ความเปลี่ยนแปลง
หนุ่มลำปาว
เห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้จัง ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ที่แม่พูดเช่นนี้แม่อยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวเสียที แม่อยากอุ้มหลานแล้วผมรู้ทันความคิดของแม่
ทานข้าวเช้าเสร็จ ผมกับแม่มานั่งที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ แม่บอกเล่าให้ผมฟังว่าเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมต่างแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว บางคนมีลูกแล้วก็มี เพื่อน ๆ ผู้ชายตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนมากก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด เหลือสามคน คือ ไอ้เวิน ไอ้จ้อย และไอ้โหน่ง
แม่เล่าว่าแต่ละคนก็ไม่เป็นโล่เป็นพาย ไม่ทำการงานอะไร เกาะพ่อแม่กินอย่างเดียว
ไอ้เวินก็ไม่เป็นผู้เป็นคน ทำร้ายทุบตีแม่เวลาที่แม่ไม่มีเงินให้มันยามที่มันหิวยา
ไอ้จ้อยก็ติดยาเช่นกัน งานการไร่นาสวนมันไม่คิดทำ ให้พ่อแม่เลี้ยงแบมือขอเงินพ่อแม่ ตะลอนไปมาดื่มเหล้าเมายาตามหมู่บ้านนี้แหละ
ขณะที่แม่เล่าให้ผมฟังถึงเพื่อน ๆ ในวัยเด็กของผมอยู่นั้น แม่ยังไม่ทันจะเล่าเรื่องไอ้โหน่งให้ผมฟังด้วยซ้ำ ไอ้โหน่งเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดมันขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาที่บ้านผมพอดีเพราะบ้านผมอยู่ใกล้ตลาดสด มันเห็นผมมันเลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้ามามันดีใจ ผมเห็นมันผมดีใจเช่นกัน มันเปิดยิ้มกว้างจนเผลอเห็นขอบเหงือกสีม่วงเข้มเพราะดูดบุหรี่จัด มันโผมากอดผม เรากอดกันและกัน เราสองคนทรุดนั่งที่แคร่พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันและกัน ส่วนแม่เดินไปเล่นกับป้าเนียนที่นั่งคนเดียวอยู่ใต้ถุนบ้านที่อยู่ติดกัน
สมัยเด็ก ๆ ไอ้โหน่งกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เวลาไปไหนจะไปด้วยกันตลอด จนเพื่อนๆในโรงเรียนมักจะพูดหยอกเอินว่า คู่ปาท่องโก๋ เพราะไปไหนด้วยกันบ่อย เวลาเลิกเรียนก็มักจะไปทงเบ็ด หาปลาข่อน วิ่งไล่แย้ หากิ้งก่า จับจักจั่นตามราวป่าเกือบทุกครั้งที่หยุดเสาร์อาทิตย์เป็นประจำ มีอะไรก็แบ่งกันกิน เล่นกีฬาฟุตบอลโรงเรียนก็โดนครูจับเป็นกองหน้าคู่กัน จึงไม่แปลกที่เราสองคนช่วยกันยิงประตูคู่ต่อสู้ได้มากมาย
พอเรียนจบมัธยม ผมก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมือง ส่วนไอ้โหน่งมันเลือกที่จะไม่เรียนเพราะเกเร หลังจากนั้นเราก็ห่าง ๆ กันไปตามวิถีชีวิตของตนเอง
ไอ้โหน่งมันดูผอม ๆ โทรม ๆ เบ้าตาลึกโบ๋ดูเลื่อนลอย แขนขาเล็กลีบ ใบหน้าซูบตอบ ผมถามมันว่าทำอาชีพอะไรทุกวันนี้ มันบอกว่ามันกรีดยาง ทำสวนอ้อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน
ไอ้โหน่งผอมลงจนผมอดสงสัยไม่ได้ ผมจึงถามมันว่ามันเล่นยาเหมือนวัยรุ่นในหมู่บ้านหรือเปล่า มันบอกปฏิเสธทันควันว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ยุ่งเกี่ยวก็แต่บุหรี่ สุรา นอกนั้นไม่เคยยุ่งเลย
ไอ้โหน่งกลับไปแล้ว คราวนี้ผมลงไปนั่งที่เปลหยิบหนังสือขึ้นอ่านอย่างเพลิดเพลิน ถ้าว่างผมมักจะพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลาย ส่วนมากจะเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น แม่กลับจากไปนั่งเล่นพูดคุยกับป้าเนียน เดินมาทรุดนั่งที่แคร่ไม้ไผ่ข้าง ๆ ผม
แม่เล่าให้ผมฟัง ผมถึงได้มารู้ความจริงว่า ไอ้โหน่งมันเล่นยาจริง ๆ ยาที่ว่านั้นคือ ยาบ้า ที่กำลังระบาดหนักในหมู่บ้านในขณะนี้ และแม่ห้ามว่าให้ผมห่าง ๆ ไอ้โหน่งมันไว้
แม่บอกว่าหมู่บ้านเรามันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ คนหนุ่มสาวในหมู่บ้าน สามีภรรยาหลายครอบครัวต่างเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บางคนค้า บางคนเสพ เป็นเอย่นนั้นก็มีมาก โอ้โหน่งก็เข้าในข่ายที่ทางการเขาหมายหัวไว้เช่นกัน
แม่ยังเล่าต่ออีกว่าที่สำคัญวัยรุ่นติดยากันเยอะมาก การซื้อขายก็ขายกันคล่อง เหมือนซื้อขนม ขายกันโจ่งแจ้งไม่ได้กลัวตำรวจกันเลย บางคนขายยาบ้ามีสินสอดไปขอสาวแต่งงาน บางคนมีเงินสร้างบ้านหลังเป็นล้าน ๆ สวยงาม บางคนมีรถเก๋งวิ่งขับส่งยาบ้าก็เยอะ ทำเป็นอาชีพเลยก็มี วันวันไม่ทำอะไรขายยาบ้าอย่างเดียว
ผมนั่งฟังเรื่องราวอดสะท้อนใจไม่ได้....
บ่ายของวันนี้ ข่าวล่ามาแรงจากนกพิราบในหมู่บ้าน ว่าไอ้โหน่งโดนตำรวจรวบตัวได้ขณะยืนขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นคาบ้านพัก ตำรวจขึ้นค้นที่บ้านพบยาบ้าหลายพันเม็ด
ผมรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านไอ้โหน่ง ไทมุงยืนออดูกันอยู่เต็ม ไอ้โหน่งโดนจับล็อกกุญแจนั่งอยู่กระบะท้ายรถตำรวจ มันนั่งก้มหน้า ใบหน้ามันเศร้าสร้อยหมดอะไรตายอยาก คล้ายคนสิ้นหวัง
ผมยืนมองไอ้โหน่ง ไอ้โหน่งมองหน้าผม มันเบือนสายตาหนีพร้อมกับน้ำตารื่นคลอเบ้า