สวรรค์และนรก...
คีตากะ
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
สิงคโปร์ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)
พวกเราอาจทำให้นรกเป็นเหมือนสวรรค์หรือความดีก็ได้ ฉันหมายความถึงพลังงานบวกที่ให้พลังงาน ในจักรวาลนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกสร้างมาจากพลังงานทั้งสิ้น และที่เรียกว่า “พลังแห่งการสร้าง” หรืออาจเรียกว่า “ผู้สร้าง” เพราะพลังงานได้อยู่กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ขณะนั้นพลังงานทั้งหมดได้แพร่กระจายไปทั่วทุกสถานที่ในจักรวาล และทำให้เกิดโลกที่แตกต่างกันและสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันด้วย สิ่งมีชีวิตก็จะมีสภาวะของความคิดและระดับสติสัมปชัญญะต่างกันและเนื่องจากการปฏิบัติซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดพลังงานชนิดใหม่ขึ้นอีก
พลังงานชนิดนี้ เราแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกเราเรียกว่า “พลังบวก” หรืออาจหมายถึงธรรมชาติของพระเจ้า อำนาจแห่งสวรรค์หรือธรรมชาติแห่งพุทธะ ประเภทที่สองเราเรียกว่า “พลังลบ” ความชั่วร้าย หรืออำนาจมืด หรือตรงกันข้ามกับความดี ขณะนี้ความดีและพลังบวกได้อยู่เคียงข้างกับพลังลบ เมื่อไรก็ตาม ที่สิ่งมีชีวิต เทวทูต เทวดา นางฟ้า หรือมนุษย์ในโลกนี้ ได้ทำความดีงาม มีความอดทนอดกลั้น มีความรักความเมตตาเกิดขึ้น และให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน พลังงานนี้ก็จะเป็นด้านดี เป็นอำนาจของพระเจ้าหรือพลังบวก ถ้าเราคิดดีมากขึ้น ความดีทั้งหลายก็เกิดมากขึ้น พลังบวกที่อยู่ในบรรยากาศของเรา ในโลกของเราก็เพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อเรามีความคิดรู้สึกเกลียดขึ้นมา มีความคิดไม่ดี หรือมีคำพูด หรือการกระทำที่เป็นแง่ลบ เท่ากับเราไปเพิ่มปริมาณพลังงานลบในบรรยากาศนั้น ซึ่งเราเรียกว่า อำนาจแห่งความชั่วร้าย อำนาจนี้จะทำให้เกลียดมากขึ้น ทำให้เกิดสงครามมากขึ้น และไม่กลมกลืนกับโลกของเรามากขึ้น หรือโลกใดๆ ก็ตามที่มีมนุษย์อาศัยอยู่
ดังนั้น มันเป็นเหตุผลที่พวกเราต้องสร้างความดีให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำ เพราะในความคิด การกระทำ หรืออะไรอีกนะ ใช่แล้ว การพูดด้วย เพื่อรักษาความดีที่เราได้เพาะมันขึ้นมา ดังในคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้ว่า “หว่านพืชเช่นใด ก็ได้ผลเช่นนั้น” และในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณกระทำความดี คุณย่อมได้รับผลดี ถ้าคุณกระทำความชั่ว คุณย่อมได้รับผลชั่ว” คัมภีร์ส่วนมากจะกล่าวไว้เหมือนกัน เพื่อจะก้าวไปสู่สวรรค์ มันเป็นความจริงเช่นนั้น ตอนนี้พวกเราก็ได้ทราบแล้วว่า ต้องหันหน้ากระทำแต่ความดีเพื่อเข้าสู่ส่วนที่เป็นบวกของโลก ยิ่งเราก้าวสู่ความดีมากเท่าไร เราก็ใกล้กับความดีมากเท่านั้น ยิ่งเราทำตนให้มีคุณสมบัติเป็นชาวสวรรค์มากเท่าไร เราก็ยิ่งเข้าใกล้สวรรค์มากขึ้นเท่านั้น แม้พลังลบจะปรากฏกับเพื่อนบ้านของเรา แต่จะไม่มีผลต่อเราเลย ตัวอย่างเช่น เราเปิดไฟไว้ในบ้าน ส่วนข้างนอกบ้านก็จะมืด แต่ถ้าเราก้าวเข้าไปในบ้านและอยู่ในนั้น เราก็สามารถที่จะอ่านหนังสือได้ ทำงานได้ เล่นได้ เราสามารถมองเห็นสิ่งที่เรารักที่อยู่รอบๆ ตัวเราได้ ความมืดที่อยู่ภายนอกไม่สามารถจะเข้ามาในบ้านได้เลย นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ และเป็นคำอธิบายขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับความดีและความชั่ว นรกและสวรรค์
ถ้าหากพลังลบมีความรุนแรงมากๆ มันก็จะสร้างบรรยากาศที่เข้มข้นขึ้นมาชนิดหนึ่ง ซึ่งใครก็ตามที่จมดิ่งลงไปโดยการกระทำของเขาหรือเธอเอง เขาก็จะได้รับประสบการณ์ที่เรียกว่า “ตกนรก” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความทุกข์ทรมานมาก ทำให้รู้สึกสำนึกผิด จนกว่าพวกเขาจะสลัดความคิดและการกระทำชั่วที่เคยทำไว้ได้ พวกเราควรหลีกเลี่ยงออกมา หลีกเลี่ยงจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมาน ซึ่งเรียกว่า “นรก” แล้วกลับตัวมาสร้างความดีตั้งแต่บัดนี้
สวรรค์มีอยู่ ๒ ชนิด ชนิดแรกคือสวรรค์แบบชั่วคราว และชนิดที่สองคือสวรรค์แบบถาวร สิ่งที่เรียกว่าสวรรค์ชั่วคราวนั้นคือการกระทำความดี ละเว้นความชั่ว และฝึกบำเพ็ญเพื่อล้างบาปทางศาสนา หรือมีความเชื่อในศาสนา หรือมีศรัทธาต่อพระเจ้า โดยการสวดมนต์ อ่านคัมภีร์ และพยายามใช้ชีวิตให้เหมาะสมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ส่วนสวรรค์อีกแบบหนึ่ง หรืออาณาจักร หรือที่เราเรียกว่า อาณาจักรชั่วนิรันดร์ของพระเจ้า เป็นแบบถาวร ชั่วนิรันดร ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งต้องการความพยายามมากกว่า และต้องการความกรุณาของพระเจ้า ธรรมชาติแห่งพระเจ้า หรือพระเจ้าที่อยู่ภายในของเรา...
Be Veg, Go Green 2 Save The Planet