อทิสมานกาย ๑๐๑ ในระหว่างที่สารวัตรและนายอำเภอกำลังสาระวนอยู่กับการตรวจ สอบอาวุธต่างๆเหล่านั้นอยู่พร้อม ตำรวจทั้งหลายที่นำมาวางเรียงไว้ บนโต๊ะยาว พร้อมยาเสพย์ติด หนึ่งห่อรวมอยู่ด้วย สารวัตรก็ให้ถ่าย รูปไว้เป็นหลักฐานในทำคดีต่อไป ทันใดเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาภายในบ้านเสียง ตะโกนลั่นก่อนรถจะจอดเสียอีก “ไอ้เบิ้ม ไอ้เชื่อม ไอ้เปี๊ยกโว้ย เมียมึงให้มาตามกลับบ้านว๊ะ” แต่แล้วมันก็ชะงักเสียงทันที ด้วยมันไม่ทันสังเกตุว่าภายในบ้าน นั้นเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย มันรีบหันหลังหมายจะขับรถ กลับไปแต่ถูก ตำรวจสองนายเข้าขวางไว้ พร้อมสั่งให้หยุดรถทันที พร้อมตำรวจนายหนึ่งก็เข้าไปดึงกุญแจรถมาเก็บไว้ ทั้งสองควบคุม ตัวมาให้สารวัตรทันที “ใครหรือจ่า???...” “ไม่ทราบครับเห็นมันตะโกนเรียกพวกมันในบ้านครับ คงจะมาหา เพื่อนมันแหละครับท่านสารวัตร” “อย่างนั้นมันเข้ามาได้เลยจ่าน้อมอาจจะได้ข่าวอะไรๆบ้าง” “ครับผ๊ม” สักครูหนึ่ง ร่างชายฉกรรจ์ก็ถูกนำมายังเบื้องหน้าสารวัตร หน้าตา มันซีดด้วยนึกไม่ถึง พลางหันไปมองรอบๆ ครั้นเห็นอาวุธต่างๆวาง อยู่บนโต๊ะยาวก็ตกใจหน้าซึดเผือด เหงือกแตกซิก “เราชื่อไรหรือ แล้วามาด้วยสาเหตุใดล่ะ” “ผมชื่อย้อยครับ เป็นเพื่อนไอ้เบิ้ม เชื่อมและเปี๊ยกครับ เมียมันวาน ให้มาตามตัวกลับบ้านเพราะหายไปทั้งคืนครับ เมียมันบอกว่าคน กำนันให้มาตามตัวมาครับท่าน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือครับ” “แล้วเรารู้จักกำนันมั่นดีไหมล่ะ เคยเข้าออกภายในบ้านนี้หรือเปล่า กำนันและเพื่อนคุณยังไม่เห็นหน้า พอจะรู้อะไรบ้างไหมว่าจะไป ไหนกันนะ ไหนๆช่วยตอบให้ฟังหน่อยซิ” “ผมทำงานในไร่ของกำนันมั่นครับ เคยเข้าออกเสมอๆเพราะจะ เป็นคนนำของในไร่รับเงินจากผู้มารับของครับท่าน” “แล้วนายเบิ้ม เชื่อมและเปี๊ยกล่ะเป็นคนงานเหมือนกันหรือ” “ไอ้เบิ้ม ไอ้เชื่อมและไอ้เปี๊ยก มันมีหน้าที่คุมไร่นาสวนอยู่ครับ แล้วนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาล่ะครับ ผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แล้ว อาวุธต่างๆนี้มาจากที่นี่หรือครับท่าน” สารวัตรชัชวาลย์ทราบทันทีว่านายย้อยคงจะไม่รู้เรื่องอะไรแน่นอน แต่ด้วยความเป็นตำรวจมานาน สังเกตุใบหน้าของเจ้าย้อยก็พอจะรู้ อะไรๆบ้างเป็นแน่ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไปแต่ขอถามอีกหน่อยนะ นายย้อยจะตอบแต่ ความจริงเท่านั้นนะอย่าโกหกเด็ดขาด มิฉะนั้นผมจะจับคุณในข้อหา ร่วมมือกันนะ” “ผมไม่รู้เรื่องจริงๆครับ มีหน้าที่คอยดูแลคนงานในไร่เท่านั้นเอง และนำเงินที่พวกมาซื้อมาให้กำนันเท่านั้น