* แดนพิศวง ๑๐ * (เสาะค้นวิธีการแก้ไข) หลังจากที่หนุ่มนิรุทธ์กล่าวจบ ก็จะลุกขึ้น แต่ถูกคัดค้านจาก ดร.สุเมธ “จะรีบไปไหนล่ะคุณ นิรุทธ์ ตามที่คุณอธิบายมานั้นพวกผมหายข้องใจ ต่อหนังสือและแผนที่ลายแทงนั้น แต่มีข้อหนึ่งคือว่า บริเวณหมู่เกาะแคริเบียน นั้นเหตุใดจึงไม่ค่อยเกิดพายุทอนาโทเหมือนกับแถวอเมริกาเสียล่ะ พ่อหนุ่ม พอจะรู้บ้างไหม??...” ดังนั้นชายหนุ่มก็นั่งต่อพร้อมอธิบายตามที่เขาเข้าใจ พลางเอ่ยปากขึ้นว่า “ตามความเห็นผมนะครับท่าน เพราะว่าเป็นดินแดนอยู่ใกล้เส้นศูนย์กลาง ของโลก อีกประการหนึ่งประเทศนี้สะสมพลังงานนิวเครียสเป็นพลังงาน ที่สอดคล้องกับ พลังงานที่เหลือไว้ในใจกลางใมหาสมุทรแอตแลนติค ผสาน กับกระแสลมพลังงานเมื่อเกิดขึ้น อันเป็นผลกระทบกันและเป็นทางสายลม ที่พัดเข้าฝั่งยังแผ่นดินกว้างใหญ่เป็นประเด็นหนึ่ง จะเกิดพลังหมุนเวียนอาจ บางครั้งอาจจะนำไปสู่ยังอีกมิติหนึ่ง ฉะนั้นการค้นคว้าจึงไม่พบวัตถุที่ถูก ดึงดูด เช่นเหล่าเครื่องบิน เรือ หรือสิ่งบางอย่างเป็นต้น อีกประเด็นหนึ่งพลังงานในทวีปอเมริกากับพลังงานของมหาสมุทรอยู่ใน ลักษณะคล้ายคลึงกัน ดังนั้นพลังงานจึงเข้ากันได้และมักจะเกิดแถวแนวฝั่ง เมอร์บิวด้าเพราะเป็นจุดของสามเหลี่ยมนี้ที่รวมกันก็อาจจะเป็นไปได้ครับท่าน เพราะประเทศนี้มีโรงงานพลังนิวเคลียร์ไว้มากๆและค่อนข้างใกล้ ไปทางพลังงานที่ก่อกำเนิดขึ้นจากมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล พลังงานทั้งสองจึงเข้ารวมตัวกัน นี่เป็นความคิดเห็นผมนะครับ จึงเกิดการหมุนเวียนมักเกิดเป็นพายุทอนอโดขึ้นมากกว่าประเทศอื่นๆตลอดจน กระแสน้ำที่หมุนเวียนย่อมเข้าหาฝั่งทางด้านผืนแผ่นดินนี้อีกด้วยครับ” “ข้อนี้ผมก็คิดเหมือนกันแต่คิดไปเกี่ยวกับลมบกลมทะเล เมื่อมหาสมุทรอัน กว้างใหญ่ไพศาลมากเท่าไหร่การหมุนของคลื่นและลมย่อมมากเท่านั้น แต่ไม่ คิดว่าจะมีมากและแทบจะเป็นประจำเสียด้วยเฉพาะประเทศนี้ครับ” “เหมือนประจุไฟฟ้าของขั้วบวกลบแหละครับ ย่อมจะเข้าหากันเสมอๆครับ หากพลังงานใดมีมากทัดเทียมกันย่อมเข้าหากันและกัน เป็นธรรมดาครับท่าน เท่านี้นะครับท่าน ผมจะไปทำธุระในห้องผมหน่อยครับ เพื่อค้นคว้าบางอย่างครับ” “คุณกำลังค้นคว้าอะไรอีกหรือพ่อนิรุทธ์” ดร.รพีเอ่ยถาม พร้อมมองหน้าเขา ก็เห็นเพียงรอยยิ้ม แต่ทว่าการยิ้มของเขานั้น ทำให้สาวพัชราถึงกับถอดหายใจเฮือกใหญ่ เพราะสองแก้มเขามีรอยบุ๋ม สร้าง เสน่ห์ไปในรูปแบบหนึ่งรับกับใบหน้าที่หล่อเหลาอีกด้วย จวบจนชายหนุ่มยืนขึ้น “เดี๋ยวก่อนซิพี่อนุรุธน์ เสร็จก็จะรีบไปเลยหรือ????..” “มีอะไรหรือครับคุณพัชรา หากไม่มีอะไรผมจะรีบไปครับ” อะไรหรือหล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกสอบถามเขาในเรื่องอะไร เพราะเหตุใด???... “พัชอยากทราบว่าทำไมคุณรอบรู้มากมายนัก ขอโทษนะค่ะว่าเรียนหนังสือจบ ชั้นใดกันแน่จึงทำให้พัชสงสัยนัก” “อ้อๆๆ...ผมเรียนจบปริญญาเอกทางวิทยาศาสตร์ด้านพลังงานต่างๆ ของจักรวาลและดาราศาสตร์อีกด้วย ส่วนทางด้านธรณีวิทยา และด้านโบราณคดีเพื่อประดับความรู้เท่านั้นเองแหละครับครับคุณ ส่วนด้านชีววิทยาก็ศึกษามาแต่ไม่จบครับ ด้วยผมชอบทางด้านพลังงาน มากกว่าของทางจักรวาลและทางดาราศาสตร์ครับคุณพัช” ดร.สุเมธและดร.รพีตลอดทุกๆคน หันหน้ามามองเขาทันทีด้วยความสงสัย หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นถึงดอกเตอร์เหมือนพวกเขาด้วยซินะ ซึ่ง เขาไม่ทราบจากคุณนิวัฒน์มาก่อนเลยว่าน้องชายสำเร็จการศึกษาถึงขั้นนี้ “แล้วเรียนจบจากที่ไหนหรือพ่อนิรุทธ์” ดร.สุเมธถามด้วยความสงสัย???....ดร.รพี โกเมศ และพัชราก็หันมามองหน้าเขา “จากประเทศอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่นตลอดจนอีกหลายประเทศอีกด้วยครับ ก่อนนั้นทางองค์การนาซ่าสนใจผมมากส่งหนังสือมาติดต่อผม แต่ผมไม่ สนใจงานวิจัยของเขาครับ หากจะทำก็จะเกิดปัญหามากมายขึ้นไม่เป็นตัว ของตัวเองครับ สู้ออกมาค้นคว้าจากแหล่งต่างๆเพิ่มเติมจะดีกว่าครับ” “โอ้ว!!!????....เรียนจบขนาดนี้แล้วไม่คิดหางานทำเลยหรือ แปลกจริงๆ “เพราะฐานะด้านการเงินคุณพ่อคุณแม่สร้างไว้ให้ผมแยะครับท่านตามใจผม อีกด้วย เนื่องจากผมไม่ชอบงานทางด้านธุระกิจการค้าประการหนึ่ง อีกประการ หนึ่งผมชอบค้นคว้าทางด้านภูมิศาสตร์อีกด้วยจึงไม่คิดจะทำงานครับ” “ใช่ครับคุณอา เจ้ารุทธ์มันเรียนจบจากเมืองนอกมา ผมก็พึ่งรู้ว่ามันสำเร็จ มาหลายแขนง เพียงได้ยินคุณพ่อบอกว่ามันยังได้เกียรตินิยมทุกวิชาอีกด้วย ผิดกับผมไม่ค่อยชอบการเรียน เพียงจบแค่เมืองไทยเท่านั้นก็พอแล้วไม่รู้ว่าจะ เรียนกันไปทำไมครับ เงินทองกินใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด” “นั่นซิคุณรุทธ์ถึงได้รอบรู้มากจริงๆ ผมนึกว่าแค่เป็นหนอนหนังสือเท่านั้น” “หากไม่มีอะไรผมขออนุญาตขอตัวก่อนนะครับ เพราะมีธุระต้องรีบทำครับ” กล่าวจบไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ ลาทุกๆคนยืนขึ้นก้าวออกมา พร้อมออกเดินเข้าไปในห้องของเขาทันที คงปล่อยให้พวกนั้นวิจารณ์กันต่างๆนา เพราะเขารู้ในใจเหล่านี้ว่าจะต้องถามอะไรจากเขาอีก ซึ่งเขาไม่ต้องการตอบปัญหา เพื่อตัดปัญหาโดยเฉพาะหญิงสาวพัชรา อีกอย่างหนึ่งเขาขณะกำลังอธิบายอยู่ ความคิดหนึ่งแว๊ปเข้ามาเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์ต่างๆในอีกมิติหนึ่งนั้นเกี่ยว กับพลังงานธรรมชาติ ที่ชายทั้งสามตลอดจนหนังสือแจ้งเอาไว้อีกด้วย หากพ่อมดและเจ้าโหราธิบดีรู้เวทย์มนต์ก็ต้องรู้ด้านพลังงานไปด้วยและต้อง ใช้ประกอบกันจึงจะมีอนุภาพที่รุนแรง เขาจึงหาวิธีแก้ไขให้ได้เสียก่อน อีกประการหนึ่งเขาต้องการศึกษาเกี่ยวกับวิชาเวทย์มนต์จากศาสนาต่างๆ อีกด้วย เพื่อจะนำมาเปรียบเทียบกันว่าสิ่งใดจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่นี่เหตุการณ์ มาบังคับเขา