ชีวิตเด็กวัด

ดาวศรัทธา

ตอน  ข้าวก้นบาตร
“เล็ก .... เล็ก .. ตื่นได้แล้ว”
เสียงพี่หงัดตะโกนเปลุกเบาๆ ทำให้ฉันงัวเงียตื่น แล้วรีบตะลีตะลานเก็บมุ้งหมอนรวบไว้ในเสื่อ 
เพราะได้ยินเสียงกุกกักจากชั้นบนด้วย แสดงว่าหลวงพี่ตื่นแล้ว และกำลังเตรียมออกบิณฑบาต
ฉันรีบเผ่นไปห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัว  แสงแดงสลัวจากหลอดไฟ พอมองเห็นตะกร้าหวายเบี้ยวๆใบเขื่อง เมื่อเอาปิ่นโตเล็กๆ มาจัดวางได้สี่เถา เรียงกันสี่ชั้นโดยไม่ร้อยสาย เพราะไม่เกะกะ พอมีช่องว่างข้างๆตะกร้าไว้ใส่ของอื่นๆ
ฉันหิ้วตะกร้าถือบาตร มานั่งรอหลวงพี่อยู่หน้ากุฏิไม่ทันนาน หลวงพี่ก็ลงบันไดมาจากชั้นบน พลางสะบัดจีวรห่มคลุมตามแบบธรรมยุติ มารับบาตรแล้วเดินนำไป ไม่พูดไม่จา
แม้หลวงพี่จะเป็นพระรูปไม่งาม แต่ก็สันทัดทะมัดทะแมง ผิวคล้ำแบบชาวอิสานทั่วไป ท่านบวชเรียน เป็นมหาเปรียญห้ามานานหลายปี นับว่าเป็นพระสงฆ์สุปฏิปันโนรูปหนึ่ง ท่านไม่เคยอบรมแสดงธรรมให้ฟัง แต่ก็คอยดุให้ลูกศิษย์สำรวม กุฏิของท่านจึงเงียบสงบดี
เส้นทางบิณฑบาต ออกจากวัดด้านตลาดโบ๊เบ๊ ข้ามทางรถไฟ ผ่านตลาดโบ๊เบ๊ ข้ามคลองผดุง มุ่งตรงไปทางสะพานขาว แล้วข้ามถนนวนซ้าย อ้อมไปทางหลังตลาดมหานาค แล้ววกกลับ เลียบคลองมหานาค ผ่านกลางแผงตลาดผลไม้จนบรรจบทางขามา แล้วไขว้เข้าไปในย่านตลาดโบ๊เบ็ จนมาถึงทางรถไฟ กลับเข้าวัด
 เจตนาก็คือ ต้องไปโปรดให้ถึงโยมประจำที่อยู่ริมคลองมหานาคซึ่งเป็นแผงแม่ค้า ขายผลไม้ และ โยมร้านคนจีนขายผ้าในตลาดโบ๊เบ๊สองสามร้าน นอกนั้นก็เป็นผู้ใจบุญทั่วไป ตามทางผ่าน กว่าจะกลับถึงวัดก็เต็มล้นบาตรล้นตะกร้า วันไหนเป็นเทศกาลก็ล้นจนตะกร้าห้อยย้อยเดินหิ้วจนตัวเอียง บางครั้งต้องกลับวัดก่อนครบตามเส้นทางประจำเพราะเต็มเกินรับอีก
หลวงพี่ให้ฉันหิ้วตะกร้าปิ่นโต ตามท่านเป็นประจำ ทั้งๆที่เป็นเด็กกว่าเพื่อน มารู้เหตุผลตอนครั้งหนึ่งที่กลับจากเยี่ยมบ้านช่วงปิดเทอม เด็กวัดรุ่นพี่ที่ไปถือปิ่นโตแทน บอกว่าโดนหลวงพี่ดุว่าทำไม่ดีอย่างฉัน คงเป็นเพราะฉันอ่อนน้อม ให้ความเคารพคนใส่บาตร ด้วยความสำนึกในบุญและมีใจอนุโมทนาในกุศลของเขา และเดินตามพระอย่างเรียบร้อย ยังกับเณรน้อย 
ผลก็คือฉันต้องรับหน้าที่กุลีหลักนี้อยู่คนเดียว ต้องตื่นเช้าก่อนเพื่อน ตามหลวงพี่ ขณะที่เด็กอื่น นอนตื่นสายกันอย่างสุขารมณ์  และฉันแทบไม่มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านนานๆได้
      เช้านี้ก็เช่นวันปกติ อาหารที่บิณฑบาตได้  มีหลากหลาย มากพอเลี้ยงทั้งกุฏิ พี่หงัดมารอรับ ที่ริมทางรถไฟ รับช่วงถือตะกร้า ส่วนฉันไปรับบาตรจากหลวงพี่ เดินข้ามทางรถไฟกลับเข้าวัด พอถึงกุฏิก็เทข้าวใส่กาละมัง แล้วเอาบาตรไปล้างเช็ดถูจนแห้ง แล้วเก็บผึ่งแดดที่ริมหน้าต่างในห้องนอน คนอื่นช่วยกันจัดสำรับจานช้อนน้ำไว้บนตั่งที่กลางห้องโถงชั้นล่าง หน้าห้องนอนเด็กวัด รอหลวงพี่กลับลงมา
   ระหว่างที่หลวงพี่ฉันมื้อเช้าอยู่นั้น ฉันรีบแต่งเครื่องแบบนักเรียน เตรียมพร้อมเพื่อไปให้ทันเข้าเรียน  เมื่อเสร็จจากฉันอาหารคาวหวาน  หลวงพี่จะจัดแบ่ง อาหารไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับมื้อเพล
พอหลวงพี่ลุกออก จากตั่ง ก็ถึงคราวศิษย์วัดทั้งหลาย ช่วยกันยกสำรับคาว และกาละมังข้าวก้นบาตร มานั่งล้อมวงโจ้กันที่พื้นห้องข้างๆตั่ง  อาหารจานโปรดที่มักถูกช่วงชิงก่อน คือ ไข่ดาว แต่ถูกแค่ควักไข่แดงไปเท่านั้น ไม่ค่อยมีใครสนใจไข่ขาวที่เหลือ จึงเป็นส่วนที่ฉันได้รับเป็นประจำ โดยไม่ต้องแย่งแข่ง นอกนั้นก็เป็นพวก แกงกะทิทั้งหลายเป็นส่วนใหญ่ ผลไม้กล้วยส้มมีเป็นประจำ รวมทั้งขนมหวาน พออิ่มแปล้ ล้างชามส่วนตนเสร็จ ฉันก็รีบเผ่นแน่บตรงไปโรงเรียน เพราะมักถูกทำโทษจากการมาสายอยู่บ่อยๆ
หนทางไปโรงเรียน ไกลโขอยู่ ฉันใช้เวลาเดินจ้ำอ้าว จากวัดถึงย่านพาหุรัด ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง  โดยเดินลัดเลาะซอยเล็กซอยน้อย แล้วแต่อารมณ์และความสะดวก จนรู้เส้นทางระหว่ายศเสและสะพานพุทธ ได้ทะลุปรุโปร่ง
ถึงโรงเรียนก็เหงื่อชุ่ม ทันได้ยืนพักเคารพธงชาติในโรงเรียน แต่ต้องยืนรวมกับพวกมาสาย ไม่ได้ไปรวมแถวกับพวกในชั้นเดียวกัน
พักเที่ยง คือช่วงเวลาที่วุ่นวายพลุกพล่านกันทั่วโรงเรียน ทั้งที่โรงอาหารและสนาม วันนี้ เป็นอีกวันที่ฉันไม่ได้กินมื้อเที่ยง แต่ก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนนัก สถานที่โปรดที่ฉันไปเป็นประจำ คือห้องสมุด นอกจากไปยืมหนังสือบางเล่มตามหลักสูตรที่ไม่ได้ซื้ออย่างเพื่อนๆแล้ว ยังมีสารพัดเรื่องรอให้อ่าน ไม่มีหมดสิ้น
หลังเลิกเรียน คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของวันนี้  แม้จะเริ่มหิวตะหงิดๆ ฉันไม่ได้ไปเล่นบอลกับเพื่อนที่สนาม แต่เดินทอดน่อง กลับวัดอย่างสบายๆ ดูผู้คนร้านรวงตามข้างทางผ่าน ดำเนินชีวิตประจำวัน ต่างๆกันไป ฉันมักเลือกเส้นทางกลับไม่ซ้ำกับขามาในช่วงเช้า หยุดดูบ้างเดินบ้าง ใช้เวลามากกว่าตอนเช้าหลายเท่า กว่าจะกลับถึงวัดก็โพล้เพล้
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ความหิวก็กำเริบ อาหารเย็นตามปกติ ก็คืออาหารบิณฑบาต ที่เหลือมาจากเช้าและกลางวัน ต้องเลือกเฟ้นกินที่ยังไม่บูดเสีย บางครั้งก็ไปยืมเตาฟู่น้ำมันก๊าดจากกุฏิข้างๆมาอุ่นเป็นแกงรวม คืออาหารทุกอย่างต้มใส่กาละมังรวมปนเปกันหมด รสชาติบอกไม่ถูกว่าคือแกงอะไร
วันนี้  ข้าวก้นบาตรที่เหลือออกอาการบูด เกือบแฉะเป็นยาง พออาศัยคุ้ยแยกออกมาได้นิดหน่อย แต่อาหารที่เหลือล้วนเป็นแกงกะทิ เสียเป็นฟองหมดจน เด็กวัดทั้งกุฏิ นอนแอ้งแม้งไม่ยอมแตะ เหมือนทำใจเตรียมอดข้าวเย็นกันหมด ..ยกเว้น ฉัน
ปกติ ฉันก็อดข้าวทั้งกลางวันและเย็นอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้   ตั้งใจกินมื้อเย็นให้ได้
“พี่หงัด ไปยืมเตาฟู่มาหน่อยดิ มาทำแกงรวมกินกัน”
“เฮ่ย ไม่ไหวว่ะเล็ก มันบูดจนหมดสภาพ กินไม่ลงแล้ว”
ฉันมองดูคราบน้ำมันแกงที่ลอยฟ่องอยู่ร่วมกับฟองแกงบูดๆ พลันก็เกิดความคิด จากที่เคยเห็นแม่ทำแกงต่างๆสารพัดมาก่อน
“เออน่า ไปยืมมาเถอะ เดี๋ยวจะทำข้าวผัดกิน”
พี่หงัดหัวเราะเยาะแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็เริ่มสนใจ จึงออกไปยืมให้
“เออๆ  ก็ได้ ไปยืมให้แต่พี่คงไม่กินด้วยนะ”
ฉันบรรจงช้อนเอาเฉพาะน้ำมันกะทิ ที่ลอยอยู่ปนกับผิวฟองแกงบูดในปิ่นโตต่างๆ สะสมทีละนิดละหน่อย จนหมดทุกแกงที่มี และคุ้ยข้าวในกาละมัง มาพอกินได้เต็มหนึ่งอิ่ม ระหว่างที่พี่หงัดช่วยปั๊มอัดลมเข้าเตาฟู่จุดไฟให้ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญไม่ให้อัดลมจนแรงเกิน ฉันเอากาละมังใบย่อมและช้อนมาใช้แทนกะทะและตะหลิว เทน้ำมันที่ตักมาได้ลงไปก่อนพอเดือดเป็นควันก็ใส่ข้าวตามลงไป ใช้ช้อนคลุกคนกันอย่างขะมักเขม้น
กลิ่นหอมจากเครื่องแกงที่ปนผสมอยู่ในน้ำมันกะทิ หอมคละคลุ้งชวนกิน พาให้เด็กวัดอื่นเข้ามารุมดูกันใหญ่ ฉันผัดคลุกไปพลางดมกลิ่นจนน้ำลายสอ ผัดจนแห้งร้อนทั่วกันมั่นใจว่าไม่เหลือกลิ่นบูด จึงยกออกจากเตา ไม่รู้ว่ามือใครฉวยคว้าไปรุมดูกัน
“เฮ้ ไอ้เล็ก ทำน่ากิน..  ไปทำ มาอีกเยอะๆเลย เก่งว่ะ” 
ต่างพากันคะยั้นคะยอให้ฉันไปทำมาอีก เพราะดูทุกคนเปลี่ยนใจ ไม่อดข้าวเย็นกันแล้ว
ฉันกลับไปที่คว่ำชามหน้าห้องน้ำที่รวมเก็บอาหารเหลือไว้ พยายามควานหาน้ำมันกะทิมาอีก.. แต่ .. ไม่มีเหลือพอเอาไปทำอะไรได้ ซ้ำข้าวที่เหลือก็มีกลิ่นบูดแรงแล้ว จึงจะกลับไปบอกพรรคพวก 
 นึกในใจว่า.. ดี.. สม อยากจะอดกันแล้วนี่ อย่ากินเลย กินคนเดียวดีกว่า อาจแบ่งให้พี่หงัดบ้างนิดหน่อยในฐานะผู้ก่อไฟ
แต่ นิจจาเอ๋ย... ชั่วไม่ถึงสองนาทีที่ฉันหายไป ข้าวผัดรวมมิตรที่ฉันบรรจงถ่ายทำ ได้อันตรธาน หายไปจากกาละมังน้อย อย่างไม่เหลือร่องรอย
ฉันผงะพูดอะไรไม่ออก  .. คงทำหน้าน่าสงสารเหมือนจะร้องไห้
มื้อเย็นนั้น ฉันพลาดข้าวก้นบาตรปรุงแต่ง ฝีมือตัวเองไปอย่างน่าเสียดายที่สุด และหลังจากนั้น มีโอกาสได้ทำอีกหลายครั้ง แต่กลิ่นที่ได้ ไม่เคยหอมคลุ้งชวนกินเช่นวันนั้นอีกเลย
แม้มื้อเย็นนั้น หลายคนรวมเงินกัน ให้ฉันไปซื้อข้าวเหนียวซุปหน่อไม้ที่หน้าวัด กินเอาเอง แต่ฉันยังคงคิดถึงข้าวก้นบาตร ที่อดกิน  มื้อนั้นอยู่ ไม่มีลืมเลือน ...../				
comments powered by Disqus
  • ดาวศรัทธา

    18 มกราคม 2554 21:12 น. - comment id 88825

    ดีจ้า จวว ขอบคุณที่มาแวะครับ
    
    36.gif59.gif59.gif59.gif59.gif59.gif36.gif
  • ดาวศรัทธา

    14 มกราคม 2554 23:26 น. - comment id 121382

    11.gif
    
    เห็นอาหมวยวาน้อยเขียนเรื่องสั้น
    เลยลองดูมั่ง
    จะว่าไป นี่คือเรื่องสั้นเรื่องแรก ในชีวิตเลยนะ 20.gif20.gif20.gif
    
    ต้องถามอาจารย์ฉาง ว่า พอไปวัดไปวาได้ป่าว อิอิ
    
    มันเขียนยากนะ เพราะ ยิ่งยาวยืดยาด ยิ่งหาคำให้เหมาะไม่ค่อยได้
    
    คงเป็นเพราะ ไม่ใช่คนช่างคุย
    เลยหาคำพูดคุย ไม่เก่ง
    
    สู้จารย์ฉาง ม่ายด้ายน่อ
    
    9.gif
    
    นู๋ฝน มาช่วยเชียร์ตามเพื่อนซี๊เหรอ (ไม่ได้แช่งนา อิอิ)
    
    ความทรงจำ เรียกออกมาจากฮาร์ดดิสค์รุ่นโบราณ เลยไม่ค่อยเสถียร
    ดีเหมือนกันที่ เอามาบันทึกไว้
    ไว้ให้ลูกหลานอ่านเล่น
    
    20.gif
    
    เรามักคอยทบทวนแต่ความจำที่หวานชื่นประทับใจ
    และพยายามลืมเลือนความจำที่ปวดร้าว (ยกเว้นพวกซาดิสท์ ..มั้ง)
    
    ความจริง ไม่ได้คิดอะไรมาก อะไรผ่านแล้ว ก็ผ่านไป
    ไม่ได้อยากทบทวนนักหรอก
    
    แค่ลองเอามาเขียนเรื่องสั้น อวดมั่ง คงไม่ค่อยถนัดเท่า ร้อยกรอง
    
    11.gif36.gif59.gif59.gif59.gif59.gif59.gif36.gif
  • ฉางน้อย

    14 มกราคม 2554 21:34 น. - comment id 121383

    .....สวัสดีค่ะคุณลุงดาว  11.gif6.gif
  • โคลอน

    14 มกราคม 2554 22:22 น. - comment id 121385

    11.gif11.gif11.gif36.gif
    
    ความทรงจำเป็นสิ่งที่เราย้อนกลับมาไม่ได้แต่ระลึกถึงได้เนาะ
  • แจ้นเอง

    15 มกราคม 2554 20:33 น. - comment id 121431

    36.gif
    
    มาค่ะมื้อนี้  59.gif
    
    สนุกดีค่ะ อ่านแล้วนึกภาพออกเลย
    
    31.gif
  • ผ่านมาอีกอีกแล้ว

    17 มกราคม 2554 07:59 น. - comment id 121465

    คห.5 ถึง 9 นึกว่าเท่ นึกว่าเก่งสิท่า
    
    แต่เราว่าเหมือนดิ้นทุรนทุรายเพื่อคำว่า ชนะ อย่างเดียว โดยไม่สนใจอะไร เหมือนพวกไหนที่ใครๆก็รู้กันอยู่
    
    สงสัยเป็นพลพรรคผีหัวขาด
    
    19.gif19.gif19.gif19.gif19.gif19.gif
  • Dao

    17 มกราคม 2554 10:22 น. - comment id 121472

    11.gif
    
    ขอบคุณครับ คุณแจ้นเอง
    มาตอบช้า ขออภัยด้วยเน้อ
    
    อ้ะเลี้ยงกาแฟ
    
    36.gif59.gif59.gif59.gif59.gif59.gif36.gif11.gif
    
    ขอบคุณครับ คุณคนผ่านมาอีกแล้ว อิอิ
    
    9.gif
    
    คห5-9 ที่อ้าง คงเป็นพวก ล่องหนน่ะครับ
    20.gif20.gif20.gif20.gif20.gif
    
    เชิญดื่มกาแฟร้อนๆครับ
    
    36.gif59.gif59.gif59.gif59.gif59.gif36.gif11.gif
  • เฌอมาลย์

    18 มกราคม 2554 14:59 น. - comment id 121477

    เด็กหน้าวัดแวะมาอ่านค่ะ
    
    46.gif36.gif
  • เงาสายลม

    20 มกราคม 2554 13:36 น. - comment id 121552

    เยี่ยมครับ บรรยายบรรยากาศได้เห็นภาพเลยครับ29.gif29.gif29.gif
  • ดาวศรัทธา

    24 มกราคม 2554 18:15 น. - comment id 121826

    11.gif
    
    ขอบคุณครับ คุณเงาสายลม
    
    36.gif59.gif59.gif59.gif59.gif59.gif36.gif11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน