อดีตชาติและชาติปัจจุบันของหมู....
คีตากะ
โดยซิ เซียว ลัน แห่งราชวงศ์ ชิง เชง ลอง
คัดมาจาก “OBSERVE ALL, THATCH HUT NOTE”
กาลครั้งหนึ่ง มีพระแก่รูปหนึ่งได้เดินผ่านมายังโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาและแล้วก็ได้กล่าวถึงอดีตชาติของเขา “เรื่องราวนั้นนานมาแล้ว ฉันจำได้ว่าเมื่อสองชาติที่แล้ว ชาติหนึ่งฉันเป็นคนขายเนื้อ ดำรงชีวิตด้วยการฆ่าสัตว์ แล้วก็ตายตอนอายุสามสิบปี ดวงวิญญาณได้ถูกนำไปโดยยมทูตมากมายพาไปยังนรก การติดสินข้อหาในโทษของการฆ่านั้นบาปหนาสาหัส ยังผลให้ดวงวิญญาณต้องกลับลงไปในนรกชดใช้ความทุกข์ทรมาน ฉันรู้สึกมึนงงและไม่มีสติสัมปชัญญะ ราวกับเมาเหล้าหรืออยู่ในความฝัน รู้สึกเพียงว่าในหัวของฉันนั้นร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหว ในช่วงเวลานั้นฉันได้แต่ปลอบตัวเองว่า ช่างราวกับการเป็นหมูและเกิดใหม่เป็นหมู ช่างเหมือนกับการเป็นหมูที่ล้างนิสัยเดิมๆไปแล้ว ฉันพบว่าผู้คนมักจะนำอาหารที่สกปรกส่งกลิ่นบูดเน่ามาเลี้ยงฉัน ฉันรู้ดีว่าอาหารนั้นไม่สะอาดเลยและพยายามที่จะยับยั้งตัวเองจากการกินนั้น อย่างไรก็ตามฉันก็ไม่สามารถจะทนทานต่อความหิวได้ และอวัยวะภายในต่างๆ ของฉันก็ทุรนทุรายราวกับไฟแผดเผา ฉันไม่มีทางเลือกอื่นใดเลยจำต้องกินอาหารที่สกปรกนั้นเพื่อประทังชีวิต และด้วยการค่อยเป็นค่อยไป ฉันก็เรียนรู้ภาษาของหมูและสามารถพูดคุยกับเพื่อนๆ หมูของฉันได้ อันที่จริงแล้วมีหมูมากมายที่สามารถจำได้ว่าเคยเป็นคนมาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขาเกิดเป็นหมูเท่านั้น ซึ่งมีภาษาที่แตกต่างจากคนและไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ ในเวลาที่กำลังจะถูกฆ่าจะช้าหรือเร็วพวกมันก็จะรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น พวกมันทั้งหมดก็จะโศกเศร้าร้องคร่ำครวญ น้ำตาคลอ”
“ในเวลาเป็นหมูนั้น ร่างกายของเราช่างอุ้ยอ้ายได้รับความยากลำบากในการเดิน ในเวลาที่ฤดูร้อนมาถึง พวกเราจะหวาดเกรงต่อความร้อนและแช่ตัวลงในขี้โคลน เพื่อทำให้เย็นสบายขึ้น จะอย่างไรก็ดี การทำตัวเลอะเทอะเช่นนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเสมอไป ขนที่หนา แข็งกระด้าง หรอมแหรมของพวกเราทำให้เราหวาดหวั่นต่อความหนาวเย็นในฤดูหนาว แล้วลองดูขนที่หนาฟูนุ่มของสุนัขและแกะราวกับไหมพรมบนร่างกาย พวกเราคิดว่าสุนัขและแกะนั้นเป็นสัตว์ที่ได้รับการทะนุถนอมจากสวรรค์”
“ในเวลาที่จะถูกนำไปเชือดนั้น แม้ว่าเราจะรู้ตัวแต่ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ เรายังคงดิ้นรน วิ่งเต้นและพยายามจะหลบหนี ในไม่ช้าคนฆ่าสัตว์ก็จับพวกเราได้ เขาจะกดและจับเราไว้ แล้วมัดคอและขาทั้งสี่ด้วยเชือก ด้วยเชือกที่มัดไว้อย่างแน่นหนาเสียจนสัมผัสถึงกระดูกของพวกเรานั่นเองทำให้เจ็บปวดมากราวกับถูกเฉือนด้วยมีด
และแล้วเราก็จะถูกขนส่งไปบนเรือหรือไม่ก็เกวียน พวกหมูๆ ทั้งหลายก็จะเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่อย่างหนาแน่นกระทั่งซี่โครงแทบหัก กระแสเลือดไม่อาจไหลเวียนได้โดยง่าย และท้องเราก็ถูกเบียดจนปูดเป่งแทบจะปริแตกเอาได้ ในบางครั้งผู้คนก็จะขนหมูมากมาย โดยแขวนพวกเราไว้ตามเสาไม้ไผ่ซึ่งทำให้เรารู้สึกปวดรวดร้าวมาก ในความรู้สึกขณะนั้นพวกเราปรารถนาจะตายเสียยังดีกว่า
เมื่อมาถึงโรงฆ่าสัตว์ พวกเราจะถูกโยนไปที่พื้น แล้วหัวจิตหัวใจกับอวัยวะภายในนั้นเต้นเร่าๆ ราวจะระเบิดออก บางครั้งพวกหมูนี้จะตายลงเนื่องจากการได้รับบาดเจ็บและบอบช้ำ และบางครั้งพวกหมูก็จะถูกมัดเอาไว้หลายวัน ที่ซึ่งมีมีดและท่อนเขียงอยู่ทางซ้าย และหม้อใหญ่ต้มน้ำลวกเดือดอยู่ทางขวา คิดดูแล้วกันว่าจะทรมานซักเท่าไร ถ้าต้องถูกเชือดด้วยมีดแล้วก็ลวกในน้ำเดือดนั้น พวกเราไม่สามารถจะหยุดอาการหวาดหวั่นสั่นเทาได้ บางครั้งเมื่อเราคิดถึงตอนที่ถูกชำแหละออกเป็นส่วนๆ แล้วกลายเป็นส่วนประกอบในหม้อซุปในครัวในครัวของใครๆ พวกเราก็รับรู้ถึงโศกนาฏกรรมในความสิ้นหวังของพวกเรา
ตอนที่ฉันกำลังจะถูกนำไปฆ่า ฉันรู้สึกตื่นตระหนกและวิงเวียน ในไม่ช้าฉันก็ถูกคว้าตัวไปโดยคนฆ่า ขาทั้งสี่ของฉันอ่อนปวกเปียก หัวใจเต้นโครมครามราวฟ้าถล่ม แล้วดวงวิญญาณก็รู้สึกราวกับหลุดออกไปจากส่วนบนของหัวฉัน เมื่อฉันถูกวางลงบนท่อนเขียง ฉันไม่กล้าจะเหลือบมองประกายคมมีดนั้น ดังนั้นก็ได้แต่หลับตาและรอคอยเวลาที่คอจะถูกเชือด คนฆ่าจะเชือดคอของฉันก่อนจากนั้นก็กระดกขอบมีดให้เลือดไหลลงไปที่หม้อ ความทรมานนั้นช่างเหลือเกินคำบรรยาย ก็ในเมื่อฉันไม่สามารถจะตายในเวลาสั้นๆ ได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือการร้องอย่างโหยหวน หลังจากที่เลือดแห้งเหือด คนฆ่าก็จะแทงไปที่หัวใจของฉันด้วยมีด ซึ่งทำให้ฉันเจ็บปวดเข้ากระดูก แต่ก็ไม่สามารถจะร้องออกมาอีกแล้ว และแล้วฉันก็รู้สึกอยู่ในความงงราวกับมึนเมาในฝัน ซึ่งมันเหมือนกับความรู้สึกของการเกิดใหม่
