ฉันนั่งรอที่ชุดรับแขกของหอพักอยู่นานจนแน่ใจว่าเขาไม่มาแล้ว จึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง ยามที่เคาน์เตอร์ทำหน้างงๆ เมื่อจู่ๆ ฉันก็ลุกขึ้นมาเฉยๆ หลังจากที่นั่งสบตากับแกอยู่เป็นนาน เพื่อนไม่มาแล้วหรือครับ คงงั้น ฉันตอบเซ็งๆ เคาะประตูห้องอยู่นาน รูมเมทก็ลุกงัวเงียมาเปิดประตู กลับเร็วนี่ คิดว่าจะดึก ยังไม่ได้ไป ห๊า! แล้วตัวไปไหนมาตั้งนาน ฉันหิ้วรองเท้าคู่สวยที่อุตส่าห์บรรจงเลือกสำหรับนัดวันนี้ทิ้งไว้ระเบียงหลังห้อง แล้วกลับมาทุ่มตัวลงเตียง ชุดยับก็ช่างเถอะไม่สนใจแล้ว ใต้หอ ตัวกินอะไรรึยัง กวางเดินมามองฉันข้างๆ เตียง คงนึกสมเพชเต็มทน ฉันหลับตาเสียอย่างนั้น...เหนื่อยกับความรัก...เหนื่อยกับความน้อยใจ... ยามโทรศัพท์แจ้งว่ามีแขกมารอพบเมื่อตอน 2 ทุ่มเศษ ฉันนั่งตรองไม่ตกว่าควรจะลงไปหรือปล่อยให้เขารออยู่อย่างนั้น กวางนั่งมองฉันนิดๆ แต่ไม่กล้าซักไซ้หรือให้ความเห็น ดูท่าทางอึดอัดไม่ต่างจากฉันเท่าใดนัก หิวไหม ซื้อราดหน้ามาฝาก ไม่มีคำขอโทษและเหตุผลสำหรับเรื่องเมื่อบ่าย ยังร้อนๆ เขาชูห่อราดหน้าในมือให้ดูเหมือนจะอวด ฉันไม่อยากกินราดหน้า แต่อยากรู้ว่าเขาหายไปไหนมามากกว่า ร้านไหน อร่อยถึงกับซื้อมาฝากเชียว เขายิ้มที่ฉันให้ความสนใจราดหน้าห่อนั้น ใกล้ร้านไอ้ทินอร่อยนะ ซื้อมา 2 ห่อฝากรูมเมทด้วย ฮื่อ เขายิ้มกว้างขึ้นเมื่อฉันรับของฝากมา ขณะที่ฉันนั่งรอเขาตั้งแต่บ่าย 2 จนกระทั่ง 2 ทุ่ม แต่เขาไปเที่ยวกับเพื่อนโดยไม่บอกสักคำ ...น้อยใจรึเปล่า...ฉันเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คำตอบคือ...ไม่...ไม่น้อยใจสักนิดเดียว แต่มันมากกว่านั้น เมื่อก่อนแทบจะทนไม่ได้ แต่ปัจจุบันฉันยังมีชีวิตและยังมีลมหายใจ มีกำลังที่จะอยู่บนโลกนี้ แต่ล้าเหลือเกิน หรือฉันเล่นตามกติกาของผู้ใหญ่ไม่เป็น จึงทำให้ฉันรู้สึกเคว้งคว้างอย่างนี้ มีใครสักคนเคยบอกไว้...คนเราเกิดมาพร้อมกับปีก 1 ข้าง เพื่อจะเสาะหาอีกคนที่มีปีกเท่ากับเรา ตอนนี้ฉันเจอปีกอีกข้างของฉันแล้ว แต่ฉันไม่มีแรงขยับปีกเพื่อจะบิน... พรุ่งนี้พี่จะกลับ เดินทางปลอดภัย ฉันยิ้มให้แต่มันคงดูฝืนเต็มทน จัดกระเป๋าไว้นะจะพาไปเที่ยว เขาหันมาบอกทั้งที่เดินไปเกือบจะถึงประตู กี่โมง คงสายหน่อย ฉันไม่มีโอกาสถามอะไรต่อเพราะร่างสูงเดินจากไปแล้วทิ้งฉันไว้กับราดหน้าที่เขาหอบหิ้วมาฝาก +++++++------+++++++ ฉันมาถึงมวกเหล็กในตอนสายของวันรุ่งขึ้น หลังจากถูกแนะนำให้รู้จักกับลุงและป้าของเขาได้ไม่นาน เพื่อนๆ ของเขาก็มาถึง ดูเหมือนทุกคนจะเคยมาที่นี่กันทั้งนั้น ยกเว้นฉันคนเดียวที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก พี่หยวน พี่ตี๋ พี่ทิน เพื่อนกลุ่มเดิมของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และมีสาวสวยอีกหนึ่งคน ชื่อ ปลายฟ้า นัยว่ากำลังดูใจกับกับพี่ทินติดตามมาด้วย ฉันและปลายฟ้าพักบ้านใหญ่รวมกับลุงและป้าของเขา ส่วนชายหนุ่มที่เหลือถูกจัดให้พักบ้าน รีสอร์ทที่อยู่ถัดไป บ่ายเราจะไปเที่ยวน้ำตกเตรียมตัวไว้นะ เขากระซิบบอกก่อนฉันจะเข้าห้องพัก ผื่นหายหรือยัง ฉันก้มดูร่องรอยจางๆ ที่เหลือจากการโดนแดดเผาเมื่อวาน มียาทารึเปล่า มี บ่ายแดดจัดเตรียมหมวกไปด้วยนะ ฉันยิ้มนึกดีใจที่เขาแสดงความห่วงใยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าทำหน้าบึ้งบ่อยนักสิ ไม่สวย ต้องยิ้มแบบนี้ถึงจะน่ารักรู้ไหม มือแข็งแรงเอื้อมมาบีบแก้มฉันเบาๆ พี่จะไปดูเขาลงต้นไม้ไปด้วยกันไหม ไกลหรือเปล่า ด้านหน้าที่เรานั่งรถผ่านมาไง ฉันและเขามาถึงบริเวณด้านหน้าของรีสอร์ทด้วยรถจักรยาน โดยเขาปั่นและมีฉันซ้อนท้าย นั่งดูคนงานลงต้นไม้ได้ไม่นาน เขาก็ทนไม่ไหวลงมือพรวนดินร่วมกับคนงานเสียเอง เหมียวปลูกด้วยคน อย่าเลย ขี้เกียจพาไปหาหมอ นั่งดูเฉยๆ ดีแล้ว งั้นช่วยรดน้ำ ฉันจับบัวรดน้ำเทราดๆ ไปตามต้นไม้ดอกที่ลงไว้ก่อนหน้านี้ เปื้อนดินหมดแล้ว ระวังน้ำกระเซ็นใส่เสื้อผ้า ขยับไปนั่งตรงโน้นดีกว่า ฝุ่นเยอะ ฯลฯ เสียงเขาเตือนมาเป็นระยะๆ ขณะที่ฉันหัวเราะที่แกล้งป่วนเขาได้ ปลายฟ้าปั่นจักรยานตรงมาหยุดอยู่ไม่ห่างและไม่นานก็ขอร่วมวงด้วย อริยะยื่นพลั่วเล็กให้หล่อนและบอกให้คนงานยกไม้ดอกที่จะปลูกไปไว้ใกล้ๆ ตลอดเวลาที่ปลายฟ้าขุดหลุมและปลูกต้นไม้จะมีอริยะคอยดูอยู่ใกล้ๆ และดูเหมือนความสนิทสนมกันมากขึ้นทุกที... ฉันยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับบัวรดน้ำในมือ มองดูภาพตรงหน้าและยิ้มตอบเมื่อทั้งคู่เงยหน้าเพื่อมองและส่งยิ้มให้...ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเริ่มเป็นส่วนเกินหรือเปล่า... /โปรดติดตามตอนที่ 4
3 ธันวาคม 2546 10:21 น. - comment id 70371
ถูกคนเขียนขอร้อง (แถมบังคับ) ให้เข้ามาอ่าน พออ่านจบก็ต้องขอชมว่าใช้ภาษาได้ดีทีเดียว เป็นกำลังใจให้นะคะ
3 ธันวาคม 2546 11:34 น. - comment id 70372
เขียนได้น่ารักดีค่ะ ตอนจบจะเศร้าไหมเนี่ย
8 ธันวาคม 2546 22:04 น. - comment id 70411
ติดตามอย่างเมามัน อิอิ