ในบ้านอันเปล่าเปลี่ยวหลังหนึ่ง ชายหนุ่มในวัยต้นแห่งชีวิตคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ประเดี๋ยวเขาก็มองลอดหน้าต่างไปดุท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดาว ประเดี๋ยวก้หันมาดูภาพของหญิงผู้หนึ่งในมือของเขา ภาพนั้นเองที่สะท้อนเอาเส้นและสีลงในใบหน้าของเขา ภาพใบหน้าของหญิงนั้นกำลังพูดกับเขาและทำให้ดวงตาของเขากลายเป็นโสตซึ่งรับรู้และเข้าใจในภาษาของดวงวิญญาณที่โฉบเฉี่ยวอยู่ในห้องนั้น ให้กำเนิดแก่หัวใจที่สว่างไสวด้วยความรักและบรรจุเต็มด้วยความใฝ่ฝันหา
ดังนั้นชั่วโมงก็ผ่านไปเหมือนนาทีแห่งความฝันที่เป็นสุขหรือเสมือนขวบปีหนึ่งจากอนันตกาล แล้วชายหนุ่มก็เอาภาพตั้งไว้ข้างหน้าเขาและหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเขียนว่า
"เธอที่รักแห่งวิญญาณของฉัน ความจริงอันยิ่งใหญ่และสูงส่งมิได้ผ่านจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งโดยคำพูดของมนุษย์ดอก เขามักเลือกเอาความเงียบเป็นถนนแห่งวิญญาณ ฉันรู้ว่าความสงัดในคืนนี้จะเป็นสื่อระหว่างดวงจิตของเราทั้งสองอันอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าสายลมที่ลิขิตอยู่บนผิวน้ำจะสื่อข้อความในหัวใจของเราสู่กันและกัน เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์จะให้ดวงวิญญาณของเราต้องถูกขังอยู่ในคุกแห่งร่างกาย ดังนั้นความรักจึงกำหนดให้ฉันต้องเป็นนักโทษแห่งถ้อยคำ
"ที่รักของฉัน เขาพูดกันว่าความรักที่มาจากความบูชานั้นจะกลายเป็นไฟที่กลืนกินตัวเรา ฉันได้พบว่าชั่วโมงแห่งการจากกันนั้นหากีดกั้นความสัมพันธ์ของตัวตนเหนือโลกของเราได้ไม่ ฉันได้ทราบมาตั้งแต่เราพบกันครั้งแรกว่าดวงจิตของฉันนั้นเป็นคู่ของเธอมาเป็นเวลาที่มิอาจประมาณได้ และการมองครั้งแรกของเธอนั้นแท้ที่จริงหาใช่การมองครั้งแรกไม่
"โอ้ที่รักของฉัน แท้จริงแล้วชั่วขณะที่เชื่อมหัวใจทั้งสองของเราซึ่งมาจากโลกอื่นนั้นคือสิ่งหนึ่งในจำนวนหลายสิ่งที่ทำให้ฉันปักใจเชื่อในอนัตภาพแห่งจิตวิญญาณและความอมตะของมัน ในชั่วขณะเช่นนั้นเองธรรมชาติได้ดึงม่านคลุมทิ้งไปจากใบหน้าของความยุติธรรมอันไร้กาลเวลาซึ่งผู้คนมักคิดว่าเป็นความยุติธรรม
"ที่รัก เธอจำได้ไหมถึงสวนที่เราเคยยืนอยู่ด้วยกัน เฝ้าจ้องมองดูใบหน้าผู้ที่เป็นที่รัก? และสายตาของเธอบอกฉันว่าความรักที่เธอมีต่อฉันนั้นมิได้เกิดจากความสงสาร สายตานั้นสอนฉันให้ประกาศแก่ตัวฉันและแก่โลกว่าของขวัญที่ได้มาจากความยุติธรรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ได้มาจากการขอทาน และความรักซึ่งเกิดจากเหตุแวดล้อมก้เหมือนน้ำที่ในหนอง
"ที่รัก เบื้องหน้าฉันคือชีวิตซึ่งจะทำให้ฉันเป็นคนยิ่งใหญ่และงดงามชีวิตซึ่งจะเป็นที่รักแห่งความทรงจำของผู้คนในอนาคตละได้รับความรักและนับถือจากพวกเขา ชีวิตซึ่งมีจุดเริ่มที่การพบครั้งแรกของเธอ ผู้ซึ่งฉันแน่ใจในความเป็นอมตะเพราะฉันเชื่อว่าตัวเธอนั้นสามารถนำพลังซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้เอาไปจากฉันกลับมาได้เช่นเดียวกับที่ดวงอาทิตย์นำกลิ่นดอกไม้ขจรไปในทุ่งนา และดังนั้นความรักของฉันก็คงอยู่แก่ตัวฉันและแก่กาลเวลาทั้งหลายและดำรงอยู่โดยไม่มีความเห็นแก่ตน เพื่อว่ามันจักได้ขจรขจายไปและอยู่เหนือสิ่งเล็กน้อยทั้งมวลในการอุทิศตนแด่เธอ"
ชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินข้ามห้องไปช้าๆ แล้วก็หันไปมองดูที่หน้าต่างอีกและเห็นดวงจันทร์กำลังขึ้น สาดแสงอันอ่อนละไมไปทั่วท้องฟ้าเขากลับมาที่จดหมายและเขียนต่อไปว่า
"อภัยให้ฉันด้วยเถิดที่รัก ในการที่ฉันพูดกับเธอเหมือนเป็นอีกคนหนึ่งทั้งๆ ที่เธอคือส่วนครึ่งของฉันที่หายไปเมื่อเราออกมาจากหัตถ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าในขณะเดียวกันนั้น โปรดยกโทษให้ฉันด้วย"
Be Veg, Go Green 2 Save The Planet
www.suprememastertv.com
www.godsdirectcontac-thai.org