อทิสมานกาย ๗๙
กิ่งโศก
พอชายหนุ่มเล่าเรื่องนรกภูมิจบแล้ว จึงหันไปถามพ่อเชียรแม่เข็มว่า
คุณพ่อ???...คิดอย่างไรบ้าง??..ครับเรื่องสรวงสวรรค์ และนรกภูมิ
พ่อเองก็เคยรับรู้มาจากหลวงพ่อทองเหมือนกันแต่ไม่ละเอียดเท่าไร
นักหรอกลูก เมื่อฟังเจ้ากล่าวเช่นนี้ทำให้พ่อยิ่งสะพรึงกลัวในการทำบาป
เวรกรรมยิ่งขึ้น
นั่นซิพี่เชียร ฉันฟังลูกโชติพูดขึ้นเช่นนี้ยิ่งน่ากลัวใหญ่ ดีน๊ะที่พวกเรา
ยังไม่ได้ทำบาปเวรมากนัก อ้อๆๆ..พี่ ในความเห็นของฉันว่าเรื่องหมูนั้น
เราเลี้ยงไว้ก็จริง ถึงจะไม่เคยฆ่ามันสักตัวเดียว แต่มันก็ต้องไปตาย เราเลิก
เลี้ยงมันจะดีไหมพี่???... เราหรือก็มีอันจะกินอยู่แล้วเฉพาะเรื่องไร่สวนก็
เหลือที่จะพอแล้วล่ะ
แม่เข็มเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองหน้าผู้เป็นผัว
นั่นซิพ่อ....ผมยิ่งฟังพี่โชติกล่าวเช่นนี้ชักจะกลัวๆขึ้นมาแล้วซิการรับฟัง
เกี่ยวกับนรกนั้นยิ่งน่ากลัวใหญ่อายุใช้เวรกรรมก็นานเสียด้วยซิน๊ะพ่อ
เจ้าชัยเอ่ยขึ้นบ้างพลางหันไปทางแม่เข็ม
ใช่ไหมแม่???... ที่แม่กล่าวผมก็เห็นดีด้วย เอาเนื้อที่มาปลูกผักครัวเรือน
ยังจะดีกว่านะ ผมคิดเช่นนั้น ยังมีอีกเรื่องหนึ่งผมไปฟังว่าเวลาบวชพระนั้น
สงสัยเหมือนกันว่าทำไมบวชพระแล้วยังต้องไปตกนรกอีกด้วย
แล้วเจ้าชัยก็หันหน้าไปมองทางพี่ชายมัน คล้ายจะสอบถามเรื่องพระนี้
ข้าว่างวดนี้คงเป็นงวดสุดท้ายแล้วล่ะสำหรับเลี้ยงหมูจ๊ะแม่เข็ม ข้านั้นคิด
ก่อนแม่เข็มเสียอีก ไปมองๆมันก็ให้เกิดสงสารแม้เราจะเลี้ยงมันอย่างดีก็ตาม
แต่ผลสุดท้ายเขาก็เอามันไปฆ่า รักนะข้ารักมันหรอกเลี้ยงมันรายได้ก็ดีเสียด้วย
เมื่อมารับฟังลูกโชติมันกล่าวเช่นนี้ เลิกนะข้าเลิกแน่นอนจ้าแม่เข็ม
ดีแล้วจ๊ะพี่ ขายมันให้หมดเลยทั้งคอกนะ ถึงลูกเล็กๆก็ขายคนอื่นไปให้ราคา
ถูกๆก็แล้วกันเขาจะได้มาซื้อไปเลี้ยงอีกทีหนึ่ง ตอนที่ข้าไปงานเลี้ยงเขามาเขาเอา
หมูมาหัน มันทำให้กินไม่ลงมันเป็นลูกหมูเสียด้วยซิ พวกกินก็เลือกกินแต่หนัง
เท่านั้น ข้าเคยถามว่าอ้าวแล้วทำไมเนื้อที่เขาสับมาให้มาไม่กินหรือ เขาบอกว่าไม่
กินหรอกมันเหม็นเขียวจ๊ะพี่
คนเรานี่ก็แปลกนะแม่เข็ม ถึงแม้จะเป็นอาหารก็ควรจะให้มันโตๆก่อนแต่นี้มัน
