อทิสมานกาย ๑๐๓ ฉะนั้นตำรวจเราต้องทำหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับการไว้วางใจจาก ประชาชนด้วยจริงใจสุจริต ช่วยเหลือหาใช่ไปคิดรับใช้พวกนายทุน ดังที่ข้าพเจ้าได้ทราบมา พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะเริ่มต้นวางแผนใหม่ขอเรียก ให้ทุกๆท่านที่เป็นหัวหน้าเข้าประชุมยังห้องประชุมทุกๆนายด้วย หากท่านใดที่ทำผิดไปข้าพเจ้าจะไม่ย้อนหลังแต่ขอให้กลับใจเสีย ใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยทุกๆคนด้วย หากตำรวจผู้ใดทำหน้าที่โดย ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ข้าพเจ้ารับรองว่าจะพิจารณาให้เป็นกรณีย์ พิเศษไม่มีการลุแก่อำนาจทั้งสิ้น ดังนั้นขอท่านที่มีหน้าที่ใดกระทำ จงเจริญก้าวหน้าด้วย ข้าพเจ้าขอกล่าวไว้แต่เพียงเท่านี้สวัสดี แล้วร่างของผู้กำกับฯก็หันไปไหว้ท่านรองที่จะปลดเกษียณอายุแล้ว ทั้งสองก็เดินลงจากเวที คงปล่อยให้พวกดนตรีดำเนินการเล่นต่อไป ร่างทั้งสองลงมาร่วมโต๊ะเดียวกัน ต่างสนทนากันในเรื่องหน้าที่และ สิ่งภายในเมืองนั้น ท่านรองจะอธิบายสิ่งต่างๆให้ทราบ แต่ชายหนุ่ม ยกมือห้ามกล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกครับท่านรองฯผมทราบเหตุการณ์ภายในเมืองหมด แล้วรวมทั้งฝ่ายดีและไม่ดีแล้วครับ” “แล้วท่านจะมารับหน้าที่พรุ่งนี้เลยหรือ???...ครับ” “ครับผมจะมารับงานต่อจากท่านพรุ่งนี้แหละครับ คงจะได้มีเวลา สนทนากันอีกมากมายนักครับ” “ผมถามจริงๆเถอะครับท่านว่าใบหน้าท่านนั้นเป็นแบบนี้หรือครับ ด้วยผมเองเห็นภาพถ่ายท่านไม่ใช่แบบนี้เลยนี่ครับ” “ท่านปลอมตัวมาครับท่านรอง เพราะไม่ต้องการให้พวกที่มา ร่วมงานได้รับรู้ครับ” สารวัตรชัชวาลย์เอ่ยขึ้น ทำเอาชายหนุ่มหัวร่อฮึๆๆพลางหันไป มองท่านรอง พลางก้มไปกระซิบให้ท่านรองฯฟัง ทำเอาท่านรอง ถึงกับอ้าปากค้างหัวร่อทันที “ผมก็นึกแล้วว่าเชียวว่าท่านคงปลอมตัวมาครับ แต่เพื่อควาแน่ใจ จึงได้ถามขึ้นครับท่าน” “ผมไม่อยากให้ใครเห็นสภาพอันแท้จริง เพราะที่นี่ล้วนแล้วแต่ พ่อค้าและมีทั้งดีและไม่ดีครับ” ครั้นได้เวลาอันสมควรด้วยดึกแล้ว ชายหนุ่มจึงได้กล่าวขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านรองและสารวัตรช่วยดูแลงานด้วยนะผมจะกลับ แล้วล่ะ แต่แล้วชายหนุ่มก็ชะงักพลางพยักหน้ารับทราบ แล้วชาย หนุ่มก็ไปกระซิบกับสารวัตรชัชวาลย์ทันที แม้กระนั้นก็ทำความ สงสัยแก่บรรดาตำรวจทั้งหลาย ยกเว้นสารวัตรชัชวาลย์ จำลองและ จรัสเท่านั้นที่พอจะรู้อะไรๆบ้าง แต่ไม่ได้กล่าวอะไรขึ้น ดังนั้นชาย หนุ่มจึงเดินไปยังโต๊ะต่างๆพลางกล่าวคำอาลาแก่บรรดาตำรวจทุก นายและพ่อค้าทั้งหลาย แล้วเดินออกจากประตูรั้วไป ตำรวจที่เฝ้า หน้างานพลางตะเบ๊ะพรึบด้วยรู้ว่า ชายหนุ่มเป็นใคร ครั้นเดินทาง ไปที่รถก็ขึ้นขับออกไป แต่ทางตำรวจที่เฝ้ามองอยู่เห็นท่านไปคน เดียว เพราะไม่เห็นร่างเจ้าแสงสีสินชัย เจ้าแสงสีก็เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ครับมีคนคอยดักปองร้ายเราระหว่างทาง ผมให้เจ้าสินชัย ออกไปแจ้งแก่พวกเราแล้วครับ” “ไปบอกพวกเราด้วยว่าให้เก็บไว้คนหนึ่งส่งไปให้เจ้าเปล่งมันสอบ สวนหาต้นตอแล้วมารายงานข้าด้วยนะ” “ครับอาจารย์ มันมาทั้งหมด 6 คนล้วนนั่งรถมอเตอร์ไซค์มา คง เป็นพวกเดียวกับที่มันเก็บกำนันมั่นนั่นแหละเครับ เป็นทหารพราน ที่ถูกไล่ออกจากราชการครับ” “ถ้าอย่างนั้นเป็นคนของไอ้เล้งคงไม่ใช่คนของไอ้เม้งหรอกเพราะ ว่ามันจะไปขนของที่คนไอ้เม้งซุกซ่อนไว้ และทางเราได้วางระเบิด ไปแล้วล่ะ อ้อๆๆๆให้บอกเจ้าเปล่งจัดกำลังคนไปจัดการไอ้เล้งก่อน ที่มันจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ลงมือคืนนี้เลยนะ ไอ้นี่เอาไว้ไม่ได้ เพราะมันเป็นเอเย่นต์ใหญ่อยู่ด้วย ที่มันเข้ากรุงเทพฯไปเพราะไปติด ต่อกับพรรคพวกมัน ฉะนั้นปล่อยมันไม่ได้หรอก” “ครับผมจะไปบอกเจ้าเปล่งเองครับ” เจ้าสินชัยรายงานรับอาสาทันที “ดีแล้วล่ะมันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก แต่ไม่อยากให้เรื่องมัน ใหญ่โตเท่านั้นเอง ส่วนทางนี้นั้นไม่ต้องหรอกแค่แสงสีคนเดียวก็ คงจะพอนะ ในเมื่อเราจะจัดการไอ้เล้งแล้วไม่ต้องเหลือไว้ก็ได้นะ “ครับอาจารย์ ผมคิดว่าพอถึงที่เปลี่ยวๆระหว่างทางแยกเข้าบ้าน นั้นแหละมันคงจะลงมือ อาจารย์ส่งผมลงปากทางนะครับ” “อืมม!!!!!!.....ข้าจะขับรถช้าๆลง” พลางจะหันไปทางเจ้าสินชัยก็ปรากฏว่าสินชัยหายไปเสียแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงขับรถไปอย่างช้าๆ มองกระจกด้านหลังเห็นมีรถ มอเตอร์ไซค์กำลังวิ่งตามมาห่างๆ จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ในช่วงระยะ นี้ถนนสายนี้เปลี่ยวจริงๆ เพราะดึกมากแล้วนานๆจะมีรถวิ่งสวนมา คันหนึ่ง คงมีเสียงรถที่วิ่งของชายหนุ่มและมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ครั้นถึงปากทางจะไปสู่วัด ชายหนุ่มก็ชะลอรถลง เจ้าแสงสีก็คว้า อาวุธลงไปทันที แล้วชายหนุ่มก็ขับรถล่อพวกมันไปเรื่อยๆ พอรถ เลี้ยวเข้าทางไปไม่เท่าไหร่ เสียงปืนก็ดังขึ้นทันทีเป็นเสียงรัวพรืดๆๆ รถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่คิดจะแซงหน้ารถของชายหนุ่มยังไม่ทัน แซงก็ล้มคว่ำลง เลือดสาดกระจาย ร่างมันทั้งสองต่างกระเด็นไปฟุบ ลงทั้งรถทั้งคน เสียชีวิตไปหมด คันที่สอง พอเลี้ยวเข้าซอยมาก็ถูก เจ้าแสงสีซึ่งสุ่มอยู่ข้างทาง พอรถผ่านหน้าก็ถูกยิงร่วงไปอีกสองทั้ง รถและคนกระเด็นไปคนละทาง รถมอเตอร์ไซค์คันที่สามแล่นตาม มาก็ชะงัก เมื่อพวกมันเห็นรถสองคันล้มขวางทางไว้และร่างคนก็ ต่างกระเด็นร่างมันหายไป ก็รีบหันรถกลับหวังจะหนีไปให้พ้น