* แดนพิศวง ตอน ๒ *

แก้วประเสริฐ


                         แดนพิศวง ตอนที่๒
                             (มรกตสีทอง)
   แสงจันทร์ที่ลอยเด่นสีนวล   แสงสะท้อนกระทบผิวน้ำทะเล
ดูเป็น
ประกายระยิบระยับรอรับการพลิ้วของคลื่นที่สายลมพัดนำพา
เข้าสู่ฝั่ง
แสงนวลใยส่งประกายเข้มข้นสาดส่องไปทั่วบริเวณนั้น 
ตลอดจน
แหลมที่ยื่นเข้าไปในท้องทะเล   สลับมืดบ้างสว่างด้วยเมฆที่
ล่องลอย
ผ่านมาบดบังดวงจันทร์   บัดนี้ปลายส่วนที่ชายหนุ่มนั่งอยู่แทบ
จะแลเห็นได้เลือนลางสลัวบางครั้ง  ถึงแม้มีแสงของจันทร์สาด
ส่องถึง
ก็ตาม  และในบริเวณที่เขาทั้งสี่ยืนอยู่กลับสว่างไสวไปด้วย
แสงจันทร์ นวลใยขจายไปทั่วบริเวณ 
สร้างความประหลาดใจแก่ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก  ยามที่เมฆ
บดบังแสง
จันทร์นั้นจะปรากฏแสงจากชายทั้งสามทอประกายออกจาก
ร่างพวกเขา
ประดุจเดียวกับแสงแห่งจันทร์ที่สาดส่องและถูกบดบังไป 
    หลังจากที่บรรดาชายแปลกหน้าแนะนำตัวเองเสร็จ นิรุทธิ์
มองไปที่
ร่างทั้งสามในเครื่องแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วยสีสรร
ต่างๆนาๆหลายหลากสีแพรวพราวดู
สวยสดงดงามมาก  ด้วยความความประหลาดใจและความ
งดงามนั้น   เขาพลันทบทวนตำราต่างๆและพลัน
นึก  เพราะการแต่งกายนั้นมองคล้ายๆเหมือนกันแต่แตกต่าง
กันมากด้วย
ความในเท่ห์  พลางใคร่ครวญว่าจะถามดีหรือไม่  แต่ความ
อยากรู้และ
ความฉงนใจ   พลางรำพึงในใจเหตุใดจึงมีสีสรรสวยสดแต่สี
แตกต่าง
กันมาก  หรือว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงานที่แตกต่างกัน
ออกไปยิ่ง
นักหรือว่าจะเป็นการแบ่งฐานันดร์กันหรือไม่  จึงเอ่ยปากถาม
ขึ้นว่า
   “ข้าพเจ้ามิอาจจะรับคำเรียกกล่าวหาของท่านได้ ดินแดนนี้
หาใช่
ดินแดนที่ท่านกล่าวมาก็หาไม่   ดังนั้นคิดใคร่ขอร้องท่านทั้ง
สามโปรดตรวจสอบอีกครั้ง   และทบทวนความคิดใหม่จึง
เรียกหาเข้าดังคราวแรกจะดีกว่า   ด้วยคำหลังนั้นสูงเกินกว่าที่
ข้าพเจ้าจะอาจเอื้อมด้วยมันสูงส่งเกินกว่าที่
พึงรับได้หรอกนะ  อีกประการหนึ่งด้วยเกิดในคนละยุคกัน
อาจจะสร้าง
ความสงสัยต่อคนทั้งหลายที่ได้ยินเข้าก็จะคิดว่าหรือ อาจจะหา
ว่า
ข้าพเจ้าบ้าไปเสียแล้ว ข้าพเจ้ามาคิดดูถึงแม้นว่าพวกท่าน
อาจจะไม่มีคนสามารถที่
เห็นรูปร่างหรือไม่ก็ตามเถอะ”
    ชายฉกรรจน์ที่สง่างามในเครื่องแบบทหารแปลกประหลาด
