ความคิดอันรันทด
คีตากะ
ความทุกข์ของฝูงชนนั้นเป็นประหนึ่งความรวดร้าวแห่งความเจ็บปวดที่เกาะกินอยู่ ในปากของสังคมมีฟันที่เน่าผุและเป็นโรคอยู่หลายซี่ แต่สังคมก็ปฏิเสธมิยอมรักษามันอย่างระแวดระวังและอดทน พอใจอยู่แต่เพียงขัดถูมันแต่ภายนอกและเอาทองอันสุกปลั่งเปล่งประกายมาอุดมันไว้ ซึ่งทำให้สายตามืดบอดไปมิอาจเห็นความเน่าผุพ้นจากนั้นได้ แต่ตัวคนไข้เองนั้นมิอาจทำให้ตัวเองตาบอดจนไม่แลเห็นความเจ็บปวดที่สืบเนื่องมา
มีทันตแพทย์สังคมอยู่มากมายผู้พยายามจัดการต่อความเลวร้ายในโลกนี้ด้วยการเอาความงามบดบังไว้ แต่มีผู้ทนทุกข์ทรมานอยู่มากหลายที่ยอมจำนนต่อเจตนาของนักปฏิรูปจึงต้องทนทุกข์ท่วมท้นทวีขึ้น เพียรสูบพลังแรงที่กำลังเหือดหายไปของตนให้ลึกเข้าและหลอกตัวเองอย่างมั่นใจยิ่งขึ้นจนย่างเข้าสู่ห้วงเหวแห่งความตาย
ฟันผุของซีเรียมีอยู่มากหลายในโรงเรียนของฉัน ณ ที่ซึ่งเยาวชนในวันนี้ถูกสอนให้กลายเป็นความเสียใจแห่งวันพรุ่ง มีอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมของมันซึ่งในนั้นบรรดาผู้พิพากษาบิดเบือนและเล่นกับกฎหมายเหมือนดังเสือเล่นกับเหยื่อ มีอยู่ในราชสำนักของมันซึ่งความเท็จและหน้าไหว้หลังหลอกสิงสถิต อีกทั้งมีอยู่ในทับกระท่อมของคนยากไร้ ณ ที่ซึ่งความหวาดกลัว อวิชาและความขลาดพำนักอยู่
ทันตแพทย์การเมืองผู้มีนิ้วอันนุ่มนวลต่างก็กรอกน้ำผึ้งใส่ในหูประชาชนและร้องแรกแหกกระเฌอว่าตนกำลังอุดช่องแห่งความอ่อนแอของชาติอยู่ บทเพลงของพวกเขาถูกทำให้มีเสียงแหลมกว่าเสียงของหินโม่แป้ง แต่อันที่จริงแล้วมันมิได้วิเศษไปกว่าเสียงกบร้องอยู่ในบึงน้ำนิ่งเลย
หลายคนเป็นนักคิดและนักอุดมคติอยู่ในโลกอันว่างเปล่าไร้สาระนี้... ความฝันของพวกเขาช่างแบบบางนี่กระไร!
ความงามเป็นสมบัติของคนหนุ่มสาว แต่ทว่าคนหนุ่มสาวซึ่งเป็นเจ้าของโลกนี้มิใช่สิ่งใด นอกไปจากความฝันซึ่งความหวานชื่นของมันกลายเป็นทางแห่งความตาบอดจนทำให้สำนึกได้สายเกินไป จะมีสักวันหนึ่งไหมที่ผู้มีปัญญาทั้งหลายจะรวมเอาความฝันอันหวานชื่นของหนุ่มสาวเข้ากับความปีติแห่งความรู้? ทั้งสองสิ่งนี้เมื่ออยู่แยกกันย่อมไร้ผล จะมีสักวันหนึ่งไหมที่ธรรมชาติจะเป็นครูของมนุษย์ และมนุษย์ชาติเป็นตำราแห่งความเสียสละและชีวิตกลายเป็นโรงเรียนประจำวันของพวกเขา?
