* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน สองพี่น้องควงแขนกันเข้าโรงบาล * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


หนูหิ่ง ฯ มีเรื่องเครียด จนเป็นโรคเครียด นั่งก็เครียด นอนก็เครียด ขับรถก็เครียด
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว้า.... เมื่อประมาณต้นปี 53 ที่ผ่านมา  พี่สาวคนโตของหนูหิ่ง ฯ คนที่เป็นมะเร็งเต้านม
ไปตรวจสุขภาพหลังตัดเต้านมขวาทิ้งไปทุก ๆ 3 เดือน  ปลายปี 53 ผ่านไปแค่ปีกับแปดเดือน
แพทย์แจ้งว่า.... ตอนนี้มะเร็งลามไปที่ปอด  ตับ  และกระดูกแล้ว
พวกเราทั้งหมดก็พากันอึ้ง อึ้ง แล้วก็อึ้ง  คิดไม่ถึงว่าจะลามเร็วขนาดนี้  
แต่ก็ไม่อยากจะโทษใคร  เพราะโรคก็ลามไปแล้ว  เวลาผ่านไปแล้ว  แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
หนูหิ่ง ฯ ถ่ายประวัติจากโรงบาลที่เชียงใหม่  ไปปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางที่กทม.หลายโรงบาล
แพทย์ทุกท่านก็บอกตรงกันว่าอยู่ได้แค่ 1 ปีสูงสุดไม่เกิน 2 ปี
พอจะออกจากโรงพยาบาล  หนูหิ่ง ฯ ก็เริ่มออกอาการเอ๋อเหรอ  หารถไม่เจอ
เดินตั้งแต่ชั้น 4 ไปชั้น 10  แล้วก็ชั้น 10 ไปชั้น 4  จนเหมื่อย  ก็ยังหารถไม่เจอ
คิดว่ารถหาย  จะลงไปแจ้งยามที่ชั้น 1  ปรากฎว่าเจอรถจอดอยู่ที่ชั้น 1.... กรรม !
หลังจากนั้นก็นอนไม่ค่อยหลับ  กินไม่ค่อยลง  น้ำหนักลดรูปร่างสวยกะทันหัน
แล้วก็เริ่มขับรถหลงทางบ้าง  ฝ่าไฟแดงบ้าง  สุดท้ายตอนที่คิดว่าไม่ไหวแล้วคือ....
เวลาประมาณทุ่มเศษ ๆ หนูหิ่ง ฯ ขับรถไปโรบินสัน จันท์  กำลังเลี้ยวรถเข้าช่องจอด
ดูแล้วว่าว่าง  ไม่มีรถ  ก็เลยเลี้ยวเข้าไป  แล้วก็โครม  คนพร้อมมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปเกือบ 2 วา
ดีที่หัวไม่ฟาดพื้น  หนูหิ่ง ฯ ก็ตกใจ  จอดรถ  แล้วก็ลงไปฉุดพี่เขาขึ้นมา  บอกเขาว่าไม่ต้องกลัวนะ
รถหนูหิ่ง ฯ มีประกันชั้น 1  เจ็บตรงไหนหรือเปล่า  หนูหิ่ง ฯ พาไปโรงบาลนะ  พี่เขาก็ไม่ตอบ
แต่เดินไปดึงรถขึ้น  หนูหิ่ง ฯ ก็ช่วย  รถเสียประกันหนูหิ่ง ฯ ก็ซ่อมให้นะ  ไม่เป็นไรนะคะ
พี่เขาก็ไม่พูดอีก  แต่ก็สตาร์ทรถ  แล้วก็ขับรถไปเฉยเลย ~ _~  หนูหิ่ง ฯ ก็งง ๆ อะไรเนี่ย !
