อทิสมานกาย ๘๗ ภายหลังจากเจ้าเปล่งร่วมทางไปกับเจ้าเพิ่มและเจ้าเริ่มลับ ร่างทั้งสามไปแล้ว ภายในห้องจึงเหลือชายสามหญิงสองคน เจ้าสินชัยแสงสี ได้แต่คอยฟัง การสนทนาระหว่างอาจารย์หรือนายมันกับ แม่นางอัปสรทั้งสองที่ต่างพากันหยอกเย้ากระเซ้ากันเล่น ในตอนหนึ่ง ชายหนุ่มกล่าวขึ้นแก่แม่นางอัปสรว่า “อีกสองสามวันพี่จะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเสียแล้วล่ะ ด้วย ท่านรองเจ้านายเรียกพบด่วน” “แล้วไปเพียงคนเดียวหรือพี่ ไม่เอาเจ้าสินชัยแสงสีไปด้วยล่ะ” “ไม่หรอกน้อง เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญใหญ่โตมาก เสียด้วย อีกอย่างหนึ่งทางนี้ก็ไม่ค่อยจะดีอีกจะได้ให้มันร่วมมือ กับเจ้าเปล่งช่วยกันทำงานไว้ พี่เองได้เขียนหนังสือว่าเมื่อไปแล้ว จะมอบหมายให้มันทำงาน หากได้รับทราบจากทางกรุงเทพฯ จ๊ะ ส่วนน้องทั้งสองก็ต้องคอยดูแลกำกับพวกมันอีกทางหนึ่ง ด้วยนะ ในระหว่างพี่ไม่อยู่ด้วย” “เอาอย่างนี้ดีกว่าเพื่อจะได้ทันเหตุการณ์ น้องจะตามไปพี่ส่วน ทางนี้ให้น้อยอ้อยคอยควบคุม หากเมื่อทราบเหตุการณ์ผันแปร เป็นที่เรียบร้อยแล้วจะได้รีบกลับมาแจ้งให้น้องอ้อยกับพวกเรา ได้ดำเนินการต่อไป ไม่ดีหรือจ๊ะ” แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่ม ส่วนในใจนั้นรู้เหตุการณ์ ทั้งหมดอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพียงคิดว่าชายหนุ่มก็คงจะรู้ เหมือนกับตัวหล่อนเองแหละ “อย่างนั้นก็ได้น้องรัตนาตามพี่ไปคนเดียวก็พอ” กล่าวเสร็จก็หันไปทางแม่นางอ้อยวิลาวัลย์อัปสรและเจ้าแสงสี เจ้าสินชัยกล่าวว่า “พี่ต้องขอให้น้องอ้อยช่วยทำหน้าที่แทนพี่ในระหว่างที่ไม่อยู่นะ ส่วนเจ้าสินชัยแสงสีก็ให้ไปแจ้งให้เจ้าเปล่งรู้ไว้ด้วย นี่ก็หลายวัน ผ่านมาแล้วการจัดการที่อยู่ของมันคงจะเรียบร้อยแล้ว ด้วยข้าไปดู การทำงานของมันมาเรียบร้อยแล้วล่ะ เพียงแต่เสริมบางอย่างให้ แก่มันด้วย ที่นั่นยากนักที่คนจะเข้าไปได้นอกจากเจ้าทั้งสองและข้าและนาย หญิงของเจ้าเท่านั้นแหละ “แล้วนายจะไปกรุงเทพฯคิดว่าจะกี่กันล่ะนาย?????” เจ้าแสงสีถามขึ้น “ข้าคิดว่าคงจะไม่เกินห้าวันแหละ พอรับคำสั่งมาแล้วก็จะได้สั่งให้ เจ้าเปล่ง ซึ่งมันนั้นเก่งกาจในเรื่องการวางแผนการณ์อยู่แล้ว ส่วนข้า นั้นจะแสดงตัวเองก็ไม่ได้ ด้วยข้าสังหรณ์ใจว่างานครั้งนี้ต้องแบ่ง หน้าที่ออกเป็นสองทางเสียแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยให้เจ้าแสงสีสินชัยฟังตลอดจนแม่นางทั้งสองอีกด้วย “แล้วนายจะเริ่มออกเดินทางเมื่อไหร่ล่ะนาย???...” “คิดว่าคงจะพรุ่งนี้แหละ แต่ต้องบอกพ่อแม่และน้องๆให้รู้ เสียก่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร แต่คิดว่าคงจะไม่เป็น ปัญหาหรอกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นลอยๆพร้อมทั้งแย้มยิ้มไปด้วย แม่นางทั้งสองและ เจ้าทั้งสองก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นชายหนุ่มแย้มยิ้มไม่กังวลใดๆทั้งสิ้น หลังจากที่ชายหนุ่มได้ไปกล่าวลาพ่อแม่กับน้องๆแล้วว่ามีงานด่วน จะต้องไปกรุงเทพฯคงไม่นาน ด้านพ่อเชียรแม่เข็มก็เอ่ยว่า “เมื่อเสร็จงานก็ให้รีบกลับมานะลูก สองสามวันนี้พ่อไม่เห็นเจ้า เปล่งมันเลยหรือว่าลูกให้มันไปอยู่ที่อื่นแล้ว???” “มันก็อยู่ที่ป่าหน้าบ้านเราแถบภูเขานั่นแหละครับไม่ได้ไปไหน เพราะว่ามันเกรงว่าหากมันอยู่ที่นี่จะเป็นที่สงสัยของชาวบ้านเขา ด้วยมันเป็นคนที่เกือบทุกหมู่บ้านรู้จักมัน เกรงจะเปิดเผยความลับ ของลูกครับ” “อ้องั้นนี่เอง ข้าเห็นมันมาลาพ่อและแม่ ก็ถามมันแต่มันไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆว่าไม่ได้ไปไหนหรอกอยู่แถวๆนี้แหละ พยายามถามมัน แต่มันก็บ่ายเบี่ยงเลี่ยงไปเลี่ยงมา จนข้าขี้เกียจถาม” “อ้อๆๆๆ.....พ่อป่าแถวบริเวณหน้าบ้านเราเกือบติดภูเขานั้นนะ พ่อแม่และน้องๆอย่าเข้าไปเสียล่ะและช่วยบอกน้องๆด้วยล่ะครับ” “อ้าวๆๆๆ!!!!????....