++ รัก เพราะ อะไร ++ (ตอนที่ 5)
JoyLek
ฉันกลับกรุงเทพฯ ตอนเย็นวันอาทิตย์พร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาที่ต่างต้องกลับมาทำงานตามปกติในวันจันทร์
ฉันได้รับการติดต่อให้เป็นผู้ช่วยนักวิจัยของอาจารย์ในภาควิชาฯ ซึ่งรับงานมาจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงทำให้ฉันไม่มีเวลาว่างมากนัก
การติดต่อของพี่เจ็ทเริ่มห่างหาย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน
วันเสาร์สัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนตุลาคมมีงานแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีระหว่างพี่ปี 2 และน้องปี 1 ฉันได้รับหน้าที่เป็นผู้ติดต่อประสานงานและดูแลเรื่องอาหารเครื่องดื่มตลอดการแข่งขันพร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
เหมียว นั่นเหมียวใช่ไหม เสียงเรียกไม่คุ้นหูทำให้ฉันต้องหันไปมอง
เดี๋ยวตามไป ฉันบอกเพื่อนที่อยู่ในทีม และแยกข้าวกล่องมาถือไว้เองบางส่วน
สวัสดีครับ
ฉันยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งคู่ทั้งข้าวกล่องนั่นแหละ
ไม่เจอกันนานดูโตขึ้น
จะไปไหนกันคะ ฉันนึกหาคำสนทนาทั้งที่ขำคำทักทายที่ราวกับฉันเป็นเด็กเล็กๆ
ผมจะชวนไอ้อาจารย์หยวนไปกินข้าวเย็นน่ะ พี่ตี๋บอกและถือโอกาสชวนต่อ
ไปด้วยกันไหมครับ มีนายทินกรอีกคนเท่านั้นเอง
เนื่องในโอกาสพิเศษหรือเปล่าค่ะ ไปกันพร้อมหน้าพร้อมตา ฉันไม่ตอบรับ เพราะยังรู้สึกว่าไม่สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น
ผมสอบชิงทุนได้เลยอยากอวด พี่ตี๋พูดหน้าชื่น
อ้อ ฉันทำเสียงรับรู้ ยินดีด้วยค่ะ
นายเจ็ทไปด้วยนะ พี่อยากให้เหมียวไปเซอร์ไพรส์มันหน่อย พี่หยวนคงจะรู้ว่าฉันปฏิเสธแน่จึงพูดถึงอีกคนที่จะตามมาสมทบในช่วงเย็น
...ไม่เจอกันหลายเดือน ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ...
...คิดถึงเขาเหลือเกิน...
ตกลงไปนะ พวกพี่จะไปรับ เหมียวพักแถวไหน
อืม... ฉันนิ่งไปนานเริ่มลังเล
เจอหน้าประตู 2 แล้วกัน นัดกันกี่โมงคะ
โอเค ประตู 2 เหมียวมารอสัก 6 โมงเย็น ตอนนี้ไปส่งข้าวกันก่อน มาพี่ช่วย
****************************
ฉัน พี่ตี๋ และพี่ทิน นั่งคุยเรื่องจิปาถะไปเรื่อยเปื่อยขณะรอสมาชิกคนสุดท้าย
นายเจ็ทน่ะ โทรจากหมอชิต อาจารย์หยวนรายงานเพื่อนๆ หลังยุติการคุยโทรศัพท์
ถึงแล้วสิ เบื่อจริงๆ พวกกินอุดมการณ์นี่ ตี๋บ่น
ฉันอมยิ้ม นึกถึงคนที่กำลังถูกเพื่อนนินทา...
... เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ คือ จะใช้รถยนต์และมือถือเฉพาะเวลาที่ต้องเข้ามาเพื่อติดต่องานให้ป้าเท่านั้น แต่ถ้ามาธุระส่วนตัว เขาจะมารถโดยสารประจำทางและจะใช้โทรศัพท์สาธารณะ...โดยให้เหตุผลกับเพื่อนๆ ว่า เขายากจนต้องประหยัด...
ฉันยิ้มเมื่อมองเห็นร่างที่ปรากฏอยู่หน้าประตูทางเข้า บอกไม่ถูกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน...
...รอยยิ้มของเขาที่ส่งให้เพื่อนเจื่อนลงเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในโต๊ะด้วย
ฉันไม่เข้าใจนักกระทั่งเห็นร่างของปลายฟ้าเขามายืนเคียงคู่
ฉันงงไปพักใหญ่...จากนั้นก็เริ่มชาไปทั้งตัว!
...เจ็บที่หัวใจจนแทบจะหายใจไม่ออก...
ทุกคนดูจะเงียบกันไปหมดเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะ เขาทรุดตัวลงนั่งถัดจากพี่หยวนที่นั่งข้างๆ ฉัน และปลายฟ้านั่งข้างพี่ตี๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม...
ส่วนพี่ทินนั่งหน้าซีดไม่ต่างจากฉัน...
การสนทนาเริ่มต้นขึ้นใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากล่าวทักทายฉันสั้นๆ
...และเราไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยกระทั่งงานเลี้ยงมื้อนั้นสิ้นสุดลง... ขากลับพี่ทินขับรถตามไปส่งฉันด้วยอีกคน นอกจากพี่ตี๋และพี่หยวนที่เป็นคนไปรับ
...หน้าฉันชาจนไร้ความรู้สึกกับเหตุการณ์วันนั้น...ฉันนอนร้องไห้ตาบวมอยู่ 3 วันเต็มๆ กว่าจะทำใจได้...
ตั้งแต่นั้นพี่หยวนก็เริ่มเป็นแขกประจำหอพักของฉันเพราะยัยกวางเป็นเหตุ...พี่หยวนถูกศรรักปักอกเข้าอย่างจัง เขาเพียรพยายามอยู่หลายเดือนยัยกวางแต่ปัจจุบันยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก เพราะยัยกวางให้เหตุผลอยากดู สันดาน กันไปนานๆ ก่อน...
พี่หยวนเล่าว่า...พี่ตี๋บินไปเรียนต่อแล้ว...
...พี่ทินหนุ่มผู้พ่ายรักรายวัน ปัจจุบันกำลังเล็งเจ้าของหมาที่พามาฉีดวัคซีนที่คลินิกของเขาอยู่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ...
...ส่วนฉันมีชีวิตอยู่ไปวันๆ กับงานและการเรียนที่เริ่มหนักขึ้น และยังกิจกรรมอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาคือ การหัดว่ายน้ำ
ฉันไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก แต่ทนเสียงรบเร้าของพี่หยวนไม่ไหวจึงยอมให้ยัยกวางสอน...
เรื่องมีอยู่ว่า... พี่หยวนชวนยัยกวางไปเที่ยวเกาะช้างในช่วงซัมเมอร์ที่จะมาถึง แต่ยัยกวางตั้งข้อแม้ว่าต้องมีฉันและพี่ทินไปด้วย
พี่หยวนคงกลัวยัยกวางจะคอยเป็นห่วงฉันจนไม่มีเวลาสวีทกัน จึงพยายามอ้อนวอนและทำทุกวิถีทางให้ฉันหัดว่ายน้ำ
แต่เหตุผลสำคัญที่ไม่มีใครรู้คือ ฉันยังไม่ลืม 'ใครบางคน' ที่เคยคะยั้นคะยอให้ฉันหัดว่ายน้ำเสียเหลือเกิน
วันนี้ไม่มีเขา แต่ฉันก็ยังอยากเก็บเกี่ยวความทรงจำทุกเรื่องราวทุกเสี้ยววินาทีที่มีร่วมกัน แม้เขาไม่มีโอกาสเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม...
และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาฉันกับยัยกวางก็ต้องเริ่มหัดตีเทนนิส สาเหตุเพราะพี่ทินแวะไปหาที่สระว่ายน้ำแล้วเหลือบไปเห็นนิสิตรุ่นน้องซ้อมเทนนิสอยู่สนามติดกัน...
...เท่านั้นแหละพี่แกเลยเกิดอาการอยากเป็น 'ภราดร' ขึ้นมาทันทีทันใด ถึงขั้นลงทุนซื้อแร็กเก็ตมาแจกเพื่อให้พวกเราร่วมมือกับความรักครั้งนี้ของแก...พวกเราต่างก็ได้แต่ภาวนาให้พี่ทินสมหวังเสียที เพราะแขนขวาชักจะโตกว่าแขนซ้ายเข้าไปทุกทีแล้ว...
ถึงเดือนเมษายนพี่หยวนได้ไปเที่ยวเกาะช้างสมใจ พวกเราตกลงจะไปขึ้นรถที่หมอชิตแทนการขับรถไปกันเอง
...หัวใจฉันเต้นแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อเห็นชายหญิงที่นั่งรออยู่ที่นั่งพักผู้โดยสาร...
ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนชวน แต่ตอนนี้ฉันอยากร้องไห้เต็มที...
สบายดีหรือ เขาทักทายฉันเป็นประโยคแรกระหว่างที่ปลายฟ้าไปเข้าห้องน้ำ
ค่ะ ฉันตอบสั้นๆ กลัวจะร้องไห้ต่อหน้าเขา
จะไม่ถามพี่บ้างเหรอว่าสบายดีหรือเปล่า
สบายดีไหม ฉันพูดตาม
เขาหัวเราะกับคำถามทื่อๆ ของฉัน
หิวไหม คราวนี้เขาถามด้วยประโยคเดิมๆ ที่คุ้นเคย
ฉันส่ายหน้า...น้ำตาพาลจะไหล
เตรียมยามาครบหรือเปล่า เขายังไม่ยอมหลีกทาง
ต้องถามกวาง เขาเป็นคนเตรียม
เขาทำหน้าไม่พอใจ แต่ไม่ถามต่อเพราะหยวนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินมาแทรกตรงกลาง...ฉันเลี่ยงไปนั่งข้างยัยกวางที่นั่งมองอยู่ตั้งแต่ต้น
...พอขึ้นรถโดยสาร ฉันนั่งคู่กับกวาง พี่หยวนนั่งคู่กับพี่ทิน และเขานั่งคู่กับปลายฟ้า...
...คืนนั้นฉันกับยัยกวางกอดกันร้องไห้ไปตลอดทางจนถึงตราด...
******************************
โปรดติดตามตอนที่ 6