ผมไม่ชอบมีเรื่อง นอกจากจะทำงานเท่านั้นเองครับท่าน” “แล้วเคยได้ยิน เพื่อนๆพูดอะไ/รให้ฟังบ้าง แล้วคนกำนันไปตาม ตัวมานั่นพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่หรือย้อย” “มันกำลังกินเหล้ากันอยู่ครับ เรียกผมแต่ผมไม่กินเหล้าจึงไม่รู้ว่า มันจะไปไหน แต่เมียมันทั้งสามบอกว่ามาบ้านกำนันแล้วก็หายไปยัง ไม่กลับ ขอร้องให้ผมมาช่วยตามตัว ด้วยเกรงว่าจะมาเมาที่นี่เสียก่อน เพราะว่ามีญาติทางกรุงเทพฯมาหาครับท่าน นอกนั้นผมไม่รู้เรื่อง อะไรทั้งสิ้นครับ เพราะกำนันไม่เคยใช้ผมในเรื่องอื่นๆจึงไม่รู้ครับ” “แล้วพอจะรู้ว่ามีใครบ้างไหมล่ะที่สนิทสนมกับคนในบ้านนี้มาก คงจะทราบดีในการหายไปของกำนันมั่นนะ” ไอ้ย้อยพลันหันไปชี้ตัวพวกสาวๆทั้งหลายที่นั่งรวมตัวกันอยู่พร้อม บอกว่า เห็นจะมีพวกสาวๆเหล่านี้แหละครับที่มาที่นี่บ่อยที่สุด ท่าน ลองสอบถามดูซิครับ” สารวัตรหันขวับไปทางบรรดาสาวๆอันมี นางสร้อยและพวกทันที ทำเอาบรรดาสาวๆทั้งหลายตัวสั่นเทาทันตาเห็น ก็รู้แน่ว่าได้การล่ะ พวกนี้นี่เองคงจะทราบว่ากำนันและพวกไปไหน จึงหันไปสั่งจ่า น้อมทันทีว่า “จ่า ให้แยกตัวสาวๆเหล่านี้ไปสอบปากคำ แยกตัวกันสอบนะ เดี๋ยวคงจะรู้หรอกว่าอะไรเป็นอะเไร” “ครับท่านสารวัตรผมจะทำการสอบสวนโดยเร็วครับ” พลางจ่าน้อมก็หันไปเรียกตำรวจมาอีก เจ็ดนาย มาต่างนำตัว สาวๆทั้งหลายไปแยกกันสอบสวนทันที สารวัตรก็หันหน้ามาทาง เจ้าย้อยพร้อมถามว่า “แล้วเอ็งทำงานให้กำนันมั่นนั้นได้ค่าแรงเท่าไหร่หรือ” “ได้บ้างไม่ได้บ้างครับ เพราะกำนันหักเป็นค่าดอกเบี้ยโฉนดที่ดิน ที่พ่อแม่ผมนำไปจำนองไว้กับกำนันครับ” “เป็นอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอกน๊ะจะได้รับโฉนดคืนไม่ ต้องเสียเงินอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องรอเวลาหน่อยนะ” “หรือครับท่านสารวัตร” ทางนายอำเภอก็เข้ามาตบไหล่เจ้าย้อยพลางบอกว่า “ที่สารวัตรพูดนะถูกต้องแล้วล่ะ อีกไม่ช้าคอยศาลสั่งก่อนนะ เพราะตรวจสอบหลักฐานแล้วเป็นการทำสัญญาโกงกัน คงจะได้คืน ในไม่ช้าแหละ ไปบอกพ่อแม่ย้อยได้แล้วล่ะไม่ต้องห่วงหรอก” พอเจ้าย้อยและบรรดาสาวๆทั้งหลายได้ยินต่างหันหน้ามามองท่าน ทั้งสองทันทีด้วยความลิงโลดดีใจทั้งๆที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ และ พากันก้มลงกราบสารวัตรและนายอำเภอทันที ดังนั้นการสอบปากคำจึงง่ายดายยิ่งขึ้น นางสร้อย นางชบา นางลัดา นางช้อย นางพลอย นางน้อยและนางแจ๋วมีอะไรก็รายงานให้ตำรวจ ทราบทั้งหมดไม่ปิดบังอะไรเลย เมื่อได้ยินว่าจะเป็นไทตัวเองแล้ว เมื่อทราบว่านายอำเภอจะคืนโฉนดที่ดินคืนให้ไม่ต้องเสียเงินทองอีก ส่วนเจ้าย้อยทางสารวัตรก็อนุญาติให้กลับบ้านได้ มันก็ก้มลงกราบ อีก ด้วยความดีใจพร้อมจะรีบกลับบ้านไปบอกพ่อแม่เมียมันอีกด้วย การสอบสวนทั้งหมดของสาวๆถูกบันทึกพร้อมให้สาวๆทั้งหลาย ลงนามไว้เป็นหลักฐานพร้อมพยานทางอำเภออีกด้วย ท่านสารวัตร ก็หันหน้าไปสั่งผู้กองที่ได้รับการเลื่อนยศขึ้นมาใหม่คือจ่าโฉมให้นำ กำลังตำรวจนำโดยนางชบาและนางสร้อยออกเดินทางไปยังที่กำนัน มั่นทันทีพร้อมรถบันทุกขนาดกลางไปด้วย พร้อมทั้งหน่วยชัณ พิสูจน์ศพ เพราะสารวัตรแน่ใจว่าคงจะต้องตายหมดสิ้นแล้ว เมื่อผู้กองโฉมได้รับคำสั่งดังนั้นก็นำตำรวจและคนทางอำเภอส่วน หนึ่งออกเดินทางไปทันที สารวัตรไปเปิดดูห่อพร้อมกับนายอำเภอ เปิดออกดูก็พบว่าเป็นยาเสพย์ติด ต่างหันหน้ามามองกันเพราะทุก คนเชื่อแล้วว่าเบื้องหลังกำนันมั่นและพวกค้าขายยาเสพย์ในหมู่บ้านนี้ อย่างแน่นอน ระหว่างการรอคอยผู้กองนั้นต่างก็พากันเดินสำรวจ ไปยังบริเวณเนื้อที่ต่างๆโดยมีพวกสาวๆเป็นคนคอยชี้แนะนำทางให้ แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติอะไรทั้งสิ้น ก็กลับมานั่งยังระเบียงพร้อม พวกที่ต่างหาที่พักกัน เพื่อรอคอยผู้กองกลับมา ครั้นสารวัตรตำรวจและพวกอำเภอนั่งสนทนากันบนระเบียงสักพัก หนึ่งรอคอยนั้น ทางนายอำเภอก็สั่งให้ปลัดนำเจ้าหน้าที่ไปศาลพร้อม ด้วยเอกสารโฉนดที่ดินทั้งหมดไปที่อำเภอถ่ายสำเนาทำหนังสือไป ขออนุญาติศาลเพื่อปิดบ้านหลังนี้ทันที ดังนั้นทางปลัดก็นำ เจ้าหน้าที่ออกไปเพื่อไม่ให้เสียเวลาล่าช้า เพียงเวลาผ่านไปไม่นานนัก หมายศาลก็ออกมาพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ศาลนำไปติดยังหน้าบ้านและ ตัวบ้านทันที แล้วเจ้าหน้าที่ศาลก็เดินทางกลับไปคงเหลือพวก นายอำเภอเและเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นเองที่กำลังรอคอยการออก ไปตรวจสอบ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงรถบันทุกที่นำโดยผู้กองโฉม ก็แล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้าน ส่วนจ่าก็รีบมารายงานทันที เบื้องหลังเต็มไปด้วยศพต่างๆสารวัตรและนายอำเภอก็ เดินไปตรวจสอบสภาพ ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ คงมีเพียงร่าง กำนันมั่นเท่านั้นยังพอจะจำหน้าได้ สักครู่เจ้าหน้าที่ชัณพิสูจน์ศพก็ นำหลักฐานมามอบให้สารวัตร ท่านสารวัตรก็ให้นายอำเภอรับรอง ไว้อีกทางหนึ่งด้วย สารวัตรสั่งให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐารน ผู้กอง โฉมแจังว่าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นให้ไปจัดการเรื่องรูปให้ เรียบร้อย เพื่อทำเรื่องเสนอไปยังท่านรองผู้กำกับทันที แล้วทั้ง สารวัตรและนายอำเภอก็หันมาปรึกษากัน เพราะศพทั้งหลายไม่มี ญาติ นอกจากศพของนายเบิ้ม นายเชื่อม และนายเปี๊ยกเท่านั้นก็ให้ ตำรวจไปแจ้งแก้เจ้าย้อยให้แจ้งไปยังครอบครัวทั้งหมด เพื่อมารับศพ ไปจัดการตามประเพณี ส่วนผู้ที่ไม่มีญาติก็ให้นำไปยังวัดที่ใกล้ๆ หมู่บ้านเพื่อจะดำเนินการฌาปนกิจต่อไปทันที จวบจนเจ้าย้อยนำ ครอบครัวของทั้งสามคนมานำศพไป ทุกๆอย่างก็เรียบร้อย ท่านสารวัตรก็แจ้งไปยังสาวๆทั้งหลายว่าพรุ่งนี้ให้ไปที่สำนักงาน ตำรวจเพื่อให้ปากคำอีกครั้งหนึ่ง และถามว่าใครมีบ้านอยู่หรือไม่ สาวๆทั้งหมดแจ้งว่ามี ดังนั้นสารวัตรก็บอกว่าให้กลับไปบ้านได้ แล้วห้ามเข้ามาในบ้านนี้โดยเด็ดขาด เพราะศาลได้สั่งปิดบ้านหลังนี้ เรียบร้อยแล้ว แล้วทุกๆคนก็ออกจากบ้านกำนันมั่นเดินทางกลับไป ทำหน้าที่ต่อไป ระหว่างการเดินทางกลับต้องผ่านบ้านพ่อเชียรแม่ เข็ม สารวัตรก็ขอตัวลงพร้อมเจ้าหน้าที่สองสามคนพร้อมรถที่นำมา แล้วเข้าไปรายงานตัวแก่หัวหน้าเขา หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกลับ ไปยังโรงพักทันที ในระหว่างที่สารวัตรชัชวาลย์ออกไปปฏิบัติหน้าที่ ทางโรงพักก็ เกิดการปั่นป่วน ด้วยเสียงเอะอะโวยวายด้วยเมื่อสารวัตรอำนวยและ สารวัตรวิเชียรได้รับคำสั่งโยกย้ายอย่างกระทันหันจากท่านรอง เมื่อ เห็นคำสั่งก็ต่างหน้าซีดเอะอะทันที พลางถามท่านรองว่า “ผมผิดอะไรถึงได้มีคำสั่งย้ายผมไปครับท่าน” ท่านรองกล่าวแก่สารวัตรทั้งสองว่า “ผมไม่รู้เพราะเป็นคำสั่งมาจากท่านผู้กำกับและจากทางกรุงเทพฯ ที่คุณก็ได้อ่านไปแล้ว ผมจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะทำหน้าที่แค่ รักษาการณ์แทนชั่วคราวเท่านั้น สารวัตรทั้งสองถามท่านรองพอจะรู้ไหมว่าผู้กำกับเป็นใครหรือ “ผมเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเหมือนกันเหมือนคุณทั้งสองนี่แหละคุณรู้ ไหมว่าท่านผู้กำกับนั้นเป็นใครเคยเห็นหน้าไหม รู้เพียงแต่ว่าชื่อ พล.ต.ท.วีระโชติเท่านั้นเอง ผมเองก็รู้พอๆกับคุณนั่นแหละ” เล่นเอาสารวัตรทั้งสองอึ้งไปทันทีเพราะเขาทั้งสองก็ไม่ทราบ เหมือนกันว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เสียงเอะอะก็เงียบหายไป ต่างทำ ความเคารพแล้วก็ออกมา ผ่านตำรวจที่ทำความเคารพทั้งสองก็ไม่ สนใจจนทำให้ตำรวจทั้งหลายแหลกใจเมื่อเห็นสารวัตรฝ่าย ปราบปรามและฝ่ายสืบสวนต่างหน้าบึ้งตึงเครียดไปตามๆกัน พลาง ร้องเสียงดังๆว่า “เออ????....