ยังเล็กๆอยู่ก็ต้องมาตาย เวลาตายหรือก็แสนจะทรมานมันอีกด้วย เฮ่ออ???...เลิกนะ
ข้าเลิกแน่อาทิตย์หน้าคนเขาจะมาจับมันอีกแล้ว ข้าว่าจะยกลูกให้มันไปเลยไม่ต้อง
ไปตะเวณขายชาวบ้าน ได้เท่าไหร่ไม่ว่าหรอกดีไหมล่ะแม่เข็ม
ดีเหมือนกันพี่ยกให้เขาไปเลย เขาจะเอาไปทำอะไรเรารู้ก็ทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกันบาป
คงจะมีไม่มากนักหรอกจ้า
แล้วแม่เข็มก็หันไปทางลูกชายคนโตพลางเอ่ยว่า
ที่เจ้าชัยมันพูดนั้น ลูกพอจะรู้ไหมจ๊ะ???....
ชายหนุ่มหันมาตอบในขณะที่กำลังกล่าวกับเจ้าแสงสีสินชัยเจ้าพ่วงเจ้าเริ่มอยู่
เขาจึงตอบว่า
พอจะรู้จ้าเพราะไปเห็นมาว่า พระก็ตกนรกเป็นล้วนเป็นขุมใหญ่เสียด้วยซิจ๊ะแม่
ไหนๆลองเล่าให้พ่อฟังบ้างซิลูก????.......
พ่อเชียรเอ่ยถามลูกชายทันที
นั่นซิโชติ เจ้าเชัยเอ่ยเรื่องนี้พ่อเองก็สงสัยเหมือนกัน ทางวัดโคกอีแร้งนั้นก็เห็นพระ
ทุกๆองค์อยู่ในธรรมวินัยทั้งสิ้น คงจะเป็นหลวงพ่อท่านเคี่ยวเข็นกระมังเลยไม่เห็นพระ
ที่ท่านปกครองผิดธรรมวินัย แม้แต่การเดินเหินไปไหนก็จะสำรวมกันทั้งนั้นนะ
ชายหนุ่มก็หันมากกล่าวกับพ่อแม่เขาและเจ้าชัย พลางเอ่ยว่า
การบวชเป็นพระนั้นดีนะดีครับคุณพ่อคุณแม่และน้องชัย หากทำถูกต้องธรรมวินัย
แล้วล้วนแต่ทางไปสุคติแน่นอน แต่สมัยนี้พระที่บวชนั้นหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ด้วยไม่
ค่อยมีศรัทธานัก เรียกกันว่าบวชตามประเพณีเกือบทั้งสิ้น หรือไม่ก็หนีบวชด้วยกลัว
ความผิดที่ตัวเองทำลงไปเสียมาก
น้อยคนนักจะบวชด้วยศรัทธาจึงถูกขนานนามว่าเป็นสมมุติสงฆ์ไป
สมัยก่อนเขาเรียกพระว่าภิกขุ อันคำนี้หมายถึงการขอหรือภิขาจาร
ต่อมาเขามาทำสังคายนาปาฏิโมกจึงเปลี่ยนเป็นพระภิกษุ
หมายถึงการมองเห็นธรรมไป และพระที่ขาดทางธรรมวินัยจึงมักจะต้องอาบัติ
น้อยบ้างใหญ่บ้างก็ไม่ปลงอาบัตินั้นๆด้วยเห็นเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆ
การปลงอาบัติหมายถึงการแจ้งให้ภิกษุที่แก่พรรษากว่าได้รับรู้ความผิดของตัวเอง
และปฏิญาณตนว่าจะไม่ทำต่อไปที่พร้อมด้วย กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรมด้วยครับ
และยิ่งมาสมัยนี้วิชาอาคมเขามีไว้ก็เพื่อจะป้องกันพวกคุณไสย์ดำที่เรียนเพื่อ
