จริงหรือ? ที่ว่าความทรงจำคือส่วนเติมเต็มปัจจุบันของเราให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น แล้วความทรงจำประเภทไหนกันล่ะที่เรียกว่าเป็นส่วนเติมเต็ม เพราะในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์เรามีทั้งความทรงจำด้านที่เจ็บปวด และความทรงจำด้านที่สวยงาม เราไม่สามารถเลือกจดจำเฉพาะด้านสวยงามได้ เพราะความทรงจำด้านเจ็บปวดนั้นบาดลึกเกินกว่าจะลืมได้ ไม่ว่าเราจะแกล้งทำเป็นลืมแค่ไหน แต่พอหลับตาลงความทรงจำอันเจ็บปวดก็จะลอยเด่นชัดขึ้นมาในท่ามกลางความมืด หรือว่า...? แท้จริงแล้ว เราหลงใหลในความเจ็บปวดมากกว่าความสุข โดยที่ปากก็ยังพร่ำปฏิเสธมัน แต่ก็ยังลักลอบติดต่อกับความเจ็บปวดโดยผ่านพาหนะที่เรียกว่า ความเหงา ใช่! ความเหงา...บางทีเราก็ใช้มันอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะคิดว่ามันไม่มีราคาค่างวด เราจึงใช้ความเหงาเป็นประตูเปิดออกไปสู่โลกใบอื่นๆ โลกที่เต็มไปด้วยความทรงจำด้านที่เจ็บปวดก็เป็นหนึ่งในนั้น คงไม่ยุติธรรมที่จะโทษความเหงาซะทีเดียว เพราะโลกใบที่เก็บความทรงจำแห่งความเจ็บปวดนั้น ช่างเปราะบางเหลือเกิน มันเหมือนปล่องภูเขาไฟที่ยังมีชีวิต คุกรุ่น พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่กลับพยายามกักเก็บความเร่าร้อนซุกซ่อนไว้ภายใน ฉัน เป็นเหมือนปล่องภูเขาไฟ ที่กักเก็บลาวาแห่งความเจ็บปวดไว้จนอัดแน่น อะไรที่ทำให้ฉันเจ็บปวดขนาดนั้น? ........................... ฉันจะขอกล่าวโทษ ความรัก ได้ไหม? หลายคนที่บูชาความรักว่าเป็นประตูเปิดสู่โลกแห่งความสุข คงจะประณามฉัน ว่ากล่าวหาความรักด้วยถ้อยคำอันรุนแรงและเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ไม่ว่าจะยังไง สำหรับฉัน ความรัก เป็นเหมือนบทละครแห่งโศกนาฏกรรม มันเป็นต้นธารของความทรงจำอันเจ็บปวดโดยแท้จริงก็ว่าได้ ฉันจะขอยกตัวอย่าง เมื่อใดก็ตามที่เราเกิดความรักต่อใครสักคน เมื่อนั้น ความเป็นตัวตนของเราถือว่าได้จบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ เราจะเป็นตัวเราอย่างที่เคยเป็นไม่ได้อีกต่อไป โลกใบเล็กที่เคยมีเราครอบครองเพียงคนเดียว จะถูกแทนที่ด้วยคนๆ นั้น คนที่พร้อมจะเข้ามาเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง ...แม้กระทั่งความรู้สึกที่เคยเป็นตัวตนของเรา เราก็ไม่อาจจะซื่อสัตย์ต่อมันได้อีกต่อไป ฉันไม่ปฏิเสธ ห้วงเวลาที่ความรักผลิบานนั้น มันได้ให้ดอกผลแห่งความสุขอย่างเต็มอิ่ม แต่นั่นกลับทำให้ฉันยิ่งย่ามใจ เสพกลืนดอกผลนั้นอย่างตะกละตะกลาม จนปราศจากความคลางแคลงใจใดๆ ...ฉันลืมไปว่า ความสุข มีระยะเวลาของมัน และเป็นระยะเวลาอันจำกัด การที่โลกใบเล็กๆ ของเรา ถูกแทนที่ด้วยคนๆ หนึ่ง ผู้ซึ่งเข้ามาเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ เท่ากับว่าเราได้วางเดินพันทั้งหมดไว้กับคนๆ นั้น เป็นเดิมพันที่สูงลิบลิ่ว ซึ่งไม่มีหลักประกันอันเป็นรูปธรรมใดๆ เลย แล้ว... เมื่อความสุขกลืนกินเวลาของมันจนหมดสิ้น โลกใบเล็กที่เคยเปี่ยมล้นด้วยความหมายนั้น กลับกลายเป็นอากาศธาตุในแค่พริบตาเดียว นั่น เป็นเวลาเดียวกับที่ลาวาแห่งความเจ็บปวด ประทุออกมาจากปล่องภูเขาไฟที่เคยโอบอุ้มมันเอาไว้ ความร้อนของลาวาแผดเผาทุกอย่างมอดไหม้ เหลือแต่เพียงเถ้าถ่านไร้รูป และเมื่อสายลมเฮือกสุดท้ายแห่งการรู้สึกตัว พัดวูบผ่านไป โลกทั้งใบของเราก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่อีกเลย แปลก! ที่เรากลับไม่รู้สึกเข็ดหลาบ เราโหยหาประตูแห่งความรัก และพร้อมจะเปิดมันทุกครั้งที่มีโอกาส หรือว่า...