กลางดึกวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. 54 น้องสาวกับน้องเขยพร้อมด้วยหลานน้อย มาจากกทม.ขอนอนด้วยหนึ่งคืน เนื่องจากวันรุ่งขึ้นตอนเช้าจะไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมไข้พ่อเลี้ยงของน้องเขย พอทราบข่าวฉันก็ตั้งใจไปเยี่ยมไข้ด้วย แต่ขอตามไปทีหลังช่วงเที่ยง ด้วยวันหยุดต้องทำงานบ้านให้เสร็จภาระกิจก่อน พอเที่ยงก็ตามไป ลานจอดรถโรงพยาบาลเป็นสถานที่โล่งแจ้งกลางแดดที่ร้อนจัด ฉันรู้สึกว่าเดินกลางแดดจัดแบบนี้ทำไมฉันไม่รู้สึกร้อนเลย กลับรู้สึกวูบๆบอกไม่ถูก เข้าไปเยี่ยมไข้ห้องไอซียู ก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอร์ทั้งเข้าและออกจากห้อง แต่พอนั่งพักคุยกับญาติน้องเขย รู้สึกตัวว่าเหมือนจะเป็นไข้ เลยขอตัวกลับบ้าน แวะซื้อข้าวเหนียวลาบ ไก่ย่าง มาประทังชีวิต เนื่องจากตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไร ตกเย็นประมาณหกโมง ทำไมเหมือนมีไข้ขึ้นสูง ปวดหัวมาก หนาวๆร้อนๆ ไม่เคยเป็นแบบนี้ อาการชักไม่ค่อยดี กินยาพาราไปหนึ่งเม็ด พออาการทุเลา รีบเก็บเสื้อผ้าที่จำเป็น ขับรถกลับบ้านคุณพ่อทันที ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กม.ค่ะ พอไปถึงบ้านพี่สาวถามจะกินอะไรไหม ก็บอกว่า กินข้าวเหนียวลาบ ไก่ย่างมาแล้วนิดหน่อยแต่อยากกินเป๊ปซี่เย็นๆ มากๆ พอดีมีในตู้เย็นก็ดื่มไปครึ่งขวดเล็ก เข้านอน ตกดึกเกือบเที่ยงคืน ตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนาวสุดๆ ปวดหัวอย่างแรง นอนสั่นจนฟันกระทบกัน ผ้าห่มนวมสองผืน สวมเสื้อสองตัว กางเกงขาวยาวสองตัว ก็ไม่หายหนาว รีบทานยาพาราอีกหนึ่งเม็ด นอนทรมานเกือบชั่วโมงรู้สึกดีขึ้น และทนนอนไม่หลับจนกระทั่งเช้า เจอหน้าพี่สาวรีบบอกว่า รู้สึกไม่ไหวแล้ว ต้องไปหาหมอ ฉันมีเพื่อนที่เป็นหัวหน้าอนามัยตำบล อยู่ในหมู่บ้านพี่เขยรีบโทรตามเพื่อนมารับไปฉีดยาที่คลีนิค และรับยามาทานโดยไม่คิดเงิน เพื่อนบอกว่า ที่บ้านฉันทุกคนให้ความช่วยเหลือร่วมมือทุกอย่างกับอนามัย เรื่องเจ็บป่วยเงินเล็กน้อยถือว่าช่วยเหลือกัน ฉันคิดขอบคุณญาติพี่น้องทุกคนที่ทำให้ฉันได้รับอนิสงค์แห่งความดีไปด้วย กลับบ้านพี่สาวต้มข้าวต้ม ปลาเกลือไว้รอแล้ว(ปลาเค็ม) เสียงพี่สาวบ่น ไม่สบายแล้วยังกินข้าวเหนียวกับเป็ปซี่แช่เย็นอีก ดูสิป่วยหนักเลย พี่สาวบอกว่า เคยมีเพื่อนที่กินข้าวเหนียวเวลาเจ็บป่วยเขาก็กินข้าวเจ้าไม่ได้เหมือนกันนะ จริงไหมเนี่ย... ถึงตอนนี้ต้องขอชี้แจงว่า ธรรมเนียมคนทานข้าวเจ้า เวลาเจ็บป่วยจะห้ามทานข้าวเหนียวค่ะ เคยได้ยินได้ฟังรับรู้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว มันจะทำให้แสลงเป็นหนักขึ้น ก็ว่ากันไป ไม่รู้จริงเท็จนะค่ะ ต้องขออภัยด้วย ฉันนอนซมทั้งวันทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเพื่อนบอกให้ไปฉีดยาอีกหนึ่งเข็ม (สะโพกซ้ายและขวาเลย) เป็นการฉีดยาในรอบกี่ปีไม่รู้ รู้แต่ว่า ฉันไม่เคยป่วยหนักแบบนี้นานจนจำความไม่ได้ หลังจากฉีดยาเข็มที่สองแล้ว รู้สึกอาการดีขึ้น (เช้าวันอังคารที่ 29 มี.