แปลกจัง หลายวันมานี่ ฟังแต่เพลง ฉ่อย แล้วก็มีลิ้งค์ไปหาเพลงแหล่ เพลงแหล่มีหลายเรื่องหลายตอน แต่ไหงอยากรู้เรื่องของ "องคุลีมาล"กันนะ เคยเรียนตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยจำประวัติการกำเนิด จำได้แต่เรื่องไม่ดีขององคุลีมาลอย่างเดียว พอฟังเพลงแหล่ประวัติองคุลีมาล ก็ให้รู้สึกสงสารในชะตากรรม ของ องคุลีมาลจริง ................................................ แหล่ประวัติองคุลีมาล 1 - 5 พร ภิรมย์ http://www.youtube.com/watch?v=S8TDdgYgKsQ&feature=related แหล่ประวัติองคุลีมาล 6 -10 พร ภิรมย์ http://www.youtube.com/watch?v=bTylMc-ZvxU&feature=relmfu แหล่ประวัติองคุลีมาล 11- 14 พร ภิรมย์ ไม่มี............น่าเสียดายจัง แหล่ประวัติองคุลีมาล 15 - 20 พร ภิรมย์ http://www.youtube.com/watch?v=8ft_lRe4aO8&feature=relmfu ........................... ประวัติพระองคุลีมาลเถระ http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-ong-kulee-marn.htm กำเนิดอหิงสกกุมาร ที่เมืองสาวัตถีของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองคุลิมาลนี้ ได้ถือปฏิสนธิในครรภ์แห่งนางพราหมณ์ชื่อ มันตานี ภรรยาของ คัคคพราหมณ์ (ภัคควพราหมณ์) ซึ่งเป็นปุโรหิตแห่งเมืองสาวัตถี ในเวลาที่องคุลิมาลคลอดออกจากครรภ์มารดานั้น บรรดาอาวุธทั้งหลายในนครทั้งสิ้นช่วงโชติขึ้น แม้กระทั่งฝักดาบ ที่อยู่ในห้องพระบรรทมก็ส่งแสงเรืองขึ้น พราหมณ์ปุโรหิตจึงลุกออกมาแหงนดูดาวนักษัตร ก็รู้ว่าบุตรเกิดโดยฤกษ์ดาวโจร ลูกของตนที่จะเกิดจากครรภ์ของภรรยานั้น จะเป็นโจรผู้ร้ายกาจเที่ยวเข่นฆ่ามนุษย์เสียมากมาย วันรุ่งขึ้นปุโรหิตจึงเข้าไปในพระราชวัง เข้าเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศล เพื่อทูลถวายรายงานถึงเหตุอาเพศที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน และกราบทูลว่าเป็นเพราะลูกที่เกิดจากนางพราหมณีที่เรือนของตน พระราชาสอบถามว่าอาเพศดังกล่าวจักเกิดเหตุอะไร ปุโรหิตกราบทูลว่า เขาจักเป็นมหาโจร พระราชาถามต่อว่าจักเป็นโจรทำร้ายผู้คน หรือ เป็นโจรประทุษร้ายราชสมบัติ ปุโรหิตกราบทูลว่า เขาจะไม่มีภัยต่อราชสมบัติ จะเป็นโจรคนเดียว พระราชาตรัสว่า เป็นโจรคนเดียวจะทำอะไรได้ ถ้าเขาทำเหตุอันใดขึ้นในอนาคต เราก็จักจัดการเขาเสียด้วยกองทหารของเรา จงเลี้ยงเขาไว้เถิด แม้ในวันที่ตั้งชื่อกุมารนั้น สิ่งของเหล่านี้คือ ฝักดาลอันเป็นมงคลที่วางไว้ ณ ที่นอน ลูกศรที่วางไว้ที่มุม มีดน้อยสำหรับตัดขั้วตาลซึ่งวางไว้ในปุยฝ้ายต่างส่งแสงลุกโพลงขึ้น แต่หาได้เป็นอันตรายหรือเบียดเบียนใครไม่ ปุโรหิตาจารย์นั้นเชื่อตามตำราว่า ลูกตนต้องเป็นคนโหดร้ายทารุณแน่ ก็เลยตั้งชื่อเด็กคนนี้เป็นการแก้เคล็ดเสียว่า อหิงสกกุมาร "แปลว่า เด็กผู้ไม่เบียดเบียนใคร" อหิงสกกุมารออกศึกษา เมื่ออหิงสกกุมารมีอายุพอจะศึกษาศิลปวิทยาแล้ว บิดามารดาจึงส่งไปเรียนกับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ที่เมืองตักกศิลา อหิงสกกุมารเป็นคนมีปัญญา ขยัน ตั้งใจเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย คอยรับใช้อาจารย์ด้วยความเคารพ พูดจาไพเราะจึงเป็นที่พอใจของอาจารย์มาก แต่ศิษย์คนอื่น ๆ เห็นท่านเป็นคนโปรดของอาจารย์ก็ริษยา พากันออกอุบายเพื่อกำจัดอหิงสกมาณพ โดยแบ่งคนออกเป็นสามพวก พวกแรกก็เข้าไปบอกอาจารย์ว่า ได้ยินมาว่าอหิงสกมาณพจะประทุษร้ายท่านอาจารย์ ทีแรกอาจารย์ไม่เชื่อ แต่เมื่อพวกที่สอง และ พวกที่สามเข้าไปบอกเรื่องอย่างเดียวกัน หนักเข้าก็กลับใจเชื่อ แล้วอาจารย์จึงหาอุบายฆ่าอหิงสกมาณพ อาจารย์คิดต่อไปอีกว่า ถ้าเราฆ่ามัน ใคร ๆ ก็จะคิดว่าอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ลงโทษมาณพผู้มาเรียนศิลปะยังสำนักของตนแล้วปลงชีวิตเสีย ดังนี้ ก็จักไม่มีใครมาเล่าเรียนศิลปะกับเราอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะเสื่อมลาภ ดังนั้นจึงได้ออกอุบายยืมมือคนอื่นฆ่า โดยให้มาณพนั้นฆ่าคนให้ได้พันคน ด้วยคาดว่าเมื่ออหิงสกกุมารปฏิบัติตามคำสั่งของตน เที่ยวได้ฆ่าคนไป ก็จะต้องมีใครคนใดคนหนึ่งต่อสู้ และฆ่ามาณพนั้นจนได้ แล้วอาจารย์จึงบอกมาณพนั้นว่า ยังมีคำสำหรับศิลปะวิชาขั้นสุดท้ายอยู่ เจ้าจะต้องฆ่าคนให้ได้พันคน เพื่อประกอบพิธีบูชาครู (ครุทักษิณา) มิฉะนั้นวิชานั้นก็จะไม่มีผล กำเนิดมหาโจรองคุลิมาล ทีแรกอหิงสกกุมารปฏิเสธโดยอ้างว่าท่านเกิดในตระกูลที่ไม่เบียดเบียนใคร แต่อาจารย์บอกว่าศิลปศาสตร์ที่เรียนไปแล้วถ้ามิได้บูชาครูก็จะไม่อำนวยผลที่ต้องการ ด้วยนิสัยรักวิชา อหิงสกกุมารจึงยอมปฏิบัติตาม โดยออกไปสู่ป่าชาลิวันในแคว้นโกศล อาศัยอยู่ที่หุบเขาแห่งหนึ่งคอยดักฆ่าคนเดินทางออก เที่ยวปล้นหมู่บ้านและตำบลต่าง ๆ เป็นโกลาหล ได้ฆ่าคนล้มตายเป็นจำนวนมาก แรก ๆ อหิงสกมาณพก็ไม่ได้ตัดนิ้วชนที่ตนฆ่าเก็บเอาไว้ แต่เมื่อฆ่าคนมากเข้า ๆ ก็จำไม่ได้ว่าฆ่าไปแล้วกี่คน เพื่อเป็นเครื่องนับจำนวนคนที่ตนฆ่า อหิงสกมาณพก็ตัดเอานิ้วมือคนที่ตายคนละหนึ่งนิ้ว มาเก็บไว้ แต่เก็บ ๆ ไปก็มีนิ้วที่เสียหายไปบ้างไม่ครบจำนวน จึงเปลี่ยนมาทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอไว้ ฉะนั้นคนจึงเรียกชื่อท่านว่า องคุลิมาล นับแต่ออกจากสำนักอาจารย์มา องคุลิมาลก็คอยดักซุ่มฆ่าคนเรื่อยไป เจอใครฆ่าหมดไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายคนเฒ่าคนแก่เด็กเล็กเด็กแดงไม่เลือก จนไม่มีใครสามารถไปป่าเพื่อหาฟืนเป็นต้น ในตอนกลางคืนก็เข้ามายังภายในบ้านเอาเท้าถีบประตู แล้วก็ฆ่าคนที่นอนนั้นแหละ หมู่บ้านก็ร่นถอยไปตั้งในนิคม.นิคมก็ร่นถอยไปตั้งอยู่ในเมือง พวกมนุษย์ทิ้งบ้านเรือนจูงลูกเดินทางมาล้อมพระนครสาวัตถี เป็นระยะทางถึงสามโยชน์ ตั้งค่ายพักประชุมกันที่ลานหลวง ต่างคร่ำครวญกล่าวกันว่า ข้าแต่สมมติเทพ ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีโจรชื่อองคุลิมาล พราหมณ์ปุโรหิตได้ยินเรื่องดังนั้นก็รู้ว่า โจรองคุลิมารนั้นต้องเป็นบุตรของเราเป็นแน่ จึงกล่าวกะนางพราหมณีว่า เกิดโจรชื่อองคุลิมาลขึ้นแล้ว โจรนั้นคงไม่ใช่ใครอื่น ต้องเป็นอหิงสกกุมาร ลูกของเราเป็นแน่ บัดนี้ พระราชาจะเสด็จออกไปจับเขา เราควรจะทำอย่างไร นางพราหมณีพูดว่า ฉันจะไปพาลูกของฉันมา ดังนี้ จึงออกเดินทางเพื่อไปบอกลูกบุตรชายให้หนีไปเสีย เวลานั้นโจรองคุลิมาลได้นิ้วมือมาเพียง ๙๙๙ นิ้ว ยังขาดอยู่นิ้วเดียวเท่านั้น จึงกระหายเป็นกำลังและตั้งใจว่าถ้าพบใครก่อนก็จะฆ่าทันทีเพื่อจะได้นิ้วมือครบตามต้องการ แล้วจะได้ตัดผมโกนหนวดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเยี่ยมบิดามารดา องคุลิมาลพบพระพุทธเจ้า เช้าตรู่วันนั้นพระบรมศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ทรงเห็นว่าองคุลิมาลเป็นผู้มีอุปนิสัยพอที่จะโปรดให้บรรลุมรรคผลได้ และทรงพระดำริเห็นว่า ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปโปรด องคุลิมาลก็จะกระทำมาตุฆาต ฆ่ามารดาของตนเสีย จะเป็นผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมใด ๆ ได้ในชาตินี้ แม้จะได้ฟังธรรมโดยตรงจากพระพุทธองค์ พระองค์จึงเสด็จจาริกมุ่งตรงไปยังป่าชาลิวันเป็นระยะทาง ๓๐ โยชน์ เพื่อสกัดองคุลิมาลไว้มิให้ทันได้ฆ่ามารดา ธรรมดาการเสด็จจาริกของพระผู้มีพระภาคเจ้า มี ๒ อย่างคือ เสด็จจาริกอย่างรีบด่วน ๑ เสด็จจาริกอย่างไม่รีบด่วน ๑ ใน ๒ อย่างนั้น การที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นบุคคลที่ควรให้ตรัสรู้ได้แม้ในที่ไกล ก็จะเสด็จไปโดยเร็วเพื่อประโยชน์แก่การตรัสรู้ของเขา ชื่อว่าเสด็จจาริกอย่างรีบด่วน. เช่นในการเสด็จไปเพื่อประโยชน์แก่พระอังคุลิมาลในครั้งนี้ ในระหว่างทางนั้นพวกคนเลี้ยงโคได้พากันวิ่งเข้าไปกราบทูลขอร้องถึง ๓ ครั้ง มิให้เสด็จไปหาองคุลิมาลเพราะกลัวพระองค์จะได้รับอันตราย แต่พระพุทธองค์ทรงเฉยเสียแล้วเสด็จดำเนินต่อไปจนถึงป่าชาลิวัน โจรองคุลิมาลได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล ก็คิดว่าน่าประหลาดจริงหนอ เมื่อก่อน แม้พวกบุรุษมากันสิบคนก็ดี ยี่สิบคนก็ดี สามสิบคนก็ดี สี่สิบคนก็ดี ก็ยังต้องรวมเป็นกลุ่มเดียวกันเดินทาง แต่ถึงอย่างนั้น บุรุษพวกนั้นยังต้องตายเพราะมือเรานี่มีเพียงสมณะนี้ผู้เดียวไม่มีเพื่อนมาด้วยชะรอยสมณะนี้คงจะมีดีอะไรสักอย่างแล้วจะมาลองดีกับเรา ถ้ากระไรเราพึงปลิดชีวิตสมณะนี้เถิด ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรถือดาบและโล่ผูกสอดแล่งธนู ติดตามพระผู้มีพระภาคไปทางพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ ในลักษณะที่องคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระผู้มีพระภาค ผู้เสด็จไปตามปกติได้ เมื่อเป็นดังนั้น องคุลิมาลโจรก็ได้มีความคิดว่า น่าอัศจรรย์จริงเมื่อก่อนนี้แม้ช้างกำลังวิ่ง ม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เนื้อกำลังวิ่ง เราก็ยังวิ่งตามจับได้ แต่ว่านี่เราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะนี้ซึ่งเดินไปตามปกติได้ คิดดังนี้แล้วจึงหยุดยืนกล่าวกะพระผู้มีพระภาคว่า จงหยุดก่อนสมณะ จงหยุดก่อนสมณะ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรคิดอยู่ว่า สมณศากยบุตรเหล่านั้น ปกติมักเป็นคนพูดจริงมีปฏิญญาจริง แต่สมณะรูปนี้ กำลังเดินไปอยู่แท้ ๆ กลับพูดว่า เราหยุดแล้ว คงจะต้องมีนัยอะไรสักอย่าง เราน่าจะถามสมณะรูปนี้ดูจะดีกว่า ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค "สมณะ...ท่านกำลังเดินไป ยังกล่าวว่าเราหยุดแล้ว และยังกล่าวกะข้าพเจ้าผู้หยุดแล้ว ว่าไม่หยุด...สมณะ ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุด เป็นอย่างไร"? องคุลิมาลทูลขอบรรพชา พระพุทธองค์มีพระดำรัสตอบว่า "องคุลิมาลเราได้หยุดคือเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ส่วนตัวเธอยังไม่หยุด คือยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่ เราจึงพูดเช่นนั้น" องคุลิมาลได้ยินพระสุรเสียงอันแจ่มใส พระดำรัสที่คมคายเช่นนั้น ก็เกิดใจอ่อน รู้สึกสำนึกผิดได้ทันทีแล้ววางดาบ ทิ้งธนู สลัดแล่งโยนทิ้งลงเหวที่หุบเขา เข้าไปถวายบังคมพระบาทยุคลของพระพุทธองค์ ทูลขอบวชในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยได้ทรงพิจารณาเห็นว่าองคุลีมาลนั้นถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยและได้เคยถวายภัณฑะ คือ บริขารแปด แก่ท่านผู้มีศีลในปางก่อน ก็ทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาออกจากบังสุกุลจีวร เปล่งพระสุรเสียง ตรัสเรียกว่า เธอ จงมาเป็นภิกษุเถิด จงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด พร้อมกับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นนั่นเอง เพศคฤหัสถ์ขององคุลีมาลนั้นก็อันตรธานไป บรรพชาและอุปสมบทก็สำเร็จ องคุลิมาลนั้นก็เป็นผู้ปลงผมนุ่งห่มผ้ากาสาวะ คือนุ่งผ้าอันตรวาสก ผืนหนึ่ง ห่มผ้าอุตราสงค์ ผืนหนึ่ง พาดผ้าสังฆาฏิไว้บนบ่าผืนหนึ่ง มีบาตรดินที่มีสีเหมือนดอกอุบลเขียวคล้องไว้ที่บ่าข้างซ้าย พร้อมด้วยบริขารอื่น คือ มีดโกน เข็ม และผ้ารัดประคดเอว และ ผ้ากรองน้ำ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอิริยาบถ เหมือนพระเถระอายุพรรษาตั้งร้อยพรรษา มีพระพุทธเจ้าเป็นพระอาจารย์ มีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัชฌายะ ยืนถวายบังคมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ทีเดียว พระบรมศาสดาก็เสด็จพาองคุลิมาลภิกษุไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลได้พบภิกษุองคุลิมาล สมัยนั้น หมู่มหาชนก็มาชุมนุมกันอยู่ที่ประตูพระราชวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ส่งเสียงร้องทุกข์กับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีโจรชื่อว่าองคุลิมาล เป็นคนหยาบช้า ฆ่าคนโดยไม่มีความกรุณา องคุลิมาลโจรนั้น เข่นฆ่าพวกมนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงแขวนคอไว้ ขอพระองค์จงกำจัดมันเสียเถิด พระเจ้าปเสนทิโกศลนั้นทรงกลัวองคุลิมาล มิได้มีพระประสงค์จะไปจับโจรเลยแต่ทรงเกรงต่อคำครหา จึงทรงดำริว่า ถ้าเราจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ พระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า พระองค์พาไพร่พลออกมาเพราะเหตุไร เราก็จะทูลว่า ก็พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้สงเคราะห์ข้าพระองค์ ด้วยประโยชน์ในภพหน้าแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม้ประโยชน์ในปัจจุบันก็ทรงสงเคราะห์ด้วย ข้าพระองค์ออกมาจับโจรองคุลิมาล ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่าเราจะจับโจรได้ก็คงจะทรงนิ่งเสีย แต่ถ้าเราทรงเห็นว่าเราจะแพ้ ก็จะทรงตรัสว่า มหาบพิตร จะมีประโยชน์อะไร ด้วยการเสด็จมาด้วยเรื่องของโจรเพียงคนเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้นคนก็จะเข้าใจเราอย่างนี้ว่า พระราชาเสด็จออกจับโจร แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามเสียแล้ว ดังนี้ เราก็จะพ้นคำครหาด้วยประการฉะนี้ ดังนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงได้เสด็จเคลื่อนพลออกจากนครสาวัตถี ด้วยกระบวนม้าประมาณ ๕๐๐ เสด็จเข้าไปยังพระเชตวันมหาวิหารแต่ยังวันทีเดียว เสด็จไปด้วยพระยานจนสุดทางที่ยานจะสามารถไปได้แล้ว เสด็จลงจากพระยานแล้ว ทรงพระราชดำเนินด้วยพระบาทเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ดูกรมหาบพิตร พระเจ้าพิมพิสาร แห่งแคว้นมคธทรงทำให้พระองค์ทรงขัดเคือง หรือเป็นเจ้าลิจฉวี เมืองเวสาลี หรือว่าเป็นพระราชาผู้เป็นปฏิปักษ์เหล่าอื่น? พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลว่า มิได้พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉัน ออกมาจับโจรชื่อว่าองคุลิมาล พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรมหาราช ถ้ามหาบพิตรทอดพระเนตรเห็น องคุลิมาล เป็นผู้ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการพูดเท็จ ฉันภัตตาหารหนเดียว ประพฤติพรหมจรรย์ พระองค์จะทรงกระทำอย่างไรกะเขา? พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงตรัสว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันจะพึงทำความเคารพ จะจัดถวายจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร หรือก็จะจัดการรักษาป้องกันคุ้มครองอย่างเป็นธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่องคุลิมาลโจรนั้น เป็นคนทุศีล มีบาป จะมีความสำรวมด้วยศีลถึงอย่างนั้นได้อย่างไร? ขณะนั้น ท่านพระองคุลิมาล นั่งอยู่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้นชี้ตรัสบอกพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ดูกรมหาราช นั่น องคุลิมาล พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงเห็นองคุลิมาลก็ทรงมีความกลัว ทรงหวาดหวั่น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกลัว จึงได้ตรัสกะพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า อย่าทรงกลัวเลย มหาราช อย่าทรงกลัวเลย มหาราช บัดนี้ องคุลิมาลนี้ไม่เป็นภัยกับผู้ใดแล้ว ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงระงับความกลัวได้แล้ว จึงเสด็จเข้าไปหาท่านองคุลิมาลถึงที่ที่ท่านนั่งอยู่ แล้วทรงดำริว่าการที่จะถือเอาชื่อที่เกิดขึ้นเพราะกรรมอันชั่วช้า คือชื่อ "องคุลิมาล" นั้นนำมาเรียกพระภิกษุ เป็นการไม่สมควร เราจักเรียกท่านด้วยชื่อแห่งโคตรของบิดามารดา ดังนี้ จึงถามว่า บิดาของพระผู้เป็นเจ้ามีโคตรอย่างไร มารดาของพระผู้เป็นเจ้ามีโคตรอย่างไร? ท่านพระองคุลิมาลถวายพระพรว่า ดูกรมหาบพิตร บิดาชื่อ คัคคะ มารดาชื่อ มันตานี พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทรงปวารณาที่จะถวายจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แก่ท่านคัคคะมันตานีบุตร. และเพื่อแสดงถึงความตั้งพระทัยในการกล่าวปวารณานั้นอย่างจริงจัง พระเจ้าปเสนทิโกศล ก็ทรงเปลื้องผ้าสาฏกที่คาดเอววางไว้ ณ ที่ใกล้เท้าของพระเถระ แต่เนื่องจากในครั้งนั้น ท่านพระองคุลิมาล ถือการอยู่ในป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือผ้าสามผืนเป็นวัตร ดังนั้น ท่านองคุลิมาลจึงได้ถวายพระพรพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า อย่าเลย มหาราช ไตรจีวรของอาตมภาพมีบริบูรณ์แล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสรรเสริญพระพุทธคุณ ที่ทรงสามารถปราบโจรร้ายได้ โดยไม่ต้องใช้อาญาและศัสตราอาวุธใด ๆ ลำดับนั้น แล้วทรงลุกจากที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วเสด็จกลับไป พระองคุลิมาลโปรดหญิงมีครรภ์ หลังจากที่ท่านพระองคุลิมาลได้บวชแล้ว ท่านก็ได้รับความลำบากในเรื่องการบิณฑบาต แรก ๆ ท่านก็ออกบิณฑบาตภายนอกพระนคร แต่พวกชาวบ้านพอเห็นท่านแล้วย่อมสะดุ้งบ้าง ย่อมหนีเข้าป่าไปบ้าง ย่อมปิดประตูบ้าง บางพวกพอได้ยินว่า องคุลิมาล ก็วิ่งหนีเข้าเรือนปิดประตูเสียบ้าง เมื่อไม่อาจหนีได้ทันก็ยืนผินหลังให้ พระเถระไม่ได้แม้ข้าวยาคูสักกระบวยหนึ่ง แม้ภัตสักทัพพีหนึ่ง เมื่อท่านเห็นว่าไม่สามารถบิณฑบาตได้ภายนอกพระนครก็เข้าไปบิณฑบาตยังในพระนคร แต่พอเข้าไปทางประตูเมืองนั้น ก็เป็นเหตุให้มีเสียงตะโกนระเบิดออกมาเป็นพัน ๆ เสียงว่าองคุลิมาลมาแล้ว ๆ บัญญัติพระวินัยเรื่องการให้บวชโจรที่ขึ้นชื่อโด่งดัง ในเรื่องนี้ก็เป็นเหตุให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัยไว้โดยที่ในเรื่องนี้ประชาชนได้เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงให้โจรที่ขึ้นชื่อโด่งดังบวชเล่า. ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกนั้น เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย โจรที่ขึ้นชื่อโด่งดัง ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใดให้บวช ต้องอาบัติทุกกฎ ต่อมา ท่านเข้าไปบิณฑบาตในเมือง เห็นหญิงคลอดลูกไม่ออกคนหนึ่งจึงเกิดความสงสาร เมื่อกลับจากบิณฑบาตแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ พระพุทธองค์ทรงพระปริวิตกเกี่ยวกับเรื่องพระเถระลำบากด้วยภิกษาหาร เพื่อจะสงเคราะห์พระเถระนั้นโดยการลดความหวาดกลัวของประชาชนลง พระองค์จึงทรงมีพระประสงค์จะให้พระเถระแสดงสัจจกิริยาอนุเคราะห์แก่สตรีผู้เจ็บครรภ์เพื่อให้ชนทั้งหลายเห็นว่า บัดนี้พระองคุลิมาลเถระกลับได้มีเมตตาจิต กระทำความสวัสดีให้แก่พวกมนุษย์ด้วยสัจจกิริยา ฉะนั้นชนทั้งหลายย่อมคิดว่าควรเข้าไปหาพระเถระ ต่อแต่นั้นพระเถระก็จะไม่ลำบากด้วยภิกษาหาร พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูกร องคุลิมาล ถ้าอย่างนั้น เธอจงเข้าไปหาสตรีนั้นและกล่าวกะสตรีนั้นอย่างนี้ว่า ดูกรน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดมาแล้ว จะได้รู้สึกว่าแกล้งปลงสัตว์จากชีวิตหามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด ท่านพระองคุลิมาลกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าข้าพระองค์กล่าวเช่นนั้นก็จะเป็นว่าข้าพระองค์กล่าวเท็จทั้งรู้อยู่เป็นแน่ เพราะข้าพระองค์แกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตเป็นอันมาก พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกร องคุลิมาล ท่านอย่าถือเอาเหตุนั้นเลย นั่นไม่ใช่ชาติของท่าน นั่นเป็นเวลาเมื่อเป็นคฤหัสถ์ ธรรมดาคฤหัสถ์ย่อมฆ่าสัตว์.บ้าง ย่อมกระทำอทินนาทานเป็นต้นบ้าง แต่บัดนี้ ชาติของท่านชื่อว่า อริยชาติ.เพราะฉะนั้น ท่านถ้ารังเกียจจะพูดอย่างอย่างนั้น ท่านจงเข้าไปหาสตรีนั้น แล้วกล่าวกะสตรีนั้นอย่างนี้ว่า ดูกรน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้วในอริยชาติ จะได้รู้สึกว่าแกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตหามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด พระองคุลิมาลทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว เข้าไปหาหญิงนั้นถึงที่อยู่ เพื่อกระทำสัจจกิริยาให้หญิงนั้รคลอดโดยสวัสดี ก็โดยปกติแล้ว การคลอดบุตร ของหญิงทั้งหลาย ผู้ชายไม่ควรจะเข้าไป ญาติของหญิงนั้นจึงกั้นม่านปูลาดตั่งไว้ภายนอกม่านไว้ให้พระเถระ พระเถระจึงนั่งลงบนตั่งนั้น และกระทำสัจจกิริยา ครั้นสิ้นคำสัจจกิริยานั้น ทารกก็ออกจากครรภ์มาดาอย่างง่ายดาย ดุจเทน้ำออกจากกระบอก ทั้งมารดาทั้งบุตรต่างก็มีความปลอดภัย คำสัจจกิริยาของพระเถระนี้ มหาชนต่างก็ถือว่าเป็นพระปริตรอันศักดิ์สิทธิ์ ในประเทศไทยเองก็ได้อยู่ในบทสวดทั้งเจ็ดตำนานและสิบสองตำนาน ชื่อว่า องคุลิมาลปริต ในครั้งนั้น แม้กระทั่งตั่งที่พระเถระนั่งกระทำสัจจกิริยา ชนทั้งหลายเพียงนำสัตว์ดิรัจฉานตัวเมียที่มีครรภ์คลอดลำบากมาให้นอนที่ตั่งนั้น ก็จะคลอดออกได้โดยง่าย แม้แต่ตัวใดที่พิการนำมาไม่ได้ ก็เพียงแต่เอาน้ำล้างตั่งนั้นไปรดศีรษะ ก็คลอดออกได้ในขณะนั้นทีเดียว แม้โรคอย่างอื่นก็สงบไป ได้ยินว่า พระมหาปริตนี้มีปาฏิหาริย์ตั้งอยู่ตลอดกัป ตั้งแต่นั่นมาปัญหาเรื่องภิกษาหารของพระเถระก็หมดไป แต่พระประสงค์ของพระพุทธองค์ ในการที่จะให้พระเถระกระทำสัจจกิริยาด้วยถ้อยคำดังกล่าวข้างต้น ด้วยทรงมีพระพุทธประสงค์อีกประการหนึ่งก็คือ ในอดีตตั้งแต่พระเถระบรรพชาแล้ว ท่านก็เพียรในสมณธรรม แต่เมื่อขณะที่พระเถระกระทำกัมมัฏฐานนั้น ท่านก็ไม่สามารถทำความสงบให้เกิดขึ้นแก่จิตได้ ด้วยภาพแห่งการกระทำที่ในดง เช่นการฆ่าพวกมนุษย์ ภาพการโอดครวญวิงวอนของเหล่ามนุษย์ที่ท่านกำลังจะฆ่า ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ข้าพเจ้ายังมีบุตรเล็ก ๆ อยู่ โปรดให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้าเถิดนาย ภาพความวิการแห่งมือและเท้าก็ดี ของคนเหล่านั้น ดังนี้ ย่อมมาสู่จิตของท่าน จนท่านไม่สามารถกระทำสมณธรรมได้ต้องลุกไปเสียจากที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ให้พระเถระกระทำสัจจกิริยาโดยอ้างอริยชาติ ด้วยทรงเล็งเห็นว่า พระองคุลิมาลต้องกระทำชาติ(ที่เป็นคฤหัสถ์)นั้นให้เป็นอัพโพหาริก (เป็นโมฆะ) คือให้พระเถระไม่คิดถึงเรื่องในเมื่อครั้งเป็นคฤหัสถ์ แต่ให้ท่านได้มีความเข้าใจว่าท่านเกิดใหม่ในอริยชาติแล้ว ให้ท่านคิดดังนี้เสียก่อนแล้วเจริญวิปัสสนา จึงจักบรรลุพระอรหัตต์ได้ ต่อมาภิกษุองคุลิมาลก็หลีกออกจากคณะ ไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ผู้เดียว ไม่นานเท่าไรนักก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในการสำเร็จเป็นพระอรหันต์ของพระองคุลิมาลเถระนั้น ไม่เป็นที่ปรากฏชัดแก่ภิกษุบางเหล่า ดังเช่นมีเรื่องเล่าว่า สมัยหนึ่ง ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเที่ยวจาริกไปตามชนบทแล้วทรงมาถึงพระเชตวัน มหาวิหาร พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกระทำมหาทานแข่งกับพวกประชาชน โดยได้นิมนต์พระพุทธองค์พร้อมเหล่าภิกษุทั้งหมดมาเพื่อจะถวายทาน. ในวันที่สองพวกชาวกรุงถวาย พระราชาทรงถวายยิ่งกว่าทานของพวกชาวกรุงเหล่านั้นอีก พวกชาวกรุงก็ถวายยิ่งกว่าทานของพระองค์ เป็นดังนี้ ครั้นเมื่อล่วงไปหลายวันอย่างนั้น พระราชาทรงเกรงว่าจะแพ้พวกชาวกรุง. ทีนั้นพระนางมัลลิกาเทวีผู้เป็นพระมเหสีได้กราบทูลขอจัด อสทิสทาน ถวาย ในอรรถกถากล่าวว่า อสทิสทานนั้น จะมีในพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งๆ นั้น จะมีได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น พระนางมัลลิกาเทวีได้ทรงกราบทูลให้พระราชาจัดทานดังนี้ ให้เขาทำมณฑปสำหรับพระพุทธองค์ทรงประทับภายในวงเวียน ภิกษุที่เหลือนั่งภายนอกวงเวียน; จัดช้าง ๕๐๐ เชือกถือเศวตฉัตร ๕๐๐ คัน ยืนกั้นอยู่เบื้องบนแห่งภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป จัดทำเรือทองคำ ๑๐ ลำวางไว้ ณ ท่ามกลางมณฑป เจ้าหญิงองค์หนึ่งๆ จัดให้นั่งบดของหอมอยู่ในระหว่างภิกษุ ๒ รูป เจ้าหญิงองค์หนึ่งๆ จักถือพัด ยืนพัดภิกษุ ๒ รูป เจ้าหญิงที่เหลือ จัดให้นำของหอมที่บดแล้วมาใส่ในเรือทองคำทั้งหลาย ในบรรดาเจ้าหญิงเหล่านั้น เจ้าหญิงบางพวกให้ถือกำดอกอุบลเขียว เคล้าของหอมที่ใส่ไว้ในเรือทองคำแล้ว เพราะเหล่าชาวเมืองย่อมหาเจ้าหญิงไม่ได้ ย่อมหาเศวตฉัตรไม่ได้ ย่อมหาช้างไม่ได้ ด้วยของเหล่านี้เป็นของที่มีเฉพาะกับพระราชาเท่านั้น ชาวเมืองก็จะต้องแพ้อย่างแน่นอน พระราชาจึงรับสั่งให้จัดมหาทานตามวิธีที่พระนางกราบทูลแล้ว แต่ก็ปรากฏว่าช้างยังขาดไปเชือกหนึ่ง พระราชาตรัสบอกว่าพระนางมัลลิกา ที่จริง มีช้างพอ ๕๐๐ เชือก แต่ช้างที่เหลืออยู่เป็นช้างดุร้าย เมื่อเห็นภิกษุทั้งหลายเข้าก็จะพยศ พระเทวีจึงทูลพระราชาว่า ให้จัดเอาช้างที่ดุร้ายนั้นยืนอยู่ข้างพระผู้เป็นเจ้าที่ชื่อว่าองคุลิมาล พระราชารับสั่งให้ราชบุรุษทำอย่างนั้น ก็ปรากฏว่าด้วยเดชของพระเถระ ช้างเชือกนั้น แม้สักว่าพ่นลมจมูก ก็ทำไม่ได้ ช้างสอดหางเข้าในระหว่างขา ได้ปรบหูทั้งสอง หลับตายืนอยู่แล้ว. ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายถามพระองคุลิมาลว่า ท่านเห็นช้างตัวดุร้าย ยืนกั้นฉัตรอยู่แล้ว ไม่กลัวหรือ พระองคุลิมาลตอบว่า ไม่กลัว ภิกษุเหล่านั้น จึงไปกราบทูลพระศาสดาว่า พระองคุลิมาล พยากรณ์พระอรหัตด้วยคำไม่จริง เพราะเนื่องจากมีเฉพาะผู้ที่เป็นพระอรหันต์เท่านั้นที่จะไม่กลัวความตาย พระศาสดาทรงตรัสว่า พระองคุลิมาลมิได้พูดเท็จ เพราะว่า ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพย่อมไม่กลัว อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อครั้งพระเถระปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุแล้วภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า พระองคุลิมาลเถระเมื่อสิ้นชีวิตแล้วจะไปบังเกิดที่ไหน ? พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสภิกษุทั้งหลายว่านั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ปรารภกันถึงเรื่องที่พระองคุลิมาลเถระจะไปบังเกิด พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า พระเถระไม่มาเกิดอีกแล้วเพราะท่านได้ปรินิพพาน (หมายถึงบรรลุพรหัตผล) แล้ว เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า พระองคุลิมาลเถระฆ่ามนุษย์เป็นจำนวนมากเช่นนั้น ท่านได้ปรินิพพานแล้วหรือ พระพุทธองค์จึงตรัสรับรองว่าเป็นอย่างนั้น เพราะท่านพระองคุลิมาลก่อนนั้นท่านไม่ได้กัลยามิตรสักคนหนึ่ง จึงได้ทำบาปอย่างนั้นในกาลก่อน แต่ภายหลังเธอได้กัลยาณมิตรเป็นปัจจัย จึงได้เป็นผู้ไม่ประมาท เหตุนั้น ท่านจึงสามารถละบาปกรรมนั้นได้แล้วด้วยกุศล พระพุทธองค์ทรงทรมานพระองคุลิมาลในอดีตชาติ ตั้งแต่พระอังคุลิมาลเถระนั้น ได้กระทำความสวัสดีแก่หญิงผู้มีครรภ์หลงด้วยทำความสัตย์แล้ว จำเดิมแต่นั้นมาก็ได้อาหารสะดวกขึ้น ได้ปฏิบัติธรรมโดยการเจริญวิเวกอยู่แต่ผู้เดียว ต่อมาไม่นานท่านก็ได้บรรลุพระอรหัต เป็นพระอรหันต์มีชื่อปรากฏนับเข้าในภายในพระอสีติมหาเถระ ๘๐ องค์ ในครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ หนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทรมานพระองคุลิมาล ผู้เป็นมหาโจรมีฝ่ามืออันชุ่มด้วยเลือด ร้ายกาจเห็นปานนั้น โดยไม่ต้องใช้ทัณฑะหรือศัสตรา ทำให้หมดพยศได้ ทรงกระทำกิจที่ทำได้โดยยาก ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้กระทำกิจที่ทำได้ยากอย่างน่าอัศจรรย์ พระศาสดาประทับอยู่ในพระคันธกุฎี ได้ทรงสดับถ้อยคำของภิกษุเหล่านั้นด้วยทิพโสต ก็ทรงพระดำริว่าพระธรรมเทศนาที่เราจักแสดงวันนี้จะมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงดังนี้ จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี เสด็จไปยังธรรมสภา ประทับนั่งบนอาสนะที่พวกภิกษุจัดไว้ถวายแล้วตรัสถามว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เราผู้ได้ทรมานพระองคุลิมาลได้ในบัดนี้ไม่น่าอัศจรรย์เลย แม้เมื่อครั้งในอดีตเราก็ทรมานพระองคุลิมาลนี้ได้ ตรัสดังนี้แล้วทรงนิ่งอยู่ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลอาราธนา จึงทรงนำอดีตนิทานแสดงดังต่อไปนี้ อ่านเรื่อง มหาสุตโสมชาดก รับกรรมที่มาตามสนอง ครั้งหนึ่งท่านได้เข้าไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี ในครั้งนั้นก็ปรากฏว่า ก้อนดิน ท่อนไม้ ก้อนกรวดที่บุคคลแม้ขว้างไปในทิศทางอื่น ก็ปรากฏให้สิ่งเหล่านั้นมาตกต้องกายของท่านพระองคุลิมาล ท่านพระองคุลิมาลศีรษะแตก โลหิตไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิก็ฉีกขาด ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรท่านพระองคุลิมาลเดินมาแต่ไกล ครั้นแล้วได้ตรัสกะท่านพระองคุลิมาลว่า เธอจงอดกลั้นไว้เถิด เธอได้เสวยผลกรรมซึ่งเป็นเหตุจะให้เธอนั้นหมกไหม้อยู่ในนรกตลอดชั่วกาลนานนั้น เพียงในปัจจุบันนี้เท่านั้น อืมมมมมมมมม อนุโมทนาสาธุ .......................................... ไปเจอเว็บ รวมภาพพุทธประวัติเรียงลำดับเหตุการณ์ ทั้งหมด 81 ภาพ วัดพระบาทน้ำพุ ภาพสวยมากเลยค่ะ http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=2558.0
3 พฤษภาคม 2555 12:38 น. - comment id 129029
1
3 พฤษภาคม 2555 13:00 น. - comment id 129030
ยกป เพิ่งตื่นป่าวเนี่ย งัวเงียมาเชียว แถวนี้ฟ้าร้องฮึ่มฮั่มเลยฟร่ะแกรเอ๊ย
3 พฤษภาคม 2555 13:49 น. - comment id 129031
องคุลีมาล ๑.ร่างกำยำล่ำสันเป็นมันปลาบ ตาวาววาบแข็งแรงกำแหงหาญ เป็นควายป่าดื้อรั้นโดยสันดาน อันธพาลอำมหิตจนผิดควาย ๒.ราชสีห์กล้ากร้าวเป็นจ้าวป่า โถมถลาเข้าปะทะผงะหงาย ถูกเขาคมคล้ายกริชแทงมิดปลาย ทุรนทุรายเลือดพลั่กทะลักริน ๓.ควายคำรามสั่นเถื่อนสะเทือนชัฏ สัตว์สัมผัสความตายจนได้กลิ่น คณานกตกใจไถลบิน ควายบ้าบิ่นลำพองจะครองไพร ๔.เมื่อปราบเสือสิงห์ช้างหมดทางสู้ จึงเข้าสู่ไร่นาคนอาศัย ทำร้ายสัตว์เลี้ยงตายยิ่งได้ใจ มิเกรงภัยจักบึ่งมาถึงตัว ๕.ชาวบ้านออกอุบายจับควายป่า นำควายนาผูกไว้อยู่ในรั้ว แล้วซุ่มอยู่ภายนอกใกล้คอกวัว รอควายชั่วปรากฏอย่างอดทน ๖.เมื่อพุ่มไม้สั่นไหวทันใดนั้น! ควายฉกรรจ์ฟึดฟัดสะบัดขน ก็ย่างกรายหมายเถือควายเหยื่อตน โดยไม่สนแผนกักกับดักวาง ๗.เมื่อพลัดเข้าในคอกเป็นซอกแคบ พวกซุ่มแอบแนบเฉยก็เผยร่าง เอาไม้สอดรั้วกันเพื่อกั้นทาง อีกพวกง้างหอกคมระดมแทง ๘.รุมทำร้ายมหิงสาจนสาหัส ดาบง้าวซัดกระหน่ำสัตว์กำแหง ลิ่มเลือดไหลทะลักเป็นปลักแดง ร่างอ่อนแรงสะดุ้งเฮือกตาเหลือกลาน ๙.จดจำทุกดวงหน้าอย่างอาฆาต ทุกทุกชาติจะจ้องตามจองผลาญ ไอ้และอีที่ทำร้ายกูวายปราณ จะแหลกลาญสิ้นชื่อด้วยมือกู ........................................... ฝน กลอนชุดนี้เป็นของคุณฤทธิ์เคยไปเม้นต์ ในกลอนจนตรอกของพี่ ที่เขียนไว้นานแล้ว โดยบอกให้พี่เขียนต่อถึงตอนตัดนิ้ว แล้วคิดฤทธิ์จะมาต่อช่วงสุดท้ายให้ แต่ด้วยรู้ว่าฝีมือยังไม่ถึงระดับ กลอนบทนี้ จึงทิ้งอยู่แบบนี้รอคุณฤทธิ์มาต่อให้จบ วันนี้เห็นฝน ลงเรื่ององคุลีมาล ก็เลยนำมาแจม เพื่อสร้างบรรยากาศ ปล.ถ้าคุณฤทธิ์มาอ่านพบเม้นต์นี้ ต้องขอประทานโทษที่ไม่ได้บอกก่อน ที่เอาบทกลอนนี้มาเม้นต์ที่นี่ และพร้อมกันนั้น อยากจะขอให้ คุณฤทธิ์ ช่วยแต่งต่อจนจบ ให้พวกเราได้อ่านกันถือว่าเป็น ธรรมทานก็แล้วกันนะครับ
3 พฤษภาคม 2555 14:58 น. - comment id 129033
พี่สืบ ขอบคุณมากเลยค่ะพี่ ฝนก็อยากอ่าน บทกลอน "องคุลีมาล" ฉบับสมบูรณ์เหมือนกันค่ะพี่ นะ" ฤทธิ์ ศรีดวง " นะ นะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ อิอิ
3 พฤษภาคม 2555 15:07 น. - comment id 129034
กด like หนับหนุนด้วยค๊า..น๊ะคุณฤิทธิ์น๊ะ
3 พฤษภาคม 2555 15:16 น. - comment id 129035
ตรูพยายามอ่านที่แกรมาลงอ่ะ แต่ไม่ไหวหน้าจอโทรฯมังเล็กเกิ๊นนน.. ต้องรออ่านที่คอม..จริงๆชอบมากเลยน๊ะเรื่องราวอะไรแบบนี้
3 พฤษภาคม 2555 16:11 น. - comment id 129039
ลคส ฟังเพลงแหล่ แล้วซึมเข้าสมองเร็วกว่าอ่านฟร่ะ อิอิ ชอบอ่ะ เพลงฉ่อย เพลงแหล่ เพลงอิแซว ทางเหนือก็มีเพลงพื้นบ้าน เรียก ซอ อีสาน ก็ ค่าว ใต้ ก็ ตะลุง ชอบหมดเลยฟร่ะ รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง อิอิ
3 พฤษภาคม 2555 16:25 น. - comment id 129041
เราดูฉ่อย รายการ คุณพระช่วย สนุกทุกตอนอ่ะนะ แต่แหล่นี่ไม่ค่อยถนัด ถนัดแต่เหล่ เหล่หนุ่มๆอ่ะจ้ะตะเอง อิอิ
3 พฤษภาคม 2555 17:01 น. - comment id 129047
จวว ฝนชอบมากๆเลยอ่ะ จำอวดหน้าม่าน น้าโย่ง น้านงค์ น้าพวง (นับญาติกับเขาหมด) อิอิอิ ........... เพลง แหล่ นี่ นอนฟังซ฿มเข้าสมองจริงๆแกร ประวัติ องคุลีมาล ตรูฟังไปตอนที่ ตกท่ดวงโจร แล้ว พระราชาท่านให้เลี้ยงให้ดีๆ ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมดีๆ สอนให้รู้จัก ผิด ถูก แต่บางครั้ง บางอย่าง บางที ก็อยู่เหนือการควบคุมอ่ะนะแกร โลกภายนอกทั้งกว้างและน่ากลัวฟร่ะ แม้จะถูกปลูกฝังมาดี ก็อาจเสียทีเพราะความอ่อนด้อยเดียงสา เฮ้อ...ตรู สงสารองคุลีมาล แต่ความผิด ยังไงก็คือ ความผิด ไม่มีใครทำความดีเพื่อลบล้างความผิดที่ทำได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่สร้างกรรมใหม่ เนอะ
3 พฤษภาคม 2555 17:03 น. - comment id 129048
ปล...ไอ่เหล่หนุ่ม นี่ ตรูว่าท่าจะยาวฟร่ะแกร อิอิ
3 พฤษภาคม 2555 18:10 น. - comment id 129063
ตอนเราเด็กๆ เหมือนจะมีหนังอินเดียเรื่ององคุลิมารนี่แหละมาฉายในโรง เห็นป้ายโฆษณาแล้วดูขึมขลังน่ากลัวนะฝน แต่พอตอนโตเป็นผู้ใหญ่จึงรู้เรื่องทั้งหมดจากเทปการเทศน์ของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องคุลิมารสุดท้ายท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ หลวงพ่อสดท่านเน้นตรงที่ว่า .... องคุลิมารตะโกน "สมณะ หยุด สมณะ หยุด" .... พระพุทธองค์ตรัส "เราหยุดแล้ว แต่ท่านหยุดหรือยัง" ... ท่านเน้นให้หยุดที่ใจนั้น หยุดเท่านั้น จึงจะพบธรรมและบรรลุในที่สุด เล่าซะยาวเลย อิๆ
3 พฤษภาคม 2555 19:23 น. - comment id 129067
เพลงแหล่นี้ได้ฟังตั้งแต่ตอนพ่อยังอยู่..จำได้ว่าที่บ้านตรูเปิดทุกวัน..ตรูก็ค่อดชอบเหมือนนั่งฟัง นิทาน..ของพรภิรมย์นี่ตรูชอบฟังเพลง ดาวลูกไก่ กับ ใจพ่อใจแม่ และยังมีหลายเพลงน๊ะแกรจำชื่อบ่ล่ายฟระ สรุปว่าตรูชอบจริงจริ๊งง
3 พฤษภาคม 2555 19:35 น. - comment id 129069
ลองก๊อปเอาลิงค์แหล่ของพร ภิรมย์ ไปฟังดู อิอิ ตอนแรก ง่วงเลยฟร่ะฝน เคลิ้ม
4 พฤษภาคม 2555 10:11 น. - comment id 129079
สีเมจิก อืม...เรื่อง องคุลีมาล ทำให้เราเรียนรู้ว่า ท ทำความดีไม่มีสาย......เนาะ ประโยคสนทนาของพระพุทธองค์กับ องคุลีมาล กินใจเหลือเกินค่ะ ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค "สมณะ...ท่านกำลังเดินไป ยังกล่าวว่าเราหยุดแล้ว และยังกล่าวกะข้าพเจ้าผู้หยุดแล้ว ว่าไม่หยุด...สมณะ ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุด เป็นอย่างไร"? พระพุทธองค์มีพระดำรัสตอบว่า "องคุลิมาลเราได้หยุดคือเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ส่วนตัวเธอยังไม่หยุด คือยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่ ว่าแล้วก็คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงค์อีกเสียง มนุษย์เรา ถ้ายังเบียดเบียนธรรมชาติ .... ก็ไม่ต่างอะไรจากองคุลีมาล แต่ องคุลีมาล หยุดแล้ว ท่านล่ะหยุดหรือยัง เอิ้ก........ อาเมจิกเอ๊ย........ฝนควรจะหยุดได้แระ.ว่าป่ะ พอหอมปากหอมคอ ................... ลคส ดาวลูกไก่ นี่เล่นเอาน้ำตาซึมเลยนะแกร อืม.....เพลงไทยอยู่ในสายเลือดไทยทุกคนเนอะแกร ตอนเด็กๆเราก็ฟังตามที่ผู้ใหญ่เปิด ถ้าเขาไม่เปิดเราก็ไม่หาฟัง พอโตมากลับเซิร์ชหาอยากจะฟัง อิอิ...แบบนี้ถ้าผู้ใหญ่ได้รู้คงดีใจไม่ใช่น้อยนะแกร สิ่งที่พวกท่านปลูกฝัง.......... ในที่สุดพวกเราก็ขุดขึินมาหาได้ถูกดินกลบไม่ ............... เฌอฯ อิอิ...ตอนฟังตรูนึกถึงฉากละครเวทีเป็นตอนๆไปเลยอ่ะเฌอฯ พอจบตอนหนึ่ง ก็สลับฉาก มาอีกตอนหนึ่ง เสียดาย ตอนที่ ๑๑ - ๑๔ เขาไม่อับสิแกร เลยต้องไปค้นข้อมูลอ่านเอา...
4 พฤษภาคม 2555 10:17 น. - comment id 129081
ขอบคุณสิ่งดีๆ มีมาแบ่งปัน......... สุขอย่าได้สร่าง
4 พฤษภาคม 2555 10:29 น. - comment id 129082
คอนพูทนฯ ขอบคุณมากค่า สุขอย่่าได้สร่างเช่นกันนะคะ
4 พฤษภาคม 2555 11:37 น. - comment id 129086
ดีจร้า...คุงฝน... น่าอ่านมาก...แต่ ม่ายอ่าน... อ่าน บ่ ไหว ตาลายยยย...อิอิ แต่ได้ควังมาแต่เด็กๆ...ถึง จอมโจรจอมตัด...คนนี้...แต่ไม่เคยเห็นหน้าซักทีอ่ะ อิอิ เลิกกิงครีมเทียมยัง? เอิ๊กๆ
4 พฤษภาคม 2555 12:29 น. - comment id 129101
4 พฤษภาคม 2555 12:29 น. - comment id 129102
20
4 พฤษภาคม 2555 12:30 น. - comment id 129103
20
4 พฤษภาคม 2555 15:58 น. - comment id 129115
เคยฟังตอนเด็กๆค่ะ มาทวนอีกครั้งกันลืม
4 พฤษภาคม 2555 20:31 น. - comment id 129122
กรต โห ตรงซ้า แต่อภัยมณีคนสายตายาว อิอิ ฟังเพลงแหล่แล้วเพลินน๊า ฝนชอบมวากอ่ะ แหล่ให้ควังโหน่ยดิ อิอิ ................... ลคส ๑๘ - ๒๐ โหนยๆ เบิ้ลล่วยนะแกร ริบไข่เข้าคลังด่วน ให้ไว ........... กานต์ เนาะ สมัยเด็กเราลืมไปหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน บางครั้งก็ต้องทบทวนกันมั่งเนาะ
6 พฤษภาคม 2555 13:39 น. - comment id 129142
.............. ชอบฟังเพลงแหล่เหมือนกัน โดยเฉพาะเพลงดาวลูกไก่ของพร ภิรมย์ ส่วนเรื่ององคุลีมาลนั้น เคยดูตอนเป็นละครจ้า อ้อ...ขอบคุณข้อความที่ 3 ของคุณไร้อันดับด้วยจ้า อ่าเพลินดีแท้ ถ้าคุณฤทธิ์เข้ามา ช่วยแต่งต่อให้จบด้วยเน้อ ......................
6 พฤษภาคม 2555 20:18 น. - comment id 129145
ดิน ขอบคุณค่า เพลงแหล่ ฟังแล้วเคลิ้มจริงๆค่ะ เพลงแหล่ดาวลูกไก่ ตอนฟังรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็ก นอนฟังนิทานเลยค่ะ
6 พฤษภาคม 2555 21:05 น. - comment id 129149
"เราหยุดแล้ว..แต่ท่านยังไม่ได้หยุด" คำนี้จำได้แม่นเลยค่ะ ที่องคุลีมานวิ่งตามพระพุทธเจ้าจนเหนื่อย เราตีความหมายได้หลายอย่าง ขอบใจจ้าลิงกระเป๋า ฮี่ๆๆ
6 พฤษภาคม 2555 21:19 น. - comment id 129154
แบม ประโยคอมตะเนาะ แบม ที่ พระพุทธองค์ ตรัสกับ องคุลีมาล ปล. กลับมาแล้วเหรอแบม...หนุกมั๊ยเอ่ย
7 พฤษภาคม 2555 11:25 น. - comment id 129159
แบมไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยจ้าฝน อยู่บ้านช่วยพี่ดุลแต้นไม้ สวนผัก และก็ไปเยี่ยมพี่สาวที่ยโสธรมาด้วย ไม่สนุกแต่สุขใจจังนิ
7 พฤษภาคม 2555 12:48 น. - comment id 129161
แบม เหมือนฝนเลย กลับบ้านก็ไม่ไปเที่ยวไหน อยู่บ้านทำไรกินกัน รวมญาติหนุกหนาน อิอิ
8 พฤษภาคม 2555 15:23 น. - comment id 129192
8 พฤษภาคม 2555 15:23 น. - comment id 129193
30
8 พฤษภาคม 2555 22:25 น. - comment id 129207
เผลอไม่ล่ายแกรนี่
10 พฤษภาคม 2555 14:23 น. - comment id 129237
ดูกรน้องหญิงฝน อันผู้ใดนำชาดกเรื่องนี้มา กล่าวเพื่อแสดงด้วยมโนเจตนารมย์แล้วไซร้ ย่อมพึงได้ซึ่งมหากุศลนั้นแล หากผู้ใดกล่าว นามอหิงสกองคุลิมาลมหาเถระอรหัตต์เจ้าแล้ว กระทำด้วยกิริยาบถสรรเสริญเป็นนิจแล้วไซร้ บุคคลนั้นย้อมรอดพ้นจะภยันตภัยนานา ประการเทอญ ขออนุโมทนาด้วยเทอญ. แก้วประเสริฐ.
10 พฤษภาคม 2555 19:13 น. - comment id 129238
แก้วประเสริฐ สาธุ๊ค่า เพลงแหล่ ฟังง่าย จำเนื้อหาได้มากกว่าอ่านหนังสืออีกค่ะ