แล้วก็มีพี่ผู้ชายเดินมาดู  ถามหนูหิ่ง ฯ ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า  หนูหิ่ง ฯ ก็บอกว่าไม่เป็นไร
แต่พี่เขาเจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้  ถามก็ไม่ตอบ  จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่พูด  แล้วก็ขับรถไปเฉยเลย
หนูหิ่ง ฯ ก็งง ๆ อยู่นี่ล่ะค่ะ  ขอบคุณที่มาดูนะคะ  ^___^
หนูหิ่ง ฯ ก็เลยบอกให้พี่สาวส่งพี่เขยมาช่วยขับรถโดยด่วน  เพราะหนูแย่แล้ว
จากนั้นไม่ถึงเดือน  เกิดเรื่องให้ต้องได้กลับเจียงใหม่อีกครั้ง  ซึ่งก็ดีเหมือนกันนะ
ช่วงนั้นน่าจะเป็นประมาณเดือนกันยา  รถหนูหิ่ง ฯ ถูกชนท้ายที่มอเตอร์เวย์บางนา - ตราด
ก็เลยต้องเข้าศูนย์  ก็เลยตัดสินใจกลับไปเจียงใหม่  เพราะไม่มีรถไปทำงาน
พอดีพี่สาวคนโตที่เป็นมะเร็งอยากไปถือศึล - ปฏิบัติธรรมที่วัด 7 วัน  หนูหิ่ง ฯ ก็เลยไปเป็นเพื่อน
หลังจากนั้นก็เริ่มรักษาตัว  ให้คีโม  ให้เฮอเซฟติน  ให้มอร์ฟีน  ฉายแสง ฯลฯ
พอรถเสร็จหนูหิ่ง ฯ ก็เริ่มไปทำงานคนเดียวอีกครั้ง  
หลังจากนั้นพี่สาวก็เข้า ๆ ออก ๆ โรงบาลเรื่อย ๆ จนจะขอซื้อห้องโรงบาลสักห้องแล้ว
ถึงกลางเดือนธันวา  ก็ได้รับข่าวร้ายว่า  ตับโตและกระดูกพรุนแล้ว  แขน - ขา เริ่มบวม
หนูหิ่ง ฯ ก็เลยกลับเชียงใหม่อีกครั้ง  ประกอบกับหนูหิ่ง ฯ ถ่ายเป็นเลือดก็เลยถือโอกาสไปตรวจด้วย
วันที่ 22 หมอให้แอดมิท  หนูหิ่ง ฯ เคยผ่าทอลซินแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 42  ตอนนั้นถูกวางยาสลบ
แต่คราวนี้วิสัญญีแพทย์บอกว่าจะบล็อกหลัง  หนูหิ่ง ฯ เคยได้ยินคนถูกบล็อกหลังเพื่อคลอดลูกบางคน
บ่นว่าไม่ดี  จะปวดหลังไปตลอด  จะนั่น จะนี่  หนูหิ่ง ฯ ก็กลัวอยู่เหมือนกัน  แต่ก็ทำเป็นไม่กลัว
เช้าวันที่ 23 น้ำเกลือที่ให้ยังไม่หมด  พยาบาลก็มาเปลี่ยนชุดห้องผ่าตัดให้ 9.00 น.เข้าห้องผ่าตัด
พี่คนที่มาเข็นรถนอนให้เป็นผู้ชาย  ก็คุยทักทายสนุกสนานร่าเริงดี
พอไปถึงห้องเตรียมการผ่าตัด  พยาบาลก็ไล่พี่คนเข็นออกไป  เพราะต้องแก้ผ้าหนูหิ่ง ฯ 
หนูหิ่ง ฯ ก็เลยถามว่าต้องเปลีอยหนูหิ่ง ฯ หรือ ?  พี่เขาก็บอกว่าใช่  แฮ่....  ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ 
เลิกอายชั่วคราว  ลุกขึ้นนั่งจะแก้ผ้า  พี่พยาบาลรีบดันตัวลงบอกว่าเดี๋ยว ๆ ๆ นอนแก้ก็ได้เดี๋ยวจะโป้
