อ่านให้สนุกนะ ยาวเหลือเกิน แต่รับรองว่าอ่านให้จบจะไม่ผิดหวัง คำบางคำอย่ารอให้สายเกินไป > > > > ผมกำลังยืนอยู่บนสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องฟ้าในคืนนี้มืดสนิท > >มีเพียงแสงเรืองเรืองของหลอดไฟทอดยาวตามแนวสะพานไป > >การที่ได้เห็นกรุงเทพในมุมนี้ > >มันทำให้ได้พบหลายต่อหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ผมมองออกไปในย่านชุมชน > >แสงไฟหลากสีในอาคารบ้านเรือนกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา > >เรียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปเป็นถนนทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดไปยังริมถนน > >ส่วนบนสะพานที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ก็เป็นถนนกว้างพอสมควร > >มีรถวิ่งอย่างเบาบางเพราะคนมักจะใช้เส้นทางอื่นกัน บนนี้มันจึงเงียบสงบ > >ผมไม่แปลกใจเลยที่เธอมักจะชวนผมมาที่นี่เป็นประจำ > >ผมไม่ได้ขึ้นมาบนนี้หลายปีแล้วเพราะที่แห่งนี้มันทำให้ผมหวนนึกถึงเธอ > >เธอมักจะให้ผมมายืนดูดาวเป็นเพื่อนเธอ > >กินไอศกรีมรสสตอเบอรี่ที่เธอชอบเป็นเพื่อนเธอ > >ที่แห่งนี้มันเคยทำให้ผมมีความสุข ผมคงได้ขึ้นมาบนนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว > >หลังจากวันนี้ไปผมจะจากไปและไม่หวนกลับมาอีก จะมีเพียงความทรงจำของเธอเท่านั้น > >ที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป > > > > .ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกก็เมื่อตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.1 > >ผมก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ พวกเราต่างก็เป็นนักเรียนใหม่ > >หลายหลายอย่างในห้องใหม่ของผมนี้ดูมันจะน่าเบื่อซะจริงจริง > >หลังจากที่เคารพธงชาติแล้วทุกคนก็เข้าชั้นเรียน > >และก็เป็นธรรมดาของนักเรียนใหม่ทั้งหลายก็ต้องมีการแนะนำตัวกัน > >อาจารย์ประจำชั้นของผมเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ดูท่าทางอาจารย์เป็นคนใจดีมาก > >อาจารย์ก็เริ่มแนะนำตัวเอง ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่ > >ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตเข้าห้อง > >ผมรีบหันไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที แล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้ามา > >โอ้!แม่เจ้าโว้ย เธอช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ถึงดูเธอจะชอบตื่นสายไปสักหน่อย > >แต่ถ้าเอามาบวกลบกับความสวยแล้ว ตื่นสายแค่นี้ผมยกให้ ความคิดผมในตอนนั้น > >ทำยังไงจะได้รู้จักเธอบ้างนะเธอเดินเข้ามาแล้วก็หาเก้าอี้นั่ง > >ตอนนั้นที่ข้างผมมีกระเป๋าใครก็ไม่รู้วางอยู่ > >คนทั้งห้องตอนนั้นก็คุยกันโดยไม่สนใจอะไรเลย > >ผมเลยจับกระเป๋าไอ้ที่นั่งข้างผมโยนไปโต๊ะตัวข้างหลัง > >ทั้งห้องเลยเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว คือที่นั่งข้างผม เธอเดินมาใกล้ๆ > >ผมแล้วก็พูดอย่างอ่อนหวาน > > นั่งด้วยได้มั๊ย ก็จะไม่ได้ ได้ยังไง > >ก็ที่ตรงนี้ผมพึ่งจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ผมหันหน้าไปหาเธอแล้วก็พยักหน้า > >แล้วเธอก็นั่งลงฟังที่อาจารย์พูดหน้าห้อง > >ขณะที่เธอกำลังจับจ้องอยู่ที่อาจารย์ > >แต่ผมไม่สนใจอาจารย์เลยเอาแต่ชำเรืองไปที่หน้าของเธอ > >ใบหน้าของเธอช่างขาวหมดจดอะไรอย่างนี้ แก้มเป็นสีชมพูอ่อนๆ > >ดวงตาของเธอกลมโตใสเป็นประกาย ผมไม่เคยเห็นดวงตาคู่ไหนสวยแบบนี้มาก่อน > >ขนตาของเธองอน ยังกะตุ๊กตา ปากเรียวเล็ก > >ทั่วทั้งใบหน้าของเธอมันช่างสวยจับใจอะไรเช่นนี้ > >ผมใจลอยมองหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย > >ผมพยายามมองไปที่ปกเสื้อของเธอเพื่อจะดูว่าเธอชื่ออะไร > >เกือบจะเห็นอยู่แล้วเชียว ทันใดนั้นเธอก็หันมาหาผม เธอยิ้ม มีอะไรหรอค่ะ > >ผมสะดุ้งขึ้นมาทันที อ้อ ปะ ปะ ป่าวครับ > >ผมตื่นเต้นไม่รู้จะทำอะไรเลยหยิบหนังสือในกระเป๋าขึ้นมา > >ดันไปหยิบผิดหยิบเอาหนังสือโป๊ขึ้นมา เธอเหลือบมาเห็นเข้าเลยยิ้มแกมหัวเราะ > >ทีแรกผมคิดว่าเธอยิ้มให้ผม แต่พอเห็นหนังสือในมือตัวเอง > >ผมตกใจเลยรีบปัดความรับผิดชอบทันที ไม่..ไม่ใช่ของผมครับ! > >ไอ้ที่นั่งข้างหลังมันฝากไว้ > >เธอหัวเราะอย่างน่ารักก็ไม่แปลกหนิพี่ชายเค้าก็อ่าน > >ผมรีบเก็บทันทีแล้วเอาหนังสืออื่นขึ้นมา ผมอายเธอแทบแย่ > >ผมหยิบหนังสืออื่นขึ้นมาทันที > >ผมนั่งอ่านหนังสือทั้งที่จิตใจมันอยู่ที่คนข้างข้าง > >ผมนั่งเงียบได้พักหนึ่งเธอก็มาสะกิดผม ผมรีบหันไปหาเธอทันที > >อาจารย์ให้แนะนำตัวกับคนนั่งข้างข้างเค้าชื่อ รุ่งฟ้า เรียกว่า ฟ้า > >เฉยเฉยก็ได้ แล้วตัวเองชื่ออะไร ผมนั่งพิจารณาอยู่พักหนึ่ง > >อืม..คนอะไรนอกจากจะน่ารักแล้ว ชื่อก็ยังเพราะอีก รุ่งฟ้า > >ผมทำไมชอบชื่อนี้จังนะ! ผมนั่งจนลืมไปเลยว่าเธอกำลังถามถึงชื่อผมอยู่ > >เธอสะกิดผมอีก > >ชื่ออะไร บอกบ้างสิ ผมสะดุ้งอีกที อ้อ! เราชื่อ แบ๊งค์ > >บ้านฟ้าอยู่แถวบางเขนนู้นบ้านแบ๊งค์อยู่แถวไหนหละ > >ผมตอบเธอทันทีเลยว่าอยู่แถวบางเขนเหมือนกัน > >ทั้งที่ความจริงบ้านผมอยู่คนละเขตกับเธอเลย > >งั้นขากลับแบ๊งค์กลับเป็นเพื่อนฟ้านะ > >เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้าผมชอบรอยยิ้มของเธอจริงจริง หลังจากที่ผมรู้จักเธอ > >ชั่วโมงนั้นทั้งชั่วโมงผมก็คุยกับเธอไม่หยุดเลย เธอเป็นคนพูดเพราะ > >และคุยสนุกมาก ผมสามารถฟังเธอได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย > >หลังจากคาบนั้นผมก็ตามติดฟ้าทั้งวันเลย > >ชนิดที่ว่าที่นั่งข้างเธอไม่มีใครแตะต้องได้เลย > >เพื่อนทั้งห้องผมยังไม่รู้จักใครเลย ผมรู้จักแต่ฟ้าคนเดียว > >หลังจากเลิกเรียนเราก็กลับบ้านพร้อมกันพอรถถึงบ้านเธอ เธอก็ลงรถ > >เธอชวนผมลงไปเล่นบ้านเธอ แต่ผมก็ส่ายหน้ากลัวว่าพ่อเธอจะว่า > >ผมนั่งรถเลยบ้านฟ้าไปอีก 1 ป้ายรถเมล์ > >จากนั้นผมก็ลงมาขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อตีรถกลับไปลงโรงเรียน > >แล้วผมถึงขึ้นรถที่จะกลับบ้านผมจริงจริง > >และดูเหมือนการนั่งรถมาส่งฟ้าแบบนี้ผมทำทุกวันจนเป็นนิสัยเลยก็ว่าได้ > >ฟ้าเธอชอบที่จะมาสายทุกวันเลย อาจารย์เริ่มที่จะสอนหนังสือแล้ว > >ทุกอย่างที่อาจารย์สอนดูเหมือนมันจะซึมเข้าสมองผมอย่างรวดเร็ว > >แต่ฟ้านี่สินั่งฟังอยู่ด้วยกันแท้แท้ แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องเลย > >พอพักเที่ยงผมก็ซื้อข้าว 2 จานออกมานั่งทานอยู่ม้าหินอ่อนกับฟ้า > >ผมไม่เคยเข้าไปทานข้าวในโรงอาหารเลย > >หลังจากที่ผมยื่นจานข้าวให้เธอเธอก็นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย > >ผมยังไม่ทานข้าวเพราะมีสิ่งที่ผมกังวลมากกว่า > >ผมหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ในกระเป๋าฟ้าออกมา ฟ้า! > >ไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวแบ๊งค์ อธิบายให้ฟัง > >ผมเปิดไปเรื่อยๆขณะที่กำลังรอคำตอบจากเธอ > >เธอใช้นิ้วเรียวเรียวของเธอชี้มาบนหนังสืออย่างรังเร > >ก็..ก็.ทั้งหมดเลยแหละ > >ผมจึงเริ่มอธิบายทั้งหมดให้ฟ้าฟังชนิดก๊อปปี้ทุกคำที่อาจารย์พูด > >ผมอธิบายไปเกือบชั่วโมง จนหมดเปลือกเลยทีเดียว เป็นไงฟ้าเข้าใจแล้วใช่มั๊ย > >เธอเริ่มมีอาการรังเรอีกแล้วครับท่าน ฟ้า.