อทิสมานกาย ๑๐๖ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการนำยาเสพย์ติดที่ชายหนุ่มสั่งไว้ มาครบ แล้ว ส่วนหนึ่งเก็บไว้พร้อมถ่ายรูปแล้วนำไปเผาตามคำสั่ง เจ้าแสงสีสินชัยก็นำ ส่วนที่เหลือไปเก็บยังบ้านเสี่ยเม้งกับเสี่ยเล้ง พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวยไป ตรวจค้นยังบ้านของเสียทั้งสอง ในขณะนั้นที่บ้านเสี่ยเล้งกำลังนั่งประชุมถึง แผนการณ์ จากการรายงานของ ลูกน้องทั้งสี่ของเสี่ยเม้งว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้เสี่ย ทั้งต่างมองหน้ากัน เสี่ยเม้งพลันเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้ กูก็แปลกใจเหมือนกันว่าเหตุใดพวกกูก็ ชำนาญเพราะ มีทั้งทหารและตำรวจได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีทำอะไรพวกมัน ไม่ได้เลยว๊ะ” “จริงๆนะเสี่ยไม่เชื่อก็ลองถามลูกน้องเสี่ยเองซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” “จริงหรือว่าจ่า ที่ไอ้เซี๊ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เเช้ง และไอ้สุย แจ้งมาว๊ะ” สี่หน้าของเสี่ยเล้งและเสี่ยเม้งขมวดบึ้งตึงดูอย่างเหี้ยมเกรียมมาก “จริงๆเสี่ย คนห่าอะไรยิงมันไม่เข้าแถมจัดการทั้งๆที่เราตลบหลังพวกมันไว้ แล้ว มันไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นนะเสี่ย แถมยังมีพวกผีปีศาจมาหลอกหลอนพวก เราอีกด้วยล่ะ!!!!!???????” ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ธรรมดา แล้วจ่ากับพวกเรารอดมาได้อย่างไรว๊ะ “ข้าและพวกเสี่ยเม้ง เห็นไม่ได้การจึงรีบหนีก่อน เพื่อจะได้มารายงานเสี่ย ล่ะ?” “ไอ้หย่า มีพวกผีด้วยหรือว๊ะ หรือมันไม่ใช่พวกตำรวจจริงกระมังว๊ะ กูชัก สงสัยจริงๆว๊ะ” “เรื่องนี้พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่ามันจะมีพวกหมอผีรวมอยู่ด้วย จึงหรือ เปล่าว๊ะไอ้เซี๊ยะ” จ่าทหารนอกราชการหันมาทางพวกไอ้เซี๊ยะ ซึ่งพวกมันต่างได้รับบาดเจ็บอยู่ ตามร่างกายพันไว้ด้วยผ้าพันแผล เกือบทุกๆคน จากสภาพของพวกนี้เสี่ยเม้ง และเสี่ยเล้งรู้ดีว่าเป็นอย่างไร ต่างรู้ว่าพวกนี้ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก “จริงหากเสี่ยทั้งสองร่วมอยู่ด้วยก็คงจะเห็นเองแหละ” ไอ้มุ้ยสอดแทรกขึ้นทันที และทุกๆคนทั้งฝ่ายเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งซึ่งได้รับ บาดเจ็บไม่น้อยหน้าไปกว่ากันต่างแย่งกันรายงาน “กูว่าไม่ธรรมดาเสียแล้วล่ะว๊ะไอ้เม้ง งั้นกูจะเข้ากรุงเทพฯคืนนี้เลยล่ะขืนอยู่ ต่อไปคงไม่พ้นถูกจับ จะได้ไปรายงานนายใหญ่อีกทีหนึ่ง” “ข้าก็เหมือนกันก็จะรีบกลับบ้าน ตอนนี้ต้องระวังตัวกันเสียแล้วล่ะว๊ะ” นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทุกๆคนออกมาจากบ้านและยกมือขึ้นเหนือหัวไว้ เสียงโทรโข่งดังขึ้นมา ทำให้บรรดาพวกค้ายาเสพย์ติดต่างตกตลึงกันไปพลางๆ กัน ทุกๆคนหันมามองหน้ากันอย่างตื่นตนกยิ่ง “ไอ้ห่ามันดมกลิ่นมาได้รวดเร็วอย่างไร หนีโว้ยตัวใครตัวมัน อ้อๆๆๆพวกมึง เอาเงินไปก่อนหากจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหนีว๊ะ” เสี่ยเล้งควักเงินส่งให้หัวหน้าทหารพรานและตำรวจนอกราชการคนละปึก ใหญ่ๆ เพื่อนำไปแจกจ่ายลูกน้องที่เหลือ หากพวกมึงรอดหนีไปได้นะโว้ย “ พร้อมตะโกนลั่นพบกันที่กรุงเทพฯนะโว้ย!!!!! หนีกันตัวใครตัวมันว๊ะ” เหมือนฝูงแตนแตกรัง ต่างคนต่างคว้าปืนประจำตัวออกมาเผ่นกันคนละทิศ ละทางกัน เสียงปืนดังลั่นจากจ่าและพวกทหารตำรวจนอกราชการ ที่ยิงไปยัง เสียงที่ได้ยินและประกายไฟที่ออกมาจากปากกระบอกปืนนั้นๆ เสียงปืนยิงโต้ตอบเสียงโทรโข่งหายไปทันที “อย่าให้หนีพยายามจับเป็นให้ได้ เสียงสารวัตรชัชวาลย์ดังขึ้น” ภายในบ้านต่างปิดไฟพรึบหมดคงเหลือแต่ความมืดและประกายไฟจากปืนที่ ยิงตอบโต้ออกมา ต่างระดมยิงกันโต้ตอบกับไปๆมาๆมิขาดสาย “ให้รถทุกคันเปิดไฟส่องทางบ้านเสี่ยมันด้วย เสียงสารวัตรตะโกนบอก ลูกน้องทันที ทันใดนั้นไฟหน้ารถสว่างต่างส่องไปยังบ้านทันที” ดังนั้นจึงพอจะมองเห็นตัวบ้านได้ แต่ก็ยิงกันตามหน้าต่าง ทันใดไฟหน้ารถก็ ดับลงเพราะถูกลูกปืนยิงใส่จนความมืดเข้าครอบงำอีกครั้ง “ทำอย่างไรดีล่ะท่านสารวัตร มันมืดจริงๆ” “ก็ยิงมันตามประกายไฟปืนมันซิ จับเป็นไม่ได้ก็จับตาย” เสียงสารวัตรตะโกนสั่งทันที เพราะจะเกลี้ยกล่อมเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว เนื่องจากเป็นคืนเดือนมืดทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนการณ์ของตำรวจ เสียง ปะทะกันประปราย ด้วยทุกๆคนต่างรู้ตัวดีต่างหนีออกทางหลังบ้าน อาศัยความ มืดและต้นไม้ที่ปกคลุมแยกย้ายกันหนี ทั้งเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งต่างมีบอดี้การ์ดพา เจ้านายมันออกลัดเลาะหนีไปได้ นอกนั้นต่างจบชีวิตจนหมดสิ้นในท่าต่างๆกัน “ลองค้นหายาดูซิ ด้วยนายสั่งมาว่ามียาซุกซ่อนไว้ ในบ้านทั้งสองด้วย” “ครับท่านสารวัตรหรืออีกตำแหน่งหนึ่งคือรองผู้กำกับการตำรวจ” การค้นหาเริ่มอีกครั้งหลังจากเปิดสวิตซ์ไฟสว่างไปทั่วบ้าน ตำรวจที่ค้นหาต่าง พบยาเสพย์ติดซ่อนไว้ในที่ไม่ค่อยมิดชิดนัก ด้วยทางคนของเจ้าเปล่งได้รับสั่งไว้ แล้ว จึงไม่ยากเย็นอะไร ทางตำรวจก็นำยาเสพย์ติดมาวางคู่กับปืนต่างๆพร้อม ร่างของผู้เสียชีวิต ต่างถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทันทีเพื่อประกอบคดี ส่วนทางบ้านเสี่ยเม้งก็คล้ายคลึงกันคือสารวัตรจำลองนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจ แต่คนภายในบ้านยอมจำนน และต่างถูกจับกุมไว้หมดพร้อมของกลางถูก ถ่ายภาพไว้หมดสิ้น ทุกๆคนนำไปยังโรงพักทันที ทางด้านเสี่ยเม้งพร้อมพวกต่างหนีกระเซิงไปตามสวนและไปยืนคอยยังทาง เพื่อจะอาศัยรถผ่านกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นเองทั้งหมดก็ตกตลึงพรึงเพริศเพราะ ในขณะที่ยืนรอรถอยุ่นั้นปรากฏร่างเคลื่อนเข้ามา ตอนแรกมันนึกว่าเป็นต้นไม้ ธรรมดา แต่หาใช่ไม่เพราะต้นไม้กับเดินได้มายังพวกมัน บรรดาต้นไม้เหล่านั้น ต่างแยกย้ายเข้าล้อมพวกมันไว้ทุกๆด้านทันที “เสี่ยๆๆๆดูโน่นซิ ทำไมต้นไม้มันเดินได้ล่ะ???...” เสี่ยเม้งหันมองไปยังลูกน้องชี้ให้ดูก็เห็นเป็นจริง ตามันเหลือกถลนออกมาคำพูด มันติดกว่าจะเปล่งออกมาได้แทบแย่ ให้นึกถึงคำของไอ้เซี๊ยะพูดไว้ตอนไปรับ ของว่าพบผี เมื่อมันขยี้นัยน์ตาดูอีกทีต้นไม้นั้นแปรสภาพไปเป็นผีเสียแล้วต่าง แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกมัน พร้อมยื่นมืออันยาวเหยียด ร่างของผีร้ายผอมแห้งกลิ่น สาบเน่าโชยออกมากระทบจมูกเสี่ยเม้งและพวกทันที เล่นเอาเสี่ยเม้งและพวกตัว สั่นเทาไปหมด เสี่ยงกระเซ่าของเสี่ยเม้งร้องออกแทบไม่เป็นภาษาคน “เฮ้ย?!!!!.....ผะอะๆๆๆๆผีโว้ย หนีเร็วๆ???....” บรรดาผีร้ายต่างก็เข้ารายล้อมพวกเสียเม้งทั้งห้าไว้หมด แต่ละตัวไม่ เหมือนกัน บ้างมีแต่ร่างไม่มีหัว อีกมือหนึ่งหิ้วหัวมันไว้ บางตัวหัวมันเริ่มใหญ่ ขึ้นๆ มีทั้งผีหนุ่มผีสาวและพวกผีเด็กๆจำนวนมาก “ยิงโว้ย????....แล้วรีบหนีด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ สกัดมันไว้ก่อนนะโว้ย” ทั้งๆที่ตัวมันสั่นเทา คิดจะวิ่งหนีแต่ขามันไม่ทำงานได้แต่สั่นๆ เท่านั้นเอง ร่างของเสี่ยเม้งถูกผีร้ายคว้าหมับที่ลำคำแล้วยกสูงขึ้นไปเหนือยอดไม้ แล้วก็บีบจนเสียเม้งตาถลนหน้าแดงกล่ำ ทั้งๆที่ร่างกายมันอ้วนใหญ่แต่ไม่ช้ามัน ก็ขาดใจตาย เสียงหัวร่ออย่างโหยหวน “มึงๆๆๆ......