หนูหิ่ง ฯ บอกว่าไม่เป็นไรหรอก  อายก็ไม่หายสิ  พี่พยาบาลก็บอกว่าไม่ใช่อย่างงั้นหรอก
พี่กลัวพี่คนเข็นรถจะนอนไม่หลับ  นั่น ! เป็นงั้นไป
เสร็จแล้วก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด  วิสัญญีแพทย์หญิงบอกให้นอนคู้ตัวเป็นกุ้งเลย  แล้วก็ฉีดยาเข้ากระดูกสันหลัง
เอ.... ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด  มือนิ่มจัง ^__^
ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ชาตั้งแต่เอวลงไป  หมอใหญ่ก็เริ่มผ่า ๆ ๆ ๆ หนูหิ่ง ฯ ก็รู้สึกตัวนะ  แต่ไม่เจ็บเลย
ผ่าเสร็จ  เย็บเสร็จแล้วก็ไปห้องพักฟื้น  ห้องพักฟื้นหนาวมาก  หนูหิ่ง ฯ ขอผ้าห่มไฟฟ้า พยาบาลก็น่ารักมาก
ให้มา 2 ผืนเล็ก ๆ คนอื่นเขาพัก 2 ชั่วโมง  แต่หนูหิ่ง ฯ พัก 3 ชั่วโมงเพราะยังไม่หายชา
พี่พยาบาลประจำห้องผ่าตัดก็มาบอกว่า  คุณหมอส่งชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ไปตรวจนะ
ประมาณ 1 อาทิตย์จะรู้ผล  หนูหิ่ง ฯ ก็นึกในใจ  ว่าผลคงไม่ดีเท่าไหร่  เพราะคนใน
ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็ง
แต่ก็คิดต่อไปอีกว่า.... เอาน่า.... ไหน ๆ จะป่วยทั้งทีก็เป็นโรคนี้แหละ  เพื่อนเยอะดี
ระดับนี้แล้ว  เป็นโรคกระจอก ๆ ได้ยังไง  โรคนี้เขาฮิทออกจะตาย  เป็นเสียหน่อยจะได้ทันสมัย  ฮิ ๆ ๆ ๆ 
พอหายชาพี่คนเข็นก็เข็นขึ้นห้อง 809  อยู่ตรงข้ามห้องพี่สาวที่รักษาตัวอยู่ห้อง 810
เมื่อขาหายชา  หนูหิ่ง ฯ ก็ลุกเดิน ๆ ๆ ๆ แล้วก็ไปนอนเฝ้าพี่สาวที่ห้อง 810  
ฮี่ ๆ ๆ ๆ พยาบาลหลายคนบ่นว้า....  ทำคนไข้หาย  หาคนไข้ไม่เจอ ^__^
คนไข้ผ่าตัดห้องอื่น  พอผ่าตัดเสร็จพยาบาลต้องขอให้เดิน
ส่วนคนไข้คนนี้  พอผ่าตัดเสร็จพยาบาลต้องบอกให้นอน  เป็นไง  เหนื่อยไหมคะพี่พยาบาล  ^___^
แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็ทำเรื่องออกโรงบาลวันที่ 24 เย็น  แต่ก็ยังนอนเฝ้าพี่สาวที่ห้อง 810
ข่าวร้ายอีกครั้ง  มะเร็งลามไปที่สมองของพี่สาวแล้ว ~_~
หนูหิ่ง ฯ ก็เลยตัดสินใจไปตัดผมสั้น  หลังจากที่ไว้ผมยาวมาเกือบตลอดชีวิต
เพราะหลายสาเหตุ  หลัก ๆ ก็คือ  อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอยากเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง  
พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ชอบผมสั้นด้วย  บอกว่าน่ารักดี  ไม่รกรุงรังเหมือนรังนก
หนูหิ่ง ฯ ก็เลยเดินไปเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว  ซึ่งอยู่หลังโรงบาลนี่เอง
ไปบอกช่างว่าจะซอยผมสั้น  เอาสั้นจู๋เลยนะ  ช่างก็มองหน้าตาปริบ ๆ 
แล้วก็บอกว่า  ตัดบ็อบละกันนะ  เทนิด ๆ ประมาณไหล่  ไม่ต้องสั้นมากหรอก
เพราะเดี๋ยวจะรับไม่ได้  นั่น ! ช่างรู้ใจอีกต่างหาก  หนูหิ่ง ฯ ก็เลยได้ทรงผมใหม่เป็นของตัวเอง
แล้วหนูหิ่ง ฯ รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ จึงขอหมอตรวจใหม่  ก็เลยถูกจับเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้งวันที่ 29
เหตุการณ์เหมือนเดิม  พี่คนเข็นรถคนเดิม  ห้องผ่าตัดห้องเดิม  พยาบาลชุดเดิม
ต้องเปลือยเหมือนเดิม  คราวนี้หนูหิ่ง ฯ แซวพี่คนขับรถว่า  พี่จะอยู่ดูก็ได้นะคะ
แต่หนูกลัวว่าเมื่อพี่ออกเวรไปจะนอนไม่หลับ  กระสับกระส่าย  ใจไม่ดี  ต้องเสียเวลาไปเรียกขวัญคืน  ฮี่ ๆ ๆ ๆ
แล้ววิสัญญีแพทย์ก็มาแต่คราวนี้เป็นผู้ชาย  ไม่ใช้วิธีบล็อกหลัง  แต่ใช้วิธีฉีดยาชา  เจ็บกว่าบล็อกหลังนิ๊ดนึง
วิสัญญีแพทย์คนนี้น่ารักดี  ชวนคุยตลอด  ก็เลยไม่เครียด  
หมอใหญ่ก็ผ่าไป  หนูหิ่ง ฯ กะวิสัญญีแพทย์ก็คุยกันไป  หัวเราะไป  เป็นที่สนุกสนาน
คุยกันถึงเรื่องไปเที่ยวจีน  กุ้ยหลิน  ลี่เจียง  กำแพงเมืองจีน ฯลฯ  
พอหมอผ่าตัดเสร็จ  ก็รู้สึกว่าเร็วจัง  กำลังคุยติดพันสนุก ๆ อยู่เลย  (วิสัญญีแพทย์คนนี้หล่อด้วยหละ  ^__^ )
แล้วก็ไปพักที่ห้องพักฟื้นเหมือนเดิม  ขอผ้าห่มไฟฟ้าได้มา 2 ผืนเหมือนเดิม
คราวนี้พักสองชั่วโมงครึ่ง  แล้วก็ถูกเข็นไปที่ห้องเดิม 809  พี่สาวก็ยังอยู่ 810 เหมือนเดิม
แม่มานอนเฝ้าตั้งแต่วันที่ 28  จำได้ว่าก่อนเข้าห้องผ่าตัดได้ยินแม่คุยกะหมอว่า.... ให้ผ่าใส้เผื่อมาสัก 2 - 3 เมตร
ถ้าหนูหิ่ง ฯ ออกโรงบาลแล้วจะทำตือฮวนให้กิน  นั่น ! เอากะแม่หนูหิ่ง ฯ สิ  *__~
จากนั้นพี่สาวหนูหิ่ง ฯ ขอออกโรงบาลวันที่ 30  ทุกคนก็เลยกลับบ้านกันหมด  ส่วน
หนูหิ่ง ฯ ก็นอนโรงบาลคนเดียว
และก็ขอหมอออกโรงบาลวันที่ 31  สาเหตุก็เพราะว้า.... หนูจะไม่ป่วยข้ามปี  ^___^

หารูปตอนอยู่โรงบาลไม่เจอ  เดี๋ยวจะไปขอเซฟที่พี่พยาบาล  ^__^				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน