ป 1 ปกติผู้คงแก่เรียน ร่ำเรียนวิชาคาถาอาคม ในบางหลักสูตร ในบางครูบาอาจารย์ ท่านได้ห้ามไว้ว่าเมื่อเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันแล้ว หรือเมื่อเรียนวิชานี้แล้ว ห้ามกินข้าวบ้านงานศพเป็นเด็ดขาด หาไม่แล้ววิชาอาคมที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจะเสื่อมลงในทันที ในบางข้ออาจห้ามลอดราวตากผ้า โดยมีเหตุผลในข้อเดียวกันคือคาถาเสื่อม เคยฟันแทงยิงไม่เข้านัยว่าหนังเหนียว ครั้นพอโดนลูกปืนที่เคยคลุกเคล้าผ้าถุงที่เปื้อนประจำเดือนมาก่อนหน้านี้ ลูกปีนกลับโจนทะยานเจาะผิวเนื้อหนังอย่างทะลุทะลวงไปเลยก็มี ปี พ.ศ 2534 หลังเลิกงานประจำวัน ผู้เขียนและผองเพื่อนมักจะเปิดประเด็นการประชุม นั่งเป็นวงกลมล้อมแก้วล้อมขวดอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งเมื่อได้ที่ออกอาการตึง ๆ เกิดนึกสนุก เห็นเพื่อนร่วมงานสูงวัย กำลังนั่งยอง ๆ บนตอมะพร้าว อัดชิกกาแล็ต พ่นควันโขมงเข้าออกเพื่อบริหารปอดอยู่ ด้วยความคะนองและความไม่คิดอะไรจึงอุ้มแกลงมา อีก 30 นาทีต่อมา อาการหน้ามืดตาลาย ใจสั่นหวั่นไหว ไม่มีเรี่ยวแรงเกิดขึ้นในฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ นอนหายใจรวยรินเหนื่อยล้าเหมือนวิ่งทางไกลมาแล้ว 10 กิโลเมตร อาการเกิดขึ้นนานมาก กระทั่งเพื่อนของเพื่อนเข้ามาบอกว่า ... ผิดครู! รีบไปขอโทษเขาเสีย ... เมื่อขอโทษขอโพยเสร็จ อาการนั้นก็ค่อยทุเลาเบาบางลงและหายไปในที่สุด นี่หากไม่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คงไม่ปักใจเชื่ออย่างแน่นอน ต้องทึ่งในศาสตร์อันลี้ลับนี้อีกแขนงหนึ่ง แต่..คุณรู้ใหม? ยังมีเรื่องที่น่าทึ่ง! ชวนขนหัวลุกกว่าเรื่องนี้เป็นใหน ๆ นี่..ตามหัวข้อเลย แน่จริงตามมา...โบร๋วววววววว.....บรู๋วววววววววว.... ป 2 มีเรื่องเล่าขานเป็นคุ้งเป็นแคว..เป็นตำนานปรัมปรา..ปร็อก..ปแร็ก! สืบ ๆ กันมาว่า ....... มีครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่ง ได้สูญเสียบุตรสาวคนเล็กอันเป็นที่รักไปอย่างน่าใจหาย เธอสิ้นใจด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน หลังนอนซมเพราะพิษไข้ได้ไม่กี่วัน สุดที่หมอยาในสมัยนั้นจะแก้ไขได้ทันท่วงที เธอจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 15 ขวบปี เท่านั้นเอง บิดา มารดา ญาติพี่น้องจึงจัดงานศพให้ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจอาลัยอาวรณ์ อย่างสาหัส โดยเฉพาะมารดายิ่งแล้วใหญ่ หล่อนร้องให้เป็นวรรคเป็นเวรปริ่มว่าจะขาดใจ เป็นลมแล้วเป็นลมอีกตลอดงานศพทั้ง 2 วัน เพราะทำใจไม่ได้.. ใช่สิ ใครหน้าใหนมีรึจะทำใจได้ หากตกที่นั่งเยี่ยงนั้น ในคืนที่ 2 ขณะพระสงฆ์ จำนวน 4 รูป กำลังสวดพระอภิธรรม ผู้ร่วมงานก็นั่งนิ่งฟังด้วยอาการสงบ ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสร้อยนั้น ฉับพลัน! ก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น..