ทำไมหรือก่อนนั้นพ่อเองก็เข้าไป หาของ ป่าอยู่เสมอๆนี่นา มีอะไรพิเศษหรือลูก” “ด้วยตอนนี้ไม่เหมือนเก่าเสียแล้วล่ะครับคุณพ่อคุณแม่ เพราะว่า มันเปลี่ยนแปลงไปหมด ด้วยเจ้าเปล่งมันวางค่ายกลไว้ หากใครไม่รู้ ทางเข้าและทางออก จะหลงติดอยู่จนตายไปครับ แม้แต่พวกภูต ผีปีศาจก็ยังไม่อาจจะเข้าไปได้หากไปแล้วก็ย่อมวนเวียนหาทางออก ไม่ได้เลยครับ มันเป็นค่ายกลที่ร้ายกาจมากๆด้วยครับ ต้องหลงใหล หากเข้าไปแล้ว ทั้งหลงใหลและน่ากลัวมากๆครับ” “เฮ้ยๆๆๆๆ????...ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ข้านึกว่ามันมีเพียงในเรื่อง สามก๊กเท่านั้นเอง นี่เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าโชติ” พ่อเชียรตลอดจนแม่เข็มอุทานลั่น ด้วยความตกใจไม่คิดว่าเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องจริงในยุคนี้ “เป็นเรื่องจริงครับ เพราะเจ้าเปล่งมันได้ตำราวิชาการมาในเรื่องนี้ จากการตกทอดมา และมันบอกว่าตกทอดมาจากทวดมันครับจนตก ทอดมาถึงมัน มันเป็นคนชอบอ่านหนังสือจึงให้เขาไปแปลเป็นไทย ไว้แล้วค่อยๆศึกษาจนได้รู้ซึ้ง ทดลองแล้วเห็นผลมากครับ มันเก็บ เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ นอกจากมันคนเดียว มันยังเอามาให้ผมอ่าน ดูอีกด้วยครับ มันมีวิธีการซับซ้อนมากมายหลายวิธีการอีกด้วย เมื่อผมอ่านดูเห็นว่ามันโหดเหี้ยมเกินไปจึงได้เสริมสิ่งอื่นๆไว้โดย ผมได้ถ่ายทอดบางสิ่งบางอย่างไว้ให้แก่มันด้วยครับ ตามตำราของ อาจารย์เลื่อมท่านก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์ท่านเหมือนกัน แต่แตกต่างกัน ผมจึงเอามาผสมผสานกันไว้ก็สามารถเข้ากันได้ครับ วิชานี้มีจริง ผมได้เคยทดลองเอาสัตว์มาใส่ไว้มันหาทางออกไม่ได้ เลย จนต้องนำมันออกมา ผมก็ไปทดลองที่ในป่าแถวหน้าบ้านเรานี่ แหละครับ เมื่อเจ้าเปล่งมันขออนุญาตใช้บริเวณแถบนั้นเป็นที่อยู่มัน คงจะมีแผนอะไรบางอย่างกระมัง เพราะนิสัยมันไม่นิยมการฆ่าฟัน เพียงแต่จำเป็นเท่านั้น ข้อนี้ผมรู้นิสัยมันจึงรับมันมาอยู่ที่บ้านเรา และก็ทราบด้วยว่ามันเป็นคนมีความกตัญญูรู้คุณคนมาก วิชามันร้าย มากๆนะ ดีที่ผมนำมาดัดแปลงเพิ่มเติมบางส่วนให้แก่มันไว้ให้มัน แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ เวลาสร้างต้องอาศัย ภูมิประเทศประกอบการอีกด้วย มิฉะนั้นผลจะไม่เกิดขึ้นการสร้าง ค่ายเมื่อใช้ต้องดูภูมิประเทศประกอบอีกด้วย เจ้าเปล่งมันเวลาว่างๆ ก็เข้าไปสำรวจมาแล้ว ตลอดจนได้วางสิ่งต่างๆเช่นหิน ต้นไม้ ต้องทำ การซ่อมแซมเพิ่มเติมบางอย่างลงไปด้วย ผมเคยตามมันไปดูการ สร้างค่ายกลของมันไว้ด้วย การวางแนวทาง การใช้หินต่างๆและการ ปลูกต้นไม้ตามลักษณะค่ายกลไว้โดยย้ายต้นไม้ต่างๆวางตามแนว แผนการณ์สร้างบางอย่างขึ้นไว้ นี่ผ่านมาหลายวันคงเรียบร้อยแล้ว ผมเองได้ไปช่วยมันมาแล้วครับ หากใครไม่รู้แนวทางย่อมต้องติด หลงวนเวียนในบริเวณนั้นคล้ายเรื่องเขาวงกตแหละครับคุณพ่อ” “ข้าเองก็ร่ำเรียนวิชาการมาก็นับว่ามากเหมือนกันแต่ไม่ได้ยิน เรื่องนี้เลยนอกจากอ่านในหนังสือสามก๊กเท่านั้นเองยังคิดว่า เป็นเรื่องแต่งขึ้นเสียอีกนะลูก หากไม่เล่าโดยเจ้าจะไม่เชื่อเรื่องนี้โดย เด็ดขาด แต่นี่เป็นลูกพ่อเล่าจึงเชื่อคนอื่นเล่าพ่อจะต้องหัวร่อเชียวล่ะ หากเป็นเช่นนั้น ก็เหมือนคุกใช้ขังคนชั่วได้ดีกว่าการฆ่าซึ่งเป็นบาป มากอีกด้วย ก็ดีไปอย่างนะให้มันตายเองโดยธรรมชาติเอง” “วิชานี้สาบสูญไปตั้งนานแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าเปล่งมันไปได้ มาจากการตกทอดมา ที่ลูกเข้าไปได้ก็ด้วยมันพาไปดูการสร้าวไว้นั่น แหละตลอดจนรู้บ้าง จึงได้ช่วยเหลือมันเล็กๆน้อยรู้วิธีการเข้าออก ได้เป็นอย่างดี หากใครไม่รู้ก็จะต้องหลงติดอยู่ในนั้นนอกจากจะมี คนไปนำออกมาครับพ่อ ส่วนผมรู้นั้นเพียงเห็นการกระทำของมัน แต่ไม่มากนักหรอก