..........เรื่องนี้ควรปล่อยให้มันลืมเลือนไปกับกาลเวลาหรือปิดเป็นความลับกับตัวเองตลอดไปดี เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจบไปแล้ว เป็นอดีตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จะขุดเจาะรำลึกมาคิดอีกทำไม เป็นคำถามวนเวียนข้าพเจ้าหลายครั้ง เมื่อจะลงมือเขียน แต่คำแก้ต่างก็มีเหตุผลในการจะเขียนมัน อดีตแก้ไขไม่ได้จริง แต่หลายสิ่งเรียนรู้จากอดีตเพื่อแก้ไขปัจจุบัน ............ณ บันนี้ ข้าพเจ้าจึงขอร่ำเรียงเขียนบรรยายความรู้สึกและเหตุการณ์ต่างๆ ๆที่ผ่านมาหลายปี .........ชีวิตผมเริ่มต้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ตั้งแต่เกิดเริ่มจำความได้ ผมไม่เคยอยู่ประจำที่ใดที่หนึ่งเกิน ห้าปี ผมย้ายที่อยู่อาศัยตามพ่อกับแม่เกือบทุกสองปี ครอบครัวผมฐานะค่อนข้างลำบาก พ่อกับแม่จึงย้ายไปตามงาน ที่ไหนดีท่านก็จะย้ายไปที่นั่น จึงทำให้ผมต้องย้ายไปด้วย .........สิ่งหนึ่งที่ติดตัวผมตั้งแต่เกิดคือ ผู้หลักผู้ใหญ่มักจะเอ็นดูรักใคร่ ตอนผมอยู่จังหวัดชุมพร พ่อกับแม่ทำงานเป็นคนสวน มีบ้านพักอยู่ในบริเวณสวน หลังบ้านเป็นธารน้ำ กระแสน้ำไหลแรง ผมชอบลงเล่นทุกวัน รอบๆ เต็มไปด้วยพืชผักธรรมชาติ อีกฝั่งเป็นเขตสวนอีกเจ้าของคนหนึ่ง ซึ่งมีบ้านพักเหมือนกับผมอยู่ ผมเป็นเด็กค่อนข้างซนและอยากรู้อยากเห็น บางทีถูกแม่ตีบ่อยๆ เพราะไปผจญภัยในสวนคนเดียว ........เนื่องจากชอบผจญภัยคนเดียว จึงผลัดหลงเดินไปเจอบ้านหลังหนึ่ง ผมเห็นผู้คนกำลังทำอะไรบ้างอย่างอยู่ เลยเดินเข้าไป ผู้คนทั้งหมดต่างหันมามองผม เด็กสี่ห้าขวบ แล้วผมก็ถูกตั้งคำถาม ยังไม่ได้ตอบ มีคนตอบกันเอง แล้วใครบางคนบอกให้ผมกลับบ้าน จากนั้นมาพอผมรู้จักบ้านหลังนั้น จึงไปเล่นบ่อยๆ ๆ เพราะไม่มีบ้านหลังอื่นใกล้กว่านี้แล้ว สวนในจังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่กว้าง ไม่ค่อยมีบ้านติดกันเหมือนอีสาน ผมไปบ้านหลังนั้นบ่อยๆ ทำให้รู้จักเด็กหญิงคนหนึ่ง พ่อแม่เขามักจะแซวผมว่า โตขึ้นจะให้แต่งงานกัน ไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้ผมยังจำได้เหตุการณ์ตอนสี่ห้าขวบได้ เรามักจะไปเล่นกันสองคน เล่นน้ำ ปีนต้นไม้ เก็บผมไม้ ร้องเพลง .........ผมอยู่จังหวัดชุมพรหนึ่งปี พออายุครบห้าขวบ แม่จึงพาย้ายเข้ามาเรียนที่จังหวัดนครปฐม ปล่อยทิ้งเหตุการณ์ บุคคล และความรู้สึกนึกคิดต่างๆๆ ที่ชุมพรทิ้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนตื่นจากฝัน ......