จะได้แก้ไขช่วยเหลือคนทั้งหลายที่ถูกคนไสย์อันพระรัตนตรัย
นั้นแม้จะสูงกว่าก็จริง พวกนี้จะไม่กลัวเกรง ก็เหมือนพวกอสูรร้ายกับยักษ์ ยักษ์นั้น
พวกยักษ์มักจะมีความนอบน้อมในพระรัตนตรัย ส่วนพวกอสูรนั้น
จะไม่ยอมรับความดีทั้งหลายด้วยเป็นพวกมิจฉาทิฐฐิครอบงำไว้มาก ก็เหมือนคนเรานี่แหละ
ที่มีของดีของงามคือพระธรรมไว้ก็ไม่เอาไม่สนใจ ซ้ำบางทีก็จะทำลายเสียอีกเช่นกันจ้า
พระที่บวชซึ่งคนเขาจะเคารพบูชาว่าเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยธรรมวินัยหาทาง
เพื่อหลุดพ้นทุกข์ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแต่มาร่ำเรียน
ทางนี้กลับหวังประโยชน์ส่วนตัวเพื่อความโลภ หากนำวิชานี้มาใช้เพื่อสร้างสาสนูปโภค
ทางพุทธศาสนาเช่นสร้าง โบสถ์ วิหาร ศาลาและที่สลักหักพังซ่อมแซมไว้แล้วไม่เก็บเงินไว้
เป็นของตัวเองก็จะไม่ผิด พระสมัยนี้จึงสร้างวัตถุมงคลขึ้นหวังแต่ความร่ำรวยเกิดความ
โลภะด้วยตัณหากิเลสครอบงำจึงเป็นเหตุให้ต้องลงไปสู่อบายภูมิ
ผมไปพบมาพวกนี้จะนุ่งแต่ผ้าขี้ริ้วที่เหม็นสาง แต่ศีรษะโล้นแบบพระสงฆ์ครับ
ผ้าที่นุ่งก็เหม็นสาบสางด้วยเป็นผ้าที่เขาใช้ห่อศพที่เน่าเปื่อยแต่ไม่ได้ซัก
อันผ้านี้สมัยเป็นพระนั้นเขาเรียกว่าผ้ากาสาวพัตร หมายถึงผ้าที่มาจากการห่อศพ
ผ้านี้เขาใช้ห่อศพและผูกศพ ที่เรียกว่าผ้ากาสังหรือผ้าตราสังนั่นแหละ
พระพวกนี้ที่อยู่ในอบายมีมากเสียด้วย และต้องโทษมากอีกด้วยเพราะเป็นผู้รู้เรื่อง
บาปบุญคุณโทษมาก จึงมีการเปรียบเทียบกับทางมนุษย์โลกว่า พวกข้าราชการทั้งหมด
ถือว่าเป็นผู้รู้กฏหมายกว่าพวกที่ไม่ได้เป็นข้าราชการโทษจึงมากกว่าเป็นหลายเท่าครับ
และเมื่อมีการอุทรธ์หรือฎีกามักจะเจอโทษยืนตามชั้นต้น ส่วนพวกที่ไม่ใช่ข้าราชการ
นั้นก็ดำเนินไปตามกฏหมาย ก็จะคล้ายๆกันนั่นแหละครับพ่อ
อันพวกที่บวชเป็นพระนี้เขาเปรียบไว้ว่าเหมือนยืนบนปากเหวลึก เท้าข้างหนึ่งอยู่บน
สวรรค์อีกข้างหนึ่งริมเหวตกไปยังนรกภูมิ
หากคนจะบวชถ้าไม่ศรัทธามั่นคงจริงไม่ควรจะบวช ด้วยจิตใจไม่พร้อมย่อมไปอบายภูมิ
เพราะจะต้องหมายถึงไปนรกครึ่งหนึ่งสวรรค์ครึ่งหนึ่งครับ
ด้วยธรรมวินัยมีข้อปฏิบัติมากมายนักมีศีลถึง ๒๒๗ ข้อเป็นวัตรในการปฏิบัติ
ส่วนเณรนั้นมีแค่ ๑๐ ข้อ อุปาสกอุบาสิกานั้นมีเพียงแค่ ๘ ข้อ
ส่วนคนธรรมดาจะมีเพียงแค่ ๕ ข้อเท่านั้น
อันพระธรรมวินัยของพระนั้นจะมีถึง ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ให้ต้องเรียนรู้
ให้มากที่สุดจะมากได้จะล่วงเกินไม่ได้สักน้อยนิด หากล่วงเกินนั้นก็จะจมลงไปอีก
คล้ายๆดังพระเทวทัตนั่นเองที่จะสร้างกฏเกณฑ์เพื่อให้เขาเกิดนับถือตนเองเป็นใหญ่
มากกว่าพระพุทธเจ้าเป็นต้นครับพ่อ ฉะนั้นพระที่ทุศีลเหล่านี้จึงต้องลงไปในอบายภูมิ
มากน้อยองค์นักที่จะเอาตัวรอดไปได้ หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว
ร้อยละ ๗๐ ๘๐ มักจะลงไปสู่อบายภูมิเสียเป็นส่วนมากตามแต่กรรมที่ก่อสร้างไว้
หากอาบัติเล็กๆน้อยๆนี้เก็บสะสมมากเข้า ก็จะไปทำลายสภาพแห่งจิตใจจนเกิด
เป็นความชินชาตอนแรกจะรู้สึกอับอายที่ตนเองผิดพอนานๆเข้าก็จะชินชาไม่เกรงกลัว
แล้วเกิดเป็นนิสัยสันดานขึ้นหาเกรงกลัวต่อบาปกรรม
จึงต้องลงไปสู่อบายภูมิเป็นส่วนมากครับพ่อ
แล้วชายหนุ่มก็หันไปทางเจ้าชัย พลางถามว่า
ตอนนี้น้องเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าเหตุใดพระถึงได้ตกนรกได้ก็ด้วยเหตุนี้เองแหละน้อง
ผมได้ฟังพี่อธิบายทำให้ผมยิ่งเกรงกลัวเวรกรรมมากครับพี่ หากผมจะบวชเห็นทีต้อง
ศึกษาพระธรรมให้แจ่มแจ้งก่อนแล้วจนบังเกิดจิตศรัทธามากๆครับพี่
สำหรับเจ้าไม่ต้องถึงเพียงนั้นหรอกชัยเอ๋ย ด้วยพี่เองก็สอนเรื่องสมาธิให้แก่เจ้าด้วยแล้ว
อันการเจริญสมาธินี้ ผลคือให้จิตใจเกิดความมั่นคงแข็งแรงขึ้น เพื่อจะได้มีสติในการ
พิจารณาความดีความชั่วนั่นเอง ด้วยสมาธินี่ก็คือการรวมพลังงานแห่งจิตใจเราให้เข้มแข็ง
จนเกิดพลานุภาพในการจะทำงานใดๆ หากใช้ในทางที่ถูกที่ควรก็จะเป็นประโยชน์แก่เรา
หากใช้ในทางที่ผิดก็เกิดโทษแก่เรา ดังมีดที่มีคมทั้งสองด้านนั่นแหละน้องรัก
ครับพี่ ..... ผมจะได้หมั่นเจริญสมาธิตั้งแต่พี่สอนผมมาทำให้ผมรู้สึกว่าร่างกาย
ไม่ค่อยจะอ่อนล้าเท่าไหร่นัก กลับทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกมากด้วย
สงสัยจะเหมือนดังที่พี่กล่าวไว้นั่นเองครับ
เวลาผมขุดดินผมจะตั้งมั่นไว้ที่จอบและดินก็คล้ายๆจะเกิดพลังงานส่งผลให้งาน