ส่วนเจ้าเปล่งมันสนใจเรื่องนี้มานานแล้วและ มันที่ผมเอามาเลี้ยงไว้คนเดียว เพราะมันมีปัญญาหลักแหลมฉลาด มากวางแผนการณ์ได้อย่างลึกซึ้ง คงจะเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอนครับ ก็ดีไปอย่างหนึ่งที่มีคนมาช่วยเหลือผม ส่วนผมเองก็จะวางมือทางนี้ ไปทำงานทางด้านโน้นทางเดียว เมื่อได้ลูกมือไว้ใจได้มาทำงาน ทางด้านนี้ทางเดียวครับคุณพ่อคุณแม่” “หากเป็นเช่นนั้นจริงๆดังลูกกล่าวไว้ก็นับว่าลูกมองคนได้เก่งมาก ทีเดียวนะ” “ผมมองมันมานานแล้วล่ะครับ ทดสอบมันก็ตั้งหลายๆครั้งจึงแน่ แก่ใจว่า มันเป็นคนซ่อนคมไว้ไม่เปิดเผย แม้แต่เพื่อนรักมันก็ยังไม่ รู้หรือน้องชวนหัวหน้ากลุ่มรู้ก็เพียงว่ามันเป็นนักวางแผนเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มเอ่ยให้พ่อแม่ฟัง พลางเอ่ยเสริมว่า “อย่าลืมนะครับบอกน้องๆทุกๆคนด้วยให้ทราบเรื่องนี้ หาก ต้องการพบมันก็ให้บอกเจ้าแสงสีสินชัย หรือพ่ออยากจะไปดูก็ให้ เจ้าแสงสีสินชัยนำทางเข้าไปก็ได้ครับ ผมจะสั่งพวกมันไว้ครับ หรือหากหลงเข้าไปไม่รู้ตัว ก็ให้ตะโกนเรียกเจ้าแสงสีสินชัยมันก็ จะออกมานำทางออกให้ครับหรือต้องการพบมันก็เช่นเดียวกันครับ” “คงจะไม่จำเป็นหรอก งานในไร่สวนนาก็มีมากที่ต้องดูแลแทบจะ ไม่หมดอยู่แล้วล่ะลูก” “เรื่องไร่สวนนานั้น พ่อแม่และน้องไม่สังเกตุสิ่งผิดปกติหรือครับ ว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก ด้วยผมใช้คนของผมไปทำให้เวลากลางคืน ให้เรียบร้อยแล้วครับ” พอพ่อเชียรได้ฟังลูกกล่าวเช่นนี้ก็ตบเข่าดังผลั๊วๆ เอ่ยว่า “นั่นซิพ่อเองก็แปลกใจเหมือนกัน ต้นหญ้ารอบต้นไม้ต่างๆทำไม มันถึงได้เตียนโล่งไปเกือบทุกๆต้น ลำพังพ่อกับเจ้าชัยมันก็ทำไม่ทัน เหมือนกัน กว่าจะเสร็จที่ทำแต่แรกกลับงอกโตอีกต้องย้อนมาทำแต่ นี้มันเหมือนมีคนมาช่วยทำ เพียงแค่ใส่ปุ๋ยเท่านั้น การพรวนดินก็ดู เรียบร้อยหมด พ่อเองก็สงสัยเหมือนกันแต่ไม่รู้จะไปถามใครๆเขา เพียงแค่แปลกใจเท่านั้นเองแหละลูก หากลูกไม่บอกพ่อเองก็ไม่รู้” ชายหนุ่มหัวร่อ ฮึๆๆๆแต่ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงบอกว่า “พรุ่งนี้ผมจะออกเดินทางแต่เช้า ส่วนเจ้าแสงสีสินชัยหากพ่อจะใช้ ก็เรียกมันเท่านั้นมันก็จะออกมาคอยรับใช้ครับ เรื่องนี้น้องชบารู้เรื่อง ดีทั้งหมดแล้วครับ” “เจ้าชบาก็รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือนี่????....” “ข้ารู้มานานแล้วล่ะพี่เชียรลูกชบามันเล่าให้ฉันฟังตั้งนานแล้วล่ะ” “บ๊ะๆๆๆๆ???....ข้าอยู่กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย โถลูกชบาจะเอ่ยให้ พ่อฟังสักหน่อยก็ไม่ได้ลูกหนอลูก” “พ่อเชียรอย่าไปว่ามันเลยมันไม่อยากให้พ่อต้องกลุ้มใจเท่านั้น หาก ข้าไม่สอบถามมันก็คงไม่บอกหรอก เออ???...เจ้าโชติก็อย่าไปตำหนิ น้องมันเสียล่ะ” “ไม่หรอกครับแม่เขามาเล่าให้ผมฟังเหมือนกันแหละครับ” แล้วชายหนุ่มก็หัวร่อ พลางขอตัวออกไปออกกำลังกายตามปกติดัง เช่นเคยปฏิบัติมา คงปล่อยให้พ่อแม่ต่างสนทนากันเองคงไม่พ้นเรื่อง นี้ชายหนุ่มคิด แล้วก้าวลงบันไดไปออกวิ่งตามปกติเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้นเลย จนพ้นบริเวณบ้านหายลับไปตามถนนลูกรัง ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่างชายหนุ่มแต่งกายชุดไปร์เวท ผูกเน็คไทม์ เดินเข้าไปในสำนักงานผ่านบรรดานายตำรวจใหญ่น้องที่ บ้างแต่งกายสวมเครื่องแบบ บ้างไม่แต่งกายเดิน ต่างหันมามองร่าง ชายหนุ่มที่กำลังก้าวสวนทาง เพียงแค่หันมามองดูเท่านั้น จนเขาก้าว ขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นบน ครั้นขึ้นมายังชั้นของผู้บัญชาการตำรวจ ก็มีนายตำรวจยศนายพันเอกนายหนึ่งพลางเข้ามาสอบถามว่าจะไป ไหน ด้วยเขาไม่เคยเห็นหน้าชายหนุ่มเลย ท่าทางผิดกับตำรวยทั่วไป ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะตอบให้ทราบนั้น พลันก็มีเสียงเรียกเขา ทันที