กว่าผมจะจบประถมศึกษา ย้ายโรงเรียนสามแห่ง แฟนฉันในวัยเด็กเปลี่ยนทุกปี มีบางคน พาผมไปบ้าน ผมจำได้ว่า ตอนนั้นป.สอง เพื่อนแซวว่าเราเป็นแฟนกัน ไม่รู้ด้วยสาเหตุกลการณ์ใดเธอชวนผมไปบ้าน ไปส่งถึงห้อง ไม่มีใครอยู่บ้าน เธอบอกว่าพ่อกับแม่ทำงานยังไม่กลับบ้าน พอส่งเธอถึงบ้านก็กลับ ไม่ได้มีอะไร เพราะยังเด็ก .......อีกตอน ป.ห้า เด็กสาวซึ่งเกิดจากคำเพื่อนยัดเยียดให้ ซึ่งผมไม่รู้จักเธอมาก่อน แต่กระแสข่าวในโรงเรียนว่า ผมจีบเธออยู่ สาบานได้ผมไม่รู้จักเธอจริงๆ ๆ แต่ไม่เป็นไร เพื่อนบอกว่าเป็นแฟนกันก็เป็น ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมจริง เพราะหน้าตาผมก็แสนธรรมดา เรียนก็ไม่เก่ง อาจจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของโรงเรียนเพราะ วาดรูปเก่งอย่างเดียว ผิดกลับเธอน่ารัก เรียนเก่ง ฐานะดี ตั้งแต่เพื่อนพาตัวจริงเธอมาประจันหน้ากับผม รู้สึกเธอจะดีใจ ปลื้มเป็นพิเศษ แต่ผมกลับเขินอาย ทั้งที่เคยเป็นเด็กดื้อ ขี้สงสัย และไม่ค่อยสนใจเธอ มีเพื่อนเรียนห้องเดียวกับเธอมาเล่าให้ผมฟังว่า มีคนชอบเธอมาก เป็นนัยว่าเจียระไนคุณงามความดีต่างให้ฟัง แต่แล้วมันก็เด็กๆ ......คราอายุ 14 ผมจำได้ว่ารู้จักเธอคนหนึ่งและตอนนี้จำหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยเล่าให้ฟังได้ คนนี้คบสามปีครึ่ง คิดมายังเสียดายไม่หาย อยากกลับไปคบเหมือนเดิม แต่ติดที่ผมเองแหละหลักลอย ไม่จริงจัง เธอเป็นเด็กเรียน ขยัน หน้าตาดี คุยสนุก ช่วงที่รู้จักเธอคนนี้ ผมเริ่มมีโทรศัพท์มือถือ แต่ส่วนใหญ่จะเขียนจดหมาย เราเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดสามปีครึ่ง ทุกอาทิตย์ผมต้องเขียนจดหมายหลายหน้า ผมว่าการเขียนจดหมายสนุกว่าคุยอีก ทุกตัวอักษรและภาษา ผมบรรจงอ่านด้วยแววตาหวานฉ่ำและความรู้สึกที่ปลาบปลื้มสุด ๆ ผมว่าในบรรดาผู้หญิงที่ผมคบมา คลาสสิคมากที่สุดคือ เธอคนนี้ หลายครั้งเพื่อนผู้ชายสนิทๆ มาเล่นที่ห้องผม ผมก็จะเอาจดหมายให้เพื่อนอ่านอิจฉาเล่นๆ และผมก็รักการเขียนจดหมายเป็นไหนๆ เสียดายทุกวันนี้การเขียนจดหมายถึงแฟนไม่มีอีกแล้ว มีแต่จดหมายทวงหนี้ จดหมายราชการ บริษัท สุดท้ายปลายทาง เป็นได้แค่ The letter .......ถัดจาก สาว The letter ก็ยังมีสาว The letter อีกคน แต่คนนี้ เปลี่ยนผ่านจากจดหมายเป็น msn คุยเธอผ่านโปรแกรม msn ทุกวันและโทรศัพท์ เธออายุน้องกว่าผม หนึ่งปี ตอนนี้เธอเป็นพยาบาล คนนี้เป็นได้แค่ สาว msn ล่าสุดสาวรุ่นพี่หลายปี พบเธอในเว็บกลอน แต่งกลอนจนคบกันเป็นแฟน เธอคนนี้อายุการคบหา สามปี เลิกสามปี ......