นั้นเสร็จเร็วและไม่ค่อยเหนื่อยครับ
นั่นแหละคือพลังงานจากจิตใจที่จดจ่อกับสติรวมตัวกันขึ้น จึงเกิดการลืมความอ่อนล้า
ไปเพราะจิตใจน้องมุ่งอยู่กับดินและจอบนั่นเองล่ะ
ครับขอบคุณพี่มากครับ ที่ทำให้ตาและใจผมกระจ่างขึ้นอีกมากที่พี่แก้ความสงสัยให้
แก่ผมครับพี่
ไม่เป็นไรหรอกน้อง ด้วยมันเป็นเรื่องจริงของธรรมชาติที่สรรค์ให้แก่ทุกๆคน ว่าจะเอา
มาใช้ได้ถูกหนทางหรือไม่เท่านั้น แต่น้องพี่ใช้ในทางที่ถูกหนทางจึงเป็นดังนี้แหละ
ครับผมจะต้องฝึกสมาธิให้มากๆด้วยครับ บอกพี่ตรงๆได้ยินพี่เล่ามานี้
ทำให้ผมเมื่อก่อนนี้จะทำอะไรก็มักจะไม่เคยคิดเกรงกลัวอะไร
ทั้งบาปบุญคุณโทษ แต่ฟังแล้วก็ให้มีสติเกิด
แยกแยะออกขึ้นมาเองครับ
เจ้าชัยเอ่ยให้พี่ชายมันพัง ส่วนพ่อเชียรแม่เข็มก็อดที่
จะยิ้มและหัวร่อเสียไม่ได้เมื่อได้ยินเจ้าชัยกล่าวเช่นนี้
ทำให้ทั้งสองต่างคนต่างคิดแต่ก็มาในทางเดียวกันคือพี่ชายมันสั่งสนอน้อง
มันให้ทำแต่ความดี หากคิดดีทำดีอนาคตของมันย่อมจะมั่นคง ไม่คิดในสิ่งเลวร้ายไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกจากหน้าบ้านขึ้น เรียกพ่อเชียรดังขึ้น ดังนั้นทั้งสามคนจึงบอก
ลูกชายทันทีว่ามีคนมาเรียกพ่อไม่รู้เป็นใครกัน ด้วยพ่อเองก็ไม่ค่อยจะได้วิสาสะอะไรกับ
ชาวบ้านมากนัก แม่นางอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
กำนันหวนแม่เย็นและลูกมาเรียกจ้า
หรือ งั้นขอบใจแม่นางด้วยนะ ขอตัวไปก่อนล่ะ
พลางหันหน้าไปทางเมียและลูกพยักหน้าให้รู้ ว่าสมควรออกไปได้แล้ว
เมื่อออกจากห้องแล้วทั้งสามคน เจ้าชัยก็รีบลงจากบ้านไปเปิดประตูรับ
กำนันหวนและพวกทันที
ครั้นเมื่อทั้งหมดมานั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วและต่างทักทายกันดุจเครือญาติกัน
สาวชบาก็รีบไปนำน้ำมาให้แก่คนทั้งหลายแล้ว ก็รีบถอยหลังกลับไป
พี่หวนมีอะไรหรือ ถึงได้มาถึงบ้านน้องล่ะ
พ่อเชียรเอ่ยทักขึ้นทันที
อ้อ....พี่มาบอกน้องว่าพี่ได้ไปลาออกจากกำนันเรียบร้อยแล้วล่ะ และวางกำหนดเวลาบวช
ไว้ เพื่อจะชวนน้องไปร่วมงานบวชพี่ด้วย จึงต้องมาด้วยตนเองเสียดายๆๆอย่างหนึ่ง
พ่อกำนันหวนเอ่ยขึ้น
อ้าวมีเรื่องอะไรบอกน้องได้นา หากน้องช่วยได้ก็จะรีบช่วยไม่อยากให้พี่เวลาไปบวชจะได้
