ความแตกต่างระหว่างนักบุญและบุคคลธรรมดา..

คีตากะ

SP1.jpgปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
ซีแอตเทิล, วอชิงตัน, สหรัฐอเมริกา
๘ เมษายน ๒๕๓๖
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

       นี้คือหนังสือของจวงจื้อเล่มที่ ๓ ความลับของการเจริญเติบโต “ชีวิตมีขีดจำกัด แต่ความรู้ไร้ขีดจำกัด  สิ่งที่จำกัดแสวงหาสิ่งที่ไพศาลจึงไร้ผล” ชีวิตมีขีดจำกัด แต่ความรู้ไร้ขอบเขตจำกัด มันเป็รเพราะว่าชีวิตของเราเป็นสิ่งไม่ยืนยาว และถ้าเราใช้ช่วงชีวิตของเราทั้งหมดในการพยายามเรียนรู้สิ่งนี้และสิ่งนั้นในเวลาของโลกเรา นั่นหมายความว่า เรากำลังทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเชี่ยวชาญในสาขาแพทย์ เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเชี่ยวชาญในสาขาวิศกรรมไฟฟ้า และถ้าหากเราพยายามเรียนรู้สิ่งแล้วสิ่งเล่า เราจะเรียนไม่เคยจบในโลกนี้จริงๆ ยิ่งมากไปกว่านั้น ถ้าเราอยากใช้ชีวิตของเราแสวงหาปัญญา ซึ่งกว้างใหญ่กว่าความรู้ของโลกนี้ด้วยซ้ำ การกลายเป็นพุทธะมิได้วัดด้วยระดับความรู้ในไบเบิล คัมภีร์หรืออะไรก็ตามที่เครื่องมือทางโลกสามารถให้ได้ แต่เพียงค้นหาแหล่งความรู้อันกว้างใหญ่ของเธอกลับมาซึ่งมีอยู่แล้วภายในเรา แล้วเราจะรู้ และเราจะรู้ความรู้ของโลกด้วย
      ดังนั้น ตามที่เธอเห็นจากตัวอย่างของเธอเอง เธอไม่ทราบสิ่งมากมายมาก่อน หรือเธอไม่สามารถทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น แต่หลังจากประทับจิต หลังจากฝึกระยะหนึ่ง เธอค้นพบตัวเองว่า เธอทราบเรื่องราวต่างๆ มากมาย ใช่ไหม? (ใช่) เธอมีประสบการณ์ และฉันก็มีประสบการณ์ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อฉันแต่งเพลง เล่นเปียโน หรืออะไรแบบนั้น คนคิดว่าฉันได้เรียนมาหรือแม้แต่การออกแบบเสื้อผ้า ฉันไม่ได้เรียนในโรงเรียนใดๆ
      ความรู้นี้ แม้แต่ความรู้ทางโลก มีอยู่แล้วภายในเรา และถ้าเราเปิดประตูทั้งหมดแล้ว ทุกสิ่งจะอยู่ที่นั่นในแสงตะวัน ฉันไม่เคยไปโรงเรียนการแพทย์ แต่เมื่อเธอกำลังผ่าตัดหรือเมื่อเธอมีความทุกข์กับโรคภัยไข้เจ็บหรือบางสิ่ง พวกเธอมากมายเห็นอาจารย์มาช่วยเธอ และเธอหายดีอย่างรวดเร็ว ดีกว่าด้วยการรักษาทางแพทย์ธรรมดา นั่นเป็นเพราะภายในฉันมีความรู้ของความลับทางการแพทย์ พวกเรามากมายได้อยู่ที่นี่เป็นพันๆ แสนๆ ล้านปี และเราได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งได้รวบรวมภายในความทรงจำของเรา และเมื่อเราเปิดที่เก็บปัญญาทั้งหมด ทุกสิ่งก็อยู่ที่นั่น เราได้เรียนรู้ทุกสิ่งแล้ว! ไม่จำเป็นต้องเรียนมันใหม่อีก ทันทีที่เราได้เรียนรู้ทุกสิ่ง เราจะมีคุณวุฒิที่จะไปสู่การพัฒนาที่สูงขึ้นซึ่งคือสภาวะนักบุญ ซึ่งคือพุทธภาวะ
      แต่ที่จริงทุกสิ่งในจักรวาลถูกพิมพ์ภายในเมล็ดแห่งปัญญาแล้วก่อนที่จักรวาลทั้งหมดจะมีอยู่ด้วยซ้ำ ดังนั้น ทุกสิ่งที่เราพยายามเรียนรู้ในมุมหนึ่งจึงเป็นเพียงการสิ้นเปลืองเวลา ด้วยเหตุนี้คนจึงเรียกนักบุญว่าเจ้าแห่งหมอยาทั้งหมด เจ้าแห่งสิ่งนี้สิ่งนั้นทั้งหมด เพราะนักบุญทราบมากมายหลายสิ่ง พุทธะไม่เคยฝึกทักษะอภินิหาร แต่ท่านมีพลังอภินิหาร! พุทธะมิได้ฝึกความรู้ทางการแพทย์ แต่ท่านสามารถรักษาคนได้
      เช่นเดียวกันกับโรงเรียนของเรา เธอไว้ใจฉันเสมอกับอภินิหารมากมายในการรักษาโรค รู้ความคิดของเธอ ช่วยเธอเมื่อเธอมีความทุกข์ แต่สิ่งนี้มิใช่เรื่องสำคัญ ทุกสิ่งอยู่ภายในแหล่งปัญญา และถ้าเธอพยายามจำสิ่งนั้นทุกวันในการนั่งสมาธิของเธอ เธอจะฟื้นฟูความรู้ทุกสาขาภายใต้จิตสำนึก ซึ่งให้ปัญญาพิเศษเกี่ยวกับทุกสิ่ง แล้วเธอจะคิดว่า “เป็นไปได้อย่างไร? ฉันมิได้เรียนรู้สิ่งนี้ทั้งหมด ฉันรู้ได้อย่างไร?” ถ้าบังเอิญว่า ฉันมาติดต่อกับสถานการณ์ที่พิเศษ ซึ่งต้องการความรู้ที่ยากและเชี่ยวชาญ ทันใดนั้นเธอก็พบว่า เธอสามารถทำมันได้หรือถ้าเธอทำไม่ได้ เธอก็เพียงแต่ขอท่านอาจารย์ชิงไห่ทำอะไรก็ตามที่เธอต้องการให้สำเร็จ!
      พลังอยู่ภายในตัวเธออยู่แล้วขณะฝึก แน่นอน ถ้าเธอยังไม่เชี่ยวชาญในการใช้ปัญญาของเธอ แล้วเธอก็อธิษฐานให้อาจารย์ภายในช่วยเธอ ครูก็มีไว้เพื่อสิ่งนั้นเอง แต่ต่อมา เธอทำทุกสิ่งด้วยตัวเธอเอง มันเพียงแต่เหมือนเธอกำลังเรียนในฐานะผู้ฝึกงานกับช่างไม้ เป็นต้น และบางครั้งเธอพบความลำบากบางอย่างในบางมุม เธอยังคงไม่รู้ว่าจะทำอะไร ดังนั้นเธอจึงเรียกครูของเธอมา และแน่นอน ท่านจะช่วยเธอทันที แต่ต่อมาเธอจะรู้วิธีทำมันด้วยตัวเธอเอง
      ถ้าเราต้องการเรียนตลอดเวลาเกี่ยวกับทุกสิ่งในโลก เราไม่มีเวลา ดังนั้นมันจึงดีที่สุดที่จะเปิดขุมปัญญาของเรา และแล้วทุกสิ่งก็จะอยู่ที่นั่น ถ้าเธอต้องการภาคภูมิใจตัวเธอเอง ความยิ่งใหญ่ของเธอ แล้วเธอก็ควรจะภูมิใจอย่างถูกต้อง ถ้าเธอต้องการคิดว่า เธอยิ่งใหญ่มาก แล้วคิดอย่างถูกต้อง รู้ว่าเธอยิ่งใหญ่จริงๆ ก่อนอื่นจงรู้แจ้ง และแล้วยิ่งอยู่ในระหว่างเวลาที่เธอกำลังเพ่งเสียงในสมาธิ ความคิดมา ความรู้และคำตอบมากมายหลั่งไหลออกมา นั่นคือการศึกษาสายตรง ไม่จำเป็นต้องให้ครูอยู่รอบๆ เพราะเราติดต่อภายใน นั่นคือเมื่อเธอรู้จริงๆ ว่า เรามีคำสอน “บางอย่าง”
      บทเรียนหรือการแสดงธรรมทางคำพูดทั้งหมดที่ฉันให้เธอเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยมากของมัน ๓๐% ของคำสอนของฉัน และ ๗๐% เธอเรียนด้วยความเงียบ ด้วยการนั่งาสมาธิ ด้วยการนอนของเธอ ขณะเธอนอน เธอจะถูกยกขึ้นไปสู่โรงเรียนที่สูงกว่า และไปศึกษาที่นั่น ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เธอนั่งสมาธิและเธอไม่เห็นอะไรมาก ปัญญาของเธอยังคงเพิ่ม ๑๐ เท่า ๒๐ เท่า ๑๐๐ เท่า ความรักเมตตาของเธอ ระดับของเธอในทุกด้านเพิ่มขึ้น มันเป็นเพราะคำสอนในความเงียบ
      ไม่มีอาจารย์ท่านใดเคยใช้คำพูดเพื่อทำให้ศิษย์รู้แจ้ง ถึงแม้ท่านอาจจะดูเหมือนพูดหรือสอนศิษย์โดยแสดงออกทางคำพูด นั่นมิใช่ทั้งหมด และทันทีที่เราถูกติดต่อภายใน เรามีคำสอนโดยตรงเสมอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงฉลาดขึ้น เธอกลายเป็นพหูสูตในทุกสิ่งมากขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่สถานการณ์มากถึง เธอจะรู้ว่าจะทำอะไร แม้ว่าแต่ก่อนเธอจะมิได้มีปฏิกิริยารวดเร็วเช่นนั้น บัดนี้เธอมีความสามารถ มันเป็นเพราะเธอเรียนกับอาจารย์ทุกวัน อดีต ปัจจุบัน และอนาคตก็เช่นเดียวกัน ระหว่างการนั่งสมาธิของเธอ ระหว่างการนอนของเธอ และ/หรือกิจวัตรประจำวันของเธอ เธอได้พระพรตลอด ๒๔ ชั่วโมง นั่นคือความแตกต่างระหว่างผู้ที่รู้แจ้งและผู้ที่ไม่รู้แจ้ง ระหว่างผู้ที่ประทับจิตและผู้ที่ไม่ประทับจิต
      บางครั้งตัวฉันเองก็ลืมความแตกต่างด้วย แต่ฉันมีโอกาสที่จะรู้จริงๆ และเธอมีโอกาสเสมอที่จะรู้ เพราะว่าเธอมีโอกาสมากขึ้นที่จะคบหากับคนทางโลกผู้ซึ่งมีความรู้สูงในสาขาของพวกเขา ผู้ซึ่งฉลาดมาก ผู้ซึ่งมีความสามารถมากมายหลายสิ่ง และผู้ซึ่งมีตำแหน่งสูงในสังคม เมื่อเธอติดต่อกับพวกเขา เธอรู้ถึงความแตกต่าง คนคนนั้นอาจจะไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ในพระสูตรจึงกล่าวว่า ต้องให้พุทธะเข้าใจพุทธะ ขณะเธอยังไม่เข้าใจตำแหน่งนักบุญของเธอเต็มที่ อย่างน้อยที่สุดเธอก็รู้ว่าเธออยู่บนหนทางความเป็นนักบุญ และเมื่อเปรียบกับผู้ที่ยังอยู่ต่ำกว่า ณ ที่นั้นหรือภายนอก เธอรู้ว่าเธอได้รับโดยการนั่งสมาธิในการบำเพ็ญของเธอเท่าไรในวิถีกวนอิม มิฉะนั้นจะไม่มีความรู้ การพูด หรือการบรรยายจำนวนใดจะทำให้คนมีคุณสมบัติเป็นนักบุญหรือรู้แจ้ง มันเป็นโลกต่างหากจริงๆ!