ตอนนี้อายุยี่สิบห้าแล้วครับ แต่เรื่องความรัก นับเท่าที่จำชื่อได้ เจ็ดแปดคน ส่วนที่จำชื่อไม่ได้มากมาย รวมๆ ๆ แล้ว ยี่สิบกว่าคน คิดไปคิดมารู้สึกเบื่อหน่ายความรักเหมือนกัน ตอนที่รัก ก็รักมากๆ ๆ ไม่คิดว่าจะเลิกกันด้วยซ้ำ แต่พอคบอีกคน มันก็รัก ๆ เหมือนคนก่อน ไม่มีจบสิ้น พออยากจบ ถึงเวลามันเข้ามาเอง บอกตัวเองว่าจะหยุด ๆ แต่พอเอาเข้าจริง มันก็ไม่หยุด รักๆ ซ้ำๆ เป็นสิ่งที่บรรยายยากเหลือเกินจิตใจมนุษย์ เป็นสิ่งที่สุดขั้วหัวใจ
30 กรกฎาคม 2555 06:24 น. - comment id 129993
ต่างกันราวฟ้ากับ โหมีแฟนยี่สิบกว่า ของเราไม่มีสักคน พยายามหเมือนกีนแต่ไร้ผล พอเห็นหน้า ดำ ๆ ฟันซี่ใหญ่ๆ ปากหนาตาถลนใส่แว่นมือเท้าเทอะทะเสื้อผ้าแต่งตัวขมุกขมอมถึงจะหาแต่งดี ๆก็ไม่มีรสนิยมเขาก็เผ่นกันหมดในบ้านกลอนนี้ขนาดไม่เห็นหน้าค่าตา ยังมีแต่ร้องยี้ทุกคน อิจฉาคุณจริง ๆ
30 กรกฎาคม 2555 17:52 น. - comment id 129996
มันทรมานใจมั่งไหมครับ
31 กรกฎาคม 2555 13:19 น. - comment id 130000
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์............ ............ยินดีที่ได้รู้จักครับ แฟนยี่สิบคน ไม่ใช่หรอกครับ ที่ตกลงปลงใจเป็นแฟน เจ็ดแปดคน.....ส่วนยี่สิบคน คือแบบระบุสถานะไม่ได้ครับ อิอิ ...........รักมากเบื่อมากครับ เหมือนกินอาหารมาก ถ้ากินไว้มันก็อิ่มไว้ ไม่ต้องการแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ บางที่มันก็หิ้วขึ้นมานะ ปล........ เรื่องสั้นเรื่องนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่าน เพราะคิดว่าจะโพสเก็บไว้ วันไหนเหงาๆ จะเข้ามาอ่าน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ แย้ม ไกลวันเกิน...................... บอกไม่ถูกครับ รักๆ ซ้ำๆ บอกตัวเองว่าเข็ดๆ ๆ ไม่เอาอีกแล้ว พอเจอคนใหม่ ก็เปลี่ยนใจ แต่สุดท้ายต้อง จบ เจ็บ จำ อิอิ
2 สิงหาคม 2555 09:23 น. - comment id 130007
พี่พุดมีเวลาเข้ามาอ่านงานน้อง แล้วมีบางสิ่งบอกพี่พุดว่า ถึงเวลาแล้วที่น้องจะได้ฟังธรรมหลวงพ่อ http://www.fungdham.com/sound/umnath.html ลองเข้าไปดาวโหลดฟังดูนะคะ ผู้มีบุญจะได้พบะรรมอัศจรรย์ ที่จะพาให้เรามิจำต้องเวียนว่าย ในสังสารวัฏฏ์ ที่เกิดจากตัณหาอุปาทานอีกต่อไป รักน้องนะคะ
6 สิงหาคม 2555 21:52 น. - comment id 130035
พุด............. ขอบคุณครับที่แนะนำ ลิงค์ที่ส่งมา เน็ตค่อนข้างช้าครับ ไม่สะดวกดูคลิป หรือไฟล์เสียง ไว้จะหาอ่านธรรมะคับ
30 กันยายน 2555 01:22 น. - comment id 130521
ชอบๆๆๆๆ