ไม่ต้องกังวลใจ จะได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมพี่ ข้าเองหรือระยะนี้
ก็ไม่ค่อยมีอะไรจะทำอยู่ด้วยล่ะ พี่พูดมาได้เลยว่าจะให้น้องช่วยอะไรได้บ้าง
พ่อเชียรเอ่ยกับกำนันหวนและพวกให้ฟัง
ก็เรื่องแม่บงกชลูกสาวพี่เองแหละ ที่ทำใจไม่ได้สักที
ก็ด้วยเหตุนี้แหละที่พี่กังวลมาก ถึงจะมีเจ้าชวนอยู่ดูแลก็เหมือนกัน
ส่วนแม่เย็นหรือเขาก็คิดจะออกบวชไปอีกแล้ว แต่ข้อนั้นไม่มีปัญหาหรอก
เพียงบวชชีแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม ที่ห่วงก็เรื่องอีหนูเท่านั้นแหละน้อง
พ่อกำนันหวนซึ่งบัดนี้เป็นอดีตกำนันไปแล้วกล่าวขึ้นให้ฟัง
ทันใดนั้นพ่อเชียรได้ยินคำพูดของพี่กำนันก็คิดได้ หรืออาจจะมีสิ่งที่แฝงในใจ
ก็คิดที่จะช่วยเหลือทันที จึงเอ่ยปากว่า
อ้อๆๆเรื่องนี้เองหรือ ข้าเองบอกพี่ตรงๆนะว่าไอ้ชัยลูกข้านั้นมันยังเป็นโสด
ว่าจะหาผู้หญิงให้มันสักคน ตัวข้าเองหรือก็แก่แล้วก็อยากจะมีหลาน
อุ้มสักคนสองสามคนไว้แก้เหงา ข้ามองสาวๆไปทุกแห่งที่แล้ว
พบแต่หนูบงกชนี่แหละแต่ไม่กล้าเอ่ยปากกับพี่ ด้วยพึ่งจะมักคุ้นไม่เท่าไหร่หากเป็น
เรื่องนี้ที่พี่กังวล หากไม่รังเกียจครอบครัวน้องล่ะ
ก็จะใคร่กล่าวเสียวันนี้เลยว่าอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกับพี่เหมือนกัน
แต่เกรงใจพี่เท่านั้นเอง ครั้นได้ยินพี่กล่าวเช่นนี้ อีกอย่างหนึ่งข้าก็คิดเหมือนกัน
ว่าจะให้แม่เข็มเขาไปพูดจาเรื่องนี้สักที แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งกลัวพี่
จะรังเกียจครอบครัวข้าเอง ด้วยพึงคบกันมา
วันนี้พี่มาครบก็ดีแล้ว ข้าจะขอเอ่ยปากสู่ขอแม่หนูบงกชเสียเลย แล้ว
พี่จะเป็นเป็นประการใด บอกตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อมหรอกว่าจะได้หรือไม่เท่านั้นเอง
เพราะเป็นเรื่องใหญ่มากๆ จะบังคับเคี่ยวเข็นหรือก็ไม่ดีนักอยากให้พี่สอบถาม
แม่หนูบงกชให้เรียบร้อยเสียก่อน ส่วนทางข้างนั้นหากหนูบงกชยินยอมไม่รังเกียจ
ก็ถือว่าวันนี้เป็นวันดี ก็จะขอหมั้นเป็นทางการเสียก่อนถึงแม้จะไม่มีคนมาเป็น
พยานก็ตามเถอะ ถือว่าเป็นการจองไว้จะเปลี่ยนใจอย่างไรตามใจพี่ก็แล้วกันนะ