ความทรงจำแห่งความเจ็บปวดให้บทเรียนแก่เราน้อยเกินไป เปล่า สำหรับฉัน ความรัก ให้บทเรียนด้านที่เจ็บปวดแก่ฉันอย่างแสนสาหัส มันเหมือนอาหารผสมยาพิษ อาจฆ่าฉันได้ทุกเมื่อ แต่ฉันกลับไม่เคยกลัวที่จะตักมันเข้าปากอย่างเต็มใจ เป็นไปได้ไหม ที่ภูเขาไฟของฉันยังเติมเต็มลาวาแห่งความเจ็บปวดไม่มากพอ มันยังมีที่ว่างหลงเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือว่า ฉันเชื่อมั่นในความรักมากเกินไป จนมองความเป็นปวดเป็นเรื่องไร้สาระ โดยไม่เคยตั้งคำถามเคยว่า แท้จริงแล้ว ความรัก กับ ความเจ็บปวด อะไรเป็นสิ่งไร้สาระกว่ากัน ความรัก เหมือนดอกไม้ป่าที่เบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมหวน... ความเจ็บปวด เหมือนหนามแหลมที่รายรอบอยู่บนเรียวก้านของดอกไม้ดอกนั้น... เราไม่อาจเลี่ยงได้ที่จะเด็ดดอกไม้แห่งความรัก โดยที่ไม่ต้องสัมผัสหนามแหลมคมแห่งความเจ็บปวด หรือ...? จะแค่ชื่นชมมันโดยไม่เอื้อมมือไปแตะต้อง สำหรับฉัน เลือกแล้วที่จะเสี่ยงกับหนามไหน่อันแหลมคม เพื่อแลกกับห้วงเวลา ที่ฉันไม่มีวันรู้ว่า ท้ายที่สุดแล้วปลายทางที่รออยู่ จะเต็มด้วยความสุขเหลือล้น หรือเป็นแค่ร่องรอยแห่งความทรงจำอันแสนเจ็บปวด แต่อย่างน้อย การเลือก...ก็ทำให้ฉันได้เติมเต็มลมหายใจในปัจจุบัน ให้ดำรงอยู่ต่อไป.
28 มีนาคม 2555 15:05 น. - comment id 126959
ขอบคุณเหมือนกันนะคับ
21 มีนาคม 2555 16:29 น. - comment id 128361
ยอดเยี่ยม ขอรับ...อ่านแล้วอินตามเลย ลาวาแห่งความเจ็บปวด... ประตูแห่งอิสระภาพที่โหยหา รอยแผลแห่งความสุขที่ซ้ำซาก ยากจะลืม บนรอยธารแห่งกาลเวลา เมื่อใดก็ตามที่ประตูนั้นถูกค้นพบ และเมื่อใดก็ตามที่มีโอกาสจะก้าวออกมา จากที่แห่งนั้น ด้วยจิตใจ ที่ยังคงไร้ความเข้าใจของเงื่อนที่ผูกปม ปมนั้น...อาจก็จะยิ่งทบทวี ลาวาแห่งความทุกข์ ให้ปะทุถาโถม ออกมาตามช่อง ร่องทาง แห่งประตูนั้น เมื่อนั้น...การเผชิญโลกด้วยใจที่ยังอัดแน่น ไปด้วยใจที่คล้ายเบ้าหลอมเรื่องราวแห่งชีวิต โดยที่ต่างคน ต่างก็เป็นเหมือนกัน มันก็ไม่ต่างไปจาก บทละครแห่งโศกนาฎกรรม อย่างที่ท่านกล่าว โดยแท้... อามีน เด้อ..
21 มีนาคม 2555 20:37 น. - comment id 128364
อืม...ตกลงไม่รู้ว่าความทรงจำของคนเรานี่...มันดีหรือไม่ดีกันแน่ บางความทรงจำมันก็เจ็บปวด แต่เรากลับเลือกที่จะไม่ลืม มัน ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับความทรงจำที่ผ่านมานะครับ
23 มีนาคม 2555 10:30 น. - comment id 128374
ชีวิตมีหลายอารมณ์ เศร้า สุข ดีใจ ยินดี เจ็บปวด อ่านแล้วได้ข้อคิดมาก เรื่องสั้นดีมากเลย
23 มีนาคม 2555 10:45 น. - comment id 128376
งดงามค่ะ
27 มีนาคม 2555 09:07 น. - comment id 128470
"ความ ทรง จำ " สามคำสั้นๆแต่กักเก็บความหมายไว้มากมายเหลือเกิน "ความจำ" และ "ทรง" ลองสลับที่เล่นๆดูค่ะ "ทรงความจำ" "ทรงไว้ไม่ให้ทรุด" เหมือนการหยุดช่วงเวลา ณ ขณะหนึ่ง ที่เราหวงแหนเอาไว้ ขึ้นอยู่กับว่าเราหวงแหนและอยากรักษ์ช่วงเวลาไหนในขณะนั้น....เนาะ คิดถึงงานเขียนของ พีรเดช นวลสาย เสมอ วันนี้เข้าบ้านมาเจออยากบอกว่า "ดีใจมากๆ" ขอบคุณที่กลับมาเขียนงานให้ได้อ่านอีกค่ะ