จินตนาการและความจริง...
คีตากะ
ชีวิตนำเราไปที่โน่นและที่นี่ และโชคเคราะห์ก็โยกย้ายเราจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เราแลไม่เห็นอะไรนอกจากอุปสรรคที่วางอยู่บนทางของเรา และเราไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงที่ทำให้เราหวาดกลัว
ความงามปรากฏขึ้นต่อหน้าเราและนั่งลงบนบัลลังก์แห่งความรุ่งโรจน์และเราก็ขยับเข้าไปใกล้นาง และด้วยความทะยานอยาก เราได้ทำให้ชายเสื้อของนางเป็นรอยมลทินไปและได้แย่งชิงเอามงกุฎแห่งความบริสุทธิ์มาเสียจากนาง
ความรักผ่านเราไปในเสื้อคลุมแห่งความอ่อนโยน แต่เรากลัวจึงซ่อนตัวเราไว้ในถ้ำมืด หรือมิฉะนั้นก็ติดตามเธอไปและทำสิ่งเลวทรามในนามของเธอ
นักปราชญ์เดินเข้ามาในหมู่เรา แบกเอาแอกอันหนักอึ้งของเขามาด้วยแม้กระนั้นมันก็ยังอ่อนนุ่มกว่าลมหายใจของดอกไม้และละมุนละไมยิ่งกว่าสายลมแห่งเลบานอน
ปัญญายืนอยู่ที่ริมถนนและร้องเรียกเราให้ออกจากกลุ่มของฝูงชนแต่เรามองดูนางเหมือนสิ่งที่ไร้ค่าและดูหมิ่นผู้ที่ติดตามนางไป
แล้วปัญญาก็เชื้อเชิญเราไปยังที่พักของนางเพื่อให้เราได้ดื่มได้กินอาหารของนาง เราได้ไปที่นั่นและบรรจุท้องของเราจนเต็มปรี่ แล้วโต๊ะอาหารนั้นได้กลับกลายเป็นกาลเวลาแห่งความต่ำต้อยน้อยใจและเป็นสถานที่แห่งความเสียเกียรติ
ธรรมชาติยื่นมืออันเป็นมิตรมาให้เราและบอกกล่าวให้เราชื่นชมในความงามของเธอ แต่เราหวาดกลัวความเงียบของเธอจึงเสาะหาที่พักอาศัยอยู่ในเมืองและยัดเยียดเหยียบกันเหมือนฝูงแกะซึ่งอยู่เบื้องหน้าหมาป่ากระหายเหยื่อ
สัจจะมาเยือนเราพร้อมด้วยยิ้มของเด็กน้อยและจุมพิตของคนรัก แต่เรากลับปิดประตูแห่งความอ่อนโยนของเราเสียและทอดทิ้งเธอไปราวกับเธอเป็นผู้มีมลทิน
หัวใจของมนุษย์ร้องขอความช่วยเหลือจากเราและดวงวิญญาณของเขาก็ร้องเรียกเรา แต่เรากลับยืนนิ่งราวกับกลายเป็นหินไปเสียแล้ว ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจ
และเมื่อใครได้ยินเสียงร้องไห้ในหัวใจของเขาหรือเสียงเรียกร้องจากวิญญาณของเขา เราก็เรียกเขาว่าคนบ้าและไปเสียให้ห่างไกล
ดังนั้นปัญญาจึงผ่านไปกับราตรี แต่เรามิได้สนใจในราตรีเหล่านั้นทิวาวารหมุนผ่านมาพบเรา แต่เราก็หวาดกลัวทั้งทิวาและราตรี
เราอยู่ในโลก แม้กระนั้นเทพทั้งหลายก็คือญาติใกล้ชิดของเรา แต่เราก็เดินผ่านอาหารแห่งชีวิตไปโดยไม่ไยดี ความหิวจึงทำให้กำลังของเราลดน้อยไป
ชีวิตนั้นช่างหวานชื่นแก่เรานี่กระไร แต่เราก็อยู่ห่างไกลจากชีวิตเสียเหลือเกิน...
คาลิล ยิบราน
Be Veg, Go Green 2 Save The Planet