ฉันรู้จักกับเธอก่อนงานแข่งขันกีฬาระหว่างหมู่บ้าน เธอไม่ใช่คนในหมู่บ้านของฉัน แต่เป็นนักศึกษาภาควิชาการเกษตรของมหาวิทยาลัยในเมือง ส่วนฉันยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งในหมู่บ้านที่เธอมาฝึกงาน ฉันได้รับเลือกให้เล่นกีฬาวอลเล่บอล รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี พวกเราได้ไปฝึกซ้อมที่สนามกีฬาของโรงเรียนในตอนเย็นของทุกวัน ส่วนเธอก็ได้เล่นกีฬาตะกร้อ เพราะนักกีฬามีไม่พอ เธอและเพื่อน ๆ ก็เลยขอลงเล่นแทน เธอเป็นคนหน้าตาดีมาก มีสาว ๆ ในหมู่บ้านชอบเธอกันหลายคน รวมถึงสาวแก่แม่หม้ายด้วยนะ ในตอนนั้นเรายังไม่เคยคุยกันเลย ฉันไม่รู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำไป อีกอย่างฉันต้องรีบกลับไปช่วยแม่ขายของที่บ้าน ก่อนการแข่งขัน 2 อาทิตย์ เธอและเพื่อน ๆ ได้มาช่วยซ้อมให้แก่ทีมวอลเล่บอลหญิง เธอรู้ไหมว่าฉันโกรธเธอมาก เพราะว่าเธอชอบตีบอลมาที่ฉัน แรงเธอเยอะมากด้วย ฉันรับทีไรเจ็บมือทุกที ฉันต้องไปให้แม่นวดแขนให้ทุกวัน ฉันคิดว่าเธอต้องเกลียดฉันแน่ ๆ เลย เธอถึงได้แกล้งฉันเจ็บ ๆ ทุกวัน แรกเริ่ม เดิมที ที่พบ ประสบ กับเธอ วันนั้น รู้สึก เฉย เฉย ทุกวัน ไม่หวั่น ไม่ไหว ในใจ เคยโกรธ เธอบ้าง บางครั้ง ที่พลั้ง ทำเจ็บ รู้ไหม ไม่รู้ ว่าเพราะ อะไร แต่ไม่ ค่อยกล้า ถามเธอ * * * * * * * ก่อนการแข่งขัน 1 วัน เรานัดซ้อมกันตอนเช้า เพราะจะได้มีเวลาพักผ่อนในตอนเย็น ฉันไปถึงสนามกีฬาก่อนใคร ฉันรอเพื่อน ๆ ไม่นานนัก ฉันก็เห็นเธอเดินเข้ามาในสนาม พร้อมดอกกุหลาบสีแดงในมือ 1 ดอก เธอเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับยื่นให้ เธอรู้ไหมว่าฉันเอื้อมมือไปรับด้วยความมึนงง แต่ก็ไม่กล้าถามเธอ ว่าเธอให้ฉันทำไม เธอก็แปลกนะยื่นดอกไม้ให้ แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ จนกระทั่งเพื่อน ๆ ของเธอมาถึง เราก็เลยซ้อมเสริฟลูกไปพลาง ๆ ฉันกะว่าจะถามเธอหลังซ้อมเสร็จ ว่าเธอต้องการจะฝากกุหลาบไปให้ใครหรือเปล่า แต่ไม่ยักกะได้ถามแฮะ เพราะว่าพอซ้อมเสร็จเธอก็ถูกเพื่อนเธอลากไปในตัวเมือง ส่วนฉันก็กลับบ้านพร้อมกุหลาบแดง 1 ดอกของเธอ เออ.......... จะทิ้งไปทำไมล่ะ ของสวย ๆ งาม ๆ แถมยังหอมอีกด้วย ฉันเอาไปใส่แจกันไว้ในห้องนอน ตอนกลางคืนสบาย..............ฝันดี............... กุหลาบสีแดง 1 ดอกของเธอส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทั้งคืน.... ตื่นเช้า รีบไป ฝึกซ้อม ต้องยอม เนื่องด้วย หน้าที่ อยากเป็น นักกีฬา ที่ดี จึงรี่ เร่งไป ก่อนใคร พบเธอ ส่งกุ- หลาบมา ทำหน้า งง งง สงสัย ส่วนเธอ ไม่พูด อะไร ยังไง กันนี่ งง งง หลับซาบาย......... ทั้งคืน............. * * * * * * * วันนี้แล้วสินะ เป็นวันแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างหมู่บ้าน สำหรับวอลเล่บอลหญิงมีแค่ 5 ทีมเท่านั้น จึงใช้ระบบพบกันทุกทีม ชนะ 2 ใน 3 เซ็ท ปรากฎว่าทีมของฉันแพ้ในรอบชนะเลิศ ได้อันดับที่ 2 มาครอง หลังจากนั้นฉันกับเพื่อน ๆ ก็ไปเชียร์กีฬาชนิดอื่น ๆ พอช่วงพักกลางวันฉันกับเพื่อน ๆ ก็ไปที่ร้านอาหาร ฉันเห็นเธอกับเพื่อน ๆ นั่งทานขนมอยู่ในร้าน ฉันเลือกที่นั่งที่หันหลังให้เธอ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเธอ แต่....... เธอกลับสกิดแขนฉันพร้อมทั้งยื่นซองขนมมาให้ แล้วพูดว่ารางวัลปลอบใจที่ไม่ได้ถ้วยชนะเลิศ เพื่อน ๆ ของเธอ ฮาตรึม พร้อมทั้งแซวว่าน้องมีตั้งหลายคนทำไมเธอเจาะจงส่งขนมให้ฉัน เธอรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันอายมาก ไม่กล้าพูดกับเธอเลย เพื่อน ๆ ของฉันก็แซวว่าส่งสัยเธอจะชอบฉันแน่ ๆ เลย ไม่ได้เกลียดฉันอย่างที่ฉันเข้าใจ เพียงแต่เธออาจจะขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก หรือไม่เธอก็อาจจะเห็นว่าฉันยังเด็กเกินไป ช่วงบ่าย ฉันและเพื่อน ๆ ได้ไปเชียร์ทีมตะกร้อชาย เป็นการตอบแทนที่พวกเธออุตสาห์มาฝึกซ้อมให้ ช่วงก่อนการแข่งขัน ฉันกับเพื่อนยืนเชียร์อยู่ขอบสนาม เธอมักจะมองมาทางเราบ่อย ๆ พวกเราเชียร์อย่างสนุกสนาน เพราะทั้งทีมของเธอ และคู่แข่งฝีมือสูสีกันมาก แต่สุดท้ายทีมของเธอก็แพ้ไปอย่างเฉียดฉิว แต่เธอก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ฉันคิดว่าเธอคงจะมีน้ำใจนักกีฬาพอสมควรนะ และแล้วฉันก็ต้องรีบกลับบ้านไม่ได้อยู่จนถึงพิธีปิดการแข่งขัน ในตอนเย็นของวันนั้นมีสาวคนหนึ่ง (ฉันรู้สึกว่าเขาจะชอบเธอนะ) ได้เลี้ยงฉลองรองชนะเลิศสำหรับทีมตะกร้อชาย เพื่อนของฉันก็ไปด้วย แต่ฉันไม่ได้ไปเพราะต้องช่วยแม่ขายของ เพื่อนฉันเล่าให้ฟังว่าเธอถามหาฉันใหญ่เลย ฉันก็เลยบอกเพื่อนว่า ถามหาทำไมล่ะ แน่จริงก็มาหาที่บ้านเลยสิ สงสัยเธอจะกลัวพี่ชายฉันมั้ง ก็เลยไม่กล้ามาหา ฉันมีพี่ชายตั้ง 3 คน แต่ละคนตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย และแล้ว ก็ถึง วันแข่ง ต้องแย่ง ชิงชัย ในสอง ทีมฉัน ได้รับ ครอบครอง เป็นรอง แชมป์ใน ครั้งนั้น ทีมเธอ ก็รับ ที่สอง เราต้อง พ่ายแพ้ แข่งขัน น้ำใจ นักกีฬา มีกัน แบ่งปัน ความสุข สู่ชุมชน * * * * * * * เช้าวันหนึ่ง ฉันกำลังทำงานบ้านอยู่ ก็มีรถกระบะคนหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน และเห็นเธอกระโดดลงจากรถ เธอเดินมาหาฉันในบ้าน เธอบอกว่าฝึกงานเสร็จแล้วนะ และกำลังจะกลับบ้าน มีเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านไปส่งกันหลายคน เธอชวนฉันให้ไปส่งเธอที่ในเมือง แต่ฉันไม่กล้าขออนุญาตแม่ ทั้ง ๆ ที่ใจฉันก็อยากเข้าไปในเมืองเหมือนกัน แต่.... ถึงยังไงแม่ก็คงไม่อนุญาตอยู่ดี เธอก็เลยทำหน้าเศร้ากลับไป ฉันได้แต่มองตามเธอและเพื่อน ๆ ของเธอที่โบกมือลาฉันจนรถลับสายตา หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ข่าวคราวของเธอเป็นเวลานาน......... จนกระทั่งวันหนึ่งฉันกลับจากไปเยี่ยมบ้าน เพราะใกล้จะเปิดเทอม ๆ สุดท้ายของชีวิตนักเรียนมัธยมแล้ว เพื่อนฉันมาบอกว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ เธอและเพื่อน ๆ กลุ่มเดิม ได้มาที่หมู่บ้าน เธอได้ถามหาฉันด้วย เพื่อนฉันบอกว่าดูท่าทางเธอจะเสียใจที่ไม่เจอฉัน เธอได้ฝากที่อยู่ของเธอให้ฉัน เธอบอกเพื่อนฉันว่า ถ้าฉันไม่ได้เกลียดเธอ ก็ให้ฉันเขียนจดหมายไปหาเธอบ้าง ที่อยู่ของเธอฉันก็เก็บไว้เหมือนกันแหละ แต่สงสัยว่าจะเก็บไว้ดีเกินไปมั้ง เก็บดีจนหาไม่เจอเลยไงล่ะ ^_^ หลังจากจบมัธยม 3 ฉันได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ฯ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน บางครั้งตอนปิดเทอมฉันก็ทำงานพิเศษ พอฉันกลับบ้านเพื่อนฉันบอกว่าช่วงปิดเทอมเธอมาที่หมู่บ้านของฉัน เธอมักจะถามถึงฉันทุกครั้ง เพื่อนฉันบอกให้ฉันเขียนจดหมายถึงเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้เขียนเพราะว่าฉันทำที่อยู่ของเธอหายไปเสียแล้ว เพื่อนฉันบอกว่าสงสารเธอนะ มาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยเจอฉันเลยสักครั้งเดียว ดูท่าทางเธอต้องชอบฉันแน่ ๆ เลย เพื่อนฉันถามฉันว่าฉันคิดยังไงกับเธอ เกลียดเธอหรือเปล่า ฉันก็ตอบไม่ได้ ก็ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา แต่ที่แน่ ๆ ฉันน่ะไม่ได้เกลียดเธอหรอกนะ และแล้ว ก็ถึง วันลา เดินหน้า ไปสู่ เมืองหลวง ไม่มี คำสัญ - ญาลวง เพียงดวง ตาบอก ความนัย เนื่องด้วย ยังเล็ก เด็กนัก มิรู้จัก ความรัก เป็นไฉน ไม่เคย คิดและ สนใจ เก็บไว้ เพียงความ ทรงจำ * * * * * * * เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนกระทั่งฉันเรียนจบปวช. เพื่อน ๆ ของฉันต่างก็แต่งงานกันไป มีลูกมีหลานกันเกือบหมดแล้ว เพราะว่าในหมู่บ้านของฉันส่วนใหญ่จะแต่งงานเร็ว แต่ฉันกลับไม่มีแฟนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าฉัน เรียนแต่โรงเรียนสตรีมาโดยตลอดหรือเปล่า จึงไม่ค่อยรู้จักผู้ชาย เพื่อนของฉันมักจะถามฉันว่ามีแฟนหรือยัง หรือว่าฉันรอเธออยู่ ฉันเองก็ตอบว่าเปล่า แต่ลึก ๆ ในใจนั้น ฉันยังคงคิดถึงเธอเสมอ ฉันก็ยังคงตอบคำถามของเพื่อนฉันไม่ได้ว่าฉันคิดยังไงกับเธอ อาจจะเป็นเพราะว่า ขณะนั้นฉันยังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง คงจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วมั้ง ฉันก็ได้แต่หวังว่าเธอคงจะมีครอบครัวที่ดี มีความสุขกับครอบครัว ถ้าเธอยังพอจำได้ว่าเคยรู้จักเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หน้ากลม ๆ ตาโต ๆ ไว้ผมม้า สมัยที่เธอฝึกงาน ณ หมู่บ้านบนดอย ขอให้เธอรู้ไว้ด้วยนะ ว่า เด็กหญิงคนนั้นในตอนนี้เป็นสาวแล้วนะ แม้จะยังซนอยู่ก็ตาม ^_^ และก็ไม่ได้ไว้ผมม้าแล้วด้วย แต่ เปลี่ยนเป็นไว้ผมยาว ยาวมากเลยหละ และแล้วก็กลับคืนมาเป็นผมสั้น และไว้ผมม้า เหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ อีกครั้ง แต่ก็ยังคงความน่ารักใว้เหมือนเมื่อตอนเด็ก ๆ นะ จริง ๆ ^^" ถ้าเจอกันอีกครั้งหนึ่งเธอต้องจำไม่ได้แน่ ๆ ฉันมั่นใจ ปล. อยากจะบอกเธอว่า หลาย ๆ เวลาที่คิดถึงยามยังเยาว์ เธอเป็นคนหนึ่งที่ฉันคิดถึงมาก คิดถึงมากจริง ๆ นะ *__~
4 เมษายน 2554 12:20 น. - comment id 123233
หนูหิ่ง.. หนูหิ่งน่ารักกกและซุกซนขนาดนั้น ไม่มีใครที่จำหนูหิ่งไม่ได้หรอกนะจ๊ะ แล้วหนูิ่หิ่งคิดถึงใครอยู่..หนูหิ่งทำไมไม่บอก เขาคนนั้นละ..เก็บไว้ในใจไม่ดีนะ บ้างทีข้อความสั้นๆมันสื่อความหมายได้ดีแต่คำพูดที่ออกจากปากของหนูหิ่งกับให้คุณค่ามากกว่านะ ตอนนี้หนูหิ่งเข้าใจความรู้สึกตัวเองดีแล้วหรือ..ว่ามันคืออะไร ถ้ามั่นใจแล้วแสดงออกมาเถอะนะความรู้สึกไม่มีอะไรที่หน้ากลัวไปกว่า หัวใจตัวเองหรอกนะ เพราะบางทีคนๆนั้นอาจจะเฝ้ารอหนูหิ่งอยู่ก็ได้นะ หรืออาจจะรอจนน้อยใจหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้นะ เคยคิดว่าถ้าเก็บรักไว้ในใจของเราคนเดียวคือสิ่งที่ดีที่สุดไม่ต้องกลัวการพลัดพรากและความเจ็บช้ำ แต่ถึงวันหนึ่งกับรู้สึกว่าความสุขแท้จริงเป็นอย่างนี้เหรอ.. ตอนนี้เลยใช้วิธีคิดใหม่ลองทำตามหัวใจตัวเองดูถ้ามันจะเจ็บก็จะเก็บมันไว้เป็นบทเรียน.. ลองดูนะเป็นอย่างไรมาเล่าให้ฟังอีกนะ...จะคอยอ่านนะจ๊ะ
4 เมษายน 2554 15:35 น. - comment id 123238
สวัสดีเจ้า คุณดอกไม้ ใบหญ้า : หนูหิ่ง ฯ คิดถึงหลายคนมาก บางคนบอกได้ บางคนได้บอก บางคนไม่ได้บอก บางคนบอกไม่ได้ บางคนไม่รู้จะบอกยังไง บางคนไม่รู้จะบอกที่ไหน บางคนไม่รู้จะบอกทำไม บางคนไม่รู้จะบอกดีไหม ฯลฯ ส่วนพี่คนที่หนูหิ่ง ฯ เขียนถึงนี้ จำได้ว่าชื่อพี่เอก เป็นคนฝาง จำได้แค่นี้เองค่ะ หนูหิ่ง ฯ เองก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกันว่า.... หนูหิ่ง ฯ คิดยังไงกับพี่เขา แต่.... ถ้าเจอกันอีกครั้ง หนูหิ่ง ฯ คงจะตอบหัวใจตัวเองได้ ^^" ตอนนี้.... ก็ยังคงเป็น คนหนึ่งในความทรงจำ.... ที่ล้ำค่า ตอนนี้.... ก็ยังคงเป็น คนหนึ่งที่คิดถึงอยู่เสมอ ตอนนี้.... ก็ยังคงเป็น คนหนึ่งที่ทำให้หนูหิ่ง ฯ รู้สึกสับสน มึน และ งง ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ว่าง ๆ จะเขียนมาให้อ่านใหม่ค่ะ