ในกระท่อมหนึ่ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความสงบสวยงามของธรรมชาติ หมู่แมกไม้นานาชนิด สัตว์ป่าที่สวยงามและหายาก ยิ่งยามค่ำคืนเสียงจักจั่นเรไรส่งเสียงร่วมกันบรรเลงเพลงธรรมชาติ นี่คือสิ่งที่ผมได้พบเห็น ในระหว่างที่หลงป่าเพราะกำลังเข้ามาหาล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร ผมจะทำเช่นนี้อยู่ประจำยามว่างจากงาน แต่แปลกมากคืนนี้เดินจนหลงป่าจนได้ กระท่อมหลังนั้นที่ไม่น่าอยู่กลางป่าลึกเช่นนี้ ใจหนึ่งก็กลัวเพราะเห็นแสงไฟอยู่ภายในกระท่อม อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ จึงตัดสินใจเข้าไปดู ยิ่งเข้าไปใกล้ใกล้ก็ยิ่งเห็นชัดเข้าทุกที สิ่งที่เห็นเป็นชายกลางคน ผมยาวรุงรัง หนวดเคราเหมือนผ่านการโกณมาแล้วเป็นสิบสิบปี ที่มือกำลังถือกระบอกไม้ไผ่ที่เอามาประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นบ้องกัญชาที่เรารู้จัก เขาค่อยค่อยหยิบกัญชาที่ผสมแล้วมาใส่ตรงกรวยด้านข้างของกระบอกไม้ไผ่อันนั้น แล้วบรรจงจุดด้วยไฟพร้อมกับสูบเอาควันของมันเข้าไปในปรอด กระท่อมหลังนั้นก็เต็มไปด้วยควัน ระหว่างที่ผมแอบดูอยู่ ชายผู้นั้นก็ส่งเสียงเรียกให้เข้าไปด้านในกระท่อม ผมตกใจมากถึงกลัวแต่ก็เข้าไป คำถามแรกที่ชายผู้นั้นถาม คุณมายิงเค้าทำไม ? คำตอบก็ไม่พ้นจากความจริง เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่งสิ่งที่เขาทำอยู่ให้กับเรา ถึงแม้ว่าจะกลัวแต่ลึกลึกแล้วก็ดีใจที่ยังมีคนเป็นเพื่อน แถมยังมีที่ให้ซุกหันนอน ด้วยความเป็นลูกผู้ชายผมก็ไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ เมื่อผมได้ทำตามเขาอย่างทุกขั้นตอน แล้วมันรู้สึกเคลิบเคลิ้ม อารมณ์ที่เกิดขึ้นตรงนั้นไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น อยากนอนฟังเสียงจักจั่นเรไรส่งเสียงร้องร่วมบรรเลง มันเป็นเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนผมฟังอย่างละเอียดจนเผลอหลับไป ตื่นเช้าขึ้นมาได้ยินเสียงนกร้องปลุกแต่เช้า ผมเดินตามเขาไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้ใกล้ เห็นดอกไม้เบ่งบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจยิ่งนัก เสร็จแล้วเข้าก็มาทำภาระกิจที่รู้สึกว่าจะขาดมันเสียไม่ได้เลย ทำไมคุณจะต้องสูบมันด้วย ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความสงสัย เพราะมันนี่แหละ..ที่ทำให้ผมอยู่ได้แบบไม่ต้องการอะไรอีกเลย เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาผมก็ยังงงอยู่ เขาก็ส่งให้ผมเหมือนเช่นเคย ในที่สุดผมก็เคลบเคลิ้มไปกลับธรรมชาติเหมือนราวกับว่ามันออกมาจากจิตใจในส่วนลึก ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งดูงดงามยิ่งนัก เขาถามว่า หิวหรือยัง ? ถ้าหิวก็ตามมา ด้วยความสงสัยจะเดินเข้าไปหยิบปืนแล้วเดินตามเขาไป เดี๋ยวก็มา..ไม่ต้องเอามันไปอยู่ที่นี่ไม่ต้องใช้มันหรอก ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น เดินไปไม่ใกล้นัก เขาใช้ไม้ขุดหัวมันที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ เราเผาให้สุกแล้วกินแทนอาหารที่ผมเคยกินผมอยู่ประจำ หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนั้นมาผมก็ยังอยู่กับเขา ยังนึกแปลกใจตังเองเลยว่าทำถึงไม่คิดอยากที่กลับบ้าน ยิ่งอยู่นานเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่ามันอบอุ่น ผูกพันธ์กับสิ่งที่เป็นอยู่ จนลืมวันลืมคืนไปเลย อยากจะอยู่กับมันให้นานที่สุด ร่างกายของเราเปลี่ยนไปผมยาวรกรุงรัง หนวดเคราไม่มีการสนใจที่จะตัดมัน จนเวลาผ่านไปจนไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไร อยู่มาเขาผู้ที่คอยให้แสงสว่างแกผมก็ได้จบชีวิตลงด้วยโรคชรา ต้องเหลือผมคนเดียวที่อยู่กับทุกทุกอย่างที่เขาได้เป็นผู้ค้นพบ ไม่อยากจะไปไหนอีกแล้วแค่พอมีพอกิน ตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากเดินรอยตามเขาผู้นั้นมาตลอด ในชีวิตนี้จะไม่มีการแก่งแย่ง ไม่มีการเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน แวดล้อมด้วยสัตว์ป่าที่เคยตามล่า บัดนี้เหลือแค่ความสงสารไม่อยากทำร้าย รู้สึกรักและผูกพันธ์ ในที่สุดสิ่งที่เราเคยสงสัยมันก็รับรู้ด้วยตนเอง ชาตินี้เราจะขออยู่กับเจ้าไปจนวันตาย
12 กันยายน 2546 16:38 น. - comment id 69575
พุดพัดชาชื่นชมมากค่ะ และงานสวยงามมาก ตามอ่านตลอดเลยนะคะ และขอให้กำลังใจตลอดไปนะคะ อยากฝากบอกด้วยรักและหวังดีนะคะ ให้พิมพ์งาน..วางงานเว้นช่องว่างอย่าให้คำติดเป็นพืดนะคะ เสียดายค่ะให้อ่านง่ายกว่านี้จะสมบูรณ์แบบเกินร้อย และอยากฝากให้ไปอ่านงานพี่พุดนะคะ รักและจริงใจอย่างที่สุด พุดพัดชาค่ะ
12 กันยายน 2546 16:41 น. - comment id 69576
ใช้คำนะคะ มากจัง อ่านแล้วลบก็ได้นะ คือพิมพ์ไปไม่อ่านเลย
14 กันยายน 2546 14:20 น. - comment id 69587
อ่านแล้วดูดีน่ะ ทำให้เราได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆๆ เนื้อเรื่องเหมือนราวกับมีชีวิตเลย ผมเอาใจช่วยน่ะ เขียนต่อไปเรื่อๆๆน่ะ ดีแล้วครับ
15 กันยายน 2546 07:59 น. - comment id 69594
เนื้อเรื่องนำเสนอได้ดีค่ะ ถ้าเขีนยลายละเอียดของความรู้สึก ที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ และจิตนาการในตอนที่เคลิ้มฝันนั้น จะให้ความรู้สึกได้กับผู้อ่าน มาก แต่ยังไงก็เยียมมากค่ะ ขอให้ฝันนั้นเป็นจริงค่ะ
14 ตุลาคม 2546 20:23 น. - comment id 69826
บ ร ร ย า ย ไ ด้ ดี ม า ก ค่ ะ แ ต่ เ สี ย ด า ย บ ร ร ย า ย ล า ย ล ะ เ อี ย ด น้ อ ย ไ ป ห น่ อ ย น ะ ค ะ