อดีตกาล.... นานมาแล้ว.... ตั้งแต่ก่อนที่หนูหิ่ง ฯ จะลืมตาขึ้นมาดูโลกกลม ๆ ใบนี้ ครอบครัวของหนูหิ่ง ฯ ได้ย้ายมาจาก บ้านถ้ำ จ.เชียงราย มาอยู่ หมู่บ้านแม่โถ ต.บ่อสลี อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ สมัยนั้นต้องเดินทางจากถนนหลวงไปอีก 17 กม. จึงจะถึงหมู่บ้านแม่โถ ต้องใช้แรงงานคน - ม้าและวัวในการบรรทุกสิ่งของ แต่ละหมู่บ้านก็จะอยู่ห่างกันมากกว่า 3 กม.ขึ้นไป บ้านแต่ละหลังก็จะอยู่ห่าง ๆ กัน แต่มีอะไรก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ครอบครัวของหนูหิ่ง ฯ มาปักหลักอยู่โดยยึดอาชีพทำขนมจีนขาย เริ่มต้นจากข้าวสาร นำไปแช่น้ำ นำไปบด ทำเป็นเส้นขนมจีนแล้วก็ต้องทำน้ำขนมจีน เสร็จเรียบร้อยแล้วพ่อ - พี่ชาย - พี่สาว ก็จะหาบไปขายตามไร่ตามสวนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ขายแลกเงินบ้าง แลกของบ้าง ฝิ่นบ้าง ฯลฯ ขากลับก็ต้องหาของป่าติดไม้ติดมือกลับบ้าน อาทิ ต้นไผ่, ดอกไม้กวาด, หญ้าคา รวมถึงผักผลไม้ที่หาได้จากป่า ทุกคนต้องทำงานหนัก เพื่อจะได้มีข้าวกินอิ่มท้องทุกมื้อ ถึงกระนั้นบางวันก็ไม่มีข้าวกิน.... ต่อมามีคนมาติดต่อให้แม่ไปขายของให้กับคนงานกรมป่าไม้ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ไกลจากบ้านแม่โถประมาณ 20 กม. อยู่ในเขต จ.แม่ฮ่องสอน แม่ก็พาพี่สาวไปด้วย 1 คน พี่ชาย 1 คน จากนั้นครอบครัวหนูหิ่ง ฯ ก็ต้องแยกกันอยู่ 2 หมู่บ้าน ไปมาหาสู่กันก็ลำบากเพราะต้องเดิน ทางเดินก็ต้องขึ้นเขาลงห้วยผ่านป่า ในป่าก็มีทาก (บรือส์.... หยะแหยง) มีบางช่วงต้องข้ามแม่น้ำ ในแม่น้ำก็มีปลิง (บรือส์.... หยองขวัญ) หลายครั้งก็เผชิญหน้ากับสัตว์ป่านานาชนิด เราวิ่งหนีเขาบ้าง เขาวิ่งหนีเราบ้าง บางทีก็ต่างคนต่างวิ่ง ^___^ ก่อนที่หนูหิ่ง ฯ จะลืมตาขึ้นมาดูโลกกลม ๆ ใบนี้ มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย.... จนกระทั่งหนูหิ่ง ฯ ได้ลืมตาแล้วก็เติบโตท่ามกลางความรักของพ่อ - แม่ และพี่ ๆ ครอบครัวของเราก็อยู่ดีกินดีกว่าแต่ก่อนมาก ๆ แต่กระนั้นก็ยังอยู่บ้านมุงด้วยหญ้าคา ผนังทำด้วยไผ่ (ไม้ฟาก) เวลาลมพัดมาก็ทะลุเข้าไปในบ้าน บางทีก็พาลมหนาวเข้าบ้าน บางทีก็พาฝนเข้าบ้าน หลายครั้งฝนเข้าทั้งทางหลังคา และทางผนัง มีอยู่ครั้งหนึ่งพายุได้พัดหลังคาบ้านปลิวไปตกที่สวนผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวหนูหิ่ง ฯ ต้องไปอาศัยเพื่อนบ้านอยู่ชั่วคราวหลายวัน