ต่างหันหน้าปรึกษากัน มีทั้งเหลือบตาจำเลืองหันกลับ
มามองหน้ากันและกัน ต่างก็พากันแย้มยิ้มเบิกบานพยักหน้า
ยอมรับ
     หนึ่งในนั้นพลันเอ่ยขึ้นด้วยกิริยานอบน้อม
   “หากมาดแม้นเป็นคำสั่งของพระองค์  ทำให้เกิดความพึง
พอใจแล้ว
ต่อไปก็จะเรียกหาดังตอนแรก  ขอพระองค์โปรดพระราชทาน
อภัยด้วย
เถิดพระเจ้าข้า  พวกข้าทั้งสามจะยึดถือปฏิบัติต่อไปอย่าง
เคร่งครัด ตามคำสั่งอาจารย์ที่ตกทอดกันมาหลายรุ่นแล้ว”
   ชายหนุ่มหันมายิ้มแก่บุคคลทั้งสามด้วยความประหลาดใจอด
ถามมิได้
ว่าชายเหล่านั้นทำไมถึงแต่งกายไม่เหมือนเครื่องแบบสมัย
โบราณโลกนี้
   “ดีแล้วล่ะท่านทั้งสาม  แปลกๆนะการแต่งกายของพวกท่าน
ตอนแรก
กับตอนนี้ช่างผิดแผกกันสิ้นเชิง ใยจึงเป็นดังนี้หรือ???....”
   “ด้วยข้าพเจ้าทั้งสามต่างคิดว่าเมื่อสมฤทธิ์ผลแล้วก็ควรสู่
สภาพมิติ
โน้นจะดีกว่า   ฉนั้นจึงคืนสภาพเดิมอีกประการหนึ่งเพื่อให้
คุณชาย
ได้รับรู้ในเครื่องแบบทหารของมิติโน้น  ต่อไปจะได้ไม่ต้อง
แปลกใจ
ซึ่งมิตินี้ไม่มีการแต่งกายแบบนี้แล้วขอรับ สาเหตุบ่งบอกชี้ของ
สีนั้น
ก็ด้วยเกิดจากเหตุแบ่งตามสีของดวงแก้วสองดวงนั้น  โดยแบ่ง
แยกกัน
ออกเป็นการควบคุมหน้าที่ความรับผิดชอบกัน  โดยฉันทามติ
ให้เป็นไป
ตามสีของดวงแก้วทั้งสามดวงขอรับคุณชาย”
   “อ้าวๆๆถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีดวงแก้วอีกหนึ่งดวงล่ะ
ซิ????....”
   “ถูกแล้วขอรับคุณชาย อีกด้วยจะมีสีเหมือนเครื่องแบบของ
ท่าน
   ส่วนข้าพเจ้านามวิรุฬห์ซึ่งเป็นหัวหน้าควบคุมไพร่พล
ทั้งหมดอยู่คอยวันเวลาอยู่เท่านั้น เพื่อความสะดวก
จึงใช้สีของดวงแก้วซึ่งทรงพลานุภาพมากกว่าแก้วสองดวงที่ 
บัดนี้ ยังไม่รู้ว่าอยู่หนแห่งใด อานุภาพจะมีมากกว่าที่
อยู่ภายในร่างกายของคุณชาย   อีกประการหนึ่งในบรรดาดวง
แก้วนั้นสองดวงนั้น ซึ่ตอนนี้อยู่
ในร่างคุณชายจะทรงไว้ด้วยอิทธิ์ฤทธิ์แต่ก็เป็นรองดวงแก้วอีก
หนึ่งดวงที่ทรงพลานุภาพมากที่สุดในดวงแก้วทั้งปวง
 มาดแม้นว่าจะมีพลานุภาพอันยิ่งใหญ่อยุ่แล้วก็ตามที  หากแต่
 ยังขาด
ของอีกสิ่งหนึ่งไป  พวกข้าพเจ้าจึงออกค้นหาดวงแก้วดวงนั้น
คงต้องใช้
เวลาไม่มากนักแล้ว ด้วยที่อยู่ดวงแก้วนั้นบรรลุขึ้นแล้วขอรับ  
หากวันใดนั้นดวงแก้วที่สาปสูญหายไปนั้น  มารวมด้วยกัน
เมื่อใด
อานุภาพก็จะทรงพลังมหาศาลมากยิ่งขึ้นขอรับคุณชาย”
   “อ้าวๆๆๆ!!!!!???....ยังไม่จบอีกหรือยังมีดวงแก้วอีกดวง
หนึ่งอยู่
หรือท่านทั้งสาม????....”
   “ขอรับคุณชาย  นี่ต้องแล้วแต่วาสนาของผู้ที่เป็นเจ้าของและ
สถิตย์
รวมกันไว้ได้อีก  ด้วยดวงแก้วดวงนั้นพวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าอยู่
ในที่แห่งใด สถานที่ใดของมุมโลกนี้ซึ่งอาจารย์ผู้เฒ่าบอกว่า
หลังจาก
คุณชายในอีกมิติหนึ่งสิ้นลง ลูกแก้วทั้งสามก็เร้นหายไปจากมิติ
นั้นๆ
ขอรับคุณชาย  ทั้งสามดวงกลับพุ่งขึ้นบนฟากฟ้าเกิดความ
แปรเปลี่ยน
ของพลังงานเข้าสู่ยังอีกมิติหนึ่ง     บรรพบุรุษพวกข้าพเจ้าเห็น
ดังนั้น
จึงได้รีบนำบริวารเร้นกายออกจากนครนั้นทันที พร้อมทั้ง
หนังสือที่
ซ่อนเร้นไว้ในนครแห่งนี้ออกมาด้วย  แต่เสมือนเป็น
ภาระหน้าที่ของ
พวกข้าพเจ้า บรรพบุรุษจึงได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่งส่งมอบ
ถ่ายถอด
มาจนถึงรุ่นท่านผู้เฒ่าไว้  ท่านผู้เฒ่ากล่าวว่าบรรพบุรุษแจ้ง
กำชับไว้ว่า
การค้นหาดวงแก้วนั้นจะสมฤทธิ์ผลก็ต่อเมื่อค้นหาที่อยู่ของ
ดวงแก้วนั้น
ให้พบก่อน  ด้วยดวงแก้วทั้งสามดวงจะต้องติดตามที่อยู่ของ
มันไป
ตลอดในห้วงจักรวาลทั้งหลาย  เมื่อรู้ดังนั้นพวกเราจึงออก
ติดตามไป
ในแต่ละจักรวาลเพื่อค้นหา คงเหลือสุริยะจักรวาลนี้เท่านั้น
ด้วยความ
ฉงนและลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าคงจะมาสู่ยังจักรวาลนี้ด้วยชื่อ
ของดวง
แก้วดวงหนึ่งคือดวงแก้วสุริยะ ส่วนจันทรานั้นไปมาแล้วไม่
พบเพราะ
เป็นแค่บริวารหนึ่งในภพนั้นๆขอรับ  ท่านผู้เฒ่าเมื่อนึกถึงข้อนี้
ได้จึงได้
นำพรรคพวกออกติดตามมาสู่ยังดินแดนแห่งนี้ด้วย บรรดา
บริวารที่หมุนเวียนล้อมรอบตามพลังงานดึงดูดของ
สุริยะนั้นพวกเราไปกันมาแล้ว แต่เนื่องจากเห็นว่าดาวดวงนี้
มองดูน่า
เกลียดมากๆจึงละเลยเสีย เมื่อค้นตามดวงดวงหมดแล้วไม่มีจึง
เข้ามาสู่
ดวงดาวราหูนี้แหละ  ตามลักษณะดาราศาสตร์ก็บ่งชี้ไว้
เช่นเดียวกัน
ครั้นมาถึงก็เห็นประกายสุกสกาวไสวเกิดขึ้นของดวงแก้ว
ทั้งหลายแต่
อีกดวงนั้นทอแสงริบหรี่นักคล้ายมีสิ่งปิดกั้นเอาไว้  เมื่อเห็น
ดังนั้นจึง
พากันแน่แก่ใจพวกเราแล้วว่า ที่อยู่ของดวงแก้วนี้ได้บังเกิดใน
ดวงดาวนี้
แล้วซึ่งที่จริงเป็นจิตวิญญาณของกษัตริย์แห่งมิติโน้นเข้ามาสู่
ดวงดาวนี้ ด้วยเป็นดวงดาวที่อุดมสมบูรณืกว่าที่อื่น ตลอดจน
สิ่งอันเป็นแรงกระตุ้นของดวงแก้ว ต่างคิดว่าดวงแก้วเดินทาง
และได้บังเกิดในดวงดาวนี้  จึงทำให้ดวงแก้วทั้งสามเข้ามา
สถิตย์อยู่ด้วย
 