ฟ้า. เข้าใจ..ก็ได้ > >ผมรู้ทันทีเลยว่าเธอไม่เข้าใจ > >โธ่! ฟ้าก็งั้นฟังใหม่นะ > >ผมจึงเริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่าฟ้าจะเข้าใจได้ > >สงสัยว่าความสวยของเธอมันจะดูดกลืนเอาความเฉลียวฉลาดที่เธอมีไปซะหมดเลย > >แต่ยังไงเธอก็น่ารักดี ยิ่งเวลาที่เธอทำหน้างงในสิ่งที่ผมสอน > >ผมยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักเข้าไปใหญ่ > >ผู้หญิงในอุดมคติของผมไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ได้ > >จากวันนั้นผมก็คอยเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ฟ้าเสมอมา > >หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรผมก็จะอยู่ข้างฟ้าเสมอ > >แล้วความรู้ทั้งหลายก็กำลังจะต้องถูกใช้ออกมา > >วันนี้อาจารย์สอบเก็บคะแนนพวกเราก่อนที่จะสอบผมก็ติวให้ฟ้าอย่างเต็มที่ > >ย้ำแล้วย้ำอีกจนเธอบอกว่าเธอเข้าใจอย่างดีเยี่ยมเลย พอเข้าห้องสอบผมก็เริ่มทำ > >มันง่ายมากเลยสำหรับผม อาจารย์ให้เวลา 1 ช.ม. แต่ผมเสร็จตั้งแต่ 20 นาทีแรก > >ผมห่วงก็แต่ฟ้าที่นั่งอยู่คนละฟากกับผมเลย > >สีหน้าของเธอตอนนี้ชักจะออกอาการแล้ว > >พอหมดชั่วโมงอาจารย์ก็สั่งให้ผมยกข้อสอบทั้งหมดไปวางไว้โต๊ะห้องอาจารย์ > >ขณะเดินผมก็รีบเปิดหาของฟ้าทันที โอ้! แม่เจ้า ผิดหมดเลยครับ > >ผมยืนคิดอยู่พักว่าจะทำยังไงดี เพราะข้อสอบคราวนี้มีคะแนนเยอะมาก > >หากสอบไม่ผ่าน มีหวังเกรด 0 อยู่แค่เอื้อม > >ผมเลยตัดสินใจหยิบกระดาษคำตอบใบใหม่ขึ้นมาแล้วผมก็ทำใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว > >ระหว่างทื่ทำก็ต้องคอยระวังอาจารย์เหมือนกัน พอผมทำเสร็จ ก็เขียนชื่อฟ้าลงไป > >จากนั้นก็เก็บเข้ากองเดิมแบบที่อาจารย์ไม่สงสัยแม้แต่น้อย > >ส่วนกระดาษคำตอบใบเดิมของฟ้าผมก็พับเป็นจรวดเล่นเห็นจะเป็นประโยชน์มากกว่า > >หลังจากวันนั้นอาจารย์ก็ประกาศคะแนน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ผ่านกัน > >แต่ทุกคนก็ต้องอึ้ง! เมื่อทั้งห้องมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม > >คือผมกับฟ้า > >ไอ้ผมหนะเขาไม่ค่อยสงสัยกันหลอกเพราะใครก็รู้ว่าผมเรียนเก่งแค่ไหน แต่ที่ > >รุ่งฟ้า ได้คะแนนเต็มนี่สิทำเอาเพื่อนๆงง แบบบอกไม่ถูกเลยหละ > >เธอดีใจหันมาหาผม เห็นมั๊ยแบ๊งค์ ฟ้าก็ทำได้ > >ผมแอบหัวเราะในท่าทางอันมั่นใจว่าทำได้! ของเธอ แต่ปากผมก็ชมเธอ > >ผมไม่เคยบอกกับฟ้าสักคำว่าผมเป็นคนแก้ข้อสอบให้เธอ > >และผมก็ยังใช้วิธีนี้ช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้งโดยที่เธอไม่รู้ตัว > >จนในที่สุดเราก็ขึ้นมา ม.2 จนได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม > >ผมยังไปส่งเธอที่บ้านทุกวันไม่เปลี่ยนแปลง > >ฟ้าก็ยังมาสายเหมือนทุกวันในปีที่แล้ว > >จะเปลี่ยนไปก็แต่หนุ่มๆที่มาแอบชอบเธอดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันทุกวัน > >วันนี้หลังจากโรงเรียนเลิกผมก็นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพื่อนผมอีก 7 คน > >แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเถียงกันอยู่ห้องถัดไป ทีแรกผมก็ไม่สนใจ > >เพราะอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด > >หรือแม้แต่แค่สนใจที่จะฟัง แต่พอเสียงมันเริ่มชัดขึ้น > >คราวนี้ผมสนใจขึ้นมาทันที มันเป็นเสียงของฟ้าที่มีเสียงผู้ชายประมาณ 5-6 > >คนกำลังรุมต่อว่าเธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เธอพูดเลย ผมลุกขึ้นทันที > >หยิบไม้เบสบอลที่วางอยู่หลังห้องแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง > >เพื่อนผมที่นั่งด้วยกันมันก็ตามมาทันที มีอะไรว่ะ แบ๊งค์! > >ตามกูมา ผมพูดพร้อมกับเร่งฝีเท้า พอผมเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ > >อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดฟ้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลาง รุ่นพี่ 5 คนที่กำลัง > >ด่าเธอด้วยเรื่องที่ผมคอยช่วยเธอมาหลายต่อหลายครั้ง > >ก็รุ่นพี่ไอ้ที่เป็นหัวโจกมันแอบชอบฟ้า แต่ฟ้าไม่สนใจมัน > >เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้ากี่ครั้งผมนับแทบไม่ไหว > >ก็ฟ้าเป็นคนสวยนี่ครับก็ต้องมีคนรุมชอบเธอเป็นธรรมดา > >แต่ทุกครั้งที่มีคนบอกรักเธอ > >เธอก็มักจะปฏิเสธทุกครั้งไป ผมปล่อยให้มันด่าฟ้าต่อไปโดยที่ผมยังไม่ผลีผลามเข้าไป > >ผมยืนดูอย่างไม่พูดไม่จากับพวกเพื่อนผม > >แล้วการเถียงกันมันก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น > >รุ่นพี่คนหนึ่งมันกระชากกระเป๋าฟ้าแล้วก็ผลักเธอล้มลงกับพื้น > >ผมฟิตร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เรียกไอ้ที่มันผลักฟ้า พอมันหันมา > >ไม้เบสบอลในมือผมก็ถูกขว้างออกไปอย่างเต็มแรงไม้หมุน360องศา ประมาณ 4 รอบ > >แล้วก็ถึงปากมันพอดีไม้กระแทกปากมัน มันกระเด็นเลยทีเดียว มันลุกขึ้นมา > >แล้วใช้มือจับดูปริมาณเลือดของตัวเองเลือดมันไหลนองไปหมด มันเดินตรงมาที่ผม > >ผมรู้ดีว่าการชกกันในแบบนี้ ผู้ที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบ > >ผมไม่รอช้ายิงหมัดขวาอย่างไม่ยั้ง คราวนี้มันสลบยาวเลย > >เพื่อนมันที่เหลือก็ตรงเข้ามากะจะอัดผมเต็มที่ เพื่อนผมที่มาด้วยกัน > >จึงวิ่งเข้าตะลุมบอลกัน เก้าอี้ โต๊ะบริเวณนั้นถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ > >ข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ผลสุดท้ายรุ่นพี่ทั้ง 5 > >ก็สลบคาตีนพวกผม สภาพผมแต่ละคนในตอนนั้นก็สะบักสะบอมเอาการเหมือนกัน > >จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมเก็บกระเป๋าฟ้าที่วางอยู่กับพื้นยื่นให้เธอ > >ฟ้า กลับบ้านกันเถอะ > >ผมกับฟ้าก็เดินกลับบ้านโดยที่เธอไม่พูดจาสักคำเอาแต่มองหน้าผม > >แต่ถึงผมจะสะบักสะบอมแค่ไหนแต่ผมก็ยังจะไปส่งฟ้าเหมือนเดิม > >เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดเลือดให้ผม จนผ้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย > >เรายืนรอรถอยู่นานมาก เวลาก็เริ่มจะมืดแล้ว จนรถมา ผมเดินจะไปขึ้น > >แต่ฟ้าเธอดึงผมไว้ แบ๊งค์อย่าพึ่งกลับไปดูดาวเป็นเพื่อนฟ้าหน่อย > >ผมก็นึกตลกเหมือนกันทำไมเธอถึงอยากจะดูดาวนะ เธอพาผมขึ้นรถคันใหม่ไปกับเธอ > >จนท้องฟ้ามืด ก็มาถึงที่ดูดาวที่เธอว่า ที่นี่เหรอฟ้า > >ที่ว่าจะพาแบ๊งค์มาดูดาว เธอพยักหน้า ใช่! ที่นี่หละ ฟ้าไม่เคยชวนใครมาเลยนะ > >แบ๊งค์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฟ้าพามาเลยหละ ผมมองที่ ที่เธอว่าดูดาวที่นี่ > >มันสวย แล้วผมก็หัวเราะ ก็ที่นี่มันสะพานแขวนชัดชัด มันจะสวยกว่าที่อื่นตรงไหน > >แต่ผมก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้เธอเดินจูงมือผมแล้วก็เดินเพื่อจะขึ้นไปบนสะพานที่ว่า > > เธอแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ 2 อัน แล้วก็เดินต่อ > >ข้างบนนี้มันเป็นสะพานแขวนที่รถวิ่งได้ 4 เลน แต่ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งเท่าไหร่ > >เพราะเส้นทางนี้มันทำให้เสียเวลามาก > >คนจึงมักจะใช้เส้นทางอื่นจะมีก็แต่รถที่จะวิ่งไปฝั่งธนบุรี > >สะพานนี้มันจึงดูเงียบเชียบ > >ขอบสะพานเป็นทางเท้าสำหรับคนเดินที่ทั้งสะพานดูเหมือนจะมีแค่ผมกับฟ้าเท่านั้นที่กำลังเดินอยู่ > >เธอพาผมเดินไปจนถึงกลางสะพานแล้วเธอก็หยุดเดิน > >เธอมองลงไปตามชุมชนที่มีแสงไฟระยิบระยับ > >และก็มองตามถนนที่เรียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนสุดลูกหูลูกตา > >เธอมองขึ้นไปข้างบนเพื่อจะดูดาวบนท้องฟ้า อย่างที่เธอพูดจริงครับ > >บนนี้ทุกอย่างมันดูสวยไปหมด เธอมองดาวพร้อมกับกินไอศกรีม > >ผมแอบมองใบหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย เธอทำไมถึงน่ารักอย่างนี้นะ > >ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือจะนิสัย เธอก็ดูดีไปหมด > >เธอยังสวยเหมือนที่ผมเห็นครั้งแรกไม่มีผิด แต่ตอนนี้เธอดูจะสวยกว่าเดิม > >เธอเริ่มที่จะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว > >แววตาที่กลมโตและเป็นประกายของเธอมันช่างสวยจับใจจริงจริง เธอหันมายิ้มให้ผม > >แบ๊งค์ ที่นี่สวยมั๊ย..