ไม่ถึงทีกูบ้างก็แล้วไปว๊ะ เดี๋ยวเห็นทีจะต้องไปพบ ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯบ้างล่ะ” เสียงสารวัตรอำนวยต่างบอกกับสารวัตรวิเชียรด้วยน้ำเสียดุดัน “ผมก็เหมือนกันคุณย้ายไปที่ไหนล่ะ ผมถูกย้ายไปทางใต้” “ผมเองก็ไปทางเหนือตอนล่างแถวพรหมพิรามโน่นแน๊ะกันดาร ด้วย แล้วคุณล่ะไปจังหวัดใดล่ะ” “ผมเองไปอยู่พัทลุงติดกับชายแดนมาเลเซียโน่นกันดาร เหมือนกัน” เสียงสารวัตรวิเชียรกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว คราวนี้แหละจะได้เห็นไอ้คนที่ย้าย เราได้ก็คราวนี้แหละ” “คงไม่ทันกระมังเสียแล้วเพราะเขาสั่งให้เราย้ายภายใน สามวันนี้ เองแหละ” คราวนี้ทำให้สารวัตรอำนวยอึ้งไปทันทีหรือว่าจะลาออกเสียก่อน มิดีหรือคุณวิเชียร “ไม่หรอกว๊ะออกให้โง่หรือเราก็มีเส้นทางกรุงเทพฯเหมือนกันนี่ นาคงไม่เท่าไหร่ก็คงจะได้ย้ายเข้ากรุงเทพฯบ้าง ด้วยตอนนี้กำลังมี เหตุการณ์ไม่ดีขึ้นทางกรุงเทพฯ รอให้เพลาๆก่อน ผมไม่ลืมคุณ หรอกครับ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก” ทั้งสองค่อยผ่อนคลายความเครียดแล้วรีบเดินทางไปเพื่อเตรียมตัว จะออกเดินทางต่อไป ส่วนทางด้านเสี่ยเล้งหลังจากได้รับรายงานผลจากลูกน้องก็หัวร่อ ลั่นพลางกล่าวว่า อั้วเห็นหน้ามันก็ชักสัยเหมือนกันถึงใช้พวกมึงไป ดูเหตุการณ์ดีแล้วล่ะ เอาๆนี้ไปกินกันพลางล้วงเงินส่งให้คนละปึก หนึ่งแต่ค่อนข้างใหญ่ ทั้งสี่ยิ้มยกมือไหว้พลางกล่าวว่า “หากเสี่ยต้องการจะใช้อะไรพวกผมบอกมาได้เลยครับ อย่างนั้น ผมลาเสี่ยก่อนนะครับ” “เออๆๆๆไปเที่ยวให้สนุกกันเถอะนะ ร้านไอ้เม้งก็ได้ไม่ต้อง จ่ายเงินมันหรอกบอกว่าเป็นคนของกูเท่านั้นเองแหละ” “ครับๆเสี่ยผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ “ พลางยกมือไหว้ลาเสี่ยเล้งแล้วก็รีบออกเดินทางออกไปทันที แก้วประเสริฐ.
26 สิงหาคม 2554 22:42 น. - comment id 126024
สวัสดีค่ะ...นึกแล้วเชียว.. ม่ายบอกว่านึกอะไร เคารพครับผม
26 สิงหาคม 2554 23:01 น. - comment id 126025
คุณ ทางแสงดาว จ้าๆๆผมเองห้ัวตามัวถือใบบัวส่งผิดไป ดันไปส่งที่เวปฯกลอนนั่นอีกจ้า ทำให้นึก ได้ว่าอ้าวส่งผิดที่แต่ส่งไปแล้วลบไม่ได้ด้วยก็เลยมาส่งทางนี้อีกทีหนึี่งจ้า นึกหรือก็ นึกถึงทางแสงดาวแหละฮ่าๆๆๆ รักเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
29 สิงหาคม 2554 20:04 น. - comment id 126067
มาติดตาม อทิสมานกายครับครู ช่วงนี้ฝนตกชุกมากครับอากาศชื้นรักษาสุขภาพด้วยนะครับครู
29 สิงหาคม 2554 23:35 น. - comment id 126077
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ครูก็เขียนไปเรื่อยแหละจ้า มิได้คิดอะไรมากนักหรอก ด้วยเรื่องนี้ครูได้ วางแผนไว้แล้วล่ะ จะเร่งรัดก็จะทำให้คนอ่าน งุันงงไป คงเหลืออีกไม่เท่าไหร่นะก็จะคงจบ แล้วล่ะ ยังมีอีกหลายๆขั้น ครูพยายามผสม ปัจจุบันเข้าไปด้วยหากจะให้ยาวก็ได้ แต่มา ติดเรื่องที่เคยเกริ่นไว้เท่านั้นเองก็ตาม ไปเรื่อยๆก็แล้วกันะ นะศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.