ความมั่นหมายจะได้พบความปีติของหนุ่มสาว ซึ่งแข็งแกร่งในความดื่มด่ำและอ่อนแอในความรับผิดชอบย่อมมิอาจแสวงหาความสัมฤทธิ์ผลได้จนกว่าความรู้จะนำมาซึ่งอรุณแห่งวันนั้น
มีชายผู้สาปแช่งวันคืนแห่งวัยหนุ่มของเขาที่ตายไปแล้วด้วยพิษร้ายอยู่มหลาย มีหญิงผู้ด่าว่าขวบปีที่เปลืองเปล่าไปของเธอด้วยความเกรี้ยวกราดดุจนางสิงห์ที่สูญเสียลูกของมันไปอยู่มากมาย มีหนุ่มสาวอยู่ดกดื่นซึ่งใช้หัวใจตนไปเพื่อเป็นปลอกหุ้มกริชแห่งความจำอันขมขื่นในอนาคตกาล ทำตนเองให้เป็นบาดแผลไปด้วยลูกศรอาบยาพิษอันแหลมคมแห่งการแยกจากความสุขโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
วัยชราคือหิมะแห่งโลกนี้ จักต้องให้ความอบอุ่นแก่เมล็ดพืชแห่งผู้เยาว์ ณ เบื้องล่างด้วยแสงสว่างและความจริง ต้องปกป้องผู้เยาว์วัยและทำให้ความมุ่งหมายของพวกเขาสัมฤทธิ์ผลจวบจนเดือนนิซานมาถึงและทำให้ชีวิตบริสุทธิ์ซึ่งกำลังเจริญวัยนั้นสมบูรณ์ไปด้วยการตื่นใหม่
เราก้าวเดินไปสู่การตื่นขึ้นของการเชิดชูจิตวิญญาณของเราให้ขึ้นสูงสายเกินไป มีแต่เพียงระนาบอันหาที่สุดมิได้ดังฟากฟ้าเท่านั้นเองที่จะทำให้เข้าใจถึงความงดงามของชีวิตได้โดยอาศัยความรักในความงามนั้นของเรา
ชะตากรรมมนำฉันไปในกระแสอันรวดร้าวของอารยธรรมสมัยใหม่อันคับแคบ มันฉุดฉันขึ้นมาจากหว่างแขนธรรมชาติในอ่าวเขียวขจีอันเย็นชื่นใจของมัน แล้วกระแทกฉันลงอย่างหยาบคายภายใต้เท้าของฝูงชน ณ ที่นั้นฉันจึงตกเป็นเหยื่อผู้ทนทุกข์ภายใต้การทรมานของนาคร
ไม่มีโทษทัณฑ์อันใดที่ตกอยู่แก่บุตรของพระผู้เป็นเจ้าจะสาหัสไปกว่านี้ ไม่มีการเนรเทศใดอันแสนขมขื่นเคยตกแก่ชีวิตของผู้หนึ่งซึ่งรักใบหญ้าแม้เพียงใบหนึ่งของผืนแผ่นดินนี้อย่างรุนแรงจนทุกเยื่อในร่างเขาสั่นสะท้านไปไม่มีการจำขังอาชญากรผู้ใดเทียบเคียงกับการจำขังฉันได้เลย เพราะผนังอันคับแคบของห้องขังของฉันทำให้หัวใจฉันเป็นบาดแผล
ในเรื่องเงินทองนั้นเราอาจร่ำรวยกว่าชาวชนบท แต่พวกเขามั่งคั่งกว่าเรานักในการมีชีวิตที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์ เราหว่านพืชไปมากมายแต่มิได้เก็บเกี่ยวอะไรมา พวกเขาสิเก็บเกี่ยวเอาความอุดมอันรุ่งโรจน์ซึ่งธรรมชาติได้มอบให้แก่ลูกหลานผู้หมั่นเพียรของพระผู้เป็นเจ้า เราคำนวณการแลกเปลี่ยนทุกอันด้วยเล่ห์เหลี่ยม พวกเขาสิรับเอาผลิตผลของธรรมชาติด้วยความสัตย์และสงบ เรานอนหลับเป็นพักๆ เพราะมัวมองเห็นปีศาจแห่งวันพรุ่ง พวกเขาสิหลับไปดังทารกในอ้อมอกของมารดาโดยรู้ว่าธรรมชาติย่อมไม่มีวันปฏิเสธสิ่งที่เคยอำนวยให้
เราเป็นทาสของผลกำไร พวกเขาสิเป็นนายแห่งความมักน้อย เราดื่มความขมขื่นสิ้นหวัง หวาดกลัวและอ่อนเปลี้ยจากถ้วยแห่งชีวิต แต่พวกเขาดื่มน้ำหวานอันบริสุทธิ์ที่สุดแห่งพรของพระผู้เป็นเจ้า
โอ้พระผู้ประทานความเมตตาซึ่งซ่อนจากข้าพระองค์อยู่เบื้องหลังตึกรามแห่งฝูงชนซึ่งมิใช่อื่นใดนอกเสียจากรูปเจว็ดและรูปปั้น.... ขอทรงสดับฟังเสียงร่ำไห้อันปวดร้าวของดวงวิญญาณซึ่งถูกคุมขังไว้ของข้าพระองค์เถิด! ขอทรงได้ยินความเจ็บปวดของหัวใจอันกำลังระเบิดออกของข้าพระองค์เถิด! ขอทรงได้ยินความเจ็บปวดของหัวใจอันกำลังระเบิดออกของข้าพระองค์เถิด! ขอทรงเมตตานำบุตรผู้เร่ร่อนไปของพระองค์กลับไปสู่ไหล่เขาอันเป็นคฤหาสน์ของพระองค์เทอญ!....
เขียนโดย คาลิล ยิบราน
ฺBe Veg, Go Green 2 Save the Planet
www.godsdirectcontact-thai.org
www.suprememastertv.com