เพราะมันทั้งสองรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่พวกมันแล้ว เพื่อหวังกลับไป รายงาน แต่แล้วพอมันหันกลับรถได้ก็เร่งเครื่องทันที คนขับเบรค รถพรืดด้วยเห็นร่างสูงชะลูดยืนขวางถนนไว้ มันต่างร้องลั่น “เฮ้ยๆๆๆนั่นมันผีนี่หว่า เสือกมาขวางทางกูยิงแม่งมันเลยว๊ะ” “เสียงปืนเอ็ม 16 ก็ดังขึ้นกระสุนส่งไปยังร่างของแสงสีที่ยืน ทะมึนขวางหน้ารถมันไว้ แต่กระสุนนั้นก็ปราศจากประโยชน์ใดๆ เสียงหัวล่อดังลั่นมาจากร่างที่สูงชะลูด มันรีบกลับรถจะหนีแต่แล้ว มันก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงปืนดังถี่ยิบ พรืดๆๆๆ ร่างมันทั้งสองก็โดน ลูกปืนกระเดินตกจากรถทั้งสองทันที รถไปทางหนึ่งตัวมันไปคน ละทาง ร่างมันชุ่มไปด้วยเลือดจากกระสุนปืน เจ้าแสงสีไม่ไว้ใจ พลางส่งกระสุนซ้ำลงไปอีกที่ใบหน้าจนใบหน้าทั้งสองเละเทะไป หมด แล้วร่างนั้นก็ค่อยๆหดตัวลง พลางเดินไปทางรถอีกสองคัน พบร่างทั้งสี่ก็ส่งกระสุนปืนใส่ย้ำขึ้นอีกไปบนใบหน้ามันจนดูไม่ได้ แล้วร่างเจ้าแสงสีก็หายวับไปทันที ไปปรากฏยังข้างกายชาย หนุ่มทันที พลางรายงานเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มทราบทันที ชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วก็เร่งขับรถไม่นานนักก็ ถึงบ้าน แล้วเอารถไปเก็บไว้ทั้งหมดก็ขึ้นบ้าน พ่อแม่และทุกๆคน ต่างนอนหลับไปหมดแล้ว ครั้นเมื่อเข้าไปยังห้องนอนก็เห็นเทพ อัปสร กำลังสนทนาคุยกันอยู่หันหน้ามามองชายหนุ่มพลางหัวร่อ แล้วทั้งหมดก็เข้าไปนอนด้วยกันทันที ด้วยชายหนุ่มบอกแม่นางทั้ง สองว่าต้องเดินทางไปรับหน้าที่ในตอนเช้าตรู่ ครั้นเวลาเช้าตรู่ ขณะที่แม่นางบงกชและสาวชะบาต่างลำเลียง อาหารมาเพื่อร่วมรับประทานอาหารร่วมกันตามปกติ แม่เข็มพ่อ เชียรก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาภายในบริเวณบ้าน เป็น รถเก๋งตำรวจ เจ้าชัยไปเปิดประตูให้เข้ามามันก็งุนงงเหมือนกันแล้ว รีบขึ้นไปรายงานให้พ่อแม่ทราบทันที ร่างผู้กองคนหนึ่งก็ก้าวลงมา จากรถ พลางยืนรออยู่ไม่เดินขึ้นมาบนบ้าน “พ่อๆๆๆรถตำรวจมาทำไมหรือ????.....” “แม่เข็มเห็นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เราก็ไม่มีเรื่องอะไรกับใคร นี่นาทำไมถึงมีรถตำรวจมาบ้านเราล่ะ” “พ่อแม่ๆ ตำรวจมาบ้านเราทำไมหรือพ่อ” เจ้าชัยเอ่ยรายงานด้วยความสงสัย แต่แล้วความสงสัยทั้งหลายก็หาย ไปทันที เมื่อหันหลังกลับไปเพื่อจะเรียกลูกชายตน ต่างก็พากันตก ตะลึงกันอ้าปากค้าง เมื่อแลเห็นร่างของชายหนุ่มแต่งกายในชุด ตำรวจเต็มยศ พร้อมหนีบหมวกไว้ข้างๆก้าวเดินออกมาจากห้องนอน เล่นเอาแม่บงกชถึงกับตกตะลึงถึงแม้ว่าหล่อนจะแต่งงงานแล้วก็ตาม แต่ในส่วนลึกๆแล้วหล่อนชอบชายหนุ่มมากกว่าเจ้าชัยผัวมันเสียอีก พลางนึกในใจว่า เราช่างไร้วาสนาเสียจริงๆ ร่างที่สูงสง่าใบหน้าคม คายงดงาม ยิ่งแต่งชุดตำรวจนายพลอีกด้วย สง่าราศรีส่งประกายออก มา ถาดกับข้าวแทบจะหลุดจากมือหล่อนให้ได้ จนต้องรีบบังคับใจ ไว้มือไม้ค่อนข้างสั่น ส่วนสาวชบานั้นหล่อนอีกวางสีหน้าปกติ เหมือนกับไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น ชายหนุ่มยกมือไหว้พ่อแม่แล้วกล่าวขึ้นว่า “วันนี้ผมเห็นจะทานข้าวร่วมไม่ได้แล้วครับเพราะต้องมีงานเร่งทำ อีกมากด้วยครับ” “อ้าวๆๆๆ!!!!....พ่อเชียรแม่เข็มอุทาน” ด้วยเห็นการแต่งกายชุดของชายหนุ่มไม่เหมือนกับตำรวจทั่วๆไป ด้วยเครื่องประดับบนบ่าไม่เหมือนกับตำรวจทั่วๆไป แต่ก็ไม่วายเอ่ย ถามลูกชายขึ้นว่า “พ่อแปลกใจทำไมเครื่องแต่งกายลูกถึงไม่เหมือนตำรวจทั่วๆไปล่ะ ด้วยมันมีประดับเยอะแยะจริงๆ” “นั่นซิลูกแม่เองก็สงสัยเหมือนกันเพราะ ตำรวจก็เห็นมามากแล้ว ล่ะหมวกของลูกก็ไม่เหมือนตำรวจทั่วๆไปมีช่อสองช่อซ้อนๆกัน” “ไม่มีอะไรหรอกครับ นี่คือเครื่องแต่งกายของตัวตำรวจชั้นนายพล ส่วนหมวกนั้นต้องเป็นนายพลตั้งแต่ระดับ พล.ต.ท.ขึ้นไปครับ” “เหรอๆๆๆพ่อแม่ก็พึ่งเห็นนี่แหละ ดูเจ้ามีสง่าราศรีจับมากเลยนะ” “งั้นผมไปก่อนนะครับ เด็กเขามาคอยรับแล้วล่ะครับ” “รถเก๋งตำรวจนั้นหรือ พ่อเรียกเจ้ามาเพื่อจะถามว่ามาบ้านเราทำไม กัน เพราะเราก็ไม่ได้ทำในสิ่งกฏหมายใดๆนี่นา อ้อๆๆอีกอย่างหนึ่ง ก่อนนี้เจ้าบอกว่า มียศแค่ พล.ต.ต.เท่านั้นเองนี่นา” “ผมได้เลื่อนตำแหน่งมานานแล้วครับแต่ไม่ได้บอกให้ทราบไว้ เท่านั้นเองแหละครับ” “งั้นหรือแล้วไม่กินข้าวกันก่อนหรือไม่หิวข้าวหรือไงล่ะ” “ไม่หรอกครับผมจะไปทานข้าวกับท่านรองฯครับ” “แล้วจะพักที่โน่นหรือเปล่าล่ะ เห็นเขาเล่าว่าระดับนี้จะมีบ้านพัก ของตัวเองด้วยนะ” “ไม่หรอกครับพ่อแม่ ผมจะมาพักที่นี่ประจำครับ ส่วนที่นั่นนอก จากงานเร่งด่วนเท่านั้นเองครับ” “อย่างนั้นตามใจลูกก็แล้วกันนะ รีบไปเถอะเห็นตำรวจคอยอยู่ แหละ เจ้าชัยบอกให้ขึ้นมาเขาบอกว่าจะรอที่นี่แหละรู้สึกจะเป็นนาย ร้อยตำรวจนะ” “ครับร้อยตำรวจตรีแฉ่งครับ พึ่งได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นมาครับ” “ไปเถอะลูกเขาคอยนานแล้วล่ะ อ้อๆๆๆระวังตัวไว้ด้วยนะลูก” แม่เข็มเปรยๆขึ้นอย่างไรหากมาพักไม่ได้ก็ให้ใครมาบอกให้พ่อแม่รู้ ด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” “ครับหากงานเร่งด่วนผมจะให้เด็กมาบอกให้ครับไม่ต้องห่วงนะ อ้อๆๆ....” ชายหนุ่มหันไปทางหญิงสาวทั้งสองพลางเอ่ยขึ้นว่า “แม่บงกชและแม่ชบาฝากพ่อแม่ด้วยนะท่านอายุมากๆแล้ว เจ้าชัย ด้วยพี่ไปก่อนนะ สงสัยจะกลับค่ำๆแหละ” “จ๊ะๆครับๆ....พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับเดี๋ยวผมจะออกไปให้พ่อแม่ อยู่ที่นี่แหละไม่ต้องไปช่วยงานในไร่นาสวนหรอกครับ” “เออๆๆดีแล้วล่ะ แล้วจะมีน้องหรือยังล่ะแม่บงกช” “ยังจ๊ะพี่ สงสัยพี่ชัยจะเป็นหมันกระมัง” หล่อนตอบด้วยสีหน้าเอียงอาย ส่วนแม่สาวชบาหล่อนทราบดีว่าเขา นั้นไม่ต้องห่วงอะไรหรอก แต่ก็อดกล่าวไม่ได้ว่า” “พี่เองถึงจะเก่งอย่างไร ก็อย่าประมาทนะพี่นะไปเถอะพี่ชบาจะทำ หน้าที่ให้ดีที่สุดจ๊ะ” “พี่เชื่อน้องมากๆจ้า ยิ่งชบารับปากอย่างนี้พี่ก็หมดห่วงแล้วล่ะ” “ผมไปล่ะครับ สงสัยจะกลับมืดๆหน่อยนะไม่ต้องห่วงหรอก” กล่าวแล้วชายหนุ่มก็ยกมือไหว้พ่อแม่ ส่วนพ่อเชียรและแม่เข็มลืม ตัวจะยกมือขึ้นไหว้ตอบ ก็ชะงักนึกได้ว่าเป็นลูกจึงลดมือลง แล้วร่าง ชายหนุ่มก็ก้าวลงบันไดไปข้างล่าง ทั้งหมดก็ตามมาส่งที่บันไดบ้าน ครั้นชายหนุ่มพอพ้นบ้านก็สวมหมวกมันที ทั้งหมดก็แลเห็นร่าง ตำรวจวิ่งเหยาะๆเข้ามาพลางทำความเคารพตะเบ๊ะพรึบด้วยอาการ ทะมัดทะแมง ชายหนุ่มก็ตะเบ๊ะตอบแล้วเดินก้าวไปที่รถ ผู้กองก็ รีบไปเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มทันทีแล้วปิดประตูรถ แล้วออกมาเปิด ประตูด้านคนขับ ขับรถออกจากบ้านไปทันที................ แก้วประเสริฐ.
14 กันยายน 2554 14:17 น. - comment id 126404
สวัดดีครับท่าน สบายดีนะครับ...ผมไม่ได้เข้ามาในเว็ยนี้ นานพอดู..อันที่จริงอยากเข้ามาอ่านและทัก ทาย..แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเปิดเข้าไม่ ได้..ยังเอิญวันนี้..เข้ามาเปิดได้ปกคิ... อทิสมานกาย ก้อ เข้ามาตอนที่ 103 แล้ว.. อ่านย้อนหลัง.บ้าง..ก้อยังคงความสนุก ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนเดิมครับ
14 กันยายน 2554 17:32 น. - comment id 126410
คุณ เอื้องอังกูร อันที่จริงผมตัดทอนแล้วนะ แต่จะไม่ได้ อรรถรสเลยไปเรื่อยๆครับ ส่วนเรื่องแดน พิศวงที่เปิดตัวอย่างไว้นั้นคนคงลืมหมดแล้่ว บางทีอาจจะเอามาลงทีเดียวสองตอนเลย ล่ะครับ ผมชอบแต่งสดๆว่างๆหากเข้ารูปรอย ของสถานะการณ์การเมืองก็จะแต่งต่อ แต่นิสัยชอบแต่งสดๆครับ แก้วประเสริฐ.
16 กันยายน 2554 11:23 น. - comment id 126451
มาติดตามตอนใหม่ครับครู พระเอกเป็นนายพลตำรวจโท แล้ว.
17 กันยายน 2554 12:35 น. - comment id 126462
18 กันยายน 2554 14:08 น. - comment id 126465
คุณ กิ่งโศก ครูว่างๆก็เขียนไป มิได้เร่งเร้าอะไรล่ะ ได้รับที่ความสนุกและความเพลิดเพลิินใน ความนึกคิดนะแหละจ้า รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 กันยายน 2554 14:11 น. - comment id 126466
คุณ กลัี่นแก้ว ผมเคยกล่าวแล้วว่างานร้อยแก้วนั้นใช้ สมองมากว่างานร้อยกรองมากมายนักที่ สำคัญคือการใช้อักษรนี่แหละให้เหมาะก้บ สถานที่ในการเจรจา เราต้องดูว่าเป็นสถานที่ ใดจึงสมควรใช้ นานๆไปก็จะรับรู้เองแหละจ้า การเขียนเรื่องไม่เหมือนกับ การบรรยายหรอกจ้า การบรรยายง่ายกว่า มากนัก การเป็นเนื้อเรื่องจะยากกว่าจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.