พายุฤดูร้อนพัดกราว ๆ ต้นมะพร้าวข้างบ้านพักโดนพัดแทบหักโค่นไปกับลม แต่กระนั้นต้นตรงสง่าก็ยังยืนฝืนต้านลมมิได้หวั่น ฝนเม็ดเป้ง ๆ สาดพัดขึ้นมาบนระเบียงบ้าน เสียงข้าวของ ที่อยู่ข้างนอกปลิวกระทบกันปึงปัง ๆ ฉันรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำข้างล่าง ซึ่งประเมินแล้วว่าเป็นพื้นที่ที่น่าจะปลอดภัยที่สุดของบ้านพัก กระนั้นก็ตามเมื่อมองออกไปข้างนอกฟ้าแลบแปลบปลาบ ตามด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสั่นไปถึงหัวใจ ฉันนั่งสวดมนต์ภาวนาขอให้สิ่งศักสิทธ์คุ้มครอง ทั้งกลัวฝน กลัวฟ้า กลัวความมืดมิดที่จะตามมาหลังพายุ ทั้งบ้านพักไม่มีใคร ฉันได้แต่นั่งกลัวอยู่ในห้องน้ำ เพียงลำพัง อ้อย อ้อย อยู่รึเปล่า แว่วเสียงดังจากข้างนอก เงาตะคุ่ม ๆ เดินฝ่าสายฝนเข้ามาใกล้ ฉันแง้มประตูห้องน้ำ เงี่ยหูฟังและแอบดูจากช่องรอยแง้มนั้น เมื่อเห็นคนที่เข้ามาชัดเจนฉันแทบจะกระโดดเข้าไปกอด ยาย ยาย ไปไหนมา อ้อยกลัวแทบแย่ ยายติดฝนที่อาคาร นึกขึ้นได้ว่าอ้อยอยู่บ้านคนเดียวก็เลยฝ่าฝนมา กลัวใช่ไหมนั่น ใช่ค่ะยาย ขอบคุณยายนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน อ้าว แล้วทำไมไม่อยู่บนบ้านล่ะ อ้อยกลัวค่ะยาย บนบ้านน่ากลัว ทั้งฝนทั้งฟ้า อ้อยอยู่ไม่ได้ แล้วทำไมอยู่ในห้องน้ำได้ ห้องน้ำมันมืด มันไม่เห็นฝน ไม่เห็นฟ้าแลบ แล้วเสียงดังน้อยกว่าบนบ้านด้วย อ้อย เอ้ย ไม่เคยเห็นกลัวอะไร กลัวพายุเนี่ยนะเรา มันน่ากลัวนะยาย น่ากลัวจริง ๆ ไปบนบ้านเถอะเดี๋ยวยายอยู่เป็นเพื่อน ห้องน้ำเหม็นจะตายอยู่เข้าไปได้แถมปิดห้อง ซะมิดเชียว น้องเอ้ย ยายพูดเจือหัวเราะ เบา ๆ พายุพัดโหมอยู่สักพัก ก็อ่อนแรงลง ยายเห็นฉันเริ่มมีอาการดีขึ้น แกก็ขอตัวไปบ้านพักอีกหลังที่อยู่ติดกันเพื่อสำรวจความเสียหายจากพายุ ร่อยรอยของพายุ ไม่ได้ทำความเสียหายอะไรมากนักนอกเสียจากการพัดข้าวของกระจุยกระจาย ใบไม้ร่วงเกลื่อนบริเวณ อ้อย คงไม่มีอะไรแล้วนะ อ้อยอยู่ได้ไหม ถ้ากลัวก็ขึ้นมาอยู่กับยายก็ได้นะ ยายยื่นน้ำใจให้คนขี้กลัวอย่างฉัน ไม่เป็นไรแล้วล่ะยาย อ้อยอยู่ได้ ยายไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ ฝ่าฝนมาตั้งนาน เดี๋ยวเป็นหวัด มีอะไรอ้อยจะเรียกยายแล้วกันนะ ขอบคุณค่ะยาย ยายไปพักเถอะ แน่ใจนะว่าอยู่ได้ ยายย้ำเพื่อความแน่ใจ ชัวร์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์น่ะยาย ถ้าไม่มีพายุพัดอีกนะ แค่นี้จิ๊บ ๆ จ้า งั้นยายไปนะ เจ้าค่ะคุณยาย ขอบคุณค่ะ ฉันพูดเจือหัวเราะเล็ก ๆ อ้อยเอ้ย ดู๊ดู หัวเราะเสียงใส ตะกี้สั่นเป็นลูกหมูเชียว ดูมัน ๆ ยายส่ายหน้าแล้วเดินลับ เข้าบ้านไป ********************************************************* ฉันขึ้นไปบนบ้าน เริ่มเก็บกวาดเศษใบไม้ เก็บของให้เข้าที่ เข้าทาง ยุ่งจนลืมดูเวลาแต่เวลาของร่างกายฉันมันฟ้องด้วยอาการหิวจนแสบไส้ ฟ้าข้างนอกมืดแล้ว ฉันมองไปที่บ้านพักหลังของยาย ไม่มีแม้แต่แสงไฟ ยายคงหลับ ฉันเรียกยาย แต่ไม่มีแต่เสียงตอบรับ ฉันยอมแพ้ที่จะปลุกยาย เดินกลับเข้าห้องเปิดตู้เย็นควานหาของกิน นอกจากน้ำสองขวด ไข่สองฟอง ที่แอ้งแม้งอยู่ในนั้นนานนับเดือนแล้วก็ปราศจากสิ่งใด ๆ อีก ฉันหัวเราะกับตัวเอง รำพึงเบา ๆ ของกินหายไปไหนหมดวะ ปกติตู้เย็นของฉันมันอัดยัดแน่นไปด้วยของกินสารพัด สารพัน แต่วันนี้กลับว่างจนน่าใจหาย เอาวะมีไข่ รอดตายแล้วเรา ฉันเปิดไฟชั้นล่างของบ้านพัก สำรวจดูข้าวสารที่เก็บไว้ คงพอเหลือได้หุงบ้างสักจานสองจาน ในไม่ช้าข้าวก็พร้อมหุง ประการต่อมาฉันนึกถึงกับข้าว .... ไข่ต้ม.... มันผุดขึ้นในหัวฉัน อือ มันง่ายดี ล้างไข่ให้สะอาด ซุกในหม้อหุงข้าว ง่ายดีไม่ต้องเหนื่อย ขณะที่รอข้าวสุก ฉันรื้อหนังสือเก่าเก็บออกมาดู หนังสือหลายเล่มที่เป็นเล่มโปรด หนังสือที่เก็บความทรงจำเก่า ๆ เอาไว้ มีร่องรอยลายมือยุกยิก บางเล่มมีรูปภาพเก่า ๆ สอดเก็บในนั้น และหนังสือเล่มนั้น หนังสือที่ฉันรักที่สุดและฉันเก็บมันไว้เมื่อนานมาแล้วในนั้น มีรูปข้าวคลุกไข่ต้ม แทรกอยู่ ฉันหยิบรูปขึ้นมาดูน้ำตาหยดหนึ่งหยดแหมะลงในรูป ภาพแต่หนหลังพรั่งพรูเข้ามาดุจดังเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านไป ความทรงจำที่ไม่เคยตายไป จากฉัน ****************************************************************** ภาพในอดีตแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ มันฉายซ้ำซากอยู่อย่างนั้นไม่เคยเหนื่อย แว่วเสียงใครคนนั้นเอ่ยทักเหมือนว่าเรายังอยู่ด้วยกัน อ้อย เป็นไงบ้าง ซ้อมทั้งวันเหนื่อยไหม คำถามที่ทำให้หัวใจละลายได้เสมอ เหนื่อยสิ หิวด้วย มีอะไรกินไหม อือ ไม่มี แต่มีข้าวกับไข่ กินไหมเดี๋ยวเค้าจัดการให้ ให้ไวเลย หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว ไม่นานเลยสำหรับการรอ ข้าวไข่ต้มแสนอร่อยจานนั้น ข้าวสวยหุงใหม่หอมกรุ่นเหยาะน้ำปลาเค็มปะแล่ม ๆ ไข่ต้มบี้ ๆ คลุกข้าวสีเหลือง กินไปมองหน้าคนปรุงยิ้มไป อาหารง่าย ๆ ที่อร่อยจนไม่อยากจะแลกกับอะไร ************************************************************************ ฉันหวังว่าข้าวไข่ต้มวันนี้ มันจะอร่อยเหมือนวันนั้น ข้าวสุกคลุกน้ำปลา คลุกไข่ เหมือนเดิมกับที่ใครบางคนคลุกให้ ฉันตักข้าวเข้าปากคำแรก รู้สึกปร่าที่ลิ้นวันนี้ข้าวไข่ต้มจืดชืด ฉันเติมน้ำปลา ลงไปอีก เติมลงไปอีก เค็มจนขม ไม่ว่าจะคำไหนก็ไม่อร่อย ฉันผลักจานข้าวให้ห่างออกไป ข้าวกระเด็นจากจานลงเปื้อนพื้น กลิ่นน้ำปลาเหม็นกระจาย แต่ฉันไม่รับรู้ ฉันรู้แต่ว่าข้าวมัน ไม่อร่อย มันเจ็บตรงหัวใจ เจ็บจนน้ำตามันไหล ภาพวันนั้นยังแจ่มชัดเหลือเกิน ไม่มีวันลบเลือนภาพวันรับปริญญา วันที่ฉันน่าจะมีความสุขที่สุด มันกลับมีความทุกข์ที่สุดเช่นกัน เขายื่นดอกไม้ช่อสวยให้ฉัน สำหรับคนเก่ง เขาบอกอย่างนั้น ขอบคุณนะ อือ เป้งมาทางนี้หน่อยสิ พ่อกับแม่เค้ารออยู่ตรงโน้นน่ะ ไปไหว้ท่านหน่อยไหม อ้อย ไม่ดีกว่ามั๊ง อ้าวทำไมล่ะ เรามีเรื่องอยากจะบอกอ้อยน่ะ เราเลิกคบกันเถอะ เลิกคบเหรอ มันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบกลับอุ้มเด็กคนหนึ่งเข้ามาใกล้ น้อง คิง สาธุ แม่ทูนหัวสิลูก เป้ง หมายความว่ายังไง เราไม่สามารถหลอกอ้อยได้อีกต่อไป เรามีครอบครัวแล้ว เราขอโทษ ขอโทษ นายทำได้ดีที่สุดแค่นั้นใช่ไหม นายออกไปเลย นายจะไปไหนก็ไป ไป ฉันออกปากไล่ กลั้นน้ำตาไว้เต็มที่ ในเวลาอย่างนั้นฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน ชีวิตฉันยังต้องก้าวต่อไป พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ตรงนั้นจะเห็นน้ำตาฉันในวันที่พวกเค้ากำลังมีความสุขไม่ได้ ฉันกำมือแน่น เล็บที่จิกลงไปในเนื้อทำให้รู้สึกเจ็บแต่ฉันก็ไม่ยักกะรู้สึก เจ็บที่มันกินอยู่ในใจมันเจ็บกว่าบาดแผลใด ๆ ที่เกิดขึ้น ************************************************************************* นานนักแล้วสินะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันยังยืนอยู่ได้ลำพังโดยไม่มีเขาหรือใคร แต่บางสิ่งบางอย่างมันไม่เคยจางจากไปในความทรงจำ ไม่ว่านานเท่าใดก็ตามฉันก็ยังจำมันไว้ทั้งที่รู้ว่ามันเจ็บ เจ็บเหลือเกิน เจ็บกว่าการตายจากกัน ฉันนั้นไร้ความหวัง ฉันนั้นไร้จุดหมาย ...