เป็นเวลานานต่อมา ฉันมองเห็นตัวเองและพบว่าดวงวิญญาณของฉันได้กลับไปยังนรก การตัดสินในนรกนั้นตัดสินให้ฉันไปเกิดเป็นมนุษย์ หลังจากที่พบว่าฉันได้ทำความประพฤติดีไว้เมื่อชาติก่อนๆ พอมาถึงชาตินี้เมื่อฉันเห็นว่าหมูกำลังจะถูกเชือด ช่างเป็นความทุกข์ทรมานโศกเศร้าเหลือเกิน ฉันคิดไปถึงความจริงที่คนซึ่งเป็นคนฆ่าหมูจะได้รับทุกข์ทรมานในชะตากรรมเดียวกันในอนาคต และแล้วฉันจึงคิดย้อนถึงตัวเอง ความคิดทั้งสามผสานเข้าด้วยกันในความรู้สึกและฉันก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้”
หลังจากที่พระแก่ได้บอกเล่าเรื่องราวของเขาแล้ว คนฆ่าหมูได้ฟังดังนั้นก็ทิ้งมีดลงกับพื้น และได้เปลี่ยนอาชีพของเขาใหม่ไปขายพืชผักแทน
ความโกรธแค้นของหมู(วิทตี้ เฮียร์เชย์)
เมื่อถึงคราวที่คนฆ่าหมูตายลง ที่ซึ่งห่างออกไปสี่ถึงห้ากิโลเมตร ก็มีหมูตัวหนึ่งเกิดออกมา เจ้าหมูตัวนี้ก็จะกลับไปยังบ้านของคนฆ่าหมู ไปนอนอยู่ที่นั่นและก็ไม่ยอมจากไปไหน หลังจากที่เจ้าของมานำตัวมันกลับไป มันก็ยังหนีมาอีก ดังนั้นเจ้าของของมันจึงคุมขังมันเอาไว้และไม่ยอมให้มันไปไหนมาไหนอีก เขาสงสัยอย่างยิ่งว่าเจ้าหมูตัวนี้คงเป็นคนฆ่าหมูกลับชาติมาเกิด
คนฆ่าหมูอีกรายหนึ่งได้ตายลง หนึ่งปีครึ่งหลังจากนั้นภรรยาของเขากำลังจะแต่งงานใหม่ เมื่อเธอได้สวมชุดแต่งงานที่สวยงามและล่องอยู่บนเรือ ทันใดนั้นหมูตัวนั้นก็วิ่งออกมาขวาง และจ้องเขม็งมาที่เจ้าสาวด้วยสายตาที่เบิกกว้างอย่างโกรธแค้น แล้วมันก็กัดกระชากชุดของเจ้าสาวจนขาดวิ่น และกัดเข้าที่ส้นเท้า ผู้คนพากันปกป้องเจ้าสาวไว้แล้วก็จับเจ้าหมูโยนลงน้ำไป ฉะนั้นเรือจึงสามารถหันหัวแล่นออกไปได้ และที่ไม่คาดคิดคือพอเจ้าหมูขึ้นถึงฝั่งมันก็วิ่งติดตามเรือไปอีก พอลมพัดแรงขึ้นก็พัดพาเรือห่างฝั่งออกไปไกล เจ้าหมูจึงกลับมาด้วยความเศร้าสร้อย ผู้คนพากันสงสัยด้วยว่าเจ้าหมูตัวนั้นคือคนฆ่าหมูที่กลับมาเกิด และที่มาขัดขวางงานแต่งงานก็เพราะว่าภรรยาของเขา (หมู) กำลังแต่งงานใหม่นั่นเอง
ยังมีคนขายหมูอีกคนหนึ่งที่ฆ่าหมู ในช่วงเวลาที่หมูถูกฆ่า เป็นเวลาเดียวกันกับที่ภรรยาของเขากำลังใช้ความพยายามให้กำเนิดทารกหญิงออกมา หลังจากที่เด็กหญิงได้เกิดมา เธอก็ร้องโหยหวนราวกับเสียงหมู แล้วก็ขาดใจตาย หลังจากนั้นสามสี่วันของการร้องเสียงครวญคราง ผู้คนลงความเห็นว่าราวกับเป็นเหตุการณ์ที่บ่งให้เห็นว่าทารกหญิงนี้เป็นหมูที่ถูกฆ่ากลับชาติมาในเวลาที่เธอเกิด...
Be Veg, Go Green 2 Save The Planet