หากเขาไม่รู้ก่อนก็จะพลาดพลั้งในภายหน้าได้อย่างแน่นอน ครั้นเข้ามาในห้องแล้วก็ลั่นกลอนไว้ทันที พร้อมรีบค้นคว้าเวทย์มนต์ ของชาวอียีปต์ก่อนเมื่ออ่านทบทวนแล้วหาได้อัศจรรย์ใดไม่ จึงไปยังศาสนา อื่นๆ จนมาสะดุดในศาสนาพุทธที่เกี่ยวข้องกับอภิญญาฌานแต่ไม่ได้ระบุไว้ เกี่ยวกับเรื่องเวทย์มนต์แต่อย่างใด และทำให้เขานึกถึงภิกษุสงฆ์ที่ตั้งตัวเป็น เกจิอาจารย์ล้วนใช้พลังงานทางจิตแต่ที่สำเร็จได้มักจะเป็นอภิญญาสิบเสียเป็น ส่วนมาก ส่วนศาสนาอิสลามก็ระบุไว้เช่นกันแต่ในหนังสือคัมภีร์กุรอ่านไม่ได้ ระบุไว้ เว้นแต่ศาสนาพุทธทางหินยานและมหายานที่กล่าวถึงเรื่องอำนาจที่แอบ แฝงในร่างกายมนุษย์ไว้ แต่เป็นแค่เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง จึงเริ่มค้นคว้าเกี่ยว อักษรต่างๆทั่วโลกและของโบราณไว้เพื่อจะได้ร่ำเรียนตำราต่างๆไว้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเก็บหนังสือทั้งหลายยกเว้นด้านพุทธศาสนาซึ่งสอดคล้องกับ ทางด้านพลังงานจิตและพลังงานอื่นๆไว้อีกด้วย เขาเริ่มต้นนั่งสมาธิทันที ด้วย ที่เขามีพลังงานในตัวอยู่แล้วจึงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเท่าใดนัก เขาก็ฝึกฝนจนสำเร็จ เมื่อฝึกฝนสำเร็จและหนังสือเกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาต่างๆก็สามารถจะลบล้าง อำนาจมืดหรือที่เรียกว่าไสย์ดำหากพลังงานทางด้านจิตมีมากก็สามารถลบล้าง อำนาจของพ่อมดได้เป็นอย่างดี หากเอาพลังงานแห่งโลกและจักรวาลเข้ามา ประกอบกับเวทย์มนต์ก็สามารถจะลบล้างกันได้ มีเรื่องหนึ่งจากหนังสือที่ได้ รับมานั้นเกี่ยวกับการร่ำเรียนรู้ภาษาสัตว์ต่างๆ ซึ่งเขาไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก จึงได้ฝึกฝนจากสัตว์แถวๆบ้านก่อน จนสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ต่างๆได้เป็น อย่างดีสามารถพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้ถึงแม้จะไม่มากนัก แต่หากเป็นสิ่งที่เขา ไปและจะสามารถสนทนากันได้หรือไม่นี่คือข้อกังวลของเขจา การเรียนรู้ เช่นี้ทำให้ชายหนุ่มดีใจเป็นอย่างมากและเริ่มต้นทดลองก็ได้ผล เป็นที่น่าพอใจแก่ตัวเขาเอง เขานึกในใจว่าเขาพร้อมแล้วที่จะออกไป ต่อสู้กับอำนาจของพ่อมดและโหราธิบดีพร้อมสามารถหาวิธีการเพื่อแก้ไข ทำลายอำนาจการสาปของนครนั้นได้อย่างแน่นอน โดยอาศัยอำนาจของพุทธคุณ ประกอบกอบกับอำนาจของพลังงานแห่งจักรวาลอันลี้ลับนี้ผสมผสานกันและกัน ตลอดจนพลังงานในตัวของเขา และค้นหาสิ่งของอีกสองมามาเพิ่มเติมพลังงานเขา เพื่อมิให้พลังงานขาดช่วง จึงทดลองใช้อำนาจแห่งจิตบังคับวัตถุต่างๆให้ลอยไป ลอยมาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว พร้อมลองใช้อำนาจในกายสร้างแสงพลังงาน พุ่งออกมาจากนิ้วมือตามใจบังคับอำนาจนั้นๆ ครั้นแล้วจึงตั้งสติสมาธิรวบรวม พลังงานภายในร่างกายเขาเพื่อใช้ทดชอาวุธต่างๆในโลกนี้ว่าจะได้ผลประการ ใด บัดดลก็มีลำแสงสีเขียวนวลพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือเขาไปยังสิ่งของและ วัตถุที่ต้องการทันที แต่ปราศจากเสียงระเบิดใดๆ เสร็จแล้วเขาก็ไปยังแจกันที่วาง ไว้ซึ่งยังคงสภาพเดิมอยู่พลางเป่าลมออกจากปากไปยังแจกันนั้น ทันใดแจกันนั้น ก็สลายเป็นผุยผงทันที เขาทดลองจากเล็กไปหาใหญ่ก็มีสภาพเหมือนกันคือเป็น ผุยผงหล่นกองไว้ เขาทดลองใช้พลังงานหนุนร่างกายเขาไว้ให้เกิดความเบาแล้ว วนเวียนไปรอบๆห้องได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด จึงกลับมานั่งมองไปยังด้าน นอกซึ่ง เหล่านักโบราณคดียังกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับการเดินทางไป เขาหัวร่อ ในใจ นึกว่าการทำงานของพวกนี้อาจจะประสบสิ่งไม่คาดคิดอาจจะทำให้พวก เหล่านี้พบในสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เป็นไปได้อย่างสูง แล้วก็เอนกายลงนอนยังเตียงเขา เพื่อค้นคิดวิธีการเดินทางค้นหาสิ่งของสองอย่างคือ ดวงแก้วมรกตสีทองและของ อีกอย่างหนึ่งที่เขาไม่รู้เพียงทราบจากจิตว่าเป็นอาวุธร้ายแรงมากที่ทำลายอำนาจ ของพลังงานต่างๆได้เพราะเก็บพลังงานต่างๆไว้มากแต่จะเป็นอะไรเขานึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก อีกประการหนึ่งเขาจะเริ่มเดินทางจากที่ใดก่อน นี่คือสิ่งที่เขาคิดมาก แล้วทางบ้านนี้ล่ะเขาจะบอกแก่คนในบ้านอย่างไรดี แต่ข้อนี้คงจะไม่เป็นปัญหา ยามที่เขาต้องออกเดินทางไปแต่นี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก เพียงเขียนจดหมาย แจ้งไว้ให้คนในบ้านรู้เท่านั้น ทางนี้พี่นิวัฒน์ก็คงจะไม่ไปไหนหรอกแน่นอน แต่ที่สำคัญคือการไปสู่นครต้องสาปนั่นแหละคือสาเหตุสำคัญและจะ ไปโดยวิธีใดหรือ???.... หรือว่าต้องพึ่งพาอาศัยชายแปลกหน้าทั้งสามอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการนักและก็รู้ด้วยพลังงานแห่งโทรจิตว่าชายเหล่านี้ก็คงจะไม่ รู้เช่นเดียวกัน เพราะว่าตอนนี้อำนาจพลังงานเขาจะสูงล้ำกว่าชายทั้งสามอย่างแน่นอน หรือว่าเขาจะไปหาพวกชายทั้งสามก่อนแล้วค่อยคิดที่หลังถึงการเริ่มต้นเดินทาง แต่นั่น มันหมายความว่าเขาต้องได้รับของสองสิ่งนี้มาก่อนเท่านั้น หรือว่าเขาต้อง ออกผจญภัยไปในที่ต่างๆด้วยตัวคนเดียวเสียแล้ว จึงหันไปยังที่เก็บหนังสือใช้ อำนาจพลังจิตด้วยการใช้อำนาจพลังงานในร่างกายเขา เพื่อเก็บหนังสือโดยการ ดึงดูดหนังสือที่เขาต้องการอันเป็นแผนที่ของนครนั้นมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องนอนเขาก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของ พี่ชายเขา ว่าแขกจะกลับกันแล้ว เขารีบใช้พลังงานส่งหนังสือนั้นไปเก็บซ่อน ไว้ดังที่เดิม เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องนอน พร้อมก้าวออกมา ยกมือไหว้ทักทายขึ้นกล่าวขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมสนทนาด้วย “คุณอาจะกลับแล้วหรือไม่ครับ ผมไม่ส่งนะครับให้พี่นิวัฒน์ไปส่งก็พอ” “ไม่เป็นไรหรอกคุณรุทธ์ พวกอาจะกลับแล้วล่ะขอบใจมากนะที่ให้ความ กระจ่างแก่พวกเรา คิดว่าจะทดลองค้นหาดูสักหน่อย อยากจะขอเชิญคุณไปด้วย ก็เกรงใจที่คุณบอกว่าจะไม่ร่วมงานครั้งนี้และมีงานอื่นๆที่จะต้องทำ” “ครับผมเองก็ต้องยังมีงานที่จะทำ บางทีเราอาจจะได้พบกันอีกนะครับ ผม เองสังหรณ์ใจเช่นนั้นครับ” “ถ้าเจอกันก็จะดีซินะ คุณช่วยอะไรๆพวกผมได้หลายๆอย่างเสียด้วยซี” “ผมต้องขอโทษด้วยครับ กำลังศึกษาบางอย่างอยู่ครับ” “อะไรหรือพ่อรุทธ์ที่ค้นคว้าอยู่นี่นะ” “บอกพวกคุณอาไปก็จะไม่เข้าใจหรอกครับหรืออาจจะหาว่าผมบ้าครับ” “ไม่หรอกน่า พวกอาไม่คิดเช่นนั้นหรอก” “จริงซิค่ะคุณพ่อ คุณนิรุทธ์ค้นคว้าหากไม่สำคัญคงไม่ทำหรอก” “เธอจะบอกได้ไหมว่าค้นคว้าเรื่องอะไร หากช่วยได้ก็จะได้ช่วยกัน” “เรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์สมัยโบราณและปัจจุบันครับ ที่ใช้พลังงานจิต” คราวนี้พวกทั้งหมดยิ่งสงสัย???.. ครั้นจะถามก็เกรงจะเสียมารยาทไป อะไรนักวิทยาศาสตร์หนุ่มคนนี้ยังเชื่อถือเรื่องเวทย์มนต์คาถาอาคมโบราณ ในเรื่องนี้อยู่หรือ ต่างก็ทำหน้าพิกลต่างๆนาๆโดยคาดคิดมิถึง ว่าชายหนุ่ม คนนี้จะยังงมงายในเรื่องไร้สาระเช่นนี้อยู่อีก ชายหนุ่มอ่านใจของพวกนี้ ออกได้แต่หัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยว่า “อันที่จริงศาสตร์นี้ไม่ใช่งมงายนะครับ แต่สมัยใหม่มักจะว่างมงายมัน เป็นเรื่องท้าทายมากครับ หากพวกคุณอาทดลองค้นคว้าก็จะทราบเอง แหละครับ ว่ามันแปลกและพิสดารเพียงใด เหตุใดจึงมีอำนาจขึ้นได้ครับ” “หรือๆๆๆหากมีเวลาจะทดลองดูเสียหน่อยนะ เอาล่ะไปก่อนนะ” “ถ้าอย่างนั้นผมส่งตรงนี้ก็แล้วกันนะครับให้เป็นหน้าที่ของพี่นิวัฒน์เอง ขอบคุณมากนะครับที่ ไม่ทำให้พวกคุณอาผิดหวังครับ อ้อๆ.... หากพวก คุณอาจะเดินทางตามที่ตั้งใจไว้ในแผนที่ละก็ ผมอยากจะบอกอะไรให้คุณอา และคณะทุกๆคนด้วยครับ ว่ายามประสบพบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทุกๆอย่าง จะเข้าสู่วงจรนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุใดที่ทำด้วยโลหะ จะถูกดึงดูดด้วยกระแส แม่เหล็กที่มีพลังงานอันสูง และคุณอาและพวกควรจะหาวัตถุชนิดหนึ่ง ซึ่งพลังงานเหล่านี้ไม่สามารถจะดึงดูดสิ่งเหล่านี้ได้ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา จะใช้ในยามคับขันได้ แต่ของสิ่งนั้นต้องมีความแหลมคมมากๆด้วยนะครับ” กล่าวจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องของเขาไป สร้างความงุนงงแก่บรรดานัก โบราณคดีที่หมายหมั่นจะออกเดินทางค้นหาสิ่งของเหล่านี้ และชายหนุ่มรู้ได้ อย่างไร???....ว่าพวกเขาวางแผนการณ์ในเรื่องนี้ไว้แล้ว แล้วอะไรหรือที่พลังงาน ไม่สามารถจะดึงดูดไปได้ คงจะไม่ใช่โลหะอย่างแน่นอน แล้วอะไรกันล่ะ????.... * แก้วประเสริฐ. *