โดยไม่มีใครคาดคิด ขนหัว ขนหาง แต่ละเส้นของแต่ละคนต่างลุกตั้งชันไปตาม ๆ กัน ตลอดทั้งงาน ...เอ๊ะ!!!! นั้น! ..นั่นมันอะไรกัน !!.....????? ป 3 มะ..มะ..แมวดำกระโดดข้ามหีบศพไปอย่างรวดเร็ว แจกันดอกไม้ 3 4 อันร่วงพรูลงมากองกับพื้นเสียงดังโครมใหญ่.. เป็นไปได้อย่างไร!! ญาติโยมหลายคนวิ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อตั้งหลัก.. พระที่กำลังสวดอยู่ คว้าถุงย่ามเตรียมวิ่ง! โธ่ถัง! แมวเจ้ากรรมทำได้..เล่นเอาอกสั่นขวัญห้อยไปตาม ๆ กัน .. พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ไม่มีอะไรนะครับ ขอเชิญทุกท่านกลับเข้าที่ให้เรียบร้อย เราจะประกอบพิธีสวดอภิธรรมทำบุญอุทิศกันต่อนะครับ .. หลังจากได้สติสตังกลับคืนมา..ผู้ใหญ่บ้านในฐานะเป็นผู้นำก็คว้าไมค์โครโฟนป่าวประกาศ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจกลับคืนมาดังเดิม ข้างฝ่ายพระสงฆ์ก็เริ่มต้นสวดพระอภิธรรมกันใหม่..สายตาของท่านทอดปรายไปที่โลงศพเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวาดระแวงแคลงใจ นี่ขนาดตายแล้วแค่ 2 วันยังเริ่มต้นส่อว่าจะเฮี๊ยนขนาดนี้ นี่ถ้าครบ 7 วันล่ะ...เหวอ!! ...ไม่อยากคิด ยิ่งแมวดำกระโดดข้ามโลงศพด้วยแล้ว โบร่ำโบราณเขาถือนัก ปากท่านสวดไปแต่ใจท่านคิดไปต่าง ๆ นานา หากเป็นเหมือนที่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ครั้งก่อน แน่ละ...รายการต่อไป...ศพต้องดีดผึง! ดันฝาโลงลุกขึ้นนั่งเองอย่างแน่นอน...เมื่อฉุกคิดได้ดังนี้ ทำนองการสวดจึงกระชับและเร็วขึ้นตามลำดับ มิสนใจต่อสายตาทุกคู่ของญาติโยมที่กำลังจ้องมองมาที่พระอย่างสงสัยงวยงง... ป 4 พระท่านกลับวัดไปแล้วแหละ..ดูเหมือนจะรีบเร่งไปจำวัด หลังสวดอภิธรรมและเทศน์จบ ท่านไม่ยอมอยู่สนทนาปัญหาธรรมกับญาติโยมเหมือนทุกครั้งทุกงานที่ผ่านมา..ไม่อยู่เลยจริง ๆ คงทิ้งให้ญาติโยมนั่งนอนเฝ้าศพอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย...บรรดาวงรัมมี่ วงป็อกเด้ง ที่เคยเปิดดำเนินการ ภายในงานอย่างโจ๋งครึ่ม! ดั่งคืนแรกหรือทุก ๆ งานที่ผ่านมา ก็มามีอันได้อันตรธานหายไปโดยสิ้นเชิง มิมีเสนอหน้าสลอน! ดังแต่ก่อน จะมองเห็นเพียงเปลวแสงเทียนรำไร ๆ ในป่ากล้วยหลังบ้าน เป็นจุด ๆ แต่คราคับคั่งไปด้วยเจ้ามือ.. บุญเป็ง และสายคำ ผู้เป็นพ่อแม่พร้อมญาติสนิทเพียงไม่กี่คน ในฐานะเจ้าภาพต้องทำหน้าที่ คอยต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อที่เหลืออยู่กันตามลำพัง ทันใดนั้น..เรื่องราวที่หลาย ๆ คนเคยคาดคิดไว้ก็บังเกิดขึ้นจนได้ ท่ามกลางสายตาของทุกคู่ที่กำลังจ้องเขม็งตาเบิกค้างไปที่โลงศพ... หีบบรรจุศพมีอาการเคลื่อนไหว...