มาถึงวันนี้เราไม่รูว่าเรารักกันหรือเปล่า
โอ๋ ศิษย์นันท์คนเขียนโคลงกลอน
มาถึงวันนี้เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
นับตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบหน้ากัน เราทั้งคู่ก็ต่างลังเลและยัง งง ๆกับโชคชะตาที่นำเรามาพบกัน
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
นับจากวันนั้นมาหลายๆวันหลายๆวัน เราเริ่มที่จะเรียนรู้นิสัยของกันและกัน ซึ่งมันเป็นการยากที่จะสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
มีบ้างหลายครั้งคราที่เราไม่สามารถเข้าใจในบางสิ่งบางอย่างของอีกฝ่ายหนึ่งได้ และเราก็มีสิ่งที่เราต้องการ แต่ไม่สามารถแสดงออกตามความต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจและรับรู้ได้
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
เราตกลงใจและสัญญาว่าจะอยู่ร่วมกันไปจนแก่จนเฒ่า ถึงแม้บาดแผลและบทเรียนที่เคยผ่านพ้นมาเมื่อครั้งอดีต จะเสมือนคอยย้ำเตือนเราอยู่เสมอว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เราก็ได้ให้สัญญาแก่กันโดยให้แหวนเป็นพยานยืนยัน
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
เราทะเลาะกันบ่อยครั้งขึ้น ทวีความรุนแรงมากขึ้นในแต่ละครั้ง เราเริ่มที่จะไม่เข้าใจกันมากขึ้น และไม่ยอมรับเหตุผลของอีกฝ่ายและ เอาตามอารมณ์ของตนมากขึ้น
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
เราเริ่มทำธุรกิจ เพื่อสร้างฐานะครอบครัวของเราให้มั่นคงตามจุดมุ่งหมายของเรา แต่อุปสรรคและความเหนื่อยยากก็มีตามมามากขึ้น ธุรกิจของเราค่อนข้างล้มเหลว เงินกำลังเป็นปัญหาระหว่างเรา เราจึงทะเลาะกันมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
ญาติพี่น้องของเราทั้งสองฝ่าย กำลังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนของตน เกิดการแทรกแซง การเข้าใจผิด การระแวงแคลงใจจากทั้งสองฝ่าย เราเองก็เริ่มระแวงกันเอง เราจึงเริ่มแสดงความเห็นแก่ตัวของเราทั้งคู่ออกมามากขึ้นจนเด่นชัด
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
เราถามกันและกันว่าต่างฝ่ายยังรักกันอยู่หรือไม่ คำตอบที่ได้คือรักกันเสมือนเดิม เหมือนวันแรกที่เราเจอกัน ปัญหาคือวันแรกที่เราเจอกัน เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือไม่ ที่จริงคำถามนี้เราถามเพราะเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนกันกับที่เราคิดหรือไม่ ดังนั้น
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
ปัญหาต่างๆเริ่มค้างคา หมักหมมขึ้นเรื่อยๆ และเราทั้งคู่ต่างประกอบกิจการไว้หลายอย่างซึ่งต้องพึ่งพากันและกัน ถ้าขาดใครไป กิจการนั้นก็มีสิทธิ์เสียหายได้ ดังนั้นเราไม่แน่ใจว่าการที่เราพยายามรั้งกันและกันเอาไว้ทุกครั้งหลังจากทะเลาะกันนั้น
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
เราไม่ยอมกันอีกต่อไป ไม่มีใครอ่อนข้อให้ใคร ไม่มีการลดราวาศอกเด็ดขาด เพราะมันทำให้เราทั้งคู่รู้สึกสูญเสียดุลยภาพในตนเองไป และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมส์นั้นๆ
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
เรากำลังเล่นเกมส์ สงครามจิตวิทยาซึ่งมีสิ่งที่เราเรียกว่าความรักเป็นเดิมพัน ทั้งๆที่ จริงๆแล้วมันไม่น่าจะใช่ความรัก มันน่าจะเป็นศักดิ์ศรี หรือความหยิ่งทะนงของเราที่ซุกซ่อนไว้มากกว่า เมื่อใดที่เราทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเรารู้สึกว่าเราชนะ ดังนั้น
เราไม่รู้ว่าเรารักกันหรือเปล่า
สิ่งต่างๆที่มันเป็นอยู่ มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆกับคนคู่หนึ่ง หากแต่มันอาจคล้ายคลึงกับชีวิตของคนอีกหลายๆคู่ ซึ่งประสบปัญหาเหมือนในเรื่องนี้ สุดแท้แต่ว่าวันนี้ เราจะยอมรับหรือยังเท่านั้นว่าเราเป็นไปตามนี้ ถ้ายัง เราก็ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าที่แท้แล้ว เรารักกันหรือเปล่า บางทีถ้าฟ้าเมตตา เราอาจจะได้รู้ แต่พึงเชื่อเอาไว้ได้เลยว่าหลังจากเราได้รู้แล้ว เราก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วตลอดไป ฟังดูแล้วอาจจะน่าเศร้าหากแต่มันก็เพียงเพิ่มรอยบาดแผล ขึ้นที่ใจอีกแผลหนึ่งก็เท่านั้น