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เราได้ขอพรให้ช่วงคุ้มครองเราให้แคล้วคลาดตอลดเวลาที่เราเข้าค่ายฝึกทหาร ณ ที่นี่ ถัดไปขึนเขาไปอีกหน่อย ก็มีพระพุทธรูปหนึ่งองค์ประดิษฐานข้างๆ ฐานของเจดีย์ เราก็ได้ไปสักการะด้วย นั่งพักได้ไม่นาน ก็ต้องลงมาเพื่อรวมพลอีกครั้งซึ่งตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว และเราได้กลับที่กองพันอีกครั้งเพื่อกินข้าวที่นั่น วันนี้มีการอาบน้ำด้วยเราจึงต้องรีบกินข้าวเป็นพิเศษ พอได้เวลาอาบน้ำ เราได้อาบน้ำเพียงไม่กี่นาที เร็วมาก ครูฝึกได้ให้สัญญาณทรโข่งซึ่งเป็นอุปกรณ์ขยายเสียง แป๊บเดียวเราก็ต้องออกจากโรงอาบน้ำไปเพื่อกลับไปแต่งตัวให้ทัน ตอนนั้นยังเป็นช่วงเย็น ซึ่งไม่นานก็รวมพลกันอีกทีเพื่อเข้าฟังการบรรยายประกอบสื่อpowerpoint ผ่าน screen ซึ่งเป็นภาระกิจของทหาร และ ภาพการฝึกทหารและ นักศึกษารักษาดินแดนที่เขาชนไก่ ที่เรากำลังจะไปในรุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ ขณะที่เรานั่งเพื่อฟังบรรยายอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าใดนักอยู่นั้น ก็ได้แต่งกลอนมาบทนึง ไม่ค่อยเพราะ แต่นึกยังไงก็ไม่รู้ แอบใจ... ในบางอารมณ์ที่แสนเย็นชา กับสายตาที่เธอหันมา...มองคุณค่าความเป็นฉัน ฉันเพิกเฉย...ละเลยความรู้สึกที่เคยให้กัน กลับเดินเลยผ่าน...ในคืนวันที่เธอเดียวดาย อยากบอกเธอว่าทุกสิ่งมันตรงกันข้าม ความรู้สึกนี้มันมีในนาม...ของคนอ่อนไหว ไม่กล้าจะเปิดเผย...เฉลยความข้างในใจ ทั้งที่ฉันก็เจ็บปวดมากมาย...ที่ทำร้ายน้ำใจให้แก่กัน แล้วเธอจเข้าใจบ้างไหม ขอโทษที่ฉันแอบใจ...เอาไว้อย่างนั้น หากบอกเธอไป...ก็กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนไปไม่เห็นความสำคัญ เพียงเพราะเธอก็เป็นคนที่ใฝ่ฝัน...ของใครต่อใคร ฉันยังคงปวดร้าวอยู่ข้างในลึก-ลึก เมื่อเธอกลับเป็นไม่รู้สึก...ว่าฉันเป็นคนชิดใกล้ เจ็บเหมือนกันรึเปล่า...ที่เธอก็ปวดร้าวเมื่อฉันไม่มีใจ เข้าใจว่าฉันไม่รักใช่ไหม...เธอ แอบรักแอบใจเอาไว้ตรงนี้ เก็บความรู้สึกดี-ดี แอบไว้ให้เธอเสมอ หากวันนึงเธอเห็นฉันไม่อยากพบเจอเธอ อยากให้เธอรู้ว่าเมื่อคืนฉันแอบพร่ำเพ้อ...ร้องไห้ถึงเธอทั้งคืน...
30 มกราคม 2547 05:24 น. - comment id 70852
ฮันแน่..แอบมีความรักกะเขาด้วย งั้นซ่าขอเป็นฝ่ายเอาใจช่วยละกัน ขอให้รักของคุณสุขสมดั่งใจฝัน รีบบอกเธอไปละกัน..จะได้รู้ใจกันซะที.. มาเป็นกำลังใจให้นะเจ้าคะ @^_^@
30 มกราคม 2547 13:36 น. - comment id 70858
อารมณ์สูนทรีย์...นับถือๆ
30 มกราคม 2547 15:45 น. - comment id 70862
ถึงคุณหนามไม้ไผ่.. ขอบคุณนะครับ ความจริงแล้วมันมีอารมณ์มากกว่าครับ เพราะตอนนั้นมันเวลาว่างพอดี เลยไม่อยากให้เสียเปล่า อิอิ ถึงคุณตะแหง่ว... อะให้ อะให้ แหม...ขอบคุณมากนะครับ ผมก็สุนทรีย์อย่างนี้ แต่วันต่อมา ลิ้นแทบห้อย *-*
31 มกราคม 2547 03:17 น. - comment id 70887
สำหรับการยิงปืนได้คะแนนขนาดนั้นถือว่าสูงแล้วนะค่ะเพราะเราพึ่งจะฝึกซ้อมได้ไม่นาน (เก่งจังน้องชายเรา) ส่วนการเดินทางเท่าที่อ่านมาไกลมากเลยนะค่ะ น้องชายคงจะเหนื่อยและสนุกไปในเวลาเดียวกัน แต่ก็นั่นหละค่ะ เป็นอะไรที่ครั้งหนึ่งน้องจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์แบบนี้หรอกค่ะ พึ่เชื่ออย่างนั้นก็เพราะเราประทับใจในบรรยากาศนิค่ะแล้วจะลืมได้ไง จริงไหมจ๊ะ อิอิ (เขียนได้ดีค่ะ อ่านแล้วเข้าใจดี)
31 มกราคม 2547 06:29 น. - comment id 70892
ถึงคุณผู้หญิงไร้เงา... ขอบคุณครับที่ชมเชยกันนะครับ อิอิ แต่คนอื่นเค้าได้เยอะกว่าปมกานตั้งหลายคนน่ะครับ ผมเองก็ถือว่าได้น้อยนะ..และเรือ่งการเดินทางเดินเพลิน ๆ ก็สนุกดีนะครับ ตุยกะเพื่อน ๆ ไป หยอกกันไป ก็ถึงเร็วดีเหมือนกัน อิอิ *-*
31 มกราคม 2547 23:01 น. - comment id 70910
ปืน.. กับ..ผู้ชาย.. ดอกไม้ ..สำหรับ.. เรน.. ..แว๊ปป..
4 กุมภาพันธ์ 2547 01:56 น. - comment id 70942
จ้า..น้องเรน... ขอบคุณมากนะครับที่มาอ่านมาเยี่ยม *-*
11 มกราคม 2553 22:02 น. - comment id 113147
เดียวก็ต้องไปเข้าค่ายเหมือนกัน ดันไปกวนตีนครูฝึกไว้เยอะไม่รู้จาโดนเล่งหรือป่าว ชักกลัวแล้ว