รุนแรงขึ้นตามลำดับ เหมือนมีใครไปเขย่าอย่างแรง แจกันที่ตั้งไว้ตกแต่งประดับประดา ต้องร่วงกราวหล่นลงพื้นเสียงดังเป็นคำรบสองอีกครั้งหนึ่ง ผู้คนที่อยู่บริเวณงานต่างให้ความสนใจมามุงดู ด้วยใจอันเต้นระทึก! กล้า ๆ กลัว ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ!!?? ป 5 ชายฉกรรจ์ 5 6 คน คงอดรนทนดูต่อไปไม่ไหว เป็นงัยเป็นกัน ดูซิว่าผีกับคนใครจะแน่กว่ากัน หากถึงคราวซวยตายเพราะโดนผีหักคอ ก็จะได้ดังกับเขาบ้าง นักข่าวทั่วฟ้าเมืองไทยต้องทยอยมาทำข่าวมืดฟ้ามัวดินแน่ ๆ ชะ ๆ .. คราวนี้ละคงได้เป็นข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ พัดลม เอาให้กระหึ่มไปเลย หรือไม่อย่างน้อย ๆ ก็จะได้คลี่คลายปมปริศนานี้ให้ประจักษ์แก่สายตามหาชนให้จงได้ ข้าวของเครื่องประดับประดาบนหลังหีบศพ จึงถูกรื้อออกกระจัดกระจายด้วยเวลาเพียงไม่ถึงอึดใจ...โลงศพถูกยกลงมาตั้งด้านล่างเพื่อเตรียมความพร้อม เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มเซ็งแซ่ขึ้น พร้อมกับจ้องสายตามองไปที่โลงศพของเด็กสาวเป็นตาเดียวกัน...นางสายคำผู้เป็นมารดาหวีดร้องขึ้นมาสุดเสียง..พร้อมกับแน่นิ่งไป ความรักของคนเรานี่ก็แปลก แม้จะรู้ว่าร่างนั้นได้ถึงวาระกรรมไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อีก แต่หากจะมีใครไปทำลายร่างนั้นอีก..คงได้แต่สะเทือนใจอย่างหาประมาณไม่ได้ เหมือนรถวิ่งทับลูกหมาตัวน้อย ๆ แม้ว่าแม่หมาจะมีความรู้สึกสำนึกดีว่า จะไม่ได้ลูกน้อยกลับคืนมาอีกแล้ว..แต่แม่หมาก็ไม่ประสงค์จะให้รถคันต่อไปมาทับซ้ำอีก มันจึงพยายามใช้ปากคาบร่างอันปราศจากวิญญาณของลูกน้อย ตะเกียกตะกายเสาะแสวงหาที่กำบังอันปลอดภัย.. ความรู้สึกของสายคำในขณะนั้นคงไม่แตกต่างกันนัก ทันทีที่ฝาโลงถูกเปิดออก..ทุกคนถึงกับตลึงงัน! ชายฉกรรจ์ทั้ง 6 ต้องผงะหงาย..เพราะภาพที่เห็นนั้น!!!...ภาพนั้น!!!...มัน!!...มัน... ป 6 ภาพเด็กสาวเจ้าของร่าง พยายามใช้ศอกใช้เท้ากระทุ้งฝาโลงจนเกิดเสียงดัง เป็นระยะให้คนข้างนอกได้ยิน เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้รู้ว่า..หล่อนฟื้นแล้ว!! ทั้งที่เท้าและมือถูกพันธนาการรึงรัดมัดตราสังข์ไว้อย่างแน่นหนา ฝ่ามือทั้งสองยังประนมดอกไม้ธูปเทียนอยู่ เธอพยายามเปล่งเสียงร้องตะโกนออกมา ให้ดังที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ซึ่งดูเหมือนจะไร้ผล เพราะไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากซีด ๆ นั้นเลยนอกจากลมเพียงแผ่วเบาเท่านั้น ความพยายามเบ่งลมปัดเป่าวัสดุที่ปิดรูจมูกทั้งสองข้างไปให้พ้น เพื่อจะได้ใช้หายใจได้อย่างสะดวกแทนการหายใจทางปาก ก็เป็นไปโดยยาก.. เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร..สติกลับคืนมา บุญเป็งก็โผเข้าหาลูกน้อยไว้ในอ้อมแขนด้วยน้ำตานองหน้า น้ำตาของเด็กสาวรึก็ไหลหลั่งพรั่งพรูด้วยความดีใจพร้อมกับลมหายใจที่รวยระรินเสียเต็มประดา คืนนั้นทั้งคืนจนฟ้าสาง ไม่มีใครสามารถปิดเปลือกตาให้หลับใหลลงได้ ต่างก็ตื่นเต้นระคนยินดีไปตาม ๆ กันกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นและสัมผัสได้ต่อหน้าต่อตาเมื่อคืนนี้ หมอประจำสุขศาลาที่ไปร่วมงาน ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะแก้ไขสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของเธอให้กลับฟื้นคืนมาให้เร็วที่สุด กระปุกน้ำเกลือพร้อมสายจึงห้อยระโยงรยางค์รอบตัว... เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ได้ถูกถ่ายทอดแพร่สะพัดปากต่อปากเกือบทั่วจังหวัดในช่วงเวลาแค่เพียง 1 วัน ดังนั้นคืนต่อมางานพิธีสวดอภิธรรมศพ จึงถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นงานพิธีสู่ขวัญเด็กสาวไปโดยปริยาย เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ภายใต้อ้อมแขนของบิดามารดา ด้วยความรักความทนุถนอม อาการของเด็กสาวก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ สองวันต่อมา เธอก็สามารถพูดชัดถ้อยชัดคำเกือบเป็นปกติ จึงได้มีโอกาสเล่าประสบการณ์หลังความตายให้ทุกคนได้รับรู้...แล้วคุณล่ะ...อยากรู้ใหม?? ป 7 เด็กสาวเล่าว่า... เมื่อวิญญาณออกจากร่าง มีเด็กผู้หญิงอายุเท่าเธอคนหนึ่งมารอรับ...เธอไม่รู้จักว่าเป็นใคร แต่เด็กคนนั้นยืนยันว่ารู้จักเธอดี ... เรียกเราว่า มายา เอาละ..ท่านตามเรามา อรตี เด็กหญิงที่ใช้ชื่อแทนตัวเองว่ามายา คว้าข้อมือเธอไว้แล้วพาลอยไปในอากาศ เธอตกใจมากพยายามแข็งขืนดิ้นรนไม่อยากไป แต่ก็ไม่สามารถต้านทานอำนาจอะไรบางอย่างได้ ความคลางแคลงใจแห่งปฐมบทของการพบเจอ การเรียกชื่อเธอว่า อรตี ก็ช่างเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเสียนี่กะไร เธอคิดไปว่าคงผิดฝาผิดตัวแน่นอน เพราะชื่อเธอคือ.. สายใจ! .. เส้นทางที่เคลื่อนตัวผ่านด้วยความเร็ว แม้จะมีแสงสว่างตลอดทาง แต่เธอก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ๆ ให้เป็นรูปเป็นร่างได้เลย เพียงชั่วอึดใจ เธอก็มาปรากฏตัวอยู่ในศาลาทรงไทยอันกว้างใหญ่ไพศาล ด้านในถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ท่ามกลางผู้คนเป็นจำนวนร้อยจำนวนพัน แต่ละคนมีใบหน้าอันหม่นหมองเศร้าสร้อย อาภรณ์ที่สวมใส่ก็ล้วนแต่ซีดเซียวรับกับใบหน้านัก แต่แปลก..เสียงพูดคุย..เสียงหัวเราะ เสียงร้องให้คร่ำครวญ..ไม่มีเกิดขึ้นหรือปรากฏให้ได้ยินเลย...ทุกอย่างเงียบงันไปหมด...นี่มันที่ใหนนะ!!?? มายา...พาเธอลอยผ่านผู้คนมากมายจำนวนนั้น แล้วไปเลือกนั่งพับเพียบคู่กันด้านหน้าสุด หล่อนบอกให้เธอทำความเคารพผู้เป็นประธาน ซึ่งกำลังนั่งหน้าถมึงทึง! บนโซฟาชุดใหญ่และสูง... สายใจไม่กล้าสบสายตาคู่นั้นอีกได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง เพราะสายตาคู่นั้นมันมีอำนาจน่ากลัวนักจนทำให้ร่างเธอสั่นเทาด้วยความเกรงกลัว หลังจากทำความเคารพแล้ว ผู้เป็นประธานก็พยักหน้าให้กับมายาและเธอ เป็นเชิงเข้าใจและรับรู้ในการมาปรากฏตัวของเธอ... แต่ ทันใดนั้น!! ประธานได้ใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบตูม!! ไปที่โต๊ะ แม้จะไม่รุนแรง ผู้คนทั้งหมดก็ถึงกับผวา..ซึ่งรวมทั้งเธอด้วย เสียงทุบนั้นมันเหมือนเข็มเกือบสิบเล่มพุ่งตรงมาปักขยี้หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอ จนร่างของเธอต้องสั่นเทาอีกครั้ง ... ... บัดนี้!! ได้เวลาแล้ว ขอให้ทุกท่านรีบไปแล้วรีบกลับ มิเช่นนั้นเรา!! ไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้ ... เมื่อประธานพูดจบ ร่างทุกร่างเรือนพันนั้น ก็ล่องลอยกรูออกประตูไปด้วยความรวดเร็ว เอ๊ะ!! เขาพากันไปใหนนะ?? ... ... อรตี ท่านจะกินอะไรก่อนหรือไม่ ... มายาหันมาถามซึ่งหล่อนก็ได้แต่เพียงส่ายหน้า ... ... ถ้าเช่นนั้นตามเรามา ... มายา รีบลุกขึ้นคว้าข้อมือพาเธอลอยออกประตูไป... ป 8 เมื่อออกมาพ้นศาลาใหญ่หลังนั้นและมองเหลียวหลังกลับไป เธอถึงกับอ้าปากค้างตาเบิกโพลง...ตอนมาเธอมองอะไรไม่เห็นแม้แต่น้อยนอกจากดวงหน้าอันเปรี่ยมด้วยเมตตาของมายา แต่ตอนนี้ทุกอย่างช่างแจ่มชัดดีเหลือเกิน...ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ภายในความมืดเธอกลับมองเห็นทุกอย่างได้ถนัดตา ภาพศาลาอันถูกตกแต่งอย่างสวยงามเหมือนปราสาทราชวัง บัดนี้..มันเป็นแค่ศาลเพียงตาสี่เสาทรงไทยเก่าคร่ำคร่าหลังเล็ก ๆ ข้างทางหลังหนึ่งแค่นั้นเอง อนิจจา!! นี่มันอะไรกัน?? สายใจและมายามาปรากฏตัว ณ บ้านหลังหนึ่ง เธอถึงกับสลดหน้าถอดสี เพราะนี่คือบ้านของเธอเอง! ภาพถ่ายขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่ข้างหีบศพ..ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นศพใครอื่นไปไม่ได้นอกจากศพเธอเอง เธอต้องน้ำตาอาบแก้มเมื่อมองเห็นใบหน้าอันเศร้าหมองของมารดา บิดาและเครือญาติที่กำลังจะนั่งล้อมวงรับประทานอาหารมื้อเย็นใกล้ ๆ หีบศพเธอ ส่วนแขกเหรื่ออาหารทั้งหมดถูกจัดไว้บนโต๊ะยาวเหยียดไปตามเต๊นท์ที่กางไว้ แม้เธอจะสามารถสัมผัสและรู้อะไร ๆ ได้เร็วกว่าวิญญาณดวงอื่น ๆ แต่เธอก็ต้องพยายามหักห้ามใจไม่ไห้เข้าใกล้เขาเหล่านั้น เพราะรู้ตัวดีว่าอยู่คนละสถานะกัน อีกมายาก็ได้ห้ามเธอไว้ด้วยจิตสัมผัสโดยไม่ต้องพูดจากัน ... ... ค่ำวันพรุ่งนี้ เราจะนำท่านมาส่ง ... นั่นเป็นคำบอกเล่าผ่านการสื่อสารทางกระแสจิตของมายา เด็กสาวใช้มือปาดน้ำตาด้วยอาลัย หล่อนเองก็พึ่งประจักษ์ รู้ซึ้งถึงแก่นใจกับลักษณะอาการของผู้ที่กะลังสูญเสีย..สูญสิ้น...หรือสาบสูญ ..ของอันเป็นที่รัก..ที่พอใจ..สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ หาได้เกิดขึ้นเฉพาะความรู้สึกของตัวเธอเองแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่ บิดา-มารดา ญาติที่รักทั้งหลาย... ขณะนี้คงมีหัวใจ ที่ทุกข์ทรมานไม่แพ้เธอเองดอกนะ ................ ... ข้าวคำหนึ่ง ให้เจ้า เขาเคยป้อน เคยกล่อมนอน ด้วยเพลง บรรเลงหมาย นอนตักอุ่น หลับใหล ให้สบาย เขาพลีกาย คุ้มภัย จนใหญ่มาฯ ... ................. ป 9 เมื่อคณะแม่บ้านจัดอาหารสำหรับเลี้ยงแขกเหรื่อเสร็จสิ้น เหล่าปีศาจทั้งหลายที่คอยทีอยู่ตามมุมมืด ก็พากันกระโดดขึ้นโต๊ะอาหารซึ่งจัดไว้เป็นแถวยาว เท้าที่เปลื่อยเน่า เต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง ขึ้นเหยียบย่ำปากถ้วยจานชาม ไหลหยดย้อยลงในอาหารอย่างน่าขยะแขยง นิ้วมือบ้างยาวเรียวบ้างหนาเตอะ..เต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนองเช่นกัน กำลังขยำขยุ้มฟูมฟาย โซ๊ยกับข้าวกับปลาอาหารใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย แต่น่าแปลก..ที่อาหารต่าง ๆ ไม่ได้ลดจำนวนหรือพร่องไปเลยแม้แต่น้อย...ทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนเดิม..ทั้ง ๆ ที่วิญญาณเหล่านั้นมีเป็นร้อยเป็นพัน..นี่มันอะไรกัน..!! (โปรดติดตามตอนจบใน ป 10) (และเฝ้าระวัง!! ติดตามเรื่องต่อไป) ป 10 ไม่ถึง 5 นาทีต่อมา ดวงวิญญาณทุกดวงก็รวมกลุ่มกัน แล้วลอยออกจากงานด้วยความรวดเร็ว ท่ามกลางความตลึงงันของสายใจ นี่คงเป็นเพียงครั้งแรกกระมัง..? เธอไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเอาเสียเลย ซึ่งผิดกับมายาที่เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิตสัมภเวสี ซึ่งแต่ละคนต่างสั่งสมเสบียงกังมาน้อยเหลือเกิน หรือวิญญาณบางดวงก็ไม่เคยได้สะสมไว้เลยเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เอ..!! แล้วเสบียงที่ว่านี่ เขาสะสมกันอย่างไรนะ?? สักครู่ก็มีเสียงประกาศเชิญชวนให้บรรดาแขกเหรื่อและผู้มาช่วยงานรับประทานอาหารร่วมกัน!! .. อะจึ๋ย..!! .. แล้วท่านล่ะ?? หิวหรือยัง .................. และแล้วก็ถึงเวลา พรุ่งนี้ ของมายาที่ได้รับปากไว้ว่าจะนำดวงวิญญาณของสายใจมาส่ง ... แล้วเจอกันใหม่นะอรตี ท่านจำไว้อย่างหนึ่งว่า ชีวิตหนึ่ง ๆ ของโลกมนุษย์ที่ท่านอาศัยอยู่นั้น มันมีเวลาสั้นนัก และน้อยคนที่ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสเตือนเช่นนี้ .... มายากล่าวสำทับ เป็นอันเข้าใจในความหมายสำหรับสายใจ... เธอจึงก้าวขึ้นไปนั่งบนฝาโลงศพแล้วนอนทาบลงไปเพื่อให้กายกับจิตประกอบเข้ากันได้ดังเดิม แม้เธอจะดิ้นอยู่ไปมา แต่อนิจจา... ดิ้นได้ก็แต่เพียงกายละเอียดของเธอเท่านั้น..เธอจึงหันไปมองมายาที่กำลังยืนดูอยู่ กระแสจิตที่สายใจได้รับคือ.. ให้เข้าด้านข้าง เธอจึงลุกขึ้นใหม่เอาสีข้างของเธอและร่างที่นอนแน่นิ่งชนกัน... ก่อนที่ความรู้สึกจะดับวูบ!! เธอเห็นมายาโบกมือลาและส่งยิ้มแห่งเมตตาให้... ... ลาก่อนนะ..มายา ... ............ จบบริบูรณ์ ........... 1 เมษายน 2555
14 เมษายน 2555 09:33 น. - comment id 128820
อ่านอยู่ แต่ไม่ค่อยเข้าใจ ที่เขียน ป.1 ป5.
14 เมษายน 2555 21:10 น. - comment id 128823
ขอบคุณครับที่ติดตาม.. เรื่อง ป 1 - ป 2 นั้น เคยเขียนลงเป็นตอน ๆ ในเวปฯ แห่งหนึ่งครับ เป็นการเขียนเล่าเป็นตอน ๆ เมื่อเข้ามาเขียนอีกครั้งใดก็จะใช้คำว่า ป เป็นการบอกลำดับ และแสดงความเป็นเจ้าของครับ เมื่อมาลงในเวปฯ นี้จึงลากมาทั้งหมดที่บันทึกไว้เลยครับ.. ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