ทำชั่วมามากแล้วสมควรไปกับพวกกูได้แล้ว” แล้วร่างเสี่ยเม้งก็ถูกโยนลอยไปบนอากาศ ร่างมันพลันตกลงมายังพื้นดินหัวมัน ลงทำให้คอสั้นติดกับร่างทันที ส่วนบรรดาลูกน้องก็ไม่ผิดอะไรกับเสี่ยมันต่าง ถูกผีร้ายฆ่าตายในลักษณะต่างๆกัน บ้างถูกฉีกร่างออกจากกัน โดยไม่มีผู้ใดรอด ชีวิตกลับไปได้ แล้วร่างของบรรดาผีร้ายตัวหัวร่อชอบใจแล้วก็ค่อยๆจางหายไป ในที่สุด คงปล่อยร่างที่ไร้วิญญาณของเสี่ยเม้งตายอย่างอนาถบนขอบถนน ส่วนทางด้านเสี่ยเล้งก็เช่นเดียวกันไม่แตกต่างจากเสี่ยเม้งมากนัก แต่ทว่าเสี่ย เล้งนั้น รอดชีวิตได้คนเดียวเพราะมันห้อยพระที่ไปทำบุญหลวงพ่อทองได้พระ มาองค์หนึ่งห้อยคอไว้ ทำให้บรรดาผีร้ายไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนลูกน้องมันตาย เรียบหมดไม่เหลือสักคนเดียว ส่วนเสี่ยเม้งวิ่งหนีผีร้ายไปอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด มือมันกำพระที่ สวมใส่ไว้ตลอดเวลา ทั้งๆที่ร่างมันอ้วนแต่มันก็ไม่เป็นปัญหาใดๆเลย มันวิ่ง หนีไปจนกระทั่งพบรถคันหนึ่งแล่นมามันรีบวิ่งไปขวางทางไว้แล้วขออาศัย เดินทางด้วยในเมืองตอนนี้เป็นเวลาดึกมากๆแล้วทุกๆร้านต่างปิด คงเหลือพวก นักท่องราตรีเท่านั้น มันขอร้องให้ไปส่งยังท่ารถที่จะรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทันที ร่างมันสั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำไม่ผิด คนในรถเป็นคนหนุ่มพลางถาม “เป็นอะไรหรือถึงได้กลัวขนาดนั้น เสี่ยเล้งหันไปมองด้านหลังเหลือบซ้าย แลขวา ครั้นเห็นปลอดภัยแล้วแต่เสียงตอบมันอดสั่นไม่ได้ว่า “ไม่มีอะไรหรอกพ่อหนุ่ม ข้าถูกพวกรุมมามันเอาปืนยิงใส่ ดีหลบได้ทันจึง มาขออาศัยรถพ่อหนุ่มเพื่อหนีล่ะ” ครั้นตัวสติได้แล้ว เสี่ยเล้งไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวพวกนี้จะไม่ให้ อาศัยรถไป หากบอกความจริงว่าหนีผีมา จะทำให้พวกนี้ตกใจหมด “แล้วลุงจะไปไหนล่ะ???.พวกข้าจะไปส่งลุงเอง” “ขอบใจมากว๊ะหลานชาย ไปส่งลุงที่ท่ารถเข้ากรุงเทพฯก็แล้วกันนี่กี่โมง ล่ะจะทันเที่ยวยรถหรือเปล่านัดเขาไว้เสียด้วยซิ ไม่ทันก็จะแย่จริงๆ??..” “อ้อๆๆๆ....เกือบตีห้าแล้วรีบไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันรถหรอก ฉันจะเร่งเครื่อง ไปส่งให้นะ ไม่ต้องห่วงหรอกลุงเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้วก็จะถึง” “เออ???...ขอบใจมากพ่อหนุ่ม อ้อ?????ชื่ออะไรล่ะวันหน้าจะสมนาคุณให้ พวกหลานทุกๆคนในภายหน้า หรือไปพบลุงที่กรุงเทพฯก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรหรอกขอให้ลุงเดินทางปลอดภัยก็แล้วกันนะ พวกฉันไปสนหรอก ทางกรุงเทพฯนะ และไม่คิดจะไปเสียด้วยซี” ว่าแล้วพวกหนุ่มนั้นก็เร่งเครื่องพุ่งฉิวไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะไม่ทัน เที่ยวรถเข้ากรุงเทพฯ ในไม่ช้ารถก็มาถึงท่ารถเพราะใช้เวลาไม่นานด้วยท่ารถ นั้นไม่ห่างไกลเท่าใดนัก เสี่ยเล้งขอบอกขอบใจตเด็กหนุ่มเหล่านี้พลางควักเงิน ออกมาส่งให้ปึกหนึ่งบอกว่า เอาไว้ไปเที่ยวก็แล้วกัน ขอบใจมากนะแล้วก็ก้าวลง จากรถไปซื้อตัวซึ่งได้เวลารถจะออกแล้ว เสียงตะโกนนายท่าบอกว่าให้รถรอ ก่อนยังมีคนอีกคนจะเข้ากรุงเทพฯ เมื่อเสี่ยเล้งขึ้นรถแล้ว รถก็ออกเดินทางต่อไปทันที. (เนื่องจากเกิดอุทกภัยทำให้เขียนล่าช้า อีกประการหนึ่งห่วงงานด้านนี้จึงทำให้ งานเขียนช้าไปกลับบ้านแล้วพอหายเหนื่อยจากงานจุกจิกก็มาเขียนให้อ่านเอาเพียงเท่านี้ก็แล้วกันนะ.......แก้วประเสริฐ. ๐ แก้วประเสริฐ.๐
22 ธันวาคม 2554 14:25 น. - comment id 128000
ขนาดว่าห่างหายไปนาน ครูยังผุกเรื่องได้เหมือนเดิมครับ
23 ธันวาคม 2554 10:21 น. - comment id 128008
คุณ กิ่งโศก รายชื่อต่างๆมันหายไปกับสายน้ำหมดแล้ว เพียงอ่านย้อนหลังหน่อยขี้เกียจอ่านจ้า เนื้อเรื่อง อยู่ในสมองหมดแล้วแหละ ว่าจะสรุปให้จบเร็วๆ หน่อยนะ รักศิืษย์เรามากเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
24 ธันวาคม 2554 11:34 น. - comment id 128032
คุณลุงแก้ว อ้อยต้องย้อนไปอ่านตอนเดิมก่อน ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมนะคะ สวัสดีปีใหม่ที่ใกล้ถึงล่วงหน้านะคะ สุขกาย สุขใจ ไร้โรคไร้ภัย มีความสุขมาก ๆ นะคะลุง รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
24 ธันวาคม 2554 12:10 น. - comment id 128033
คุณ อ้อย ตัวลครที่จดไว้ล่องลอยไปกับสายน้ำหมด ถึงมีก็คึงเปื่อยเพราะน้ำในบ้านเน่าๆมากเสียด้วย เครื่องใช้เฉพาะตู้เสียหายหมด น้ำมันหมุนด้วย เพราะปืิดบ้านหมด กลับเข้ามาขนาดตั๊งคนยก ห้าหกคนมีของยังหมุนตะแคงได้ โดยโฉนดที่ ดินใส่ซองปราศติคกลัดไว้อย่างดีก็หายไปหา ไม่เจอ เลยปล่อยไว้เพราะเขาคงจะเหมือน ผมแหละและไม่จำเป็น ต้องไปขอคัดใหม่ ขี้เกียจ แค่ภายในบ้านยังไม่เรียบร้อยเลยจ้า นี่ผมกำลังจะเร่งให้จบโดยเร็วๆแล้วล่ะ ชักขี้เกียจ ด้วยเหนื่อยๆจากงานบ้านจ้า รักเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
24 ธันวาคม 2554 19:18 น. - comment id 128034
24 ธันวาคม 2554 21:37 น. - comment id 128035
คุณ น้องเอง จ้าขอบใจมากจ้าที่คิดว่าจะหาทางสรุปให้ เรื่องจบๆเสียที แล้วหาทางเขียนใหม่ ติดค้างไว้ เรื่อง แดนพิศวง ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะดำเนิน เรื่องอย่างไรดี ขอบใจน้องมากจ้า ที่นี่กลางวัน ร้อนแต่ไม่มากนัก แต่ตกค่ำอากาศเย็นๆมาก สุขภาพหรือก็ไม่ค่อยดีนัก ขอบใจ รักเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.