วันที่เธอไปจากฉัน ฉันเหมือนไร้ชีวิต กัดฟันก้าวข้ามผ่าน พ้นจากวันนั้นมา เหมือนฉันนั้นหายดีแล้ว แต่ยิ่งเดินไกลเท่าไร สุดท้ายฉันก็ยิ่งได้รู้ *เจ็บกว่าการไม่มีความหวัง ก็คือการไม่ลืมความหลัง เท้าก้าวเดินไป แต่หัวใจหยุดตรงนั้น เธอรู้ไหมการคิดถึง คนที่ไม่มีทางพบกัน นั้นปวดร้าวและทรมานเหลือเกิน ทุกคืนที่หลับตา ทุกวันที่ตื่นมา ยังไม่เคยลืมได้สักครั้ง ทั้งๆที่ก็รู้ต้องเจ็บและต้องร้าวราน ฉันก็ยังคิดถึงเธอ พรุ่งนี้ที่ไร้จุดหมาย อาจเขียนขึ้นมาได้ใหม่ แต่จะลบวันวานอย่างไร (*) (*) บทเพลงนี้ช่างตรงกับฉันตอนนี้เหลือเกิน ใครกันนะช่างแต่งช่างปั้น เอาชีวิตจริง ๆ มาล้อเล่น ฉันนึกถึงเนื้อเพลง ร้องมันออกมาเบา ๆ เพื่อซับน้ำตาที่หยดไหล จนน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว แต่ใจฉันยังไม่ลืม ฉันมองไปยังข้าวไข่ต้มจานนั้น มันหกกระเด็น เหม็นหึ่งด้วยกลิ่นน้ำปลา ถึงเวลาเก็บกวาดมันแล้ว ฉันลุกขึ้นหยิบไม้กวาดและไม้ถูพื้นเตรียมพร้อมจะเก็บกวาด และฉันจะทำอย่างนี้ เสมอ ๆ เวลาใดก็ตามที่นึกถึงมัน ถึงเวลาเก็บกวาดแล้ว กวาดมันให้เกลี้ยงไปถึงหัวใจและความทรงจำ เพื่อลบมันออกไป เจ็บกว่าการไม่มีความหวัง ก็คือการไม่ลืมความหลัง เท้าก้าวเดินไป แต่หัวใจหยุดตรงนั้น เธอรู้ไหมการคิดถึง คนที่ไม่มีทางพบกัน นั้นปวดร้าวและทรมานเหลือเกิน มันปวดร้าวและทรมานเหลือเกิน
2 เมษายน 2555 23:50 น. - comment id 128648
ชอบจัง... อ่านแล้ว...มีกำลังคิดทำมองอะไรที่อยู่ตรงหน้าเยอะแยะ เลยค่ะ พี่อ้อยร้อยฝัน.. นางเอก... เข้มแข็งที่ซู้ดดดดดดด ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีค่ะ ตาน้องจะปิดแย้ววว
3 เมษายน 2555 11:01 น. - comment id 128649
บนทางเดิน สิ่งดีๆยังมีอีกมากมาย พายุร้ายผ่านไปความสดใสมาแทนที่เสมอ ข้าว..ไข่ต้มมื้อนี้เชื่อสิอยู่ได้จนสว่าง อิอิ สุขอย่าได้สร่าง
3 เมษายน 2555 11:12 น. - comment id 128650
ไม่ต้องลืมเรื่องราวทั้งหมด เพราะสมองมีเนื้อที่มากมาย แต่แยกเก็บเอาไว้ในส่วนที่ไม่สำคัญ หาเรื่องราวใหม่ ๆมาจดจำดีกว่า ถ้าอยากกินไข่ต้มยางมะตูม เหมือนในรูปอีก มาสิ จะต้มให้กินและวรับรองว่าจะไม่มีเด็กโผล่มาร่วมวงด้วยแน่นอน เขาไม่สนใจเลิกลาไปก็เหมือนเพื่อนในเฟสบุคลบเราออกจากความเป็นเพื่อนก็เท่านั้น อิอิ
3 เมษายน 2555 12:59 น. - comment id 128652
เรามีของวิเศษอยู่กับตัวมาตั้งแต่เกิดกันทุกคน แต่ใช่ว่าทุกคนจะนำของวิเศษนั้นมาใช้ได้ ได้ดีกันทุกคน อยู่ที่ว่าเรารู้จักใช้มัน ของวิเศษที่แบมกล่าวถึง คือ "จิต" พี่อ้อยผ่านพายุมาได้ เพราะอะไรทราบมั้ยคะ ลองถามตัวเองดูสิคะ คำตอบอยู่ที่ตัวเอง รักเสมอ คิดถึงคนอวบๆด้วยละ อิ
3 เมษายน 2555 16:16 น. - comment id 128664
อ่านแล้วรู้สึกเข้าใจที่สุดเลยค่ะ เจ็บปวดเพราะความเชื่อใจ ..
3 เมษายน 2555 21:49 น. - comment id 128671
ดีใจที่ชอบจ๊ะมะกรูด คราวนี้ใช้เส้นสายให้ตัวเองเป็นนางเอก 555 ถ้าอ่านแล้วให้แนวคิดอะไรกับมะกรูดบ้าง พี่คงยิ้มแก้มปริ ราตรีสวัสดิ์ของอีกวันนะจ๊ะ ขอบคุณค่ะคอนพูทน ข้าวไข่ต้ม มื้อนี้เอา อยู่ถึงสว่างจริง ๆ ไม่งั้นคงนอนไม่หลับ ท้องร้องจ๊อก ๆ ขอบคุณค่ะคุณฤกษ์ ชักจะอยากกินข้าวไข่ต้มฝีมือคุณฤกษ์ซะแล้ว การันตีไม่มีใครแย่ง ขอแบบสุก ๆ ไม่เยิ้มแล้วกันนะคะ ขอบใจจ๊ะแบม ของวิเศษของพี่มันอยู่ ไหนน๊า พี่่ว่ามันอย่ในกระเป๋าหน้าท้องพี่แน่ ๆ พี่ถึงได้สุขสมบูรณ์(หลีกเลี่ยงคำที่เป็น อ. เช่น อวบ อ้วน) พี่่ผ่านพายุไปได้เพราะลมพัดไม่ไหวใช่ไหม เนี่ย ขอบคุณค่ะน้ำตาลหวาน เจ็บปวดเพราะความเชื่อใจ ประโยคนี้โดนใจมากเลยล่ะ เนื้อเพลงที่อยู่ในเรื่องนี้ คือเพลง เจ็บกว่าจาก ฟังแล้วมันประทับใจค่ะ โดยเฉพาะประโยคนี้ เจ็บกว่าการไม่มีความหวัง ก็คือการไม่ลืมความหลัง อ้างอิง เนื้อเพลง เจ็บกว่าจาก จากเว็บไซต์ www.share4u.com รูปภาพ จากอินเตอร์เน็ต จำชื่อเว็บไม่ได้ขออภัยค่ะ
4 เมษายน 2555 08:26 น. - comment id 128676
กินบ่อยๆ เผื่อจะเจอข้าวกับไข่ต้มจานที่อร่อยซักวัน นะ
4 เมษายน 2555 09:02 น. - comment id 128678
ใช้ไข่ไก่ หรือไข่เป็ดต้ม อันไหนจะอร่อยกว่ากันน่ะ
4 เมษายน 2555 12:01 น. - comment id 128684
บรรยากาศพายุฝนข้างบนอ่านแล้วนึกถึงตัวเองสมัยเด็กเลยค่ะ แต่ตอนนั้นอยู่กับ ย่า อ่ะค่ะ...แปลกดีนะ ในเวลาที่เราต้องการใครสักคน....แค่ใครสักคน....บางครั้งคนคนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งเสมอไป....แค่ใครสักคนที่มีรอยยิ้มจริงใจ หัวใจและอ้อมกอดที่อบอุ่นสำหรับเราก็พอแล้วเนาะ... พาร์ท หลังของเรื่องเล่นเอาเศร้าตามเลย... แต่อย่างน้อย ทางเดินชีวิตก็กลับมาให้เราได้เลือกใหม่อีกครั้งจริงมั๊ยเนาะ...
4 เมษายน 2555 15:13 น. - comment id 128711
......... อ่านแล้วสะเทือนใจนะ ฉงนใจนิดหนึ่งก็ตรงที่ว่า คนเคยรักกัน แต่ไหงเลือกจะทำร้ายเราในวันที่เราสำเร็จการศึกษาล่ะ ดีใจด้วยนะจ๊ะที่ผ่านวันนั้นมาได้ เป็นกำลังใจให้เสมอ .................
