สนุ๊กสนุก
pigstation
ในแนวคิดสองทฤษฎีที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับของสหประชาชาติ
ได้กล่าวไว้ท่ามกลางดงกล้วยตานีว่า
ทฤษฎีที่หนึ่ง
กระดาษทิชชู่นั้น เมื่อถูกใช้งานแล้วจักต้องสูญสิ้นสภาพไป
ไม่อาจนำมาใช้การได้อีก
ทฤษฎีที่สองคือ ผ้าขี้ริ้วแม้ดูไม่สะอาดตา ทว่าสามารถนำกลับมาใช้
ใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากเก็บงำคราบสกปรกฝังในเข้าสู่ตัวเอง
จนหมองคล้ำดำเปื้อนเพื่อส่งผลให้สิ่งอื่นได้แวววับหมดจด
หากนำมาใช้ในการดำรงคงอยู่เพื่อมีชีวิตให้ดำเนินไป
อย่างราบเรียบไม่มีสะดุด ประหนึ่งการเดินเครื่องของเครื่องยนตร์โบอิ้ง
คงต้องเลือกพิจารณาดูตามแต่เหมาะสม
บางครั้ง ไม่มีอะไรแท้จริงท่ามกลางการปรากฎอยู่ของรูป-นาม
เพียงเราได้กำหนดไว้ร่วมกันว่า มีมัน-มันมี
เราจึงปรากฎอยู่ด้วยได้โดยปริยาย
ทั้งที่ขอบเขตของเวลาที่เป็นอนันตภพนั้นมีตั้งแต่พริบตายันอสงไขย
การมีชีวิตของเราเมื่อเทียบกับหนอนเพลี้ยจะดูยืดยาวมีประโยชน์กว่า
แต่เมื่อเทียบกับอายุของดาวบางดวงที่ควงโคจรบนฟากฟ้าจักรวาล
ชีวิตเราจุลินทรีย์กาแล็คซี่ไปเลย
เมื่อเป็นดังนั้น การขยันของเราที่ตรงตามจุดประสงค์ทางสังคมมวลหมู่
จะได้มาซึ่งรายได้ผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็น ทางการเงิน/ชื่อเสียง
เพียงเพื่ออะไร ?
ประการแรก คือ การนำพาไปพยุงสังขารตัวเอง หล่อเลี้ยงธาตุอารมณ์ให้เสวยสุข
ประการต่อมา คือ หลักประกันความมั่นคงตั้งต่ออยู่ไปวันๆจนถึงรวยล้นฟ้า
คงยากที่เราจะนั่งดื่มกาแฟกับเคน ธีรเดชอย่างผาสุก
เช่นกัน พิงค์กี้ สาวินีย์ ไชยเดชคงร่วมวงกินขนมจีน(บางท้องถิ่นเรียกขนมเส้น)กับ เป๊กกี้ ธัญญา ได้สนิทใจ
เป็นเพราะอะไรเป็นเครื่องกำหนดผูกมัด ทั้งที่เบื้องต้นที่ปฐมนั้น
เราต่างมี ไรโบโซม/โครโมโซม เหมือนกัน
ต่างกันเล็กน้องตรงการจับคู่สายเบสทางดีเอ็นเอ ทำให้รูปหน้าเรากับดารา
น่ามอง เช่นเขียงไม้กับหยกเขียวยังไงยังงั้น คงไม่ต้องอธิบายต่อ
การจะใช้วิธีการทางกระดาษทิชชู่คือ การปฏิเสธซึ่งความมีอยู่
ใช้ภาวะขณะนั้นกระทำทันที เพื่อลบล้างความมี ความเป็น ให้หมดสิ้นไป
โดยไม่เอาไว้แม้กระทั่งตัวเอง ( โดยไม่ใช้หลักคิดในด้านสิ้นเปลืองวัตถุดิบ
เพราะทิชชู่ทำมาจาก กระดาษชนิดหนึ่งที่ดูดซับ ส่วนกระดาษทุกชนิดก็ทำมาจากเยื่อไม้ที่มาจากต้นไม้ และต้นไม้ก็มาจากการตัดที่รวดเร็วสวนทางกับ การปลูกที่ช้ามากกว่าจะโตทันใช้การของหนึ่งต้นไม้ )
ดังนั้นแต่ละครั้งของการใช้ชีวิต คือ การจบสิ้น แตกดับ ไม่ติดใจในรสใด
หรือเรียกอย่างเอาใจสาวกพระอรหันต์คือ การได้บรรลุอนุนิพพานซ้ำแล้ว
ซ้ำเล่า ก็ว่าได้ ในเมื่อใด ใดนั้นเราล้วนสมมุติมัน
หรือจะเป็นเช่นทฤษฎีผ้าขี้ริ้ว เพราะทุกรอยด่างดำนั้นคือคราบสกปรกฝังใน
ใยผ้าขี้ริ้วจะผนึกไว้เป็นหลักฐาน เช่นกัน เวรกรรม กุศลกรรมต่างๆนานที่
ชีวิตเราเช็ดไว้ในความทรงจำ
จะติดตราตรึงแน่นเป็นรอยต่อหนุนเนื่องไม่มีคลายไม่มีจาง
ใช้เวรใช้กรรมไปไม่จบสิ้นจนกว่าจะยุ่ยเปื่อย
แต่คงไม่มีใครหยิบเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดขี้มูก
แล้วเอาทิชชู่ไปถูพื้นบ้านหรอก
จะยากหรือง่ายในแต่ละสถานการณ์ชีวิต-- มันก็ต้องต่างพิจารณาให้เหมาะให้ควร
มีความคิดอย่างเรียบง่าย ใช่มักง่าย จะง่ายต่อการดำรงอยู่
เจริญพร เจริญภาวนา เจริญสุข.