จนกระทั่งเก็บหลังคากลับมาใส่ไว้เหมือนเดิม.... ไม่มีเงินสร้างบ้านใหม่ ก็ต้องทนอยู่ไป ครอบครัวอื่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เขาก็อยู่กันได้ เราก็อยู่ได้เหมือน ๆ กัน มีหลายครั้งที่หนูหิ่ง ฯ ไปหาแม่กับพี่ ๆ ที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แม่ต้องจ้างคนแบกไป จำได้ว่าคนแบกเหม็นมาก - มากที่สุด หนูหิ่ง ฯ ร้องให้ ไม่ยอมให้เขาแบก แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอม เพราะเดินไม่ไหว โดยเฉพาะหนูหิ่ง ฯ กลัวทาก และปลิงเป็นที่สุด *___~ ตอนเดินทางเราก็ต้องห่อข้าวไปกินระหว่างทางด้วย เพราะออกจากบ้านแต่เช้า กว่าจะไปถึงก็เย็น หรือมืดค่ำแล้ว ก็จะมีข้าวสวยห่อใบสัก น้ำพริกถั่วเน่า น้ำพริกข่า ไข่ต้ม บางทีก็มีไก่ต้ม หรือหมูทอดด้วย หิวตรงไหนก็นั่งกินตรงนั้น หาผักแถว ๆ นั้นกินกับน้ำพริก จำได้ว่าอร่อยมาก ๆ กินซะจุกเลย อาจจะเป็นเพราะหิวแล้วก็เหนื่อยมั้ง กินอะไรก็อร่อยไปหมด.... ก็เลยทำให้หนูหิ่ง ฯ เป็นเด็กกินง่าย ^___^ ตอนเด็ก ๆ หนูหิ่ง ฯ จะชอบฤดูฝนมาก ๆ เพราะฤดูฝนเป็นฤดูที่ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ไม่เคยต้องอดเลย ต้นฤดูฝน ก็จะมีแมงเม่า, แมงมัน, จิ้งหรีด, กบ, เขียด, อึ่งอ่าง, แมงจร, หอย, หน่อไม้, สารพัดเห็ด, ผักกูดและอีกสารพัดผัก เป็นอาหาร หนูหิ่ง ฯ กับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านก็จะมีหน้าที่ไปขุดหน่อไม้, ขุดจิ้งหรีด, เก็บเห็ด, งมหอย และเก็บผัก เป็นที่สนุกสนานเบิกบานสำราญใจ กลับมาก็มีหน้าที่แกะหน่อล้างแล้วสับ แม่ก็จะทำหน่อไม้ดอง เห็ดก็ล้างแล้วก็ทำเห็ดส้ม หรือทอด เพื่อที่จะเก็บไว้กินได้นาน ๆ เพราะฉะนั้นฤดูฝน จึงเป็นฤดูที่มีความสุขมากที่สุดในขณะนั้น ได้เล่นน้ำฝน ได้กินน้ำแข็งที่หล่นมาจากฟ้า (ลูกเห็บ) ^___^ ส่วนพวกผู้ชายก็จะไปจับกบ, เขียด, อึ่งอ่างในตอนกลางคืน ฤดูนี้อาหารเพียบ ต้องทำตากแห้งเก็บไว้กินนาน ๆ ส่วนฤดูหนาวจะหนาวสุด ๆ หนาวเข้าไปที่กระดูก ต้องออกมาก่อไฟผิงกันนอกบ้าน แต่ก็ดีนะ ได้พูดคุยกันกับเพื่อนบ้านที่ช่วยกันหาฟืนมาก่อไฟ แล้วก็ได้กินข้าวหลามกับเผือกเผามันเผาแล้วก็มีข้าวปุก (ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วตำให้ละเอียดกินกับงาดำตำละเอียดใส่เกลือนิดหน่อยแล้วก็ใส่น้ำอ้อย) บางทีก็นำข้าวปุกไปตากแห้งเก็บไว้กินนาน ๆ วิธีกินก็นำไปปิ้งเพื่อให้ข้าวเหนียวนิ่มแล้วก็ร้อน บางทีก็นำไปทอด กินกับงาดำตำ, น้ำตาลทราย หรือนมข้นก็อร่อย เด็ก ๆ ก็จะมีหน้าที่อีกแล้ว ต้องไปเก็บผักหวาน, ดอกเสี้ยว, ดอกแก, จับจั๊กจั่น, ขุดจิ้งหรีด สนุกสนานเหมือนกัน แต่ฤดูฝนสนุกกว่า เด็กผู้ชายก็จะมีของกว่างเป็นของเล่น ฤดูนี้จะได้กินเกาเลียง (เป็นต้นเล็ก ๆ สีเขียวคล้ายต้นไผ่ มีรสหวานเหมือนอ้อย กรอบอร่อยมาก) ได้กินข้าวใหม่หอม ๆ ^___^ ฤดูร้อน ก็จะเป็นช่วงพักผ่อน แล้วก็เตรียมไร่เตรียมสวนสำหรับเพาะปลูก สมัยนั้นจะถางหญ้าแล้วก็เผา แล้วก็ขุดกลับหน้าดินเพื่อตากแดด พวกผู้ใหญ่ก็จะไปไล่เหล่า (ไปยิงสัตว์ป่าเป็นกลุ่ม ไล่ต้อนแล้วก็ยิงด้วยปืนแก๊บที่ทำเอง) หลายครั้งก็ดักได้นกสวย ๆ มาฝากเด็ก ๆ บางครั้งก็จับกระต่ายกับเต่าเป็น ๆ มาให้เด็ก ๆ เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น หนูหิ่ง ฯ เปล่ารังแกสัตว์นะคะ ^___^ เด็ก ๆ ก็มีหน้าที่เหมือนกันค่ะ ไปหาผลไม้ป่าเช่น ลูกหว้า, มะม่วงป่า, หมากเม่า (เป็นพวงมีเม็ดเล็ก ๆ รสชาดเปรี้ยว ตากแดดเก็บไว้กินนาน ๆ ได้) กระเจี๊ยบ, มะเดื่อ, มะขามป้อม, ลูกไข่ปลา - ไข่ปู - ไข่กุ้ง เสร็จแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของแม่และพี่ ๆ ที่จะต้องช่วยกันดอง หรือตากให้แห้ง หนูหิ่ง ฯ จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ทุกฤดูเป็นฤดูที่มีความสุข ถึงจะได้ทำงานแต่ก็สนุกสนาน เพราะเห็นเป็นเรื่องเล่น ๆ ไปหมด เวลาเข้าป่าไปทำงานตามคำสั่งของแม่ก็จะมีวิทยุไปด้วย พวกเราก็จะร้องรำทำเพลงไปก่อนถึงจุดหมายปลายทาง จะทำเสียงดังตลอดเส้นทาง เพื่อที่จะให้สัตว์ได้ยินเสียงแล้วก็หลีกทางไปไกล ๆ จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน บางทีก็ต้องวิ่งกันจ้าละหวั่นเพราะเจอคู่อริตลอดกาลของหนูหิ่ง ฯ * งู * นั่นเองค่ะ เป็นเพราะหนูหิ่ง ฯ เกลียดและกลัวงูที่สุดในโลกหรือเปล่าน้า.... เลยต้องอยู่บนคานมาจนกระทั่งทุกวันนี้ คิก ๆ ๆ ๆ จบแค่นี้ก่อนจ้า
หนูหิ่ง ฯ กับหลานสาวคนโตค่ะ กลมบ๊อก ^___^ ถนนเพิ่งถึงหมู่บ้านตอนหนูหิ่งอายุได้ 2 - 3 ขวบค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2554 18:21 น. - comment id 122131
แวะมาเยี่ยมโดเรมี(หิ่งฯ)จ้า กลมบ๊อกเลยนะจ๊ะ 555555555 น่ารักจัง... แหมชีวิตเมื่อก่อน แม้จะดูลำบากแต่ก็สนุกนะจ๊ะ ชีวิตพี่ใบไม้ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันจ้า.. แต่พี่ใบไม้ก็ดีใจนะ เพราะชีวิตแบบนี้เป็นสีสันที่เด็กรุ่นใหม่ก็หาไม่ได้ ดีใจนะจ๊ะที่นู๋หิ่งฯเอามาเล่าให้ฟังจ้า....
11 กุมภาพันธ์ 2554 17:09 น. - comment id 122226
หวัดดีครับ คนที่คิดถึงอดีต..คือคนโรแมนติกต่างหาก 5555 ขับรถก้อ..ระวังๆๆบ้างครับ..ลดความเร็วบ้างก้อดี ช่วงกำแพงเพชร- นครสวรรค์ทางมันตรง ครับ..ก้อระวังหลับในละกัน รู้สึกชีพจรลงเท้าจัง เดินทางอีกแระ ให้สดใส..สดชื่นตลอดการเดินทางจ้า
12 กุมภาพันธ์ 2554 07:59 น. - comment id 122230
สวัสดีเจ้า คุณเอื้องอังกูร : งั้นหนูหิ่ง ฯ ก็เป็นคนโคตรโรแมนติก อิ ๆ ๆ ๆ เพราะคิดถึงอดีตบ่อยมาก หนูหิ่ง ฯ เคยหลับในครั้งเดียวเองค่ะ แถวถนนเชียงใหม่ไปลำพูน โชคดีไม่มีรถสวน จริง ๆ แล้วหนูหิ่ง ฯ เดินทางมากะกว่านั้นนะค เมื่อวานกะเมื่อวานซืน ไปอยุธยา - อ่างทอง - สิงห์บุรี - ลพบุรี - สระบุรี - ปทุมธานี แล้วก็เข้ากทม ตอนแรกกะจะไปนครสวรรค์ด้วย แต่ขับรถม่ายหวายแล้ว ค่ำแล้วด้วย อิ ๆ ๆ ๆ ที่สำคัญคือ.... น้ำมันจะหมดแล้วด้วยจ้า
10 กุมภาพันธ์ 2554 12:20 น. - comment id 122293
อ่านแล้วมีความสุขร่วมไปกับคุณมากกกค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2554 15:13 น. - comment id 122302
น้องหลิงครับ เป็นครั้งแรกที่อ่านเรื่องของเธอแล้วสนุก คิดถึงเรื่องสมัยเด็ก ๆ พี่เองก็คงไม่ต่างจากเธอเท่าไรเลยความจนเป็นโศกนาฏกรรมที่เจ็บปวดที่สุดของมนุษย์ ไม่รู้ใครกล่าวไว้ แต่ถ้าเราเป็นคนรวยเราคงไม่ได้มานั่งเขียนเรื่องนี้หรอกจริงมะ นี่เป็นเพราะเราจน เป็นเพราะความทุกข์ศกเราถึงได้เป็นเพื่อนกันไง ชิมิเคยอ่านนิยายเรื่องลูกอีสานของคำพูน บุญทวี ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ มันเป็นแนวสารคดีคล้ายเรื่อง น้องหลิงแต่งนี่แหละ แต่มันมีตัวละคร เป็นตัวดำเนินเรื่อง เขาชื่อคูณ เป็นเด็ก เป็นพระเอกของเรื่องขอชมเชยที่น้องหลิงยังจำได้ดีและถ่ายทอดได้เป็นธรรมชาติมาก ๆ เอาอีกนะคะ อ้ายคนไกลขอเป็นกำลังใจ๋ให้เน้อ................ อ้ายคนไกล...................... ปล. ข้าวเหนียวที่โขลกกับงาและน้ำอ้อยชาวอีสานเรียกข้าวแดกงา ครับเคยกินมันนานมาแล้วแม่ทำให้กิน เห็ดดองนี่ไม่เคยเห็นจ้า
10 กุมภาพันธ์ 2554 15:22 น. - comment id 122303
หวัดดีคับ อ่านจบแล้ว...ชื่นใจมีคนที่มีชีวิตคล้ายกับเรา เดะเลย..ตอนเปนละอ่อนน้อย..ก็เป๋นจะอี้คับ มันเปนชีวิตที่มีชีวา..มากครับ... แม้แทบจะไม่มีอะไรกิน..แต่ก้อเปนวิถีชีวิต ที่เรียบง่าย...มีความสุข.. ชีวิตมราไม่ต้องปรุ่งแต่งอะไร..มีธรรมชาติ ปรุงแต่งที่..งดงามมาก.. .กึดเติงหาอดีตขนาดคับ.. ชอบหนูหิ่งฯเล่า..เปนเรื่องเปนราว..มีชีวิตดี เป๋นจะไดพ่อง...ตอนนี้สบายดีแล้วนะครับ ปะก้นแหมใหม่เน้อเจ้า
10 กุมภาพันธ์ 2554 23:34 น. - comment id 122335
สวัสดีเจ้า คุณโอ้ละหนอ : ดีใจที่สามารถทำให้คุณมีความสุขนะคะ คุณคนไกล : ดีใจอีกครั้งที่สามารถทำให้คุณสนุกได้นะคะ สำหรับหนูหิ่ง ฯ แล้ว....ความจนไม่ใช่โศกนาฏกรรม แต่ความจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ความจนทำให้เข้าใจคน ทำให้เห็นซึ้งถึงน้ำใจของคน ความจนสอนอะไรหลาย ๆ อย่าง.... รวมถึงอย่าดูถูกคนด้วย โดยปรกติแล้วหนูหิ่ง ฯ จะเขียนตามความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นร้อยแก้ว.... หรือร้อยกรองก็ตาม หนูหิ่ง ฯ บอกก็ความลับอีกอย่าง หนูหิ่ง ฯ เป็นคนจำแม่นนะ แต่ไม่ค่อยอยากจะจำ อิ ๆ ๆ ๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้สม่ำเสมอ และหนูหิ่ง ฯ ก็หวังว่าจะเอ็นดูหนูหิ่ง ฯ อย่างเสมอต้นเสมอปลายนะคะ ปล. 1 บางบ้านก็เรียกข้าวหนุกงาค่ะ ปล. 2 เห็ดดองทำไม่ยากค่ะ ทำได้ทั้งสดและก็ต้มหรือนึ่งก็ได้ ตำเกลือกับกระเทียมเข้าด้วยกัน จะใส่ข้าวสวยด้วยก็ได้ ไม่ใส่ก็ได้ แล้วก็นำมาคลุกเคล้าด้วยกันแล้วใส่ถุงมัดให้แน่น อย่าให้ลมเข้า ประมาณ 3 - 4 วันก็เปรี้ยวกินได้แล้วค่ะ วิธีกินก็.... ใส่ปากเคี้ยว ๆ แล้วก็กลืนนะคะ หรือจะนำไปผัดน้ำมันก็ได้ ใส่ไข่ก็ได้ หรือจะใส่พริกขี้หนูลงไปด้วยถ้าชอบเผ็ด คุณเอื้องอังกูร : ดีจัง.... มีพยานแล้ว.... กะเดี๋ยวเด็กกรุงจะหาว่าหนูหิ่ง ฯ ยกเมฆ อิ ๆ ๆ ๆ บางคนบอกว่า.... คนที่คิดถึงอดีต.... มักจะเป็นผู้สูงอายุ.... ทำให้หนูหิ่ง ฯ รู้สึกแปลก ๆ พิกล.... เพราะหนูหิ่ง ฯ คิดถึงอดีตอยู่เสมอ.... ดีจัง.... ตอนนี้หนูหิ่ง ฯ มีคุณเอื้องอังกูรเป็นผู้สูงอายุด้วยกันแล้ว คิก ๆ ๆ ๆ ตอนนี้หนูหิ่ง ฯ สบายดีค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แต่ก็ต้องคอยเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าขับรถเร็ว หลังจากที่หลากเรื่องราวเกิดกับคนแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้กำลังเกิดกับรถค่ะ งื้อ ! แย่จัง เมื่อวันที่ 28 มค. ขับรถชนสุนัขแถวกำแพงเพชร กันชนแตก สุนัขขาเดี้ยงวิ่งตุปัดตุเป๋หนีไป มาถึงนครสวรรค์ความร้อนขึ้น ก็เลยต้องเคลมประกัน ตอนแรกกะว่าจะยังไม่เคลม เพราะใกล้จะหมดประกันแล้ว เดี๋ยวเบี้ยประกันขึ้น แต่ความร้อนขึ้นขับไม่ได้ ก็เลยต้องเคลมทั้งกันชนและหม้อน้ำ ตอนนี้รออะหลั่ยอยู่ค่ะ เข้ากทม.แล้วก็ไปจันทบุรี พี่หล้าขับรถไปสะดุดจอบขุดดิน ยางรั่ว เสียตังค์ค่าเปลี่ยนยาง 50 % เคลมประกันได้ครึ่งหนึ่งค่ะ ตอนนี้ก็ต้องประคบประหงบรถสุดที่รักนิดหนึ่งค่ะ โอกาสหน้าน้องจะมาหาใหม่.... เจ้าค่ะ
25 กุมภาพันธ์ 2554 22:17 น. - comment id 122730
Hi P'Baimai happy to see you again and sorry for my late reply na kha. Air card it's not work i use china phone can't type in Thai kha ^__^