      ยกตัวอย่างเช่น เราเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ และบางโอกาสเราเล่นกับเด็กๆ และด้วยของเล่นของพวกเขา เราแกล้งสนุกสนานมากทำนองนั้น และเราอาจจะสนุกสนานจริงๆ ด้วย เราเล่นกับพวกเขา และพวกเขามีความสุข ดังนั้นเราจึงมีความสุขด้วย เราอาจจะจำวัยเด็กของเราได้ และเรามีความสุขพักหนึ่ง แต่ไม่มีผู้ใหญ่คนใดที่จะตกอยู่ในภวังค์ด้วยของเล่นของเด็กๆ เหมือนเมื่อเธอเป็นเด็ก เช่นเดียวกัน ผู้รู้แจ้งด้วยวิถีกวนอิมอาจจะดูเหมือนคนธรรมดาด้วยอารมณ์ของพวกเขาทั้งหมด บางครั้งความโกรธของพวกเขา และความล้มเหลวของพวกเขา แต่ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาไม่เคยจมเข้าไปในระดับนั้น หรือเป็นเวลานาน พวกเขาอาจจะรู้จักมัน แต่พวกเขาไม่จม พวกเขาทำมัน แต่พวกเขาจะไม่ตกอยู่ในภวังค์นั้นด้วย เหมือนเราเล่นกับเด็กๆ แต่เราไม่เคยติดยึดกับของเล่นมากเหมือนที่เด็กๆ เป็น เพราะเราโตแล้ว
      ในทำนองเดียวกัน ผู้รู้แจ้งในกลุ่มของเราดูเหมือนคนธรรมดา แต่พวกเขาไม่ธรรมดา เธอรู้สิ่งนั้นดีมากใช่หรือไม่? (ใช่) ฉันดีใจที่เธอรู้ บางครั้งเธอต้องเตือนฉัน เพราะฉันไม่รู้ ฉันดูทุกคนเป็นนักบุญ แล้วบางครั้งฉันก็ค้นพบสิ่งนั้น “โอ ใช่ พวกเขาเป็นนักบุญ แต่พวกเขาเป็นนักบุญที่อวิชชา” เหมือนเด็กๆ ที่บางครั้งที่เติบโตสูงใหญ่มาก เด็กๆ บางคนใหญ่กว่าฉัน อ้วนกว่าและสูงกว่า และมองจากไกลๆ หรือจากรูปโฉมภายนอก เราคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ จนกระทั่งเราพูดกับเขา “โอ เขาอายุเพียงแค่ ๑๐ ขวบเท่านั้น!”
      บางครั้งชาวโลกดูเหมือนฉลาดมาก แต่นั่นมิใช่การรู้แจ้ง ไม่ลึกซึ้ง เธอพูดด้วยเล็กน้อย และแล้วเธอก็ค้นพบความแตกต่าง ดังนั้น ถ้าเธอมีความสงสัยเกี่ยวกับการรู้แจ้งของเธอและเกี่ยวกับระดับความเข้าใจของเธอ เธอก็ลองไปพูดกับผู้คนภายนอก อย่าอธิษฐานตลอดเวลาว่าเธอจะขอพบแต่ผู้ที่เหมือนกับนักบุญ มันไม่เป็นไรที่จะพบคนที่ “ไม่เหมือนนักบุญ” มันดีสำหรับเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าเธอได้ก้าวหน้าไปเท่าไร สีขาวจะเด่นมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสีดำ ถ้าทั้งโลกเป็นสีขาว จะไม่มีผู้ใดเคยคิดว่ามันเป็นสีขาว เพราะมันถูกถือว่าเรื่องนั้นมันเป็นของธรรมดาที่จะเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อมันถูกเชื่อมผนึกกับสีดำ เราจะรู้ว่ามันเป็นสีขาว เช่นเดียวกัน ถ้าเรามิได้ติดต่อกับผู้อื่นบางครั้ง เราจะไม่เคยรู้แน่นอน ดังนั้นมันจึงดีสำหรับเราด้วยที่จะอยู่กับคนจำนวนมาก มันไม่เป็นไร
      จงยอมรับสถานการณ์อะไรก็ตาม แล้วเธอก็เรียนรู้จากมัน มิฉะนั้นเธอจะรู้ได้อย่างไร? เธอได้ลืมว่ามันเป็นประโยชน์ในวงจรความเป็นนักบุญอย่างไร มันแตกต่างเพียงเส้นผมเดียวเท่านั้น ประตูถัดไปนั้นสว่างไสวมาก แต่ทันทีที่เธอก้าวเข้าไป เราจะเปลี่ยนแปลงตลอดไป ไม่ว่าเธอยืนที่ประตูหรือเธอเคลื่อนต่อไปในมิติที่สูงกว่า ก็จะแตกต่างอย่างสมบูรณ์!  แน่นอน เรายิ่งเดินหน้าต่อไป เรายิ่งค้นพบมากขึ้น และนั่นทำให้ชีวิตของเราแตกต่าง!....

Ching%20hai.jpgBe Veg, Go Green 2 Save The Planet				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน