ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเดินลุยไฟ ฉันได้รับการเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กว่า .. "ไฟมันร้อน อย่าไปยุ่งกับไฟเชียว" นั่นสิ ! ไฟมันร้อน แล้วถ่านที่คุโชนแดงซะขนาดนั้น หนำซ้ำ เมื่อกลางวันล่อข้าวขาหมูมาซะเต็มแปร้ โอย ! ไม่อยากจะคิด อยู่ดี ๆ เอาตัวไปให้ไฟปิ้งซะงั้น หาเรื่องเข้าตัวหรือเปล่านะ "พี่อิม ไปกับผม เดี๋ยวผมพาพี่ไปลุยไฟ ไม่ร้อนหรอกพี่ ผมเดินทุกปี" สำเริงเชียร์เต็มที่ "จริงพี่ พี่อิมเดินลุยไฟสิ เผื่ออะไรต่อมิอะไรในชีวิตจะดีขึ้น หายป่วยเลยไง" ปอสนับสนุน "อะไรจะดีขึ้น เรื่องเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องธรรมชาติ" ฉันตอบไป "เหอะน่าพี่อิม เชื่อผมดิ ต้องเชื่อดิว่าไม่ร้อน" ทั้งสำเริงและปอต่างก็ยืนยัน "เอาเป็นว่า ขอเดินข้ามสะพานก่อนละกัน เรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อน" .. ฮา
เดินข้ามสะพาน 3 รอบ พร้อมกับใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ตกลงฉันจะเอายังไง (วะ) แต่ละรอบที่เดิน ก็ต้องผ่านเหล็ง (องค์ที่ลงมาประทับ) ก็ต้องคารวะทุกคราวไป ทั้งที่ตอนที่พวกเขาไม่ได้เป็นเหล็ง พวกเขาก็เป็นเพื่อนของฉัน เคยออกงานจิตอาสากันหลายหน แพ๊คของ ลุยน้ำ ตากแดด แบกเรือ ขึ้นรถกันเมื่อปีกลาย เอาล่ะ ได้เวลาในการลุยไฟแล้ว ฉันถามตัวเองว่า "พร้อมไหม ?" คำตอบของฉันคือ "ไม่พร้อม" แต่ไม่ว่าฉันจะพร้อมหรือไม่พร้อม เขาก็ลุยไฟกันแล้ว !!!!!!! " ไป พี่อิม ไปเดินลุยไฟกัน " ปอคะยั้นคะยออีกหน "เออ เอาก็เอาวะ" ทั้งที่ใจฝ่อ แต่ก็ยังกลั้นใจตอบไป
ก็ไปเข้าแถวรอคิว เขาให้ผู้ชายไปก่อน จากนั้นก็ผู้หญิงชุดขาว เมื่อฉันอยู่คิวด้านหน้า ซึ่งมีเหล็งยืนอยู่ ฉันหันไปสบตาพร้อมกับกระซิบว่า " อากง .. กิกยิกอั๊วเจี๊ยะชอ ตือขา อั๊วเสี่ยงเกีย " (อากง ..วันนี้กินเนื้อสัตว์ ขาหมู ตอนนี้กลัวจัง) เหล็งหรือผู้ที่ฉันเรียกชื่ออย่างนอบน้อมว่าอากง พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็ส่งธงมาให้ฉันถือ ซึ่งฉันก็รีบรับธงมาโดยที่ไม่ได้ดูรายละเอียด รู้แต่ว่า เป็นธงสีดำ ข้างในเขียนอักษรจีน ก้าวแรกที่ย่ำลงไปบนกองถ่านที่คุโชน มันเหมือนเหยียบบนน้ำแข็งแห้ง จะร้อนก็ไม่ใช่ จะเย็นก็ไม่เชิง ที่ฉันทำคือ ยกเท้าก้าวแรกขึ้นแล้ววางเท้าก้าวต่อไป ทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ไม่ได้รีบร้อน ไม่ได้เอ้อระเหย ฉันตั้งสติแล้วก้าวทีละก้าว ไม่ได้มองผู้คนรอบข้าง ไม่ได้สนใจเสียงใครต่อใคร แถมยังไม่รู้เหมือนกันว่า ฉันก้าวผ่านพ้นกองไฟนั้นได้อย่างไร แปลกแฮะ ไม่ยักจะร้อน !!
รอบสองเอาใหม่ ตอนที่เข้าแถวอยู่ไกลจากคิวก็ยังใจชื้นอยู่หรอก แต่พอลำดับถึงคิวหน้ากองไฟ เอาอีกแล้ว ใจฝ่อซะงั้น ยังดีที่เหล็งองค์เดิม มองมาที่ฉัน ฉันก็เลยยิ้มแหย ๆ เหมือนกับการส่งสัญญาณว่า "แหะ ๆ อากง อั๊วเสี่ยงเกีย อากงเกียวอั๊วขื่อนอ" (อากง ตอนนี้ยังกลัวอยู่ อากงช่วยนำพาไปด้วยนะ) และแล้วก็เป็นอีกหนที่ฉันถือธงของเหล็งเดินลุยไฟ ว่าจะตั้งใจยืนนิ่งพิจารณาสังเกตุไฟ ในขณะที่เดินข้าม แต่มาคิดอีกที ไม่เอาดีกว่า ไปพิจารณาข้างนอกกองไฟดีกว่ามั๊ง ...ฮา
ทีนี้ความกล้าเริ่มมีขึ้นหน่อย รอบสาม ฉันรวบรวมความกล้า (ซะที่ไหน) ไม่ต้องถือธงแล้วล่ะ ... ทำไมไม่ถือน่ะเหรอ ... ก็เหล็งไม่ได้ส่งธงให้อ่ะดิ เมื่อไม่มีธง ไม่มีเหล็งนำพา คงเหลือแต่ฉันโดดเดี่ยวบนเส้นทางระอุ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรเยี่ยงนี้ ญาติพี่น้องไม่รู้นะเนี่ย ถ้ารู้ สงสัยคงถูกบ่นน่าดู (แต่พ่อคงรู้แหง๋ เพราะพ่อมองลงมาจากสวรรค์ เรื่องนี้ปิดพ่อไม่ได้คนเดียว)
คนอื่น ๆ ที่เขาเดินลุยไฟ เขาเดินเพื่ออะไรกันนะ สงสัยจัง ดับทุกข์ ดับโศก ดับโรค ดับภัย ดับทุกเสนียดจัญไร .... ใช่แบบนี้หรือเปล่า ที่เขาคิดกัน ตอนที่เดินลุยไฟน่ะ แต่สำหรับฉัน .. เพื่อ ขจัดความกลัวที่มีอยู่ในใจ เท่านั้นเอง ส่วนดับทุกข์ ดับโศก ดับโรค ดับภัย ดับทุกเสนียดจัญไร .... ถ้าได้อานิสงค์นั้นแถมมา ก็นับว่าโชคดี
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ฉันเดินลุยไฟ ซึ่งบางใครอาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก คนอื่นเขาเดินกันได้เยอะแยะ บางใครอาจคิดอีกว่า นั่นเป็นการแสดงปาหี่แสดงกลของเหล่าม้าทรง แต่สำหรับฉัน ตัวจริง เสียงจริง เดินลุยไฟ ไม่ใช้สแตนด์อิน การเดินลุยไฟครั้งนี้ มีบทพิสูจน์เดียวเท่านั้นที่ฉันยอมรับคือ "ฉันเดินลุยไฟเพื่อขจัดความกลัว และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจเดินลุยไฟ" มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
22 สิงหาคม 2555 18:06 น. - comment id 130137
เก่งมาก..คุณอิม...ขอชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ คุณอิม..ชนะใจตัวเองได้..เปรียบเหมือนกับชนะใจคนทั้งโลกได้...ยินดีด้วยค่ะ.. ปล. ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ..คิดถึงค่ะ.. ช่วงนี้ งานเยอะ..ไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมค่ะ
22 สิงหาคม 2555 18:27 น. - comment id 130138
อาอิม ฮ้อ ฮ้อ (แหะแหะ)
22 สิงหาคม 2555 20:36 น. - comment id 130140
เป็นเรายังไงก็ไม่กล้า
22 สิงหาคม 2555 21:23 น. - comment id 130141
แหะ พิมไม่กล้า ยังไงๆก็ไม่กล้า คุณอิมเก่งจัง
22 สิงหาคม 2555 21:44 น. - comment id 130142
โห....เกินไปละ ผู้หญิงคนนี้.. ทำได้ทุกอย่างจริงๆ.. เอ่อ....จริงมั้ยคะที่เขาว่า เวลาเริ่มพิธี คนจะเดินลุยไฟ เหมือนมีองค์ลง รายงานผลด้วยค่ะ
22 สิงหาคม 2555 21:44 น. - comment id 130143
น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น"สีดา"ซะเลย ที่สสงสัยก็ข้อความนี้แหละ(แต่พ่อคงรู้แหง๋ เพราะพ่อมองลงมาจากสวรรค์ เรื่องนี้ปิดพ่อไม่ได้คนเดียว) ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าคุณพ่อ คนที่หน้าสีชมภูด้วยเลือดฝาดคุณอิมยังลงกลอนหาแฟนให้พ่ออยู่เลยท่านได้ไปอยู่สวรรค์แล้วหรือ เสียใจด้วยจริง ๆ
22 สิงหาคม 2555 22:17 น. - comment id 130144
ก่อนอื่นก็ต้องขออนุญาตออกตัวก่อนว่า .. ไม่ได้บ้า ไม่ได้เมา ไม่ได้กินยาย้อมใจแต่ประการใด ที่ไปเดินลุยไฟนี่ก็ใช่ว่าจะตั้งใจไปตั้งแต่แรก ก็เพราะเคยรู้มาก่อนว่า คนที่จะเข้าพิธี ไม่ว่าจะเป็นม้าทรง พี่เลี้ยง หรือ ศิษยานุศิษย์ ต้องกินเจ 3 วัน เขาว่ากันว่า .. เพื่อทำตัวให้บริสุทธิ์ ประมาณนั้น .. ทีนี้ยังไงดีล่ะ ก็ขาหมูตรอกโต๊ะตรงข้าม รพ.เลิดสิน มันยั่วใจอยู่ตรงหน้า ก็เลยชิมไปนิด ลิ้มไปหน่อย แล้วเพื่อนก็โทรเข้ามา กะว่าให้ไปดูในสิ่งที่ไม่เคยดู คนมันว่าง .. คิดอยากจะทำอะไรก็ตัดสินใจได้ทันที ทั้งที่เย็นวันเสาร์ ฝนตกอย่างกะฟ้ารั่ว ฉันก็ยังอุตส่าห์เดินกางร่มไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน จนถึงบ้านงานซึ่งเป็นพื้นที่จอดรถของครูต่อ ฝนก็ใช่ว่าจะร้างลา ยังคงตกหนักอยู่ แล้วเขาจะจุดกองไฟได้เหรอ ? แล้วเขาจะยังคงทำพิธีทรงองค์ประทับอะไรนั่นได้เหรอ ? คิดเยอะ คิดยุบยิบ คิดอยู่นั่นแหล่ะ คิดไปคิดมา ฝนหยุดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทันทีที่ฝนหยุด เขาก็ขนไม้มากองตั้งเหมือนกับการเปิดกองลูกเสือ แล้วก็จุดไฟใส่ถ่านหิน ไฟลุกโชน ความร้อนวาบกระจายมาจนต้องถอยห่าง เสียงกลองตุ้งแช่ดังรับกับฉาบโฉ่งฉ่าง ทำนองเดียวกับเชิดสิงโตนั่นแหล่ะ สักพัก ม้าทรงก็เริ่มออกอาการทีละราย คนแล้วคนเล่า คนคุ้นเคยกันก็มีหลายคนอยู่เหมือนกัน เคยฟังแต่เขาเล่า เคยดูแต่ในทีวี พอมาเห็นจริงก็เลยตื่นตาตื่นใจ ฉันเดินเข้าไปใกล้ เพื่อที่จะสังเกตุหน้าตาของคนคุ้นเคย เพื่อนกันทั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ทั้งอากัปกริยาไปจนถึงแววตา กลายเป็นคนไม่คุ้นเคยซะงั้น เปี๊ยก .. มีลักษณะอาการของเสือ องค์ประทับคือเจ้าพ่อเสือ อาร์ม .. มีลักษณะอาการของคนเฒ่า องค์ประทับคือเจ้าที่ ครูต่อ .. มีลักษณะอาการขวาง ๆ ชอบกล องค์ประทับคือเจ้าพ่อกวนอู เต้ และ หนุ่ม รวมไปถึงอีกหลายคน.. ก็มีลักษณะแปลก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าองค์ไหนประทับ ม้าทรงเกือบยี่สิบคน เกือบครึ่งเป็นคนที่ฉันรู้จัก และ 25% เป็นคนที่คุ้นเคยยิ่ง จะเป็นไรไปล่ะ .. ในสิ่งที่วิทยาศาสตร์ให้ข้อสัณนิฐานมากมาย บ้างก็ว่า ตอนแสดงอิทธิฤทธิ์เชือดลิ้น เขาอมลิ้นหมูไว้ก่อนแล้วเชือดเลือดกระจาย บ้างก็ว่า กินน้ำอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มไม่เป็นตัวของตัวเอง บ้างก็ว่า ปาหี่ แสดงกล เป็นการโชว์ เพื่อหลอกคนให้งมงาย ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่ดูก็ไม่เห็น ไม่กล้าเดินลุยไฟ แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า ร้อน .. จริงไหม ฉันพิสูจน์แล้ว .. เท้าทั้งสองข้างยังคงปกติที่สุด ไม่มีบาดแผลพุพอง แต่โทรศัพท์มือถือที่ฉันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงท่าจะแย่แล้ว ความร้อนทำให้ระบบแอนดรอยส์เกิดอาการวูบวาบจนต้องส่งศูนย์ซ่อม ไม่รู้จะกู้คืนได้ไหม ก็ขำอยู่นะ .. เครื่องมือวิทยาศาสตร์ไฮท์เทคโนโลยี่แพ้ความร้อนของไฟ ทั้งที่คนลุยไฟไม่ยักจะเป็นอะไร ..เหอะ ! ปีหน้า ไม่รู้จะกล้าอย่างนี้อีกหรือเปล่า ดีไม่ดี ชาตินี้อาจลุยไฟได้หนเดียว ..
22 สิงหาคม 2555 22:34 น. - comment id 130145
คุณราชิกา .. อัลมิตรากลัวไฟนะ กลัวความร้อน กลัวความเจ็บปวด แต่ในตอนนั้น อัลมิตราต้องเชื่ออย่างเดียวว่า ตัวเองจะต้องปลอดภัย ความกลัวเป็นอุปสรรคของทุกสิ่งอย่าง อัลมิตรากำลังบำบัดโรคกลัวของตัวเองอยู่ค่ะ คุณคห.2 .. เผ่งอังแน่นอน คุณร้อยฝัน .. ปีหน้า เราก็ไม่รู้ว่าจะกล้าบ้าบิ่นเหมือนหนนี้หรือเปล่า คุณน้ำตาลหวาน .. อัลมิตราเฝ้าบอกกับตัวเองว่า "อย่ากลัว" ไม่ว่ากับเรื่องของความเจ็บป่วยที่มี หรือในทุก ๆ อุปสรรคที่เจอ มันก็แค่นั้นจริง ๆ ค่ะ ถ้าจะต้องเจ็บด้วยการก้าวเข้าหาไฟเอง ก็ถือเสียว่า เซ่อเอง เท่านั้นค่ะ คุณแก้วประภัสสร .. เมื่อจุดกองไฟแล้ว ใส่ถ่านหิน จากนั้นเขาก็จะปรับระดับให้เป็นลักษณะราบ โดยเอาไม้กระดานคนถือปลายสองท้าย มาตบ ๆ กับกองไฟ จากนั้น ม้าทรงก็จะทำพิธีตัดไฟ การตัดไฟที่อัลมิตราเห็นก็คือ ม้าทรงเอาข้าวสารมาปาลงกองไฟ ด้วยกริยาที่มีองค์ประทับแล้วนะ แล้วก็มีการอมน้ำ แล้วก็เดินไปรอบ เป่าน้ำกระจายพรวดฝอย แบบนี้น่ะ พี่เลี้ยงของม้าทรงบอกว่านั่นเป็นพิธีการตัดไฟ น่าจะหมายถึงการตัดความร้อนอย่างเดียวมั๊ง เพราะไฟยังคุกโชนอยู่ ม้าทรงจะก้าวเดินก่อนเป็นอันดับต้น บางคนยังไม่มีองค์มาประทับ พอก้าวข้ามพ้นแล้ว ก็ออกอาการทันที อัลมิตรายืนอยู่ตรงนั้น ตกใจอยู่เหมือนกัน เห็นพวกพี่เลี้ยงรีบวิ่งไปเอาเสื้อประจำตัวองค์เทพให้ใส่ มีถือแส้ มีถือธง แต่สำหรับอัลมิตรา ไม่ใช่ศิษยานุศิษย์ .. เพื่อนบอกให้เดินก็ไปเดินซะงั้น แถมไม่ได้กินเจอีกต่างหาก ยังดีนะ ที่สารภาพตามตรงกับม้าทรงตอนที่อยู่หน้ากองไฟ ม้าทรงก็เลยยื่นธงให้ถือเดินข้ามมาอย่างปลอดภัย เขาว่ากันว่า ถ้าไม่ได้กินเจ อาจจะมีการบาดเจ็บ หรือผู้หญิงที่มีรอบเดือน ก็จะถือว่าไม่สะอาด ก็จะบาดเจ็บ หรือบางคนที่กล่าวคำลบหลู่ พวกมาดูเชิง มาลองของอะไรพวกนี้ มักจะบาดเจ็บกันไปตาม ๆ กันจ๊ะ คุณฤกษ์ .. พ่อของอัลมิตราเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2539 ก็ 16 ปีกว่า ๆ แล้ว ส่วนคนที่คุณฤกษ์นึกถึงคือคนที่อัลมิตรารู้จักมากว่าสิบปี ให้ความเคารพนับถือเหมือนพ่อ ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก ยิ่งตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่ได้เจอกันเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ อัลมิตราถนัดที่จะมีชีวิตอยู่อย่างลำพังมากกว่า ความผูกพันต่าง ๆ บางทีมันก็เหมือนหลอกตัวเอง ปลอบตัวเอง .. ตั้งแต่ป่วยมานี่ สำนึกอะไรได้ตั้งเยอะเลยนะ
23 สิงหาคม 2555 10:12 น. - comment id 130148
คุณอิมคะ ฟังธรรมหลวงพ่ออำนาจ ท่านเคยกลัวมากตอนไปปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่เทศน์ ท่านต้องไปอยู่บนผาในป่าเปลี่ยว กลัวมากหลับตาทั้งคืน จนสุดท้ายต้องหากุศโลบายเพื่อหายกลัว โดยการเดินลงจากเขามาที่วัด และกลับขึ้นบนผาตอนกลางคืน อยู่ในป่าแบบต้องสู่กับทุกผัสสะ ไม่ว่าเสียงหวีดหวิวของลม และ หากจิตปรุงไปก็มีแต่ฟุ้งซ่าน สติแตก ท่านเลยรู้วิธีกำหนดลมหายใจ ตั้งมั่นมีสติ และ พบว่าทุกอย่างนั้นสำคัญที่ใจเราเองค่ะ รักและห่วงใย ยังสร้างบุญกุศลสาย และ อธิษฐานให้ทุกค่ำคืนนะคะ เทพีจันทร์คืนกลับมายามฟ้าสาง เล็บมือนางกางฟ้อนอ้อนรับขวัญ หอมแก้มคนดีสุนทรีย์ชื่นชีวัน ยามคุ้มฝันคืนเรือนเหมือนเพื่อนใจ มากมายดีร้ายมากรายกล้ำ เจ็บช้ำชั่วคืนก็ตื่นใส เหมือนจันทร์ดับรับอรุณเริ่มต้นใหม่ สว่างไสววันกุศลดลได้พบ นั่งนิ่งนิ่งตรงนี้ดูสีฟ้า เต็มนัยน์ตาเห็นโลกโศกเจนจบ สรรพสิ่งผันแปรไปทุกข์ทนทบ เพียงสงบสยบเศร้าหนาวมายา รู้ปล่อยวางจึงห่างไกลในทุกสิ่ง มีเพียงนิ่งเดียวดายไร้สิ้นปรารถนา ลมหายใจสั้นยาวเข้าออกภาวนา ลูกซึ้งค่าวันทุกข์ทนจนพบธรรม...!
23 สิงหาคม 2555 10:19 น. - comment id 130149
โห..ช่างกล้าจริง แม่หญิง อัลมิตรา...ผมอ่าน ไปเสียวไป..ถ้าเปนตัวเองคงไม่..กล้า..เพราะ แอลกอฮอลล์ ผสมในร่างกายเยอะ..ไฟมันจะพรึ๊บเอา 555 สบายดีนะครับ
23 สิงหาคม 2555 12:25 น. - comment id 130150
ขอบคุณคะ่ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ปกติไม่ชอบไฟ มันร้อน น่ากลัว แต่ก็ชอบเวลเขาจุดดอกไม้ไฟ สวยดีนะคะ
23 สิงหาคม 2555 13:49 น. - comment id 130151
ดิน น้ำ ลม ไฟ ตัวเองลุยมาหมดแล้วครบเซ็ทเลย อิอิ
23 สิงหาคม 2555 14:27 น. - comment id 130152
ไม่กล้าแม้กระทั่งจะดูเลยอ่ะ แล้วจะกล้าลุยกะเขาไหมเนี่ย ซาหยองอ่า คุณเก่งมาก
23 สิงหาคม 2555 16:29 น. - comment id 130153
แล้วเดินไป3รอบ พอวิเคราะห์ได้มะคะว่าทำไมไม่ยักร้อน แปลกจริงๆ เล่าประสพการณ์สู่กันฟัง
23 สิงหาคม 2555 16:44 น. - comment id 130154
กล้าจริงๆเลยนะ...ซ้อมย่างนกเหรอ..ลิงห้อย..
23 สิงหาคม 2555 21:18 น. - comment id 130155
คุณพุดพัดชา .. ความกลัว เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ค่ะ ทำให้บางชีวิตไม่มีโอกาสใช้ความกล้ากระทำในสิ่งที่ควรกระทำ แต่เพราะความกลัวนั่นเอง จึงทำให้เกิดความระมัดระวัง ไม่ประมาท จะว่าไปแล้ว ทุกอย่างใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย ข้อดีก็คงมีบ้างเนอะ อัลมิตราคิดงั้นนะคะ อัลมิตราน่ะเห็นตัวโตอย่างนี้ ที่จริงแล้ว ใจปลาซิวมาก เรื่องเข็มฉีดยาก็เป็นอะไรที่สุดจะทนซะจริง ๆ น้ำตาเล็ดตลอดค่ะ ความมืด ความเงียบ ความสูง ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทบทางใจทั้งนั้น สัตว์ตัวเล็กตัวน้อย แมลงตัวกระจิ๊ด ก็ยังสามารถทำให้อัลมิตราหวาดหวั่นเลย มีอยู่หนหนึ่งต้องไปนอนที่วัด หลวงพ่อบอกให้ไปนอนเรือนหนึ่ง ข้างในคับแคบ นอนได้ 3 คน อัลมิตราออกมานอนด้านนอกระเบียง ปูเสื่อ กางมุ้ง ต้องเปิดไฟระเบียงไว้ตลอด เพราะเขาปิดประตูที่เรือน วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อถามว่า "เปิดไฟนอน แล้วจะนอนหลับเหรอ" อัลมิตราพนมมือแต้ แล้วตอบว่า "ถ้าปิดไฟ คงจะนอนไม่หลับทั้งคืนค่ะ" ฮา .. ก็เป็นอีกหนนะคะ ที่ตัดใจ ข่มใจ รวบรวมความกล้าอาสานอนระเบียง วัดอยู่ในป่า เสียงไพรยามค่ำคืนมันชวนวังเวงใจชะมัด หนำซ้ำ อัลมิตรารู้ว่า เยื้องไปนิดเป็นป่าช้า ที่รู้ก็เพราะว่าเมื่อสองปีก่อน ไปสร้างฝาย และไปปลูกป่าที่วัดแห่งนี้ อัลมิตราแอบให้คะแนนตัวเองด้วยนะคะ จดเอาไว้ ในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ หากอัลมิตราทำสำเร็จ ก็จะบันทึกให้แต้ม แล้วก็หาโอกาสให้รางวัลตัวเอง 555 ... คุณเอื้องอังกูร .. โอ้ อย่างนี้สิที แอลกอฮอลล์เยอะเผื่อจะได้เป็นมนุษย์เพลิงไงล่ะค่ะ เลียนแบบในหนัง the hunger game อัลมิตราสบายดีค่ะ ขอบคุณมาก คุณแก้วประภัสสร ..