ค.) ฉันลาป่วยสองวันแล้ว ต้องไปทำงานเสียที ปกติฉันไม่ค่อยลาป่วย เนื่องจากถ้าปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ก็สามารถไปทำงานได้ เพราะที่ออฟฟิตมีที่ให้นอนพัก อยากนอนพักตอนไหนก็นอนได้ ดีกว่านอนป่วยเหงาอยู่บ้านค่ะ เย็นวันอังคารก็ขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกโล่งๆ ดีขึ้นมาก กะว่ารุ่งเช้าไปทำงานเสียที แต่ ตกดึกเอาอีกแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการมีไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น รีบไปค้นเสื้อกันหนาวตัวที่หนาที่สุดที่ไม่เคยนำออกมาใส่ พร้อมสวมเสื้อผ้าสองชั้น ผ้าห่มนวมสองผืนก็ไม่หายหนาว ฟันกระทบกันดังกึกๆ หายใจไม่ทั่วท้อง ไม่อิ่ม หายใจหอบตลอดเวลา ก็ทานยาที่เพื่อนให้มาและพาราอีกหนึ่งเม็ด กว่าจะรู้สึกดีขึ้น เกือบชั่วโมง ไม่ได้นอนหลับอีกทั้งคืน และยังรู้สึกท้องอืดเช่นเคย ทานอาหารไม่ได้เช่นเคย รุ่งเช้าฉันรู้สึกแล้วว่าฉันต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ ไม่ใช่เป็นไข้หวัดแล้ว รีบไปโรงพยาบาลข้างออฟฟิต แพทย์ถามอาการ รีบให้ตรวจเลือด ตรวจปัสสวะ บอกว่าเป็นไข้นานเกินไป ตั้งแต่วันเสาร์ถึงวันพุธไม่หาย แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่าง ใช้เวลา 50 นาที กับการรอฟังผล ใจของฉันคิดต่างๆนาๆ ช่วงรอก็ซื้อข้าวมาทานที่ออฟฟิต เพื่อจะทานยา รู้สึกเหมือนจะไข้ขึ้นสูงอีก ได้เวลาฟังผลตรวจเลือด และปัสสวะ ได้เรื่องค่ะ ฉันเป็นไตอักเสบ เพราะติดเชื้อที่ลามมาจากท่อปัสสวะอักเสบเรื้อรัง ก็ไม่เข้าใจว่าเรื้อรังตอนไหน ไม่เคยรู้สึกเป็นอะไรนี่นา หมอให้ฉีดยาเข้าเส้นที่ข้อมือ โดยค่อยๆปล่อยยาทีละนิดๆ จนหมดหลอด อยากบอกว่า ช่วงที่ยาวิ่งเข้ากระแสเลือด ปวดเหลือเกิน ต้องกัดฟันเลยค่ะ โชคดีที่ฉันไม่แพ้ยา คุณหมอจะให้นอนโรงพยาบาล ฉันก็ถามว่าไม่นอนได้ไหม จะไปทำงานหยุดมาหลายวัน หมอบอกว่าถ้าไม่หายให้กลับมาฉีดยาอีกนะ ฉันก็รับคำ อยากหายอยู่แล้วยังไงก็ต้องมา แต่ ให้นอนโรงพยาบาล ไม่อยากนอนค่ะ รู้ว่าตัวเองไม่ต้องนอนก็ได้ เพราะคิดว่ายังไหวอยู่ (ทั้งๆที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยสวัสดิการบริษัทจ่ายให้แม้เป็นโรงพยาบาลเอกชน) กลับมาทำงานได้แค่สองชั่วโมง รู้สึกไม่ไหว ปวดหัวรุนแรง คิดอะไรไม่ออก ทำงานไม่ได้ ขอตัวกลับบ้านพร้อมกับ ลางานเพิ่มอีก 1 วัน นอนซมทั้งวัน ถึงตอนนี้อยากบอกว่า สาเหตุที่ฉันเป็นไตอักเสบน่าจะเกิดจาก 1. ทานน้ำน้อย เพราะไม่อยากปัสสวะบ่อย 2. กลั้นปัสสวะ ขี้เกียจลุกไปห้องน้ำ (ทั้งที่ห้องน้ำอยู่ไม่ห่างโต๊ะทำงาน และกลางคืน นอนไม่อยากลุกทั้งที่ห้องน้ำอยู่ในห้องนอน) 3. เข้าห้องน้ำไม่กดชักโครกก่อนนั่ง เลยทำให้ติดเชื้อ (ปกติก็จะเช็ดชักโครกและวางกระดาษทิชชูก่อนนั่งแต่เชื้อโรคน่าจะอยู่ในโถส้วมมากกว่า) คุณหมอบอกว่า ไตอักเสบเป็นแล้วไม่หายขาด ถ้าไม่ดูแลตัวเองก็กลับมาเป็นได้อีกค่ะ อาการของโรค แรกๆเลยให้สังเกตุดูปัสสวะของตัวเอง จะขุ่นไม่ใส ถ้าเริ่มเป็นมากขึ้น จะมีอาการปวดฉี่บ่อยครั้งเกินความจำเป็น ปวดหน่วงๆ ในช่องคลอดและ จะปวดบั้นเอวบริเวณสบั๊คสุดๆ ปวดจนทนไม่ไหวต้องทานยาระงับแก้ปวด หลังจากเป็นไตอักเสบแล้ว จะทานอาหารไม่ได้ ขมปาก อยากอาเจียน มีไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดหัวอย่างรุนแรง ท้องอืดตลอดเวลา ไม่สบายตัว ไม่สบายท้อง ไม่มีน้ำมูก ไม่เจ็บคอ ทรมานสุดๆ ด้วยอาการหมดแรงจากการทานอาหารไม่ได้ แค่เห็นก็รู้สึกอยากอาเจียน แต่ไม่อาเจียน และนอนไม่หลับด้วยค่ะ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยมีแรง น่าจะเกิดจากผลข้างเคียง หมดสภาพคล่องไปเลยค่ะตอนนี้ คงต้องใช้เวลาสักระยะฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้น ฉันอยากให้เพื่อนๆได้อ่านเป็นอุทาหรณ์ ระมัดระวังการใช้ชีวิตค่ะ รักษาสุขภาพกันไว้ ทำอะไรเพื่อตัวเองได้ ก็ทำเถอะค่ะ อย่าปล่อยให้เป็นอย่างฉัน ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะตัวขี้เกียจตัวเดียวเลยค่ะ จริงแล้วฉันกลัวโรคไตนะค่ะ เพราะพี่สาวอีกคนเป็นไตวายเฉียบพลัน เห็นการล้างไต อาการเจ็บป่วยแล้ว ยอมรับว่ากลัว ก็พยายามดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ไม่ทานอาหารรสเค็ม รสจัด แต่ ไปละเลยในส่วนอื่นค่ะ รักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ
8 เมษายน 2554 15:33 น. - comment id 123302
......อ่า ยังอ่านไม่จบ เหลียวมาอ่านต่อคะ แต่อยากบอกให้พี่พิม รักษาตัวเองน๊า เหลียวมาอ่างต่อจร้า..... ( พิมพ์ ลอ เหล็ก ไม่ล่ายอ่ะ ตัวที่อยู่หน้า ตอ.เต่าอ่ะ แงงงงง )
8 เมษายน 2554 22:47 น. - comment id 123307
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วบอกได้เลยว่า..โรคภัยไข้ เจ็บนี่มันอยู่รอบๆตัวเราจะเข้ามาเมื่อไหร่ ก็ไม่รู้..ทำให้อ้อยนึกถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ ที่แล้ว..อ้อยมีอาการปวดหลังอย่างมาก... แต่ไม่มีอาการอื่นข้างเคียงเลย..เช่นเป็นไข้ หรืออะไรทำนองเนี่ย...อ้อยยังคิดเลยเถิด ไปว่าหรือเราจะเป็นเกี่ยวกะไตหว่า.. (แบบคิดร้ายๆไว้ก่อน..อิอิ) เพื่อให้มีแรง ผลักดันไปหาหมอ..ปกติไม่ค่อยชอบหาหมอ แต่ก่อนไปหาหมอ..อ้อยเข้าเน็ตเพราะ อยากรู้อาการแรกเริ่มง่า... มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันเล๊ยยยย แต่ยังไงก็ต้องไปหาหมออยู่ดี..ผลออกมาก็ แค่กล้ามเนื้ออักเสบเท่านั้น..แหะๆ รอดไป..เฮ้อ..แต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ไว้ก่อนเนาะ...ขอให้แข็งแรงไวๆน๊ะจ๊ะ
9 เมษายน 2554 17:42 น. - comment id 123323
คุณหมอเก่งนะค่ะเดี๋ยวนี้โรคอะไรมาก็รักษาได้คุณหมอบอกว่าที่รักษาอยากที่สุดคือความรู้สึกค่ะ ถ้าเรากำลังใจดีก็อยู่ได้นานถ้าเราหมดกำลังใจแล้วก็สั้นลงเลย (ถ้าจะจริงค่ะ)
11 เมษายน 2554 14:42 น. - comment id 123347
หายไวๆนะคะพี่พิม