พ่อเชียรอันที่จริงก็ไม่จำเป็นนักแต่ด้วยคิดจะสร้างกุศลช่วยเหลือกำนันอีกทางหนึ่ง
เด็กบงกชนี้ก็ไม่เลวนักสวยก็ถือว่างามที่สุดในถิ่นละแวกนี้ อุปนิสัยสืบมาแล้วล้วนแต่
เป็นกุลสตรีงานเหย้างานเรือนหรือก็เพียบพร้อมทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
สังเกตุเห็นเจ้าชัยก็มักจะชะม้อยตามองด้วย คงจะเกิดความชอบตามวิสัยชายหนุ่ม
และอีกอย่างหนึ่งนั้นสาวชบานั้นตัวเองคิดจะมอบให้แก่เจ้าโชติในอนาคตแก่
มันด้วย ครั้งนี้เหมือนยิงนกทีเดียวได้สองตัวเลยก็อาจจะว่าได้ จึงได้เอ่ยเช่นนี้
จริงซิพ่อหวนแม่เย็น ข้าเองก็คิดที่จะสู่ขอแม่หนูมาเป็นสะไภ้ของข้าเหมือนกัน
ปรึกษากับพี่เชียรแล้ว พี่เขาบอกว่าอาจจะเร็วไปจึงคอยจังหวะว่าจะไปหาแม่เย็นนะ
แม่เข็มเอ่ยสนับสนุนผัวตัวเองทันทีด้วยความคิดเช่นเดียวกับผัวตัวเองเหมือนกัน
ครั้นพ่อหวนแม่เย็นได้รับฟังเช่นนี้ก็ให้ลิงโลดในใจ แต่เป็นฝ่ายหญิง
ครั้นจะเอ่ยหรือก็ไม่งามนัก จึงเอ่ยขึ้นว่า
น้องเชียรไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก เราก็เคยเอ่ยกันแล้วว่าจะรักใคร่ปรองดองกัน
เสมือนเป็นญาติพี่น้อง หากเป็นความประสงค์ของน้อง
พี่มีหรือจะไม่ยอมยกให้แต่พี่เป็นฝ่ายหญิง น้องก็คงจะรู้ๆนะ
ในเมื่อพี่กล่าวเช่นนี้ ข้าขอกราบพี่เสียเลยที่พี่มีความกรุณาแก่ครอบครัวของข้า
ว่าแล้วพ่อเชียรก็ก้มลงจะกราบ แต่ถูกพ่อหวนรีบคว้าตัวไว้ก่อนทันควัน
ส่วนเจ้าชวนถึงกลับยิ้มแก้มตุ๋ย ด้วยมันอ่านความในใจของพ่อเชียรแม่เข็มและพ่อแม่มันออก
อีกอย่างหนึ่งหากสองครอบครัวสัมพันธ์กันดี พ่อมันก็หมดห่วงจะได้เต็มต่อการบวช และเจ้า
ชัยหรือมันได้ข่าวคราวเสมอๆว่า เป็นคนขยันหมั่นเพียรและสู้คนคงปกป้องน้องมันได้
ส่วนแม่สาวบงกชถึงกลับก้มหน้มเหนียมอาย เมื่อได้ยินผู้ใหญ่กล่าวเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นชัยหรือ โชติหล่อนย่อมไม่ขัดข้องเสมอ แม้ใจนั้นจะมุ่งไปทาง โชติ ก็ตามที
ส่วนชัยหรือก็ไม่เลวนักในสายตาหล่อน ขยันหรือก็ขยัน หนักเอาเบาสู้ตลอดมา
พ่อหวนก็หันมาทางลูกสาวทันที เอ่ยว่า
แล้วหนูกชล่ะ???....จะเห็นเป็นประการใดที่พ่อเชียรเขากล่าวเช่นนี้นะ.............
* กิ่งโศก * ผู้นำมาลง