4 เมษายน 2555 15:16 น. - comment id 128713
เห็นชื่อเรื่องนึกถึงตอนเป็นเด็กค่ะพี่ช้าง กินข้าวกับไข่ต้มก่อนไปโรวเรียนทุกวันเลยค่ะ แบบว่าที่บ้านเลี้ยงเป็ดค่ะ เรื่องสั้นพี่ช้างเศร้าจังนะคะ
4 เมษายน 2555 22:59 น. - comment id 128732
แหมกีกี้ ที่รัก ขืนกินบ่อย ๆ เอียนแย่ ตอนนี้หันมากินข้าวกับน้ำพริกแล้วจ้า จะได้สะได้สวย ชอบไข่เป็ดมากกว่าค่ะเฌอมาลย์ ที่บ้านเค้าเลี้ยงเป็ดกินผักกินหญ้าในไร่ในนากินหอยกินปูกินปลาในน้ำ ปลอดภัยกว่าไข่ไก่ในฟาร์มเยอะ อารมณ์มันพาไปค่ะ อยู่บ้านพักแล้วเจอพายุคนเดียวมันไม่ไหวค่ะ ตอนแรกเรื่องออกจะเป็นแนวหวาน แต่ตอนนี้กลายเป็นแนวเศร้าเลย ขอบคุณนะคะโคลอน ขอบคุณค่ะดิน ด้วยฝีมืออันน้อยนิดค่ะ มันก็เลยแย้งกันแปลก ๆ จริง ๆ คือจะสื่อสารว่าข้าวไข่ต้มธรรมดา ในวันที่เรามีสุข มันก็คืออาหารเลิศรสในวันนั้น แต่ในมุมเดียวกัน มันก็เป็นอาหารที่ไม่มีรสอะไรเลยในวันที่เราเศร้า แต่ก็ไม่รู้จะดึงอย่างไร ที่เปรียบเทียบให้เห็นว่า สิ่งเดียวกันในวันที่ต่างกัน ความรู้สึกจะแตกต่างกัน จะพยายามขึ้นอีกค่ะขอบคุณนะคะ พี่ต้องการให้มันออกมาซึ้ง ๆ น่ะ แต่ไหงกลายเป็นเศร้าก็ไม่รู้ดิ กินบ่อยข้าวไข่ต้มเพราะเป็นคนขี้เกียจ แต่ก็อยู่มาจนป่านนี้ก็กินบ่อยนะ ขอบใจสำหรับดอกไม้
5 เมษายน 2555 17:39 น. - comment id 128744
อุดมบอกให้กินมาม่า2ซอง แล้วความเศร้าจะหายไป กลายเป็นง่วงแทน
5 เมษายน 2555 21:38 น. - comment id 128746
ขอบคุณยาแก้ปวด กินมาม่า 2 ซองความเศร้าจะหาย กลายเป็นง่วง อื้อ เรื่องใหม่เป็นมาม่า 2 ซองดีไหมเนี่ย ความเศร้าจะได้หาย
5 เมษายน 2555 23:12 น. - comment id 128751
เรื่องนี้เศร้าครับ ผมเห็นเหมือนกับคุณ din คือ คนรักกัน ทำไมต้องมาทำร้ายกันในวันรับปริญญาซึ่งเป็นวันที่มีความสุขวันหนึ่งของชีวิตด้วย ว่าแล้วก็เศร้าไปใหญ่ครับ
6 เมษายน 2555 23:24 น. - comment id 128763
ขอบคุณค่ะสีเมจิก อือ ถ้าคิดดี ๆ ก็เห็นด้วยกับคุณ din กับคุณสีเมจิกนะคะ แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่งเค้าคงเลือกวันที่เรามีความสุข มีคนแวดล้อมด้วยคนที่เรารัก สนิทชิดเชื้่อ เผื่อบางที ความเสียใจที่เกิดขึ้นอาจจะน้อยลง เพราะเราอาจจะลืมความทุกข์ในบางช่วงเวลา เมื่อเวลาผ่านไป แล้วเราอยู่คนเดียวความทุกข์นั้นอาจผ่อนลง และเราคงใจเย็นลงแล้ว มีสติมากขึ้น ก็เป็นได้ ก็ได้แง่คิดดีเหมือนกัน เดี๋ยวจะตามมาอีกสักเรื่องดีกว่า ช่วงนี้พอมีเวลาเข็ญ ขอบคุณค่ะ
12 เมษายน 2555 14:43 น. - comment id 128813
เปลี่ยนเป็นไข่ดาวสิ จะได้ไม่เศร้าน่ะ ว่าแต่ในครัวมีน้ำมันหรือเปล่าเนี่ย ลม พัดกระจุยซะขนานนี้ :)
12 เมษายน 2555 23:12 น. - comment id 128815
ข้าวไข่เจียว หลายขั้นตอนขี้เกียจทำค่ะคุณกุ้ง ที่เลือกไข่ต้มเพราะง่ายมีเวลา เอ้อละเหยลอยชายค่ะ คิดถึงคุณกุ้งนะ
14 เมษายน 2555 12:30 น. - comment id 128821
เขียนสะอินไปกับนางเอก...อ่านเพลินเชียวต่ายเปลี่ยนเมลล์ใหม่น่ะkatay_@hotmail.com มีความสุขในวันปีใหม่ไทยเพื่อน
14 เมษายน 2555 13:14 น. - comment id 128822
แหมก็ให้ฉันเป็นนางเอกบ้างสิยัยกระต่าย รับทราบแอดไปแล้วอย่าลืมรับฉันด้วยล่ะ สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ชุ่มเย็น