ทำให้นายตำรวจคนนั้นชะงักหันหลังกลับไปมองพร้อมทำ ความเคารพผู้ส่งเสียงเรียกพร้อมทั้งเดินหลีกทางให้ ชายหนุ่มก็เข้า ไปหาพร้อมยกมือไหว้ผู้ที่ร้องทักเขาทันที นายตำรวจยศนายพลตำรวจเอกนายนั้นก็รีบเดินเข้ามาหาพลางสวม กอดร่างชายหนุ่ม เมื่อนายตำรวจยศพันเอกเห็นก็ตกตะลึงรีบผละ ออกไปทันทีอย่างรวดเร็ว “ท่านรองให้ผมมาคอยรอรับคุณอยู่ก่อนแล้ว ด้วยเกรงว่าจะเข้า ไปหาท่านผู้บัญชาการ ด้วยท่านสั่งไว้ว่าระยะนี้อย่าเข้าไปหาให้ ไปพบท่านรองก่อน แหมไว้หนวดเสียจนแทบจำไม่ได้เชียวน๊ะ” ชายหนุ่มค้อมตัวลงพลางตอบว่า “กระผมไม่อยากให้ใครจำได้ขอรับท่าน ด้วยเป็นคำสั่งลับให้ ผมปลอมแปลงร่างมาครับท่าน” “นั่นซิหากผมกับคุณไม่คุ้นเคยกันมาก่อนคงจะจำไม่ได้หรอก มาๆรีบเข้าไปพบท่านรองก่อนเถอะนะท่านกำลังคอย” ผู้ช่วยท่านผู้บัญชาการตำรวจเอ่ยพร้อมจูงมือชายหนุ่มรีบเข้าไป ในห้องผ่านโต๊ะนายตำรวจหน้าห้องที่รีบยืนทำความเคารพทันที หน้าห้องรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเขียนชื่อว่าพลตำรวจเอก พิเชษฐ์ อินทรสมบัติ ที่ชายหนุ่มเหลือบสายตามองดู พอดีท่านผู้ช่วย รีบกระตุกแขนเขาพาเข้าไปข้างในพร้อมหันหน้าไปมองซ้ายแลขวา สั่งนายตำรวจหน้าห้องว่า ห้ามใครๆทั้งสิ้นเข้าไปในห้องเป็นเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นใครหรืองานเร่งด่วนใดๆก็ตามทั้งสิ้น จนกว่าจะอนุญาต นายตำรวจหน้าห้องน้อมรับคำสั่งทันที เมื่อร่างทั้งสองเข้าไปใน ห้องท่านรองฯแล้ว ท่านยืนคอยรับอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว พลางร้องทัก ว่า “ เป็นไงน้องชายทางโน้นสบายดีหรือ????.. เชิญนั่งก่อนซิ อ้อๆๆ ท่านนิวัฒน์ก็นั่งสนทนาด้วยกันนะ หากหิวน้ำไปทานได้ที่วางไว้ แล้วได้เลยนะไม่ต้องขออนุญาตผมหรอก” “ครับท่าน ทุกอย่างผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” แล้วเข้ามานั่งยังเก้าอี้ข้างเคียงชายหนุ่มทันที ครั้นต่างวิสาสะสักพัก ถามถึงความทุกข์สุขกันพอสมควร ท่านรองจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้บัญชาการสั่งมาว่าให้รู้ไว้เฉพาะสามคนเท่านั้น ห้ามแพร่ง พรายให้ใครรู้ทั้งสิ้น อ้อ???...ก่อนอื่นผมขอแสดงความยินดีกับคุณ ด้วยว่าได้เลื่อนตำแหน่งแล้วพร้อมกับลูกน้องสามนายด้วยแล้วล่ะ คำสั่งออกไปแล้ว ด้วยท่านไปเจรจากับผู้ใหญ่ก่อนเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ด้วยระแคะระคายว่าจะเกิดการปฏิวัติของพวกทหาร ให้ทางเราระวัง ตัวเอาไว้ พร้อมทั้งแจ้งเหตุการณ์ทั้งหมดให้ชายหนุ่มฟัง ทำเอา ชายหนุ่มถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นอีกในยุคนี้ ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้กล่าวขอบคุณทันที พร้อมล้วงหยิบหนังสือ จากอกเสื้อออกมายื่นให้แก่ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจทันที ท่านรองรับมาอ่านแล้วบอกว่า “ในระยะไม่มีปัญหาหรอกผมจะรีบจัดการให้โดยด่วนนะ คุณนะ ยังใจดีที่ไม่ให้พักราชการเสียเลยเพียงแค่ย้ายไปเท่านั้นเอง” พร้อมทั้งยืนหนังสือให้ผู้ช่วยนิวัฒน์อ่านด้วย ท่านผู้ช่วยหน้าตา คิ้วขมวดทันที พลางเอ่ยว่า “แบบนี้เลี้ยงไม่ได้นะครับท่านรองน่าจะเอาออกเสียเลยตัดไฟแต่ ต้นลม หากไปที่อื่นก็คงจะเหมือนเดิมอีกครับท่าน” “ตามใจคุณโชติเถอะนะ เขาคงคิดอะไรๆดีอยู่แล้วล่ะ งานของเขา รู้จักหนักจักเบาอยู่แล้ว ว่าสมควรทำอย่างไร ทุกๆอย่างที่เขาทำไม่ เคยพลาดสักครั้งเดียว ทางเราได้รับการชมเชยก็เกิดจากเขานี่แหละ อีกประการหนึ่งทั้งสองคนนี้เป็นคนของอีกฝ่ายหนึ่งที่ส่งมาคอย สอดส่องดูการทำงานทางภาคนี้ด้วยนะ ตามที่ท่านแจ้งให้ทราบ การที่เราทำไปนี้ก็เหมาะสมด้วยอยู่ในอำนาจของเรา อย่าหักพร้า ด้วยเข่า เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่ไปอีกด้วย ท่านกำชับไว้เช่นนี้” ท่านผู้ช่วยนิวัฒน์หันไปตบไหล่ชายหนุ่มพลางเอ่ยว่า “หากเป็นผมคงจะไม่ใจดีเช่นคุณเป็นแน่ๆ เลี้ยงไม่เชื่องแบบนี้” “ผมเพียงอยากจะให้เขาสำนึกไว้ครับ หากจะเอาออกก็ได้ครับ ด้วยผมมีหลักฐานต่างๆพร้อมทั้งภาพถ่ายไว้หมดแล้วครับ แต่เพียง เห็นเป็นความผิดโจ่งแจ้งครั้งเดียว แล้วเด็กผมรายงานผมว่าสองคน นี้เป็นคนของนักการเมืองใหญ่ ด้วยติดตามตลอดเวลาครับท่าน จึง เห็นว่า หากจะนำหลักฐานทั้งหมดเสนอคงจะต้องถูกปลดแน่นอน อีกประการหนึ่ง การย้ายของเขาก็คงจะถูกใจพวกนักการเมืองใหญ่ อีกทางหนึ่งด้วย เพราะทางด้านผมตอนนี้กำลังเงียบ การค้าก็ชะงัก ไปหมดแล้วจนพวกนั้นขยาดกันไม่กล้าค้าขายกันแล้วครับ คงจะ เหลือที่ซุกซ่อนเป็นบางส่วนแต่ผมรู้หมดแล้วคอยเวลาจะทำลายให้ สิ้นซาก คิดว่าคงไม่นานนักหรอกปล่อยให้มันชะล่าใจไปก่อน เพื่อ หวังให้มันจะได้เข้าสู่กับดักของทางเรา จะได้จัดการครั้งเดียวให้สิ้น ซากไปพร้อมๆกันทีเดียวครับท่าน” ชายหนุ่มเอ่ยเสริมขึ้นแก่นายตำรวจทั้งสองอีกว่า “แล้วท่านเรียกผมมาจะให้ผมรับใช้อะไรท่านหรือครับผมพร้อม น้อมรับเสมอๆครับท่าน” ท่านรองหันไปทางผู้ช่วยพลางอมยิ้ม ท่านผู้ช่วยก็เอ่ยขึ้นว่า “ระยะนี้ข่าวลับออกมาว่าทางเราจะแย่ด้วยมีเหตุการณ์จะเปลี่ยน แปลงเกิดขึ้น นายใหญ่เราก็ต้องเดือดร้อนอีกจะถึงคราวเปลี่ยน แปลงไปเสียแล้วล่ะ เพียงมาแจ้งให้คุณทราบไว้ล่วงหน้าก่อน ว่าจะให้ทำตัวอย่างไร เดี๋ยวฟังท่านรองอธิบายก็แล้วกัน” “คือว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นใหม่ซิคุณโชติ และอาจจะเลวร้าย แก่บ้านเมืองเรามากเสียด้วย ด้วยท่านผู้บัญชาการฯเรียกผมและผู้ช่วย เข้าไปปรึกษาเป็นความลับและให้สั่งมายังคุณด้วยว่า อย่าคิดลาออก จากทางราชการตามเหตุการณ์นี้ ด้วยท่านรู้นิสัยคุณว่าเป็นอย่างไร ท่านขอร้องให้คุณทำหน้าที่ต่อไปเป็นที่พึ่งของประชาชนด้วย แม้ว่า จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตามอย่าไหวหวั่นอะไรทั้งสิ้น” ชายหนุ่มได้รับฟังก็ตะลึงถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาเพียงคร่าวๆเท่านั้นจาก ตำราก็ตามทีเถิด แต่ก็ไม่ขัดแย้งอะไรเพียงคอยรับฟังเท่านั้น พลัน ก็ได้ยินท่านกล่าวเพิ่มเติมขึ้นอีกว่า “คุณโชติ มีกลางวันก็ย่อมมีกลางคืน มีสว่างก็ย่อมมีมืด เหมือน เหรียญก็มีสองด้าน คุณเองมีกำลังพลจำนวนมากที่แอบแฝงไว้ตาม ที่คุณแจ้งผมมานั้นผมทราบอนุมัติให้เรียบร้อยแล้ว ท่านยังกำชับว่า ให้คุณอยู่ในด้านสว่าง ส่วนด้านมืดนั้นให้ พรรคพวกคุณที่แอบแฝง ไว้จัดการลงมือทางลับๆในด้านมืด ส่วนคุณก็อยู่ด้านสว่างทำอะไรก็ ควรดูสถานะการณ์เหมาะสม เขาขอกำลังมาก็หาทางอ้างจัดให้ส่วน น้อยไว้ แจ้งว่ากำลังพลไม่เพียงพอ ต้องคอยเฝ้าสถานีอยู่ด้านอาวุธ นั้นก็มีจำกัดเท่านั้น อย่าไปขัดความประสงค์ของเขา ข้อนี้จำไว้ให้ มากๆด้วยนะ ทุกๆอย่างต้องใช้ความละเอียดสิ่งใดควรไม่ควรให้ พิจารณาตามสถานะการณ์เป็นหลัก ส่วนความรับผิดงานในหน้าที่ก็ อ้างหาเหตุผลไว้แก้ตัว ส่วนความรับผิดชอบนั้นท่านจะช่วยเท่าที่จะ ช่วยได้หากท่านยังอยู่ ถึงอย่างไรก็ยังมี พวกเราที่ทำงานเหมือนคุณ อยู่และจะสั่งให้ประสานงานกับคุณด้านทำงานอื่นๆทั้งหมดยังมี ผมและผู้ช่วยนิวัฒน์อีกคนคอยช่วยเหลือคุณอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เมื่อมีเหตุการณ์อะไรในอนาคตเกิดขึ้น ให้คุณตัดสินใจเอาเอง แต่ก็ควรคำนึงถึงสิ่งควรหรือไม่ควรเป็นหลักด้วย จริงอยู่กำลังพล นั้นมากพร้อมจะลงมือทำงานได้ทุกเวลาก็จริง น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอยู่ ฉะนั้นทุกอย่างควรใช้สติไตร่ตรองให้แน่ชัดเสียก่อนจะลงมือ มิฉนั้นจะเดือดร้อนไปทั่วกันหมด ควรคำนึงระลึกอยู่เสมอๆนะ ไม่ต้องรอคำสั่งทางท่านและผมกับผู้ช่วย ทางผมก็จะทำเป็นทองไม่รู้ ร้อนรู้หนาวปล่อยไปตามสถานะการณ์ คุณเองก็เหมือนกันสิ่งใดไม่ ดีขอให้คุณแต่งตั้งคนไว้ใจได้จัดการแทนคุณ ด้านคุณทำเป็นคอยรับ ปฏิบัติแต่ไม่โจ่งครึ้มสิ่งใดหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกไปเสียทำตามเขาในที่ สว่างนะ ส่วนอีกทางหนึ่งให้จัดการปราบปรามให้ราบคาบแต่อย่าให้ ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ ผมพูดมานี้คุณคงจะเข้าใจนะ” “ครับท่านเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเองคาดคำนวณไว้เช่น กันด้วยติดตามข่าวคราวเสมอๆ รู้สึกมันทะแม่งๆชอบกลอยู่ บัดนี้ผม ได้แบ่งกำลังออกเป็นสองฝ่ายไปแล้วครับ ทางหนึ่งทำตามปกติอีก ทางหนึ่งผมซุกซ่อนไว้คอยจังหวะเช่นกันครับท่าน” “ดีแล้วล่ะที่ผมมองคนไม่ผิดตั้งแต่คุณสำเร็จมาใหม่ๆแล้ว ผมเช็ค ประวัติอุปนิสัยต่างๆของนร.ทั้งหมด เห็นมีแต่คุณและไม่กี่คน เท่านั้นที่พอจะไว้ใจได้ จึงเรียกมาเป็นการส่วนตัวและแยกย้ายกัน ทำงานพร้อมทั้งยังกำชับไว้ด้วย ไม่จำเป็นอย่าเผยตัวเองเด็ดขาดให้ ขึ้นตรงต่อท่านผมและผู้ช่วยนี้เท่านั้น ส่วนด้านบนเป็นหน้าที่พวก ผมที่จะดำเนินการเอาเอง เหตุการณ์ตอนนี้เป็นเวลาช่วงแห่งการ จะเปลี่ยนแปลงไป สายผมรายงานส่งตรงมายังผมสอดคล้องกัน ระยะนี้กระแสการเมืองกำลังรุนแรงมากผิดธรรมดา ถึงแม้ว่าเราจะ เป็นหน่วยหนึ่งแต่กำลังอาวุธกำลังพลไม่เพียงพอ จึงต้องดำเนินการ ทั้งทางตรงและทางอ้อมเสีย” “ครับผมเข้าใจครับ แล้วท่านแจ้งอะไรมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ล่ะ ครับ เพื่อผมจะได้รีบดำเนินการตามนโยบายท่านครับ” “ท่านสั่งเพียงเท่านี้ที่ไม่ให้คุณเข้าไปหาก็เกรงว่าจะล่วงรู้ไปยังฝ่าย ตรงกันข้ามจึงให้ผมมาคอยดักคุณไว้ก่อน และท่านรู้นิสัยคุณว่าเป็น อย่างไร ท่านจะเสียหายหากไม่สั่งไว้คุณก็จะลาออกไปเสีย ก็จะทำให้ ประชาชนยิ่งเดือดร้อนยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก” “อ้อๆๆๆอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้ยาเสพย์ติดกำลังระบาดหนักมาก ด้วยเบื้องหลังเป็นคนใหญ่โตเกือบทั้งสิ้นทั้งด้านการเมืองและการ ทหารเพื่อหวังอำนาจด้วยทางการเงิน เมื่อคุณได้รับคำสั่งแต่งตั้งแล้ว คุณจะต้องดูแลเขตเพิ่มเติมอีก ผมจะแจ้งให้ทราบภายหลังนะ” “ครับผมจะทำตามคำสั่งท่านทุกๆประการครับ” “เอาล่ะผมไม่อยากมีหนังสือถึงคุณหรือทางสื่อสารอื่นด้วยจะมี การแอบฟัง ผมกับผู้ช่วยตอนนี้ต่างระวังกันตัวแจไม่กล้าเสี่ยงอะไร จึงเรียกคุณมารับทราบคำสั่งเท่านั้น หากเข้าใจแล้วเชิญกลับได้แล้ว หากอยู่นานจะเกิดการสงสัย ด้วยที่นี่เต็มไปด้วยสายสืบฝ่ายตรงข้าม มาก ผมรู้แต่ทำอะไรไม่ได้หรอก คุณแต่งตัวมาแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้ ไม่ต้องเป็นที่สังเกตุของใครๆเขา อ้อคุณนิวัฒน์ไม่ต้องออกไปส่ง นะจะทำให้เป็นที่สงสัยได้” “ครับผ๊ม ทั้งสองรับคำพร้อมๆกัน” “คุณโชติออกไปก่อน ส่วนคุณนิวัฒน์คอยสักพักจึงกลับได้นะ” “ครับท่าน” แล้วชายหนุ่มก็ยืนขึ้นยกมือไหว้ท่านรองและผู้ช่วยก้าวออกเดิน ผลักประตูห้อง แล้วหันไปยิ้มกับตำรวจหน้าห้องที่เงยหน้ามองอย่าง สงสัย ชายหนุ่มแกล้งเปรยๆว่า “ผมมาขอความช่วยเหลือท่านรองครับท่าน เกี่ยวกับงานบางอย่าง ครับ” “นั่นซิเห็นเข้าไปเดี๋ยวเดียว อ้อสำเร็จไหมล่ะ???....” “ไม่รู้ซิครับ ท่านบอกว่าจะดูๆให้แต่ไม่ยอมรับปากอะไรเลย งานนี้เกี่ยวกับการช่วยเหลือคนที่ถูกคุมขังไว้” “ ผมขอให้คุณสำเร็จก็แล้วกัน เชิญได้ครับ” แล้วนายตำรวจคนนั้นก็นั่งทำงานต่อไป โดยไม่สนใจเขาอีกเลย ครั้นเมื่อชายหนุ่มออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้วก็ระบาย ลมออกมาทันที ชายหนุ่มคิดเหมือนดังเหตุการณ์ที่เขารู้ล่วงหน้าไว้ ไม่ผิด ประจวบกับเป็นจังหวะที่เขาได้เจ้าเปล่งมาช่วยดำเนินการด้วย ดังนั้นชายหนุ่มจึงสบายใจ เมื่อถึงที่พักโรงแรมแล้วก็รีบจัดการเก็บ เข้าของ เช็คบิลรายจ่ายทั้งหมด รีบเดินทางกลับหมู่บ้านโคกอีกแร้ง ทันที............ ๐ แก้วประเสริฐ. ๐
2 พฤษภาคม 2554 19:26 น. - comment id 123610
สวัสดีค่ะท่าน...
3 พฤษภาคม 2554 13:14 น. - comment id 123616
คุณ ทางแสงดาว สวัสดีครับ....คิดถึงอยู่เสมอยามที่เธอมา ใกล้ คิดถึงอยู่เสมอชวนละเมอฝันใฝ่ คิดถึงอยู่เสมอหากเธอมาแรมร้างไป คิดถึงอยู่เสมอเธอปล่อยฉันเดียวดาย....ฮ่าๆๆๆๆ ล้อเล่นหน่อยจ้า ฟังเพลงนี้พอดีเลยครื้ม ใจ มาล้อคุณหญิงแสนสวยไว้จ้า แต่ร้องจำเนื้อไม่ได้เลยมาแต่งเองอิอิ คิดถึงอยู่เสมอรักเธอมากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 พฤษภาคม 2554 17:09 น. - comment id 123618
มาติดตามงานต่อครับครู บทนี้ ยาวดี จังครับ
3 พฤษภาคม 2554 17:29 น. - comment id 123619
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา ตอนนี้ยาวเพราะครูจะสลับ ไปเพราะเป็นการเกริ่นเพื่อต่อในสิ่งในสิ่ง สนุกหากเขียนไม่สลับกันนั้นคนอ่านจะไม่ เข้าใจในการต่อเนื่องจ้า การเขียนเรื่องสั้นๆ นั้นไม่จำเป็นแต่หากเป็นนิยายนั้นจำเป็นมาก ในการเขียนนะ พยายามฝึกหัดเอาไว้เบื่อ กลอนก็มาหัดการเขียนนี้ไว้ ซ้ำเมื่อนานๆ เข้ายังสามารถนำไปขายได้อีกด้วย ก่อน นี้เคยมีคนมาติดต่อแต่ครูอ้างปลึกตัวไม่ อยากจะผูกพัน ครูชอบแบบไปเรื่อยๆไร้ สิ่งผูกพันใดๆจ้า อีกอย่างเรื่องเดือดร้อน ก็ไม่มีแก่ก็แก่แล้วไม่อยากจะยุ่งยากนัก เพียงแค่คิดเล่นๆสนุกๆเท่านั้นเอง ไม่ต้อง การจะมีชื่อเสียงอย่างไร เพียงแค่ผ่านไป ในสิ่งสนุกวันๆหนึ่งเท่านั้นเอง รักศิษย์ เรามากเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
4 พฤษภาคม 2554 10:43 น. - comment id 123621
หวัดดีครับ ไม่ได้เข้าบ้านกลอนหลายวัน..เพราะไปต่าง จังหวัดมา..เข้ามาวันนี้..เจอ อทิสมานกาย 87 ก้อเข้ามาอ่านโดยพลัน..ด้วยความฉ่ำใจ อ่านได้อิ่มใจ.จุใจ.เพราะค่อนข้างยาวครับ ขอบคุณครับ
4 พฤษภาคม 2554 13:55 น. - comment id 123622
คุณ เอื้องอังกูร เที่ยวต่างจังหวัดนั้นผมชอบมากครับ ก่อนนี้ปีหนี้อย่างน้อยต้องไปสัีกครั้งไปหา อากาศบริสุทธิ์ตามท้องทุ่งป่าเขาลำเนาไพร เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ชื่นฉ่ำไว้ ผมเรียกว่า เป็นการฟอกปอดครับ ด้วยอยู่กรุงเทพฯนั้น ล้วนแล้วแต่หมอกควัน ก่อนนั้นผมอยู่แถว ยานนาวาเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิดผัก ผลไม้ต่างๆ ชื่นหัวใจดีแท้พอยุคเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้หายไปหมดเป็นตึกรามรถรา เจริญรุ่งเรืองมาก ผมก็หนีมาซื้อบ้านที่ ดินแถบชานเมืองตอนนั้นผมเลือกซื้อ แถวท้องนา แม้จะยุงมากๆแต่อากาศนั้น สุดยอดเลยครับทั้งวันทั้งคืน เอาล่ะซิ ก็ความเจริญเข้ามาท้องนาหายไปหมด เป็นหมู่บ้านตึกสูงๆใหญ่ถนนขยายขึ้น บ้านผมอยู่ติดกับถนนสองด้านฝุ่นด้วย เป็นหัวมุมผมก็ปลูกต้นไม้ใหญ่แทนทัน ทีเช่นมะม่วงรอบบ้าน หนอนอะไรไม่รู้ ตัวโตเท่านิ้วก้อยได้ครับมันมีเขี้ยวปาก ดำกินตายเกือบหมดเหลือต้นเดียวผม ก็ไปเก็บฝักคูณมาปลูกแทน ตอนนี้โต ออกดอกบานสะพรั่งสวยงามผมชอบ ปลูกต้นไม้ต่างๆโดยเฉพาะต้นไม้ไทย มีกลิ่นหอม ฟุ้งไปหมดจนเขาเรียกบ้าน ผมว่าบ้านผีสิง อิอิ ด้วยครึ้มไปทั่วๆเลย แทบจะมองไม่เห็นตัวบ้านครับ ต่อมา นกมันไปกินแล้วขี้เอาเมล็ดมาทิ้งไว้ขึ้น มาอีกทีนี้ล่ะต้องตัดทิ้งมันใหญ่เกินไป ครับ เสียเงิืนจ้างเขาอีกจะตัดหรือก็ไม่ ไหวเสียแล้ว เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ผมพยายามจะเขียนให้ยาวขึ้นไปครับ แต่ช่วงตอนนี้หากเว้นไปก็จะเสียอรรถรส ไปครับ แล้วก็เพลินไปพอนับขึ้นหน้า กระดาษมันมากกว่าปกติไปสองสามช่วง ก็เลยดูยาวไปครับ ขอบคุณรักมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
5 พฤษภาคม 2554 15:52 น. - comment id 123632
หวัดดีครับ คุณแก้วประเสริฐ..ชอบเที่ยวภูเขาลำเนา ไพรหรือครับ...หากมีโอกาสขอเรียนเชิญร่วม เดินทางกับคณะผมนะครับ..กลุ่มผมชื่อว่า.. กลุ่มปันน้ำใจ..เพื่อเพื่อไทยในชนบท.. กิจกรรมกลุ่มคื่อ..การระดมทุนจากผู้ใจดี ทั้งหลายแล้วนำไปสร้างอาคารเรียน..ห้องส้วม โรงเลี้ยงไก่ บ่อเลี้ยงปลา (อาหารกลางวัน)ทุน แปลงเกษตร ให้แก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร บนดงดอย..ที่ไม่มีแม้แสงไฟฟ้า...ค่ำลงมามี แต่แสงเดือนดาว...หลายคนในบ้านกลอนเคยไปสัมผัสมาแล้ว..และอีกหลายคนก้อไป อย่างต่อเนื่อง...ปีนี้เราจะไปที่..บนดอยสูง จังหวัดแม่ฮ่องสอน..ผมไปสำรวจมาแล้ว... ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านกันดารมาก.. หากพอมีเวลาไปด้วยกันนะครับ.ช่วงระดมทุนเดือนกันยา-ตุลา ก่อสร้างเดือนพ.ย.แล้ว เดินทางไปมอบโรงเรียนช่วง2-6 ธ.ค54 ครับ.. ไปสัมผัสอากาศหนาวๆ..ป่าๆ ไปกางเต้น นอนกลางดินกินกลางป่า..ได้บรรยากาศมาก ครับ..เพื่อนๆจะรวมเดินทางกว่า 50 ชีวิตครับ หากไม่ติดภาระกิจอะไร..ก้อวางแผนไปด้วย กันครับ..ชวนเพื่อนพ้อง..น้องพี่ไปด้วยก้อได้ ครับ...ไปเติมเต็มให้กับน้องๆในชนบทถิ่นป่า เขา..และไปใช้ชีวิตแบบธรรมชาติเดิมๆครับ กิจกรรมนี้กลุ่มผมทำมาตั้งแต่ปี 2536 ถึง ปัจุบันครับ...ทำทุกปี..เดินทางไปทั่วดงดอย.. และอีสานถิ่นทุรกันดารครับ