ฟ้าชอบมาบ่อยๆ ผมพยักหน้า อื้ม ก็สวยดีหนิ > >แล้วปกติฟ้ามากับใครหละ > >ก็มาคนเดียวหนะสิถามได้ จะให้ฟ้ามากับใครหละจ๊ะ > >ผมมองตาเธอแล้วพูด ทำไมฟ้าต้องมาคนเดียวด้วยหละ. แค่ฟ้าออกปากชวน > >ผู้ชายทั้งโรงเรียนก็พามากันเป็นแถบแล้ว มีคนเขาชอบฟ้าเยอะจะตาย เธอยิ้ม > >ผู้ชายที่ว่าเนี่ยรวมถึงแบ๊งค์ด้วยหรือเปล่าหละ > >ผมไม่ตอบเธอแล้วเงียบไป เธอใช้มือมาจับแผลที่อยู่แก้มผม เจ็บมั๊ยแผลนี่ > >ผมส่ายหน้า ก็ ไม่เท่าไหร่ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาเช็ดให้ผมอีก > >แบ๊งค์เนี่ย ยอมเจ็บเพื่อฟ้าเสมอเลยนะ แบ๊งค์เหมือนเป็นฮีโร่ ประจำตัวฟ้าเลย > >ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยฟ้าเสมอเลย ว่าแต่ว่าทำไมน๊า. แบ๊งค์ถึงชอบช่วยฟ้า > >เอ๊ะ.เอ๊ะ.คิดอะไรอยู่น๊า. เธอพูดแบบอมยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก > >ผมรีบตอบไปเพราะความเขิน ก็ ก็ ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง > >เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิจริงมั๊ย ผมพยายามหลบสายตาที่เธอมอง > >แล้วก็ชวนเธอคุยเรื่องอื่น เราคุยกันจนดึกเธอก็ชวนผมกลับ ผมก็พยักหน้า ฟ้า > >ว่าแต่ว่าเราจะกลับกันยังไง รถก็หมดแล้ว ทุกครั้งที่ฟ้ามาฟ้ากลับยังไงหละ > >ฟ้ามาทุกครั้งก็เดินกลับไง! > >ผมรู้สึกตลกทำไมเธอถึงต้องเหนื่อยเดินเพียงเพื่อมาดูดาวแค่นี้นะ > >ผมก็เดินนำหน้าเธอ เธอเรียกผม แบ๊งค์! แต่วันนี้ฟ้าไม่ต้องเดินกลับแล้ว > >ผมหันมาทันที แล้วเราจะกลับยังไงหละฟ้า เธอยิ้มแบบเด็กเด็ก ก็ > >ทุกวันฟ้ามาคนเดียวฟ้าก็เดินกลับ.แต่วันนี้มีแบ๊งค์ > >ฟ้าก็จะขี่หลังแบ๊งค์กลับยังไงเล่า > >เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย โธ่! ฟ้า..ก็..ตั้งไกลนะ > >เธอไม่ฟังผม แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า แล้วสั่งให้ผมเดิน เธอชวนผมคุยตลอดทาง > >การที่ผมได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้มันทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย > >คืนนี้มันทำให้ผมมีความสุขมาก หากผมหยุดเวลาได้ผมจะหยุดอยู่แค่ตอนนี้ตลอดไป > > การมาโรงเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลายคน แต่สำหรับผมไม่เลยครับ > > ผมอยากจะมาทุกวัน ทุกวัน ไม่มีวันหยุดไม่มีปิดเทอมเลยด้วยซ้ำไป > >เพราะถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าก็เหมือนบางอย่างในชีวิตผมมันขาดหายไป > >วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้เป็นวัน วาเลนไทน์ > >ผมนั่งข้างฟ้า ตลอดทั้งวันมีผู้ชายเอากุหลาบมาให้เธอนับดอกไม่ถ้วนเลย > >แต่ผมก็ยิ้มและก็แสดงความยินดีกับเธอ > >หลังจากที่โรงเรียนเลิกผมก็มาทำความสะอาดห้องเพราะวันนี้เป็นเวรประจำวันของผม > >ฟ้าเธอก็นั่งรอผมอยู่หลังห้อง เธอนั่งเด็ดกลีบกุหลาบเล่น > >ดูเธอจะไม่เสียดายดอกกุหลาบเหล่านั้นเลย หลังจากที่ผมทำความสะอาดเสร็จ > >เวลาในตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้ว ผมจึงออกไปล้างไม้ล้างมือแล้วก็ปิดห้อง > >ฟ้าเธอก็ชวนผมกลับ > >ขณะที่เธอกำลังเดินผมก็คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็แข็งใจเรียกเธอ > >ฟ้าเดี๋ยวก่อน เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม มีอะไรหรอแบ๊งค์ > >ผมเปิดกระเป๋าสะพายของผมแล้วค้นหาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น > >มันถูกห่อไว้อย่างทนุถนอม > >มันคือดอกทิวลิปส์สีขาวที่ผมเตรียมมาให้เธอตั้งแต่เช้า > >แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอ ถึงมันจะดูเฉาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงงดงามอยู่ > >ผมค่อยๆคลี่กระดาษที่ห่อมันอยู่แล้วก็ยื่นให้ฟ้า > > อ๊ะ แบ๊งค์ให้ ตอนนั้นใจผมเต้นตุ๊บตั๊บเลย > >เธอดีใจมากที่ผมให้เธอ > >เธอค่อยๆหยิบจากมือผมไป ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของเธอจับจ้องมา > >ที่ผม สวยจังเลย. รู้มั๊ย ทั้งวัน ฟ้ารอดอกไม้จากแบ๊งค์คนเดียวเลย > >เธอพูดจบก็เอากุหลาบหลายดอกที่ เพื่อนๆเธอให้ > >เธอเอากุหลาบทั้งหมดทิ้งลงถังขยะทันที เหลือแต่เพียงทิวลิปส์ที่ผมให้เธอ > >มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญสำหรับเธอมากเลย > >เธอรีบเดินมาขวางทางไม่ให้ผมเดินต่อ > >เธอจ้องตาผมแววตาของเธอมันทำให้ผมเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจของผมเต้น ราว > >150 ครั้ง ต่อนาทีได้มั๊ง เธอยิ้มแบบหน้าแดง ดูแล้วน่ารักมาก แล้วพูดกับผม > >เอ๊ะ.เอ๊ะ.เอ๊ะ แบ๊งค์ให้ฟ้าทำไมน๊าบอกมาซะดีดี > >รู้นะว่าคิดอะไรอยู่รู้น๊ะรู้น๊ะ ผมรีบหลบสายตาเธอด้วยความเขิน > >แต่เธอก็ยังเดินอ้อมมาจ้องหน้าผม แล้วก็ถามอีก ผมหลบหน้าเธอไปเรื่อยๆ > >จนในที่สุดผมก็ต้องจนมุม เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะจับได้ว่าผมชอบเธอ > >เธอจะชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งไป แต่ผมก็มักจะหาข้อแก้ตัวทุกครั้ง > >ผมคิดด้วยความเขินอยู่นานว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี คือคือ อ้อใช่! > >ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ไง แบ๊งค์ ก็อยากจะให้อะไรฟ้าบ้าง > >เธอหัวเราะในคำตอบของผม แล้วทำไมถึงอยากจะให้ฟ้าหละจ๊ะ.ตอบให้ตรงประเด็นสิ > >ผมชักจะจนมุม เลยต้องวกไปคำตอบที่ผมมักจะใช้อยู่เสมอ ก็ก็ > >ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง > > นั่นไงว่าแล้วเชียว > >ชอบวนมาจบคำว่าเพื่อนอยู่เรื่อยเลยแบ๊งค์หนะจะตอบแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง > >อ้าว..ก็ถ้าไม่ให้พูดว่าเพื่อนจะให้พูดว่าไงหละฟ้าก็ เธอจ้องตาผมอยู่นาน > >อ๊ะถ้าแบ๊งค์บอกว่าคิดกับฟ้าแค่เพื่อน แล้วในห้องเราก็มีกันตั้ง 50 กว่าคน > >ไม่เห็นว่าจะได้ดอกไม้จากแบ๊งค์ บ้างเลย.เนอะ > >ดูเหมือนผมจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยสำหรับคำพูดของเธอ ฟ้าเธอมักจะต้อนผมจน จนมุมเสมอ > >และพยายามให้ผมยอมรับให้ได้เลยทีเดียว ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าไง > >ผมเลยชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ ฟ้า ฟ้า รถมาแล้วรีบไปกันดีกว่า > >เดี๋ยวก่อนซี้มาตอบก่อน ผมรีบวิ่งขึ้นทันที > >ตลอดทางบนรถเธอยิ้มและก็จ้องหน้าผมไม่กระพริบตาเลย > >การเอาทิวลิปส์ให้เธอในวันนั้นทำให้ฟ้าเธอดูมีความสุขมาก > >ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอชอบทิวลิปส์สีขาวเพราะเธอเคยบอกกับผมว่าเธออยากที่จะมีทุ่งทิวลิปส์เป็นของตัวเอง > > > >และผมก็เชื่อแน่ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องมีทุ่งทิวลิปส์ที่เธอฝันถึงได้อย่างแน่นอน > > เวลาในมัธยมต้นดูเหมือนว่ามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน > >วันนี้พวกผมสอบเป็นวันสุดท้ายของชั้น ม.3 แล้ว > >วันนี้หลังจากที่สอบเสร็จผมก็ชวนเธอไปที่สะพานแห่งเดิม > >วันนี้ผมอยากจะใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานที่สุด > >เพราะพรุ่งนี้โรงเรียนของเราก็จะปิดภาคเรียนแล้ว > >ผมจะไม่ได้เห็นหน้าฟ้าไปอีกนานเลยทีเดียว > >ผมแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ให้เธอเหมือนเช่นเคย เธอยืนมองท้องฟ้าอยู่นาน > >วันนี้ท้องฟ้าดูมีเมฆมากทำให้ไม่ค่อยเห็นดาวเอาซะเลย ฟ้าเธอหันมาพูดกับผม > >ว๊า.. วันนี้ไม่มีดาวเลย จะไม่ได้มาอีกตั้งนาน ไม่โรเมนติกเลยเนอะ > >ผมแอบหัวเราะในสิ่งที่เเธอพูด ท้องฟ้ามันก็เป็นท้องฟ้า > >ไม่รู้ว่าเธออยากจะให้มันโรแมนติกอะไรนักหนา ผมเหลือบไปเห็นไดอะรี่ > >ที่ฟ้าเธอถือไว้แนบอก ไดอะรี่เล่มนี้ผมเห็นเธอพกติดตัวตลอดเวลา > >ดูเธอจะหวงมันมาก ผมว่าจะถามเธอหลายครั้งแล้วว่าในนั้นมันคืออะไร > >แต่ผมก็ไม่เคยถามเธอสักที ผมจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบในขณะที่ฟ้ากำลังเผลอ > >เธอไม่รู้ตัวเลยว่าไดอะรี่ของเธออยู่ในมือผมแล้ว ผมเปิดไดอะรี่อย่างเบามือ > >แต่ฟ้าเธอรู้ตัวเสียก่อน เธอเอามือมาปิดไดอะรี่แล้วเธอก็ดึงของเธอคืน > >เอาไว้ถ้าฟ้าเขียนเสร็จสมบูรณ์ ฟ้าจะให้แบ๊งค์ดูเป็นคนแรก > >แล้วเธอก็ยิ้มให้ผม ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่ฟ้าเธอพูดเท่าไหร่ > >คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของฟ้านี่ มันเป็นยังไงกันแน่นะ > >ก็มันเป็นไดอะรี่หนิมันจะเสร็จสมบูรณ์ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่สนใจ > >เธอบอกว่าจะให้ผมดู วันหนึ่งผมก็คงได้ดูเพราะฟ้าเธอไม่เคยโกหกผม > >ผมก็เลยแหงนหน้าดูดาวต่อ ผมยืนมองดาวเป็นเพื่อนเธอจนดึก > >ทั้งที่เราต่างคนต่างก็เงียบ แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังพูดอยู่กับผมตลอดเวลา > >ไม่รู้สิ การที่ผมได้อยู่กับเธอสองต่อสองมันทำให้ผมรู้สึกดีดีเยอะเลย > > จากวันนั้นโรงเรียนก็ปิดภาคเรียน ผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าอีกนานเลยทีเดียว > >แต่วันไหนที่ผมคิดถึงเธอจนทนไม่ไหวจริงจริง > >ผมก็มักจะนั่งรถเมล์ผ่านไปหน้าบ้านเธอ ฟ้าเธอก็ไม่เคยอยู่บ้านสักที > >แต่ก็เอาเหอะถึงไม่เห็นหน้าเห็นแค่หลังคาบ้านก็ยังดี > >ผมเฝ้าแต่นับวันที่ผมจะได้เห็นหน้าเธอวันแล้ววันเล่า > >ผมได้เห็นฟ้าอีกทีก็วันสอบเลือกสายโน่น > >แหนะ ผมมาตั้งแต่เช้าเลย ไอ้เรื่องสอบยังผมไม่กังวลสักนิด > >แต่ที่รีบมาก็เพราะอยากจะมาเห็นหน้าฟ้า แล้วผมก็เห็นเธอ เธอยิ้มให้ผม > >ใจผมอยากจะเข้าไปคุยกับเธอมาก > >แต่อาจารย์ก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมตัวที่จะสอบ > >หลังจากวันนั้นก่อนที่อาจารย์จะติดป้ายประกาศชื่อนักเรียนว่าจะได้อยู่สายไหน > >ห้องไหน ผมไปขอดูผลกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมก่อน > >ชื่อผมกับฟ้าเราได้อยู่คนละห้อง กันเลย ฟ้าเธอหัวอ่อนได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา > >ส่วนผมได้อยู่สาย วิทย์-คณิต คะแนนนี้นำโด่งเลย > >ผมเห็นอย่างนั้นเลยขออาจารย์ย้ายไปอยู่ สายศิลป์-ภาษา ทันที > >ทีแรกอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผมเปลี่ยนห้องอาจารย์บอกว่าคนหัวไวอย่างผม เรียนสาย > >วิทย์-คณิต จะไปได้ไกลเลย แต่ผมก็ไม่ฟัง ขอร้องอาจารย์ด้วยเหตุผล นานัปการ > >จนในที่สุดอาจารย์ก็ย้ายชื่อผมไปห้องเดียวกันกับฟ้าเลยครับ > >ผมดีใจมากที่ผมจะได้ใกล้ชิดเธออีกตั้ง 3 ปี > >ก็ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักเธอมันกลายเป็นความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในใจผม > >มันคงยากที่ผมจะละสายตาจากเธอได้ > > วันที่ผมรอก็มาถึง ฟ้าเธอดีใจมากที่เห็นผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ > >แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างผมทำไมถึงได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา > >ฟ้าเธอดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น > >แต่นิสัยก็ยังคงเป็นฟ้าเหมือนเดิมเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น > >และก็ชอบที่จะให้ผมเอาใจอยู่เสมอ เธอมักจะให้ผมชอบอะไรที่เหมือนเหมือนกับเธอ > >เวลากินข้าวอาหารก็ต้องเหมือนกัน > >ถ้าข้าวจานไหนเยอะกว่ากันเธอก็ต้องเอามาแบ่งให้เท่ากันทั้ง 2 จานถึงจะกินได้ > >น้ำที่ดื่มก็ต้องเหมือนกันโดยมากจะเป็นน้ำส้ม > >ปากกายังต้องเป็นยี่ห้อเดียวกันเลย > >และก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่เธอมักจะสรรหามา แม้แต่รองเท้า > >เธอยังเคยเปลี่ยนกันใส่กับผมเลย ถึงผมจะอายเพื่อนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่เคยขัดใจเธอ > >เธอว่าไง > >ผมก็ว่างั้น ความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่เกิดขึ้นในใจผมทุกวัน > >จึงทำให้ผมรู้สึกห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา > >เวลาที่เธอร้อนผมก็จะหากระดาษมาทำเป็นพัดแล้วก็พัดให้เธอ > >เวลาที่เธอหนาวผมก็จะถอดเสื้อหนาวของผมคลุมให้เธอ > >เวลาที่เธอตากฝนผมก็จะใช้กระเป๋าผมเป็นร่มบังฝนให้เธอโดยที่ไม่สนใจหนังสือที่อยู่ข้างในเลยว่ามันจะเปียก แค่ไหน > > หรือแม้แต่เวลาที่เธอถูกอาจารย์ทำโทษ ผมก็มักจะออกรับแทนเธอเสมอ > >ฟ้าเธอเป็นคนที่ไม่กล้าเถียงคนอื่น ผมจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาช่วยเธอ > >หรือถ้ามันเป็นความผิดแบบเต็มเต็ม ที่เถียงไม่ขึ้น ผมก็จะรับโทษแทนเธอ > >เธอมักจะถามผมเสมอว่าผมทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนั้น > >แต่ทำไมนะถึงไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะกล้าเอ่ยปากบอกเธอว่า ผมรักเธอ > >ผมเอาแต่กลัวกลัวว่าหากเธอรู้เธออาจจะจากผมไป > >ผมเห็นจากที่ผู้ชายหลายคนที่มาจีบฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย > >ฟ้าเธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ดูเหมือนชายในฝันของเธอคงจะต้องดีไปซะทุกอย่าง > >สำหรับผม ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ได้ทำอะไรเพื่อเธอ ได้เห็นเธอยิ้ม > >เห็นเธอมีความสุข เท่านั้นมันก็มากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม > > ผมเป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอยู่หลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะให้เธอยืนเดียวดาย > >ตอนนี้พวกเราก็มาถึงชั้น ม.6แล้วนี่ก็เป็นปีสุดท้ายในชั้นมัธยมแล้วสินะ > >ถ้าจะนับจากวันแรกที่ผมเห็นเธอและก็แอบหลงรักเธอ > >ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว > >แต่ความรักที่ผมมีให้กับเธอมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม > >มันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด > >ต้นรักที่เธอได้ปลูกไว้ในใจผมอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันดูเหมือนจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปทุกอนูภาคของ ร่างกายผมเลยก็ว่าได้ > > เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอมา > >เขาแอบหลงรักเธอจนหมดหัวใจ > > เดี๋ยวนี้ผมกับเธอมักจะไปไหนด้วยกันเป็นประจำ ไม่ห่างกันเลยทีเดียว > >เวลาที่ผมไปไหนเธอก็มักจะตามติดผมแจเลยเหมือนเด็กที่ขี้อ้อน > >แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลย > >มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเรื่อยเรื่อย > >ผมฟันฝ่าอุปสรรคเคียงข้างฟ้าเสมอมา > >จนในที่สุดเวลาในช่วงมัธยมของเราก็มาถึงจุดสุดท้าย เรากำลังที่จะEnt > >ผมรู้ว่าฟ้าเธอจะเลือกคณะ สถาปัตยกรรม เธอขอให้ผมเรียนกับเธอด้วย ทีแรกผมก็ไม่ > >ไม่คำเดียวเลย เพราะใจผมอยากจะเรียนแพทย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร > >และความสามารถอย่างผมรับรองว่าสอบแพทย์ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด > >แต่ความผูกพันที่ฝังลึกในใจผม ที่มีให้กับฟ้านี่สิ มันทำให้ผมต้องคิดหนัก > >ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเลือกระหว่างคนที่ผมรักกับอาชีพที่ผมรัก ตลอดเวลา 6 > >ปีที่ผ่านมา เธอทำให้ผมมีความสุข เธอทำให้ผมไม่เคยเหงา > >เธอทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มีคนที่ผมสามารถสละแม้ชีวิตเพื่อเธอ > >แล้วผมจะทำได้หรือหากสองเราจะต้องห่างกัน ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน > >ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ Ent > >สถาปัตย์ กับฟ้า ผมทิ้งอาชีพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อสิ่งที่ผมรักยิ่งกว่า > > วันประกาศผลEnt ก็มาถึงผมรีบมาตั้งแต่เช้าเลย ผู้คนมากมายมาจากทั่วสารทิศ > >มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อที่จะมาหาชื่อตนเองบนบอร์ด ผมเบียดเสียดผู้คน > >กว่าจะเข้าไปถึงก็เกือบชั่วโมง ชื่อผมอยู่เป็นอันดับแรกเลย > >ดูมันจะหมูมากสำหรับผม ผมไม่สนใจชื่อผม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฟ้า > >หากไม่มีชื่อฟ้าบนนี้ ผมจะเรียนมหาลัยเปิดกับเธอ ผมมองหาชื่อฟ้าเรียงลงมาเลย > >20 คนก็แล้ว 50 คนก็แล้ว 100 คนก็แล้ว 300 คนก็แล้ว ผมเปิดหาแผ่นแล้วแผ่นเล่า > >มันเริ่มทำให้ผมใจเสียขึ้นมาทุกที ผมเปิดมาจนถึงแผ่นสุดท้าย มองลงไปเรื่อยๆ > >เห็นชื่อฟ้าอยู่เป็นอันดับสุดท้ายพอดีเป๊ะเลย ผมดีใจมากเลย > >ผมจะไม่ได้จากเธออีกแล้ว ผมกระโดดดีใจวิ่งไปทั่วเลย > >หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เจอฟ้าอีกครั้งในชุดนักศึกษามหาลัย > > แล้ววันแรกในมหาลัยก็มาถึง เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับผมอยากที่จะเห็นหน้าเธอ > >ผมเดินเข้าประตูมหาลัยมา ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก > >เต็มไปด้วยร่มไม้ดูร่มรื่นไปหมด > >ตามทางเดินก็มีทั้งนักศึกษาหญิงชายเดินพลุกพล่านไปหมด > >ข้างทางก็ติดป้ายแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ผมมองหาคณะ สถาปัตย์ อยู่นาน > >ผมนั่งรอฟ้าอยู่หน้าตึก เธอนี้ยังชอบมาสายเหมือนเดิมเลย ไม่รู้จักโตสักที > >แล้วผมก็เห็นฟ้าเดินผ่าเหล่านักศึกษามาแต่ไกลเลย > >ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนฟ้าคนเดิมเลย ผมเธอยาว > >ตาก็กลมโตเป็นประกายแก้มกับปากก็สีชมพูอ่อนๆ เธอสวยกว่าเดิมจนผมจำแทบไม่ได้ > >และยังใส่ชุดนักศึกษามหาลัย ที่มองแล้วโค้งเว้าเข้ารูป > >มันต่างกันลิบลับกับตอนมัธยมเลย นักศึกษาชายที่เดินสวนกับฟ้ามองตามกันเป็นแถบ > >ผมของเธอเวลาที่ต้องลมก็ปลิวออกเล็กน้อย ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ > >ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี ที่ฟ้าเธอสวยขึ้น > >เธอเห็นผมนั่งรออยู่เธอรีบวิ่งมาทันที ถึงหลายหลายอย่างในตัวฟ้ามันจะเปลี่ยนไป > >แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นนิสัยของเธอ > >เธอยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผมเช่นเดิม ผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น > >ทำตัวเหมือนเด็กเด็ก ที่ผมชอบเธอก็ตรงนี้แหละ > >ถึงผมกับฟ้าจะเข้าสู่มหาลัยแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม > >ผมยังนั่งรถไปส่งเธอบ้านทุกวัน ผมยังทานข้าวกับเธอทุกมื้อ > >ผมยังไปดูดาวกับเธอเป็นประจำ และผมก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของเธอทุกลมหายใจ > > ..แต่พอเราขึ้นปี 2 ทุกอย่างมันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป > >มีผู้ชายที่พร้อมไปซะทุกอย่างทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ > >หลายต่อหลายคนต่างมารุมชอบเธอ ดูผมจะเทียบกับใครเขาไม่ได้เลย > >ตอนนี้ฟ้าเธอเป็นดาวของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เธอไม่ใช่ฟ้าที่เพื่อนๆ > >ชอบหาว่าเรียนอ่อน ชอบมาสาย อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนความบกพร่องที่เธอเคยมี > >มันถูกความสวยและความสามารถในด้านอื่นของเธอทดแทนไปหมดเลย > >เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยที่เด่นกว่าคนอื่นๆ > >เธอเข้าร่วมในหลายหลายกิจกรรมของโรงเรียน > >หรือจะเป็นการประกวดด้านความสวยความงามต่างๆ ดูเหมือนฟ้าเธอจะกวาดเรียบเลย > >แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ฟ้าเธอจะลืมผม จิตใจเธอข้างในยังเหมือนเดิมทุกประการ > >จะเปลี่ยนไปก็แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอที่มันทำให้ผมดูจะไม่เหมาะกับฟ้า > >ลงไปทุกขณะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผมไปไหนกับเธอมักจะมีคนมองตลอด > >ผมเริ่มรู้สึกว่าผมห่างเธอไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่ถูกปล่อยลอยเคว้งคว้าง > >ซึ่งนับวันลมฝนจะทำให้มันห่างออกจากผืนดินเข้าทุกขณะ เมื่อก่อนผมเคยคิดเสมอว่า > >เธอเป็นนางฟ้า. ที่ผมต้องคอยช่วยเหลือเสมอตอนนี้มันก็ยิ่งไกลลับตา > >เปลี่ยนเป็นคำว่า ดอกฟ้ากับหมาวัดดูจะเหมาะกว่า > >เมื่อก่อนที่ผมคอยช่วยเธอไปซะทุกเรื่อง > >ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มหมดความสำคัญแล้ว > >ผู้คนรอบตัวฟ้าต่างช่วยเหลือดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก > >จึงทำให้ผมพยายามปลีกตัวออกจากเธอ เวลาเดินกับเธอผมก็พยายามรักษาระยะไว้ > >หลายอย่างในตัวผมมันเปลี่ยนไป จนทำให้ฟ้าเธอผิดสังเกต > >ยิ่งผมหนีเธอเธอก็ยิ่งตามติดผมเข้าไปใหญ่ เหมือนกำลังประชดผม > >ฟ้าเธอช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลยว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว > >เธอยังเอาแต่เป็นเด็กไม่รู้จักโต หลายครั้งที่เธอถามผมว่าผมเป็นอะไรไป > >แต่ผมก็มักตอบเธอไปว่าไม่มีอะไรทุกอย่างยังเหมือนเดิม > >เดี๋ยวนี้เวลาที่เธอชวนผมไปดูดาวผมก็มักบ่ายเบี่ยงไป บอกว่าไม่ว่างบ้าง > >ติดธุระบ้าง > >เมื่อก่อนการที่มาโรงเรียนแล้วได้เห็นหน้าเธอมันทำให้ผมมีความสุขแต่เดี๋ยวนี้มันกลับทำ ให้ผมปวดร้าวเมื่อรู้ว่าระหว่างเราช่องว่างมันมากขึ้นทุกที > > ความเหงาความอ้างว้างมันเริ่มก้าวเข้ามาในใจผม > >..วันนี้หลังจากที่เลิกเรียนผมกำลังเดินกลับบ้าน > >ผมแอบกลับคนเดียวโดยไม่บอกฟ้า ผมเดินเตะกระป๋องโค้กมาตามทางแบบสุดเซ็ง > >ผมเตะกระป๋องไปข้างข้างทางที่รถวิ่ง รถเก๋ง BMW ขับผ่านมาอย่างช้าๆแล้วเหยียบ > >กระป๋องโค้กของผมซะแบนเลย ผมยิ้มในความแม่นของล้อรถ > >ผมมองไปที่คนขับอย่างผ่านผ่าน แต่คนที่นั่งข้างนี่สิคือฟ้า > >เธอเห็นผมกำลังเดินเข้าพอดี ผมจึงรีบหลบสายตาที่เธอมองทำเป็นมองไม่เห็นเธอ > >ผมก้มหน้าแล้วเดินต่อไป ผมคิดว่าดีแล้วหละ > >ผู้หญิงน่ารักอย่างฟ้าไม่ควรที่จะมานั่งรถเมล์ > >ผมเดินไปอย่างใจลอยจนถึงป้ายรถเมล์ ตลอดหลายปีมานี้ผมนั่งรถไปส่งฟ้าทุกวัน > >ต่อจากนี้ผมคงไม่ต้องทำเช่นนั้นอีกแล้ว > >ผมจะนั่งรถกลับบ้านของผมเลยซักทีไม่ต้องนั่งไปแถวบางเขนเหมือนเช่นทุกวัน > >รถเมล์จอดเทียบผมก้าวจะไปขึ้น ทันทีที่ผมก้าวก็มีมือมาดึงแขนผมไว้ > >พอผมหันไปก็เห็นฟ้า เอ๊ะ.เอ๋ทำไมขึ้นรถผิดสายเอ่ยคันนี้ไม่ได้ไปบางเขนนะ > > เธอพูดจบก็ดึงแขนผมไปขึ้นรถคันต่อไปที่จะไปบ้านเธอ > >ระหว่างทางฟ้าเธอก็หันมาคุยกับผม แบ๊งค์. > >ที่จริงบ้านแบ๊งค์ไม่ได้อยู่บางเขนใช่มั๊ย..หลายปีมาเนี่ยที่ต้องขึ้นคันนี้. ตัวเองอยากมาส่งเค้าใช่มั๊ยใช่มั๊ย.. > >ผมไม่ตอบเธอแต่ยักคิ้วแทน > >นั่น..แน่! คิดอะไรอยู่นะ..ตั้งแต่ ม.1 จนตอนนี้ ปี2 แล้ว ก็ตั้ง 8 > >ปีเชียวนะบอกมาเหอะเค้าไม่ว่าหลอก ผมยิ้มให้เธอแต่ก็ไม่ตอบ > >ทำไมนะทั้งที่ผมอยากบอกเธอใจแทบขาดว่าผมรักเธอ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น > >แต่ปากของผมมันกลับไม่กล้าพูดออกไป ผมนั่งเงียบอยู่พักแล้วก็ถามเธอ ฟ้า > >เมื่อตะกี๊ มีคนขับรถไปส่งไม่ใช่เหรอทำไมลงมาซะหละ เธอยิ้มแล้วพูดหวานๆ > >อ้าว!ก็เค้านึกว่าตัวเองกลับไปแล้วหนิ เพื่อนก็เลยมาส่ง > >แต่พอเห็นแบ๊งค์เดินอยู่ริมถนนก็เลยรีบลงมาหานี่ไง ทำไมหึงใช่มั๊ย > >คราวหน้าจะไม่กลับกับใครอีกแล้วจะรอให้แบ๊งค์ไปส่งคนเดียว.แบ๊งค์เนี่ยขับรถนิ่มจะตาย > >ผมหัวเราะที่เธอบอกว่าผมขับรถไปส่งเธอ รถแบ๊งค์! ไหนหละรถแบ๊งค์ > >เธอหัวเราะ อ้าว! ก็นั่งอยู่เนี่ยไง แบ๊งค์ก็ส่งฟ้าทุกวัน ทุกวัน > >มาตั้ง8ปีแล้ว > >ผมหัวเราะที่เธอพูด เธอชอบที่จะหาอะไรมาพูดให้ผมขำอยู่เสมอ > >ทุกครั้งที่เธอพูดมันทำให้ผมมีความสุข > >หลังจากที่ผมส่งเธอถึงบ้านผมไม่รู้จะไปไหนต่อ > >ผมยังไม่อยากกลับบ้านผมเลยนั่งรถไปสะพานคนเดียว > >ทุกครั้งที่ผมมาฟ้าจะมาด้วยแต่วันนี้ผมมาคนเดียวรู้สึกหวิวใจยังไงบอกไม่ถูก > >ท้องฟ้าวันนี้ดูโปร่งมากดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด นี่ถ้าฟ้าเธอได้เห็นเธอคงจะชอบมาก > >ผมยืนดูจนเพลิน แล้วก็มีมือมาปิดตาผม ทายซิ! ใครเอ่ย ผมหัวเราะ > >ผมรู้ทันทีเลยว่าเป็นฟ้า ผมหันไปหาเธอ เธอโกรธเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้ม > >นึกแล้วเชียวว่าต้องแอบมาดูคนเดียว..แบ๊งค์เนี่ย! ไม่ชวนฟ้าบ้างเลยนะ > >เธอพูดจบก็ยื่นไอศกรีมให้ผม แล้วเธอก็แหงนหน้ามองดาวบนท้องฟ้า > >ดูเธอจะชอบมันมาก ผมแอบมองใบหน้าเธอ ผมมองอยู่นานโดยที่เธอไม่รู้ตัว > >เธอหันมาหาผม > >วันนี้ดาวสวยดีเนอะ ว่ามั๊ยแบ๊งค์ ผมตอบเธอเบาๆไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน > >ฟ้าดูสวยกว่าดาวบนนั้นอีกเธอยิ้มเหมือนจะได้ยินฮะ! แบ๊งค์พูดว่าอะไรนะ > >อ้อ เปล่าหลอก ผมเห็นไดอะรี่เล่มเดิมของเธออีกแล้ว ฟ้า นี่มันก็ปี2 > >แล้วนะ แบ๊งค์อ่านไดอะรี่ของฟ้าได้หรือยัง เธอหันมา > >ใกล้แล้วหละแบ๊งค์มันใกล้จะสมบูรณ์แล้วขาดก็แต่ > >เธออ้ำอึ้งไปพักแล้วก็หยุดพูดไป > >ประโยคสุดท้ายเธออยากจะพูดว่าอะไรนะดูท่าทางมันคงสำคัญมาก.. > >ผมว่ามันดึกมากแล้วเลยชวนฟ้าเธอกลับ ผมออกเดิน เธอดึงแขนผมไว้ทันที > >แบ๊งค์.ฟ้าอยากขี่หลัง > >เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมมันเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิดเธอยังคงชอบที่จะขี่หลังผมเหมือนเดิม > >แต่ที่มันจะเปลี่ยนไปซักหน่อยก็เห็นจะเป็นหน้าอกของฟ้าที่มันต่างจากเมื่อก่อนไกลกันลิบเลย > >ผมหันไปยิ้มให้เธอ อะไร!!..คิดอะไร..ห้ามลามกเดินต่อไปเร็วๆ > >เธอคงรู้ว่าผมกำลังคิดถึงสรีระของตัวเธอที่มันเปลี่ยนไปมาก > >เดี๋ยวนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว นี่ถ้าใครเห็นเธอขี่หลังผมแบบนี้คงอิจฉาน่าดู > > หลายหลายอย่างในวันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าฟ้าเธอยังคงนิสัยเหมือนเดิม > >เมื่อก่อนเคยเป็นไงเดี๋ยวนี้ก็เป็นงั้น > > ย่างเข้าปี 3 ของมหาลัยแล้ว ผมมีเพื่อนต่างคณะคนหนึ่ง มันเรียนนิติศาสตร์ > >เกี่ยวกับกฎหมาย มันชื่อชัย พ่อของมันเป็นนักการเมืองชื่อดัง > >ถึงมันจะรู้ว่าตัวเองเส้นใหญ่แค่ไหนแต่มันกลับไม่เคยข่มเหงคนอื่น > >ตรงกันข้ามมันกลับเป็นคนที่นิสัยดี ชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น > >หน้าตาก็หล่อเอาการเลยทีเดียว ไอ้ชัยมันแอบรักฟ้ามานานแล้ว > >มันเคยถามผมหลายครั้งว่าผมคิดยังไงกับฟ้าแต่ผมก็ตอบว่าแค่เพื่อน > >ผมเห็นว่าชัยมันเป็นคนดีและด้วยการที่มันอ้อนผมเช้าเย็นนั่นหละ > >จนในที่สุดผมก็พามันไปแนะนำให้ฟ้ารู้จัก แต่จากที่ผมดู > >ฟ้าก็รู้สึกเฉยเฉยกับมันเหมือนกับรายอื่นๆนั่นหละ > >ถึงมันจะหล่อจะรวยแค่ไหนก็เหอะ. > >เวลาว่างๆไอ้ชัยมันก็ชอบมาถามผมเกี่ยวกับตัวฟ้า > >ซึ่งมันก็รู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้าผมดูจะรู้ดีกว่าทุกคน > >มันค่อยๆทำอย่างที่ฟ้าชอบทุกวัน ทุกวัน มันตามจีบฟ้าอยู่เป็นปี > >จนในที่สุดฟ้าก็เริ่มรู้สึกว่าชัยมันเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง > >เวลาที่เธอไปไหนชัยมันก็จะตามติด > >ผมเริ่มรู้สึกว่าไอ้ชัยมันกำลังเป็นผมในอีกตัวตนหนึ่ง > >แต่ในตัวตนของมันดูจะเพรียบพร้อมไปกว่าตัวของผมไปซะทุกเรื่อง > >ผมจึงเริ่มที่จะถอยห่างเปิดช่องว่างให้เขาทั้งสองมากขึ้นทุกวัน > >หลายคนที่เห็นชัยกับฟ้าต่างก็คิดเหมือนเหมือนกันว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน > >ผู้หญิงหลายหลายคน ชอบไอ้ชัยแต่มันไม่เคยสนใจใครเลย นอกจาก.ฟ้า > > แล้วเราก็ใกล้เข้ามาถึง วาระสุดท้ายของการเรียนแล้ว > >วันรับปริญญาใกล้เข้ามาทุกขณะ > >ผมกำลังคิดที่จะตอบคำถามของฟ้าที่เธอเฝ้าถามผมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมได้แอบ > >ออกแบบแหวนออกมาวงหนึ่งแหวนวงนี้ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการทุ่มเทที่จะทำ > >เกลียวของแหวนเป็นก้านทิวลิปส์ ส่วนหัวแหวนก็เป็นดอกทิวลิปส์ > >ผมใช้เงินที่ผมเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีทำแหวนนี้ขึ้นมา > >ถึงค่าของมันจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพชร > >แต่ในด้านจิตใจแล้วผมรับรองว่าฟ้าเธอต้องชอบมันมากเลยทีเดียว > >ผมจะมอบแหวนนี้ให้เธอในวันรับปริญญาแล้วผมจะสารภาพในสิ่งที่ผมไม่กล้าพูดมาตลอด > >10 ปี คำว่า ผมรักเธอ > > วันรับปริญญาก็มาถึงหลังจากที่พิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมเดินตรงเข้าไปหาฟ้า > >ยืนข้างๆเธอแล้วพูดแบบไม่กล้าที่จะสบตาเธอ > >ฟ้าคืนนี้ไปดูดาวด้วยกันนะแบ๊งค์มีบางอย่างอยากจะบอก > >เธอรีบมายืนข้างหน้าผมทันที ท่าทางฟ้าดีใจมาก > >ผมไม่เคยเห็นเธอดีใจเท่านี้มาก่อน แบ๊งค์อยากจะบอกอะไร! > >ฟ้าเธออยากจะรู้มากเลยเธอตื่นเต้นอยากจะรู้ให้ได้เอาซะตอนนั้น > >ผมจับมือเธอมาประกบไว้ เอาไว้คืนนี้ฟ้าจะได้รู้สิ่งที่อยู่ในใจแบ๊งค์ ตลอด > >10 ปี เธอจ้องตาผม สัญญาแล้วนะถ้าไม่มาเค้าโกรธด้วยหละ พูดจบผมก็เดินจากไป > >เธอตะโกน แบ๊งค์! ฟ้าจะรอนะ > >.ผมกลับถึงบ้านผมก็หยิบของชิ้นหนึ่งที่ผมซ่อนไว้อย่างดี > >มันถูกเก็บในกล่องอย่างมิดชิด ผมหยิบสิ่งของชิ้นนั้นออกมา มันคือ แหวน แหวน > >รูปดอกทิวลิปส์ > >ผมได้ทุ่มเทออกแบบอย่างเต็มที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฟ้าเพียงคนเดียว > >ผมหยิบแหวนนั้นมาแนบไว้กับอกแล้วผมก็เผลอหลับไป ผมตื่นอีกทีเวลามันปาเข้าไป 4 > >ทุ่ม ผมลุกขึ้นแล้วรีบออกจากบ้านทันที นี่ผมช้ามากเลย!! > >พอผมไปถึงผมรีบวิ่งทันทีผมดีใจมากที่เธอยังรอผมอยู่เธอยืนรอผมอยู่กลางสะพาน > >ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็นคืนนี้ผมจะกล้าพูดกับเธออย่างเต็มปากเสียที > >ผมเดินเข้าไป แต่ผมก็เห็นชายคนหนึ่ง เดินมาจากอีกฟากหนึ่งของสะพาน ไอ้ชัย > >ดูเหมือนมันจะเดินถึงตัวฟ้าก่อนผมประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นเอง > >ตอนนั้นผมก็ใกล้จะถึงตัวฟ้ามากแล้ว ผมจึงรีบหลบเข้าหลังเสาทันที > >ตอนนั้นไฟบนสะพานมืดมากเขาทั้ง 2 เลยมองไม่เห็นผม > >ผมแอบดูชัยคุยกับฟ้าอยู่นานมากจนในที่สุดชัยมันเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของมัน > >เป็นกล่องสีแดงเล็กๆ มันเปิดกล่องออกแล้วหยิบของข้างในนั้นยื่นให้ฟ้า > >มันคือแหวน แหวนเพชรหลายกระหลัดเลยทีเดียว > >เธอไม่รับแหวนนั่นเธอยังคงยืนรอที่จะฟังคำสารภาพของผมอยู่ > >เธอรอชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ในที่สุดเธอก็รับแหวนจากไอ้ชัย > >ฟ้าเธอร้องไห้และก็กอดไอ้ชัย แล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าโอกาสของผมมันหมดลงแล้ว > >นี่ผมคงมาช้าไป ผมไม่ได้ช้าแค่ 10 วินาที หรือ 10 นาที แต่ผมช้าไป 10 ปี > >ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา > >ฟ้าเธอเฝ้าถามผมครั้งแล้วครั้งเล่าว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ > >แต่ผมกลับไม่เคยตอบ ผมปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ > >จนถึงวันนี้โอกาสครั้งสุดท้ายของผมมันได้หลุดมือไปแล้ว > >แต่ถึงผมจะไม่ได้เคียงคู่กับเธอ แต่เธอก็ได้คนที่ดีอย่างชัยเคียงข้าง > >มันเป็นคนดีและก็เพรียบพร้อมทุกอย่าง ที่สำคัญมันรักฟ้ามาก > >มันรักฟ้าไม่น้อยกว่าผม ผมควรที่จะปล่อยให้ฟ้าได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด > >ผมเชื่อว่าชัยมันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ถ้าวันใดที่มันทำให้ฟ้าต้องเสียใจ > >ผมจะกลับมา และทวงของของผมคืน > > หลังจากวันนั้นผมก็หายไปจากชีวิตของฟ้า เธอโทรมาหาผม สายแล้วสายเล่า > >แต่ผมไม่รับและก็เปลี่ยนเบอร์ไปในที่สุด ผมคอยเฝ้าดูฟ้าอยู่ห่างๆ > >เธอยังไม่แต่งงานกับชัย เธอยังคอยคำสารภาพจากผมอยู่ เธอรอผมถึง 2 ปี > >จนในที่สุดพ่อของฟ้าก็ยกฟ้าให้กับชัย เธอคงจะลืมผมได้สักที > >ข่าวคราวการแต่งงานของ รุ่งฟ้า กับ ชัยวัตร ดังไปทั่วตามหน้าหนังสือพิมพ์ > >นิตยสาร รวมไปถึงสื่อทุกแขนง > >ผมเฝ้าดูความสำเร็จของฟ้าอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว > >ตอนนี้เธอมีทุ่งทิวลิปส์อย่างที่เธอเคยฝันแล้ว > >บ้านของเธอก็เป็นคฤหาสถ์หลังใหญ่ ที่ด้านบนสุดเป็นชั้นลอยเป็นหอสำหรับดูดาว > >มีกล้องดูดาวเกือบทุกชนิด คงทำให้เธอมีความสุขกับการดูดาว มากกว่าการมา > >ทนยืนดูดาวบนสะพานเก่าเก่า กับคนเดินดินเช่นผม > >ตอนนี้ไอ้ชัยก็ได้เป็นนักการเมืองเจริญรอยตามพ่อ > >ซึ่งมันก็เป็นนักการเมืองที่ขาวสะอาดไม่เคยโกงกิน เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน > >ผมเฝ้าวนเวียนอยู่รอบตัวฟ้าโดยที่เธอไม่เห็นมา 5 ปีเต็มแล้ว ทุก วาเลนไทน์ > >ผมจะนำทิวลิปส์ สีขาวที่เธอชอบไปปักไว้รั้วหน้าบ้านเธอ ทุกครั้งที่เธอได้มัน > >เธอจะออกตามหาเจ้าของดอกไม้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่เธอจะได้เห็นผม 5 > >ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาอย่างเงียบเงียบ ผมกลายเป็น > >ดีไซเนอร์ ชื่อดัง ผมมักจะไม่ใช้ชื่อจริงในการทำงาน > >คนที่มาติดต่องานกับผมจะรู้จักผมในชื่อ ทิวลิปส์ > >ส่วนใหญ่เขามักจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าผม เพราะผมชอบที่จะทำตัวลึกลับ > >ตอนนี้ผมกำลังได้รับงานใหญ่ที่ ปารีส หน่วยงานที่นั่นเขาขอให้ผมไปเป็น > >ดีไซเนอร์ประจำที่นั่น เขาติดต่อผมมานานแล้ว > >แต่ผมยังไม่เคยคิดที่จะไปผมอยากที่จะรอดูให้แน่ใจว่าฟ้าเธอจะมีความสุข > >และตอนนี้เวลามันก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องวางมือสักที > >ผมตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่ปารีส และจะโอนสัญชาติเป็นคนที่นั่น > >และจะไม่กลับมาอีก คืนนี้เครื่องของผมก็จะออกแล้ว > >วันนี้ผมเลยตัดสินใจที่จะเอาทิวลิปส์ดอกสุดท้ายไปวางไว้หน้าบ้านเธอ > >มันเป็นทิวลิปส์ดอกสุดท้ายแล้วที่จะให้ฟ้า ..หลังจากที่ผมวางทิวลิปส์ไว้ > >ผมก็ค่อยๆเดินจากไป แต่ฟ้าเธออยู่ข้างในบ้านและก็เห็นผมเข้าพอดี > >เธอรีบวิ่งตามผมออกมาทันที ผมเร่งฝีเท้าเดินหลบเธอเข้าไปในสวนสาธารณะ > >ผมคิดว่าเธอคงไม่เห็นผมแล้ว > >ขณะที่ผมกำลังจะเดินต่อก็มีมือเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังความรู้สึกอย่างนี้ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร > >ผมไม่เคยลืมความรู้สึกอบอุ่นที่เธอเคยกอดผมได้เลย > >ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้และซบหน้าลงบนแผ่นหลังของผมน้ำตาของเธอนองหลังผมไปหมด > >ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน ผมจึงค่อยๆหันหน้าไปหาเธอ > >ผมใช้มือเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธออย่างเบามือ > >แก้มของเธอยังคงเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ดูเธอยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อ > >15 ปีที่ผมเคยเห็นเธอ ครั้งแรกเป็นอย่างไรเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม > >แววตายังคงใสเป็นประกาย > >ซึ่งต่างจากผมที่นับวันดูจะแก่ลงไปทุกขณะ > >เธอยื่นมือมาจับมือผมที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วก็พูดอย่างสะอื้น แบ๊งค์! > >.แบ๊งค์หายไปไหนมา ทำไมคืนนั้นแบ๊งค์ไม่มา > >ผมไม่ตอบเธอยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ฟ้าตามหาแบ๊งค์ทุกวันเลยรู้มั๊ย > >ฟ้ารอแบ๊งค์ จนที่สุด พ่อฟ้าก็ให้ฟ้าแต่งกับชัย > >หลายต่อหลายคำถามที่เธอถามผมแต่ผมก็ไม่ตอบ เอาแต่ยืนนิ่ง > >เธอหยิบของบางอย่างยื่นให้ผม แบ๊งค์.