   หลังจากได้ติดตามดวงแก้วสองดวงนั้นคืนมาได้    ซึ่งอาจจะ
เป็นดวง
เมืองนครนั้นคงจะยังไม่สิ้นสลายไปทีเดียว  จึงต่างค้นพบ
ดวงแก้วทั้งสองต่างสถานที่กัน ในดินแดนที่เต็มไปด้ว
ภยันตรายอัน
มากมาย  หลังจากได้ทั้งสองดวงมาแล้วก็พยายามค้นหาอีกดวง
แต่
จวบปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถค้นพบได้     บางทีอาจจะหลุดจาก
ห้วง
แห่งจักรวาลมิตินี้ไปแล้ว  หรือไม่ก็อาจจะถูกอะไรบางสิ่งปิด
กั้นเอา
ไว้แล้วนั่นเอง     จึงได้พากันนำชาวนครที่บรรพบุรุษข้าพเจ้า
ครอบครองอาณาจักรแห่งนี้จึงพากันค้นหาตามที่ต่างๆโดย
ออกเดินทางจากมิติมาสู่ยังโลกนี้ตามพยากรณ์ของดวงดาวเป็น
เครื่องบ่งชี้ไว้ขอรับ รอคอยวันที่ได้โอกาสก็จะย้อนคืนกลับสู่
มิติโน้น
อีกครั้งหนึ่งพร้อมด้วยไพร่พลทั้งหมด อีกประการหลบลี้หนี
ภัยจาก
นครต้องสาปที่อยู่ภายใต้อำนาจของพวกโหราจารย์ได้ดีอีกด้วย
ขอรับ” 
 