5 พฤษภาคม 2554 16:34 น. - comment id 123633
คุณ เอื้องอังกูร เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากครับได้กุศลอีก ด้วยครับ แต่สภาพร่างกายผมไม่ไหวเสียแล้ว ที่เล่าให้ฟังสมัยยังหนุ่มๆอยู่ผมชอบมาก ต้องไปทุกๆปีครับ แต่นี่อายุมากเข้าเจ็ดสิบ แล้วซ้ำเป็นโรคแพ้อากาศอีกด้วยครับ ขอคิดดูก่อนนะครับปีที่แล้วพวกลูกๆ เขาก็ไปเที่ยวดอยตุงมา ผมไม่ได้ไปด้วย แพ้อากาศหนาวๆมากด้วยโรคดังกล่าว หาก เป็นหนุ่มผมไม่เคยขัดใครเลยครับ แต่สภาพร่างกายตอนนี้ทรุดโทรมมาก ขนาดบริหารร่างกายทุกๆวันเช้าก่อนนอน ตื่นขึ้นมายังปวดเมื่อยไปทั่วร่างกายต้อง รีบบริหารขยายเส้นไว้จึงค่อยยังชั่วครับ คุณนี่ใจกุศลมากจริงๆครับขออนุโมทนา ด้วยนะครับ ยายอิมเขาก็เป็นลักษณะ เดียวกับคุณเหมือนกันชอบทำบุญโรงเรียน โดยจัดขึ้นเป็นประจำผมเคยไปร่วมงาน แต่ปีที่แล้วไม่ได้ไปเนื่องจากสภาพดัง กล่าวทรุดโทรมมากครับ ใจนะคิดไปพอ ใกล้ๆไม่ไหวสู้กับสภาพร่างกายไม่ได้ ถึงอย่างไรผมก็ขอขอบคุณในน้ำใจดีงาม มากของคุณครับ หากผมดีๆจะไม่ขัด เลยครับ ผมเที่ยวมาเกือบทุกๆภาคมาแล้ว ทั้งในเมืองและในป่าเขาลำเนาไพรเสมอๆ หากย้อนไปผมจะเขียนกลอนเกี่ยวกับ ป่าทุ่งนามากๆไว้ครับ ด้วยมันอยู่ในสาย เลือดผมมากๆ ใจนะสู้แต่สังขารไม่ อำนวยครับ ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะ ครับ หากจะให้ช่วยเหลือในสิ่งพอจะช่วย ได้บอกได้เลยครับ ขอบคุณมากนะครับ รักมากเสมอๆครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤษภาคม 2554 08:54 น. - comment id 123668
หวัดดีครับ แม้กายไม่ได้ไป..แต่ใจร่วมก็สุดยอดครับ เปนกำลังใจให้กลุ่มผมครับ ในกลุ่มของผมมีท่านอาวุโสอยู่ 1 ท่านครับ อายุก้อประมาณ 67 ปีครับล่าสุดเราก้อไป สำรวจมาด้วยกันครับท่านเปนคนชอบอากาศหนาวก้อเลยสามารถครับ คุณอิมและกลุมก้อเคยไปร่วมกับกลุ่มผมครับและผมเองก้อเคยไปร่วมงานกับเธอ และคิดว่าผมน่าจะเคยเห็นท่านนะครับ คุณอิมเขาจัดช่วงสิงหา กันยา กลุ่มผมจัดช่วง ธันวาคมครับ เราไปลุยที่กันดารสุดๆเท่าที่ผมเคยไปมา ที่อำเภออมก๋อย..ดินแดนดงดอยที่หมอแปะ ผีบ้าอมก๋อย(เทพเจ้าแห่งคนดอย)ที่เคย ออกรายการ คนค้นคน นะครับ และไปที่เชียงของ เชียงราย ขอบคุณล่วงหน้าครับสำหรับงานเขียน เกี่ยวกับภูเขาลำเนาไพร...ผมชอบมาก ผมอ่านเพชรพระอุมา..3 รอบแล้วครับ จยจำตัวละครเกือบทุกตอน..และผมเอง รู้จักตังละครในเพชรพระอุมาเสมือนเปน เพื่อนกันเลยครับ อยากอ่านผลงานของคุณแก้วประเสริฐ เกียวกับป่าเขาเสียแล้วครับ...แต่เรื่อง อทิสมานกายก้อ..มีความสนุกและลึกลับไม่ แพ้เพชรพระอุมาเลยนะครับ
6 พฤษภาคม 2554 13:11 น. - comment id 123672
คุณ เอื้องอังกูร หากไปงานยายอิมก็ต้องเห็นผมบ้าง แหละครับพึ่งขาดงานเขาครั้งสองครั้งเท่า นั้นเองครับ นอกนั้นไม่ขาดครับ แต่ผมเป็น คนแปลกนะคือว่าพอลงจากรถจะหายไป ไม่ค่อยอยู่ร่วมหรอกครับ ไปเดินชมป่าเขา หากเป็นหมู่บ้านก็ไปเที่ยวเดินดูการทำมา หากินของเขาถ่ายรูปไปด้วยครับ เสียดาย เครื่องไปล้างมาหายหมดเลย ส่วนในกล้อง เมื่อลงแล้วก็ลบหมดครับ จะเห็นภาพ ผมที่ไปที่อุบลมา ไปเที่ยวที่ห้วยมาครับ เรื่องลุ่มลึกอิสราวดีนั้นตอนแรกๆ ผมจะเขียนในแนวป่าเขาลำเนาไพรก่อน ไปเป็นกษัตริย์ไว้ครับ ลองย้อนกลับไป อ่านดูซิครับผจญลิงช้างสัตว์อะไรต่อ อะไรอีกครับ ผมผสานกันไว้เสียดายว่า เกรงใจเขาจึงเร่งเขียนไว้ครับ หากตอน นี้เขาไม่ว่าอะไรเรื่องนี้จึงยาวกว่าทุกๆเรื่อง ที่เขียนมาครับ ขอบคุณร่วมอนุโมทนา งานอิมอาจจะได้รู้จักกันอีกนะครับเพราะ อิมเขารู้ว่าสุขภาพผมไม่ค่อยดีจะคอย ห่วงใยเสมอๆครับ คราวก่อนก็ให้พักกับ คุณหมอด้วยครับไปไหนมีหมอสองคน ตามประกบ หากไม่ก็ยายก๋อยคอยดูแล ให้ครับ ขอบคุณมากครับรักเสมอครับ หากจบเรื่องนี้ได้ อ่านแน่ครับเรื่องผจญ ภัยอาจจะลึกลับมากด้วย เวลาผมว่างๆ จะจินตนาการไว้ครับ ผมชอบเขียน หลายๆแนวๆในเรื่องเดียวกันครับ รักมาก เสมอครับ แก้วประเสริฐ.