ฟ้าให้ > >ไดอะรี่ที่ฟ้าสัญญาว่าจะให้แบ๊งค์ไง แต่ถึงวันนี้มันก็ยังไม่สมบูร์นะ > >ผมหยิบมาจากมือเธอ ไดอะรี่ที่ผมอยากจะดูว่าข้างในมันคืออะไรมาตั้ง 15 ปี > >แต่เธอก็มักจะบอกว่ารอให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน > >แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์อีกหรือ เธอร้องไห้แบบไม่พูดอะไรเลยอยู่นาน > >แล้วเธอก็ถามผม ที่ทุกทุกครั้งที่เธอถามเธอมักจะถามแบบอ้อมค้อม > >แต่คราวนี้เธอถามตรงตรงเลย แบ๊งค์แบ๊งค์ รักฟ้าบ้างหรือเปล่า > >ถ้าหากทุกครั้งที่เธอเคยถามผม เธอถามตรงเช่นนี้ > >ผมคงให้คำตอบเธอแบบไม่หยุดคิดสักนิดตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว.. > >ผมเงียบไปในขณะที่ใบไม้ใบหนึ่งค่อยๆ ร่วง ลงมาจากต้นไม้ > >ผมดูจนมันตกลงถึงพื้นดิน มันทำให้ผมคิดได้ว่า > >อะไรบางอย่างเมื่อมันผ่านพ้นมาแล้วมันไม่มีทางที่จะหวนกลับคืนได้อีก > >เหมือนดังเช่นผมที่จนวินาทีสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นเธอเช่นนี้ > >ผมก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกไป หรือถึงผมจะกล้าพูดออกไปมันก็คงไม่มีประโยชน์ > >ผมยืนจ้องตาเธออยู่นาน > >ฟ้า.ต่อไปนี้ฟ้าดูแลตัวเองนะแบ๊งค์คงไม่ได้เป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอีกแล้วนะ > >เธอรีบถามผมด้วยท่าทางตกใจ ทำไม! แบ๊งค์ แบ๊งค์จะไปไหน ปารีส > >ผมเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอเป็นครั้งสุดท้าย ..ลาก่อนนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผม. > >ผมหันหลังแล้วก็เดินจากเธอไป เธอใช้มือมาดึงแขนผมไว้ > >ความรู้สึกแบบนี้ผมเคยรู้สึกหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งผมจะต้องหันไปหาเธอ > >แต่คราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง > >ผมค่อยๆแกะนิ้วเธอที่จับที่แขนผมแล้วก็เดินอย่างไม่เหลียวหลัง > >ผมได้ยินเพียงเสียงเธอร้องสะอื้นจากข้างหลัง > >แบ๊งค์!.ไม่มีที่ไหนที่ดาวจะสวยเหมือนบนสะพานนั่น > >ไม่มีใครทำให้ฟ้ารู้สึกมีความสุขเหมือนกับแบ๊งค์ > >ไม่มีทิวลิปส์ดอกไหนเหมือนที่แบ๊งค์ให้ > >ฟ้า.. ฟ้ารัก. > >ประโยคสุดท้ายเธอพูดว่าอะไรผมก็ได้ยินไม่ชัดเพราะผมอยู่ห่างจากเธอมากแล้ว > >ผมรู้สึกแต่เพียงว่าเธอกำลังยืนมองผมเดินจากไป จนลับตา > > ..คืนนี้ผมมาสะพานแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว > >ผมคิดถึงหลายต่อหลายอย่างบนนี้ ผมไม่เคยขึ้นมาโดยไม่มีเธอมาก่อน > >ผมไม่ได้ขึ้นมานานแล้วคืนนี้มันดูเงียบเชียบจริงจริง > >เมฆที่บดบังบนท้องฟ้าเริ่มที่จะลอยออกจากหมู่ดาว > >ดวงดาวเริ่มที่จะส่องแสงระยิบระยับดูแล้วมันช่างสวยจริงจริง > >ผมพึ่งเคยมองมันแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก > >เพราะทุกครั้งที่มาผมไม่เคยใส่ใจกับดาวเลย ผมสนใจที่เธอมากกว่า > >เพราะตาที่เป็นประกายของเธอมันสวยกว่าหมู่ดาวบนท้องฟ้าเสียอีก > >ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่า เธอกำลังยืนดูดาวข้างข้างผม > >และเสียงเธอกินไอศกรีมมันก็ยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย > > ผมหยิบไดอะรี่ที่เธอให้ผมขึ้นมาดู ผมค่อยๆเปิดออก > >ข้างในมันยังใหม่อยู่เลยไม่มีแม้รอยยับ เธอทำไมถึงรักษาได้ดีขนาดนี้นะ. > >ผมเปิดเข้าไป ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่ง > >วันเดือนปีที่ระบุไว้หน้าแรกก็ประมาณ 15 ปีได้ > >เธอพูดถึงครั้งแรกที่อยู่ห้องเดียวกันกับชายคนนั้นที่ห้อง ม.1/3 > >เธอเริ่มหลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรก > >เธอพูดถึงความเป็นบอร์ดีการ์ดที่แสนดีของเขาที่ คอยช่วยเหลือเธอทุกครั้ง > >ยอมออกรับแทนเธอทุกเรื่องยอมเจ็บตัวเพราะเธอทุกครั้ง > >ให้เธอขี่หลังโดยไม่บ่นสักคำ เขาทำให้เธอมีความสุข เขารู้ใจเธอไปซะทุกอย่าง > >เขาทำให้ชีวิตเธอไม่อ้างว้าง เขากลับบ้านพร้อมเธอทุกวัน > >ทั้งที่บ้านเขาและเธอไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย > >และเธอก็เขียนถึงเหตุการณ์หลายต่อหลายอย่าง > >ที่ทุกเหตุการณ์เหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน > >แต่ประโยคหนึ่งในไดอะรี่ที่ผมอ่านแล้วดูเหมือนจะ น้ำตาคลอเลย ก็ประโยคสุดท้าย > >ที่เธอเขียนถึงชายในไดอะรี่ของเธอ เมื่อไหร่น๊าแบ๊งค์เขาจะบอกรักเราสักที > >ผมอึ้งไปเลยมันเป็นสิ่งที่ผมมองข้ามมาตลอด และผมก็เข้าใจแล้ว > >คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของไดอะรี่เล่มนี้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอหมายถึง > >คำบอกรักจากปากผม ที่ผมไม่เคยบอกกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว > >ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ไดอะรี่ของเธอไม่เคยจบ > >ยังคงขาดสิ่งสำคัญที่สุดจากปากของผม ผมอ่านจนหมดเล่ม > >มันทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาทันที น้ำตาของลูกผู้ชายที่ตลอด 20 > >ปีไม่เคยมีใครได้เห็น นี่ถ้าฟ้ามาเห็นเข้าเธอคงหัวเราะแย่เลย > >ฮีโร่ ที่เธอบอกว่าเก่งนักหนา > >แต่กลับต้องมาร้องไห้เพียงเพราะไดอะรี่ที่เธอเขียนสำหรับเขา > > ถึงอย่างไรชีวิตผมก็ได้ทำเพื่อฟ้ามา จนถึงที่สุดแล้ว สำหรับบอร์ดีการ์ด > >คนนี้ก็ต้องหมดหน้าที่ซักที มันเป็นหน้าที่ของชัยแล้วที่จะดูแลเธอต่อไป > >ผมหยิบของบางอย่างที่ผมเก็บมาหลายปี แหวน แหวนที่ผมทุ่มเททำขึ้นสำหรับฟ้า > >แต่ผมก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้เธอได้เห็นมัน > >ผมเคยคิดว่าจะเก็บไว้ให้หญิงอื่น > >แต่ถึงวันนี้ผมก็รู้แล้วว่าไม่มีใครเหมาะกับมันเท่ากับเธออีกแล้ว > >เธอคือรักแรกและจะเป็นรักครั้งสุดท้ายสำหรับผม ผมปล่อยแหวนจากมือทันที > >มันค่อยๆหล่นลงไปเบื้องล่าง และจมหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดกาล > >ใกล้จะถึงเวลาที่เครื่องกำลังจะออกแล้วผมเช็ดน้ำตาแล้วเดินลงไปตามทางเรื่อยๆ > >ที่ที่ครั้งหนึ่ง เธอจะขี่หลังผม และไม่ยอมลงเลย จนถึงบ้านเธอ > >ต่อจากนี้ในใจผมจะมีเพียงความทรงจำเกี่ยวกับเธอและไม่มีวันจางหายตลอดกาล > > > > ภูมิใจที่ได้ทำอะไรให้ เต็มใจแม้ใครจะว่าเพ้อเจ้อ > >ดีใจที่ได้คอยห่วงใยใส่ใจเธอ สุขใจเสมอและจะมีเพียงเธอ..ตลอดไป > > > > ผมอยู่บนเคื่องเที่ยวที่จะไป ปารีส ท้องฟ้าบนนี้ช่างสวยจริงจริง > >ผมกำลังจะได้เป็นหนึ่งในดีไซน์เนอร์ของไทย ที่กรุงปารีส ขอให้ไปประจำ > >ที่นั่น ต่อจากนี้งานของผมทุกชิ้นจะมีเพียง .ทิวลิปส์ท้องฟ้า และ แสงดาว > > ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ เศร้าใจจริง ๆ นี่คงเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมความรัก ของ มนุษย์
1 ตุลาคม 2546 23:49 น. - comment id 69733
ถ้ารักคนน่ารักแล้วควรทำใจและคุยกับเธอในเรื่องผู้ชายคนอื่นที่มาจีบเธอ ไม่งั้นความรักก็ไม่มีทางจบลงได้ด้วยดี เชื่อผมเพราะผมผ่านมาแล้วแต่ก็จบไม่ค่อยดี แต่ยังคงเป็นเพื่อนกันได้
9 มกราคม 2547 12:49 น. - comment id 70641
ความรู้สึกที่เก็บไว้นานๆอาจมีค่า แต่อาจสายไปถ้าไม่ได้บอกความรู้สึกนั้นออกไป ไม่อยากให้เรื่องนี้จบแบบนี้เลย