   “หากมาดแม้นดวงแก้วทั้งสามทรงพลานุภาพอันมากมาย
เช่นนี้ใยเล่า
นครที่พวกท่านกล่าวไว้ จึงยังไม่พ้นคำสาปไปเสียได้????...”
   “ตามบันทึกของบรรพบุรุษบันทึกไว้ว่า สาเหตุจากไม่
สามารถรักษา
นครแห่งนี้ได้ด้วยจักรวาลได้เกิดผันแปรเปลี่ยนพลังงานแรง
โน้มถ่วง
ดึงดูดทั้งจักรวาลไป  พลังงานต่างๆในจักรวาลหนึ่งและอีก
หลายๆ
จักรวาลถูกอำนาจของสูญญกาศแปรเปลี่ยนพลังงานต่างๆขึ้น
เข้าแทรก
พลังงานจึงต่างถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหันพลังงานฃ
สลับขั้วกัน 
  
     ดังนั้นพลังงานของดวงแก้วทั้งสามจึงอ่อนพลังงานไป ช่วง
นี้แหละ
เกิดการปั่นป่วนในนครแห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่พลิก
ผันภัยพิบัติ
นาๆประการจึงได้เกิด  นครต้องสาปนั้นเกิดการขบถขึ้นนำ
โดยท่าน
     โหราจารย์ของนครซึ่งทรงไว้ด้วยพลานุภาพเวทย์มนต์จึง
นำกำลังเข้า
มาทำลายไปในระหว่างนั้น    อำนาจของดวงแก้วทั้งสามที่เคย
ทรงอานุภาพเหนือกว่ามนตราอาคมใดๆทั้งสิ้น  แต่ทว่าเสียดาย
พลังงานก็ถูกบั่นทอนไปครึ่งหนึ่ง  คงเหลืออีกครึ่งหนึ่งของพ
ลานุภาพ
ก็พยายามทอพลังที่เหลือเพื่อช่วยเหลือนครนี้ไม่ให้ถูกทำลาย
สิ้นไป
จากพลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน และถูกซ้ำเติมอีก
จากมนต์ดำ  ซึ่งบันทึกกล่าวไว้ว่าแม้อำนาจดังกล่าวจะรุนแรง
แต่หาเทียบเท่ากับพลังงานธรรมชาติแต่ผู้ใช้ต้องประกอบด้วย
บารมี   แม้จะได้ดวงแก้วอีกดวงไปแต่ด้วยเป็นคนที่โลภ  หวัง
ในอำนาจ  ดังนั้นดวงแก้วจึงหนีหายไปและพ่อมดโหราจารย์
นี้ก็ได้ส่งคนออกติดตามเช่นเดียวกับพวกเรา   อันคัมภีร์มหา
 เวทย์มนต์ของโหราจารย์กบฏนี้ที่ทุกๆคนไม่มีผู้ใดจะสามารถ
จะกำหราบได้ จึงได้ถูกสาปนครนี้ให้อยู่แต่ในความมืดมนไป
หลังจากที่ทำลายผู้ควบคุมลูกแก้วเพื่อหวังจะได้ครอบครอง
ลูกแก้ว
ทั้งสามไว้ในกำมือ โดยที่ไม่มีใครกำหราบได้ทั่วทั้งจักรวาล
โดยเอา
พลังดวงแก้วทั้งสามผสมผสานกับเวทย์มนต์ของมัน  และสาป
ทุกๆคนที่ยังอยู่ในนครแห่งนี้ด้วยเวทย์มนต์ของมันสร้างสิ่ง
ใหม่ๆ
ทดแทนด้วยเปลี่ยนแปลงไว้โดยสิ้นเชิง ตัวมันเองก็เข้าครอบ
นครไว้โดยสิ้นเชิงและต่างก็ตกอยู่ในอำนาจมนต์มันมาหลายๆ
ร้อยปี  โดยเปลี่ยนรุ่นมาเรื่อยๆเช่นกัน
   เสมือนฟ้าดินยังเมตตาอยู่จึงทำให้การสาปของมันไม่
สามารถจะ
ครอบงำชีวภาพของร่างกายพวกเหล่านี้ได้  หากวันใดนครนี้
พ้นจากการควบคุมและอำนาจของมนตราที่ได้สร้าง
คำสาปไปแล้ว  ทุกๆคนก็จะหวนกลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยจะ
เกิดกระแส
หมุนเวียนของจักรวาลย้อนคืนกลับอีกครั้งหนึ่ง ชีวภาพของ
ชาวนครต่างก็จะคืนสู่สภาพเดิมทั้งสิ้นขอรับท่านชาย”
   ยิ่งฟังชายหนุ่มยิ่งงงงวยต่อคำเล่าของชายทั้งสามยิ่ง พลางนึก
ในใจว่า
 อันเหตุการณ์ผ่านมาเป็นร้อยๆปีแล้วจะคืนสู่สภาพเดิมได้
อย่างไรกัน
 เหมือนคนที่ตายไปจะหวนคืนกลับดังเดิมได้อีกหรือ????...
  แปลกเหลือเกิน และยังมีอยู่จริงๆหรือนี่ การเล่านั้น
เหมือนนิยายที่ฝรั่งเขียนไว้ในเรื่องแฮรี่พตอตเตอร์เกี่ยวกับ
เวทย์มนต์
จริงๆ  หรือว่าหูสติเราเพี้ยนไปก็ไม่ใช่นี่นา????................
    แต่นี่หากเขาไม่เห็นสภาพการแต่งกายของชายทั้งสามที่
เกิดขึ้นได้เอง
ดังเช่นนี้ ใครจะมาพูดอย่างไรเขาก็คงจะไม่เชื่อ  แต่นี่เขาเห็น
ด้วยสายตา
ในสภาพร่างกายจิตใจสมบูรณ์ยิ่งนักจนแอบลอบหยิกเนื้อ
ตัวเอง  ก็รู้สึก
ว่าเจ็บ    ตาเราหรือก็ไม่ฝาดไปนี่ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุกในใจขึ้นคิด
ใคร่จะ
ทดลองร่วมสนุกในเหตุการณ์นี้ แต่มาคิดว่าฟังๆดูมันเกี่ยวกับ
เวทย์มนต์
และ  พลันในใจก็พลันกระตุ้นสิ่งหนึ่งออกมาคงจะมีการรบพุ่ง
อย่างแน่
เหมือนในภาพยนตร์  แต่นี่เขาไม่เคยฝึกปรือวิชาการต่อสู้แต่
อย่างใดจะ
เข้าไปช่วยเหลือพวกนี้ได้อย่างไร อีกอย่างหนึ่งเรื่องนี้เขาก็ไม่
ค่อยชอบ  ในเมื่อเจ้าชายดังกล่าวมีของสามอย่างนี้อยู่เหตุใดจึง
ต้องตายไปเล่าทำไมหรือนครจึงต้องคำสาปไป ยิ่งพูดยิ่งงุนงง
แก่ชายหนุ่มยิ่งคิด   ในยุคปัจจุบันนี้มันเป็นเรื่องแปลกๆ
เสียด้วย   เสมือนคนทั้งสามจะรู้ความคิดเขา  ก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า......
   “หากคุณชายยอมรับเงื่อนไขการเข้าช่วยเหลือแล้ว  ข้าพเจ้า
ทั้งสาม
ขอให้คุณชายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการฝึกปรืออาวุธต่างๆ  พวก
ข้าพเจ้า
จะหมั่นมาฝึกสอนแนะนำตลอดวิชาการต่างๆให้คุณชายเอง”
   “ท่านรู้การคิดอ่านเราได้อย่างไรล่ะแปลกจริงๆ???...”
   “พวกเราชาวนครต่างรู้กระแสจิตใครทั้งสิ้นยกเว้นคนที่มี
พลังจิตสูง
กว่าเท่านั้นขอรับคุณชาย”
   “ที่ท่านกล่าวมานี้ทางโลกนี้เรียกว่าโทรจิตเป็นพลังงานชนิด
หนึ่งที่
สามารถบังคับวัตถุใดๆตามหนังสือที่เราได้ศึกษามานะ มีจริง
ด้วยหรือ
หรือว่าเป็นการเย้าข้าเล่นๆนะ???.....”
   “เรื่องพลังงานแห่งจิตนี้ชาวเราทุกๆคนมีกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว
ขอรับ
เพียงแต่มันจะเจริญหรือมากขึ้นก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องด้วยการ
เสริม
พลังงานไว้ให้แก่จิตมากๆโดยอาศัยพลังแห่งจักรวาลช่วยเหลือ
ขอรับ   ด้วยเหตุที่พวกเราที่กำเนิดรู้ได้นั้นก็ด้วยในโลกเรานั้น
ประกอบด้วยพลังงานเข้าแทรกซึมชีวภาพของผู้ที่กำเนิดในนั้น
แต่อำนาจย่อมแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง   ส่วนใหญ่แล้วแค่
แค่เป็นเพียงรู้แต่ยังไม่ลึกซึ้งเท่านั้นเอง จึงต้องประกอบด้วย
เวทย์มนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาผสมผสานเพื่อเพิ่มอำนาจพลังงาน
ในทำนองเดียวกันก็ทำลายอำนาจพลังงานของทุกหมู่เหล่า
ครอบงำกดไว้ด้วยเวทย์มนต์  ดังนั้นจึงต้องตกอยู่ในอำนาจ
ของจอมทรยศหมด  ยกเว้นแต่พวกเราเท่านั้นที่รีบหนีออก
จากภายใต้อำนาจมืดของมัน  ออกเดินทางมาสู่โลกใบนี้
แต่ก็ยังมีผู้ที่ร่วมกับเรา   สร้างขึ้นแยกเป็นกลุ่มๆเพื่อมิให้
เป็นที่สงสัยของพ่อมดจอมทรยศโหราจารย์
เพียงคุณชายรับปากแก่พวกข้าพเจ้าว่าจะเข้าร่วมมือช่วยก็
เพียงพอ
แล้ว  จะถ่ายทอดพลังงานนี้พร้อมยุทธวิธีการใช้อาวุธแก่
คุณชายขอรับ”
   “หากเรารับปากท่านแล้วเรื่องเหล่านี้ท่านจะมีเวลามา
ถ่ายทอดวิชา
แก่ข้าพเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ????...”
   “วันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงพวกข้าพเจ้าทั้งสามจะมาสู่สถาน
ที่นี้เพื่อ
แนะนำถ่ายทอดวิชาการตลอดเรื่องกาลต่างๆให้ทราบขอรับ
คุณชาย”
   “แล้วคนอื่นไม่มีอีกหรือ เหตุใดท่านจึงมาเจาะจงเรา
โดยเฉพาะ”
   ชายทั้งสามมองหน้ากันพากันหัวร่อเบาๆ   แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า
 