ชอบเหมือนกัน ที่บ้านสามารถมองเห็นพลุ ในวันสำคัญบ่อย ๆ บางทีเขาจุดตรงสะพานแขวน บางทีเขาจุดตรงสะพานภูมิพล 1 อยู่สูงก็ได้เปรียบนิดหน่อยตรงนี้แหล่ะค่ะ คุณกุ้งหนามแดง .. ดิน น้ำ ลม ไฟ ... มันเป็นส่วนประกอบของโลกเลยนะเนี่ย เท่ากับว่าชีวิตนี้ใช้คุ้มค่าจริง ๆ 555 คุณเฌอมาลย์ ..อัลมิตราก็ดูอย่างใจระทึกนะ ยิ่งตอนที่เขาเสียบนั่น แทงนี่ ยิ่งสยองไปกันใหญ่ แต่อัลมิตราเชื่อเพื่อนที่เป็นม้าทรงนะ เขาบอกว่า เขาเหมือนหลับ ตื่นมาก็ตอนจบพิธีเลย คุณยาแก้ปวด .. ถ้าคิดอย่างวิทย์ การใช้จังหวะก้าวเร็ว มันอาจจะทำให้พื้นผิวเท้าสัมผัสกับความร้อนได้น้อย ถ้าคิดอย่างชาวบ้าน มันเป็นความเชื่อ เชื่อว่าจะปลอดภัย เชื่อว่าจะไม่ร้อน เชื่อในสิ่งลี้ลับที่เราคิดว่ามีอิทธิฤทธิ์ แต่ความคิดของอัลมิตรา ในตอนที่ม้าทรงทำการตัดไฟ ที่ซัดข้าวสารและมีการบริกรรมเป่าพรวดน้ำไปรอบทิศ มันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ว่า ทำไมจึงตัดความร้อนจากไฟได้ นั่นหมายถึงไฟในกองนะ แต่ก็มีบางคนที่พรวดพราด ไม่ยกเท้าก้าวแบบปกติ ไม่รู้ว่าลนลานหรือยังไง ดันเตะถ่านปลิวออกนอกกอง นั่นล่ะ แปลกแสนแปลก เพราะว่า หากไปเหยียบถ่านที่ปลิวออกนอกกองนั้น รับรองได้เลยว่าเท้าพองแน่ ร้อนแน่ สำหรับอัลมิตราที่นับได้ 6 ก้าว ซ้าย 3 ขวา 3 เท้าเปล่าที่แตะแต่ละก้าวก็เป็นถ่านแดงคุโชนทั้งนั้น ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากความร้อนเลย ไม่ได้เตี๊ยม ไม่ได้เป็นหน้าม้าแต่อย่างใด ทุกสิ่งที่ทำไปนั้น ไม่ได้ตระเตรียมล่วงหน้าด้วยซ้ำไป มันเกิดขึ้น มันเป็นไป .. ให้ได้คิดจริง ๆ นกเหี่ยว .. จะเรียกว่ากล้าหรือบ้าบิ่นก็เหอะ ตัดสินใจเอง ถ้าเจ็บเอง ก็จะไม่โอดครวญล่ะกัน
24 สิงหาคม 2555 07:40 น. - comment id 130156
ฮันแน่...อาคุงอิม...แอบเล่นบทเสี่ยงตายอีกแว้วว ป๊าดด... เค้าใช้ไม้อาหยังอ่ะ...ถ่านอ่ะถ่าน แอบติดนีออนสีส้มอ่ะเปล่า ตอนตัดสินใจ...คิดก่อนเปล่าว่าถ้า บาดเจ็บ ล้มลงจะกลิ้ง ไปตรงไส อ่ะ... เอ..... มีตัวละครในวรรณคดี นางไหนมั่งที่ลุยไฟอ่ะ ? จำได้ ก็ นางสีดา เจ้าหญิงแต่งอ่อน และก็มนฤดี ตอนเล่นเรื่องพระทิณวงศ์ (จำชื่อนางละคร บ่ ได้ ที่เป่าขลุ่ยจนคอแตกตายอ่ะ ) อิอิ คุงอิม...นึกถึงใครมั่งรึป่าววว เอ่ยย??? ไปลุยมาจิงๆดิ... (เชื่อ...แค่อยากพูดเจ๋ยๆ ) เก่งแฮ่ะ... วันหลัง...แทงแก้ม ห้าม บันไดมีด ก็ห้าม ตัดลิ้นด้วย ห้ามๆๆๆ
24 สิงหาคม 2555 12:18 น. - comment id 130158
ทุกอย่างเกิืดขึ้นที่จิตของเราล้วนๆค่ะ จิตบอกว่าเย็น ก็เย็น บอกร้อนก็ร้อน ลองนั่งสมาธิ หงายมือวางลงบนขาทั้งสองข้างดูสิคะ กำหนดจิต ท่องพุท โธๆ สักพักมือทั้งสองข้างของคุณจะเหมือนมีพลัง มีกะรแสไฟฟ้า วิ่งอยู่ตลอด ไว้จะถอดจิตไปหา ว๊ากกกก ไม่ใช่ๆ 555 ไว้อาจารย์กลับมา จะแจ้งข่าวค่ะ
24 สิงหาคม 2555 20:45 น. - comment id 130159
คุณกีรติ.. เขาใช้ไม้อะไรไม่รู้จักหรอกค่ะ ดูไม่เป็น แรกเริ่มเขาก็โกยกองดิน (พื้นล่างเป็นคอนกรีต) จากนั้นก็เรียงถ่านหิน แล้วก็เอาไม้มาตั้ง ๆ เหมือนเข้าค่ายลูกเสือ ราดน้ำมัน แล้วก็จุดไฟ .. ร้อนพรึ่บ อัลมิตรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวหลอด ห่างประมาณ 8 เมตร ยังร้อนวูบเลย จนต้องย้ายที่นั่งจากในเต็นท์ ไปนั่งตากปรอยฝนซะงั้น ตอนตัดสินใจ กะว่า ถ้าร้อน ก็จะอดทนเดินไปให้ถึงอีกฟาก ส่วนเรื่องการบาดเจ็บ เดี๋ยวก็รักษากันไป ประกันสังคมมี .. ฮา หากซวยจัด ล้มกลิ้งลงกองไฟ ก็คงจะเหวอะ เฟะ เละ ประมาณนั้น ไม่คิดจะโทษใคร เจ็บตัวก็เพราะแส่หาเรื่องเอง คิดแบบนี้น่ะ ตอนเดินลุยไฟก็ไม่ได้นึกถึงใคร มนฤดีรับบททิพย์มณฑา (เจ้าจง) จำเพลงไม่ได้เหรอ เพลงร้องว่า "พระทิณวงศ์ แปลงองค์กลายเป็นคนง่อย นางทิพย์มณฑาน้องน้อยเลยต้องพลอยแปลงเป็นเจ้าจง เจ้าจงเป็นคนใบ้ทั้งรักทั้งใคร่เสียจนใหลหลง แล้วกลับแค้นพระทิณวงศ์ ที่มาหลงนางกายวรรณ เจ้าจงพูดไม่ได้จึงใช้เสียงปี่ต่อว่าไปพลัน ยามแค้นหึงเสียจนนานวันเป่าลำคอแตกพลันสิ้นชีพวางวาย " ส่วนเรื่องที่ห้ามน่ะ ก็เป็นเรื่องที่อยากถามเพื่อนที่เป็นม้าทรงนะ อยากถามว่า "ทำไมองค์ที่มาประทับ ชอบให้ม้าทรงเจ็บตัวอยู่เรื่อย มันยังไงกันนะ" คุณแก้วประภัสสร .. จิตเป็นตัวสั่งการ ร้อน หนาว รับรู้ด้วยจิต กาย เป็นตัวรับผล ร้อน หนาว สุดแต่ที่จิตจะสั่งการ ไม่รู้ว่าเป็นคำตอบหรือเปล่านะ ไว้ต้องถามอาจารย์อีกทีค่ะ
3 กันยายน 2555 08:36 น. - comment id 130221
คุณอิมคะ ขอโทษที่รบกวนอีกรอบนะคะ เอมยังไม่ได้ password เอมส่งเมลล์ไปหาคุณปีกฟ้าแล้วตั้งแต่ที่คุณอิมตอบกระทู้ แต่คิดว่าพี่ปีกฟ้าคงจะยุ่งเลยไม่ได้ตอบเมลล์เอม เอมรบกวนคุณอิม ช่วยตามให้เอมหน่อยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ ๆ ๆ ค่ะ