   “ เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นผู้ดูแลนครที่สร้างขึ้นมาใหม่แยกจาก
นครต้อง
สาปเพื่อค้นหาทางไว้   อีกทางหนึ่งก็สะสมบรรดาทหาร
ทั้งหลาย
 
พร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆไว้ด้วยแล้วขอรับคุณชาย
  
     เหตุที่ไม่เลือกบุคคลอื่นนั้นก็ด้วยในมิติโน้น ก็ด้วยเหตุที่
กล่าวไว้แล้ว
บุคคลที่พร้อมครบถ้วนและเป็นจิตวิญญาณของกษัตริย์
พระองค์ที่ดับ
ไป และได้มาบังเกิดในมิตินี้  ซึ่งเป็นบุคคลเพียงคนเดียว
เท่านั้นที่จะ
แก้ไขคำสาปและกำหราบตลอดจนล้างคำสาปนี้ได้เท่านั้น
    จึงเที่ยวเสาะหามาหลายยุคแล้ว  ตามวิถีแห่งดวงดาวว่า
บุคคลผู้นี้
ได้มาบังเกิดในมิตินี้  จึงพากันออกจากมิตินั้น เข้ามาสู่ที่นี่ซึ่ง
ได้อาศัยมา
หลายๆปีแล้ว  จนสิ้นผู้เฒ่าไปทั้งยังกำชับพวกข้าพเจ้าทั้งสาม
ไว้ด้วยให้
ให้พยายามค้นหาต่อไป หากไม่ได้ไม่ต้องกลับไปสู่นครในมิติ
โน้น
และถ่ายทอดวิชาการมอบหมายคนที่ไว้ใจได้รับสืบทอดต่อมา
 ขอรับ
 ท่านชาย  มาบัดนี้พวกเราได้ค้นพบบุคคลดังกล่าวแล้วคือ
คุณชายนี้
แหละที่ถูกต้องตามลักษณะตำราตลอดจนการบ่งชี้ของดวงดาว
อีกด้วย
ในทางหนึ่งขอรับคุณชาย  ครั้นวางดวงแก้วทดสอบก็ยิ่งแน่แก่
ใจด้วย
หากดวงแก้วไม่ยอมรับไว้
  ก็แสดงว่าไม่ใช่บุคคลที่พวกข้าพเจ้าต้องการ ก็จะต้องติดตาม
ค้นหากัน
ต่อไป  แต่บัดนี้ปรากฏชัดแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดวงแก้วต้องการ
ขอรับ”...............
               * แก้วประเสริฐ. *	

1139348gm3744qpip.gif				
comments powered by Disqus
  • อนงค์นาง

    15 กุมภาพันธ์ 2555 06:15 น. - comment id 128474

    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    15 กุมภาพันธ์ 2555 18:21 น. - comment id 128480

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ อนงค์นาง
    
             เรื่องนี้ครูเขียนในแนววิทยาศาสตร์ โบราณ
    คดีตลอดจนเวทมนต์ต่างๆ  และข้ามโพ้นมิติ
    ไปแยกแยะระหว่างมนตรากับพลังงานธรรมชาติ
    ว่าใครจะเหนือกว่าใครจ้า คอยติดตามตอนแรก
    เพียงดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆเพื่อสู่ความเข้มข้น
    จนอวสานจ้า  รักศิษย์เราเสมอ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • กิ่งโศก

    23 กุมภาพันธ์ 2555 17:06 น. - comment id 128525

    อ่านตอนสองแล้วครับครู
  • แก้วประเสริฐ

    23 กุมภาพันธ์ 2555 19:54 น. - comment id 128529

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
           ตามความนึกคิดครูว่า เรื่องนี้ยากจริงๆนะ
    เพราะต้องค้นคว้าที่แสนเบื่อหน่ายมันหมดวัย
    เสียแล้ว จึงแค่นิดหน่อยแล้วสร้างจินตนาการ
    ขึ้น ในตอนแรกๆนั้นเป็นแค่อารัมบทเท่านั้นเอง
           แต่หากคนได้อ่านคงจะไม่สร้างความผิด
    หวังเท่าใดนักหรอกจ้า รักศิษย์เราเสมอ
    
                  16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน