อทิสมานกาย ๖๙

แก้วประเสริฐ

76.gif
                      อทิสมานกาย ๖๙
   เวลาผ่านไปเกือบจะใกล้ๆค่ำ หนุ่มโชติตอนแรกเพียงแค่จะแสร้งนอนเล่นๆแต่
พอนานเข้าเลยเกิดหลับไหลไปจริงๆ
   ลมโชยพัดแผ่วเบาๆเข้ามาจากทางหน้าต่าง ร่างชายหนุ่มนอนคุดคู้งอเข่า
เข้าด้วยกัน คล้ายๆเด็กทารกมิปาน
   แม่เข็มมองหน้าลูกที่ส่งเสียงกรนเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างพริ้มขนตางอน
ดั่งอิสตรีมิปาน  ยื่นมือลูบไล้ใบหน้าเบาๆด้วยความรักใคร่เอ็นดู
นึกในใจว่า ตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ก็ยังมีนิสัยไม่ผิดเพี้ยนไปเลย
   เฝ้าดูแลมาตลอด  มองใบหน้าลูกและอากัปกิริยาเหมือนเด็กทารก
อุตส่าห์ทนดูการหลับของลูก ทั้งที่ขาแกทั้งสองข้างชาไปทั้งแถบ
เกิดเหน็บชาขึ้น ก็ให้นึกย้อนไปในอดีตเก่าก่อน
    ครั้งชายหนุ่มยังเล็กก็มักจะทำเช่นนี้อยู่เสมอๆ จวบห่างหายไปกับการเรียน
แล้วเลยเข้าสู่กรุงเทพ เพียงแต่ได้รับข่าวอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น
   “พี่เชียรข้าชักจะทนปวดขาไม่ไหวแล้วล่ะพี่ ช่วยหาหมอนมาให้สักใบซิ”
แม่เข็มเอ่ยกับพ่อเชียร ด้วยแข้งขาตอนนี้ชามากเกิดอาการปวดหนึบๆขึ้นมา
จะปลุกหรือก็ให้สงสารลูกมัน จำยอมทนปวดจนทนไม่ไหวจริงๆจ๊ะพี่”
   “ได้ซิแม่เข็ม  ไอ้ลูกคนนี้มันไม่รู้จักโตสักทีนะแม่เข็ม 
 ดูๆไปก็ให้คิดสงสารมันจัง ดูท่ามันนอนซิเหมือนเด็กๆจริงๆล่ะ”
พ่อเข็มเอ่ย  แล้วเดินไปหยิบหมอนในตู้ออกมาใบหนึ่งยืนส่งให้แม่เข็มทันที
   “นั่นซิพี่  พี่มองซิมันเหมือนสมัยเด็กๆไม่ผิดเลย
 ถึงรูปร่างจะโตขึ้นแต่กับพ่อแม่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ”
   “นั่นซิแม่เข็มข้าเองก็เวทนามันมาก อายุหรือก็สู่วัยฉกรรจ์แล้ว
 แต่กับพวเรามันเหมือนเด็กๆจริงนะ”
   พ่อเชียรกล่าวจบก็ลูบไล้ไปตามแขนขาชายหนุ่มที่กำลังหลับไหลอยู่ 
เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ
   ร่างของสาวชบาก็ก้าวออกมาจากห้อง  หล่อนคล้ายมีอาการตกใจ
เมื่อแลเห็นพ่อแม่และชายหนุ่มนอนหลับ  อยู่ก็รีบกระวีกระวาดเข้าครัวทันที
  ครั้นแม่เข็มเห็นดังนั้นก็ร้องเรียกทันที
   “ในครัวแม่ทำอาหารเรียบร้อยแล้วล่ะลูก  ไม่ต้องหรอกจ๋า
มาๆๆมานั่งคุยกับแม่หน่อยนะ แม่อยากจะถามอะไรบางอย่าง”
   “จ๋าหญิงสาวรับคำ”   แล้วก้มตัวเข้ามานั่งข้างๆแม่เข็ม
   “หนูนั่งสมาธิเพลินไปจ้าแม่ ครั้นรู้ตัวเห็นโพล้เพล้มากก็ตกใจด้วย
ยังไม่ได้ทำอาหารเลย
หนูขอโทษนะแม่ที่ทำให้แม่ต้องลำบากจ๊ะ”  
หญิงสาวเอ่ยหันไปยกมือไหว้ขอโทษ  แม่เข็มยกมือขึ้นลูบหัวลูบไหล่หล่อน  
      ส่วนพ่อเชียรไม่ได้กล่าวอะไรได้แต่ยิ้มๆแล้ว กระเถิบร่างไปเพื่อหาทาง
นั่งพิงเสากลางบ้าน ควักบุหรีกระป๋องยาตั้งเอามาม้วนใบจากเสร็จแล้วยกไฟจุด
สูบพ่นควันโขมง ควันลอยละล่องค่อยๆสลายหมอกควันจางไป
  หรือแกคงจะคอยฟังดูสองแม่รู้สนทนากันกระมังจีงไม่ได้ไปไหนปกติแกจะต้อง
ลงไปข้างล่างเดินดูสิ่งต่างนานา  แต่แกกับนั่งพิงเสาสูบบุหรี่สบายใจและ
มักจะชำเลืองสายตามาคอยจ้องมองเสมอๆ คอยฟังชบามันกล่าวอะไรบ้าง
       “แม่ทราบแล้วล่ะจ้า ไม่เป็นไรหรอก ดีใจด้วยนะที่ลูกร่ำเรียน
ได้สำเร็จไปอีกอย่างหนึ่งแล้วไปพบอะไรมาบ้าง???...
 ไหนๆๆเล่าให้แม่ฟังบ้างซิจ๊ะแม่ชบา”
   “จ๊ะแม่หากไม่ได้พี่โชติและแม่นางทั้งสองแล้วเห็นทีจะยากจริงๆจ๊ะ หาก
ไม่ได้รับการชี้แนะนำทางและบอกหนทางให้แก่หนูไว้ยากจะทำได้จ้า 
ครั้นสำเร็จแล้วหนูตื่นเต้นงงงวยไปหมด  มันเป็นปรากฏการณ์พิเศษจริง
     เมื่อเห็นร่างของหนูยังนั่งในท่าทำสมาธิก็ตกใจกลัวจะเข้าร่างไม่ได้ร่างนั้น
อกสั่นขวัญแขวนทันทีเชียวล่ะจ๊ะ  ตอนนั้นมองไปก็เห็นรอบๆห้องมี
พี่นางอัปสรนั่งอยู่สองคนเท่านั้นและร่างหนู่นั่งสมาธิเท่านั้นเอง
 จึงเกือบจะร้องเรียกให้คนช่วยแล้วล่ะจ๊ะ แต่เสียงสั่นพูดจาอะไรไม่ออก
 พอดีพี่นางอัปสรเข้ามาจูงมือและอธิบายสิ่งเรื่องราวที่หนูไม่รู้ให้รู้ในสิ่ง
ต่างๆเกี่ยวกับกาลเวลาให้ฟังจ๊ะแม่”  หญิงสาวตอบ
   “แค่นั้นหรือลูกไหนๆเจ้าโชติบอกว่าแม่นางทั้งสองพาไปเที่ยวไงล่ะ???....”
   “ไปจ๊ะแม่พี่นางทั้งสองพาหนูลอยละล่องไปในที่ๆหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกัน
 แม่จ๋าช่างสวยเหลือเกินไม่เหมือนทางเรานี้เลยจ๊ะแม่ ทุกๆอย่างงดงามมาก
  ดอกไม้หรือก็ดอกโต๋โตหอมก็หอมส่งกลิ่นหอมเย็นมากมาย
ชื่นใจจริงๆ    หากพี่นางทั้งสองไม่อยู่หนูต้องหลงเพลิดเพลินแน่ๆเชียว
อากาศหรือก็ร่มเย็นไม่มีแดดร้อนเลยจ๊ะ   ล้วนชื่นฉ่ำเยือกเย็นนัก
 ไม่มีหนาวไม่มีร้อน อบอุ่นพอดีๆ   ซ้ำพี่นางพาไปที่สระน้ำหนึ่ง
น้ำนี้ใสสะอาดมองเห็นก้นสระ   มีเหล่าสาวๆกำลังเล่นน้ำอยู่จ๊ะ   
แต่จะว่าสระหรือก็ไม่เชิงจ๊ะแม่  มองเห็นเหล่าฝูงปลาแหวกว่ายไปๆมาๆ
แต่แปลกที่ไม่ยักกลัวคนที่กำลังอาบน้ำอยู่กลับว่ายเข้ามาคลอ
เคลีย บางนางก็เอามือลูบไล้ไปบนร่างมัน มันก็เฉยๆจ๊ะแหวกว่ายไปๆมาๆ 
      ครั้นแลมองไปไม่เห็นฝั่งเอาเสียเลยกว้างขวางใหญ่โตมากเห็นน้ำจรดฟ้า
   น้ำก็สดใสเปล่งสีต่างๆกัน  ประกายแพรวพราวกันระยิบระยับไปทั่วท้องน้ำ
  เหมือนแววของแก้วที่โดนแดดส่องหลังคาโบสถ์เชียวล่ะแม่หลากสีแพรวพราว
     มีพวกดอกสัตบงกช บุณฑริก อุบลต่างๆชูช่อหลายหลากสี หลากหลายพันธุ์
แล้วพืชอื่นต่างออกดอกสะพรั่งหอมๆแต่ละดอกใหญ่ๆเบ่งบานส่งกลิ่นหอม
แต่แปลกนะแม่ไม่มีพวกสัตว์จำพวกแมลงภู่หรือผึ้งสักตัวเดียวเลยล่ะ???...
เหล่าผีเสื้อหรือก็ไม่มี หากเป็นทางนี้สัตว์พวกนี้จะมากันมากมายด้วยกลิ่นหอม
ใบหรือก็ออกใหญ่โต หนูว่าหากเข้าไปนั่งหรือนอนก็คงจะได้กระมัง
 ด้วยใบก็ใหญ่โตมากๆด้วยจ๊ะ ลอยอยู่เหนือน้ำแล้วมีก้านชูดอกไม้เบ่งบาน
        เลยถามพี่ทั้งสองว่านี้สระอะไรหรือทำไมกว้างขวางใหญ่โตนัก
  พี่ทั้งสองช่วยกันอธิบายว่า นี่คือสระโบกขรณีสีทันดร
   ใช้สำหรับให้บรรดาเหล่าเทพเทวานางอัปสรสวรรค์ลงเล่นน้ำกัน
   อันสระนี้นั้น จะมีในดินแดนสรวงสวรรค์ทุกๆชั้น 
ชั้นหนึ่งจะมีเพียงสระเดียวเท่านั้น   เป็นดินแดนสุขจริงๆนะแม่
 แม่จ๋ารอบๆล้วนแล้วดอกไม้ส่งกลิ่นหอมสีสวยๆๆหลากหลายพันธุ์นัก
มากมายจนบอกไม่ถูกจ๊ะ  ล้วนแล้วแต่งามตระการตาไปหมดแม้นอยากจะเด็ดดม
    แต่หนูไม่กล้าไปเด็ดหรอกจ้า   บรรดาพวกที่อยู่ทั้งหญิงและชายแต่งกายด้วยเสื้อ
ผ้าสวยงามทั้งสิ้นผ่านมามีกลิ่นหอมๆด้วยล่ะ 
    แล้วพี่เขาก็พาไปเที่ยวในสวนร่มรื่นต่างออกดอกไม้นาๆชนิด  
 เป็นดอกไม้งดงามมาก  และยังมีผลไม้ที่ห้อยเป็นพวงๆ
ระย้าน่ากินจริงๆจ๊ะ มากมาย  ลำต้นหรือก็ไม่ใหญ่โตสูงนักแค่เอื้อมมือก็เด็ดได้แล้ว
เต็มไปทั่วบ้างก็ออกดอก  สีของดอกก็สวยแพรวพราวเหลือเกิน
แตกต่างกันออกไปด้วย   หากจะนับก็นับไม่ถ้วนหรอกจ้า
     บ้างก็ออกผลสีแปลกประหลาดดี ไม่ซ้ำกันเลยจ๊ะ ลูกเบ่งบานอวบน่ากินจริงๆ
ส่งกลิ่นหอมของผลโชยออกมา  ไม่เหมือนทางเราสักนิด ลูกหรือก็ใหญ่พอ
ประมาณล้วนแต่มีขนาดเดียวกันหมด     
     พี่เขาหยิบมาให้หนูกินลูกหนึ่งพอผลไม้กระทบกับฟันเท่านั้น 
  กลายเป็นน้ำละลายหายไปในลำคอชื่นใจจริงๆจ๊ะหวานเย็นชุ่มชื่น
ยากจะหาได้อีกในดินแดนที่เราอยู่นี้ได้อีกแล้วจ๊ะ พี่เขาบอกว่าเป็นของทิพย์
 กินแล้วก็เกิดความอิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก
หอมหวลสดชื่นเย็นฉ่ำชุ่มซ่านหอมฉาบไปในลำคอหวานๆจน
บรรยายไม่ถูกจ้า  ไม่เหมือนผลไม้ในเมืองเราต้องมาปอกเปลือก
 แต่นี่เพียงกระทบฟัน   ก็จะละลายเป็นน้ำไหลสู่ลงในคอเองหมดสิ้น
     ทั้งเปลือกและเนื้อผลไม้นั้นๆทำให้หนูลืมหมดทางนี้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
  อยากจะอยู่ในแดนนี้จริงๆ    นึกถึงพ่อแม่ได้ก็อยากจะให้มาเห็นเสียจริงๆ 
 พี่เขาพาไปเดินเที่ยวในสวน  ที่สวนนั้นก็มีบุรุษรูปงามมากมายเสียด้วย
 แต่ละคนรูปร่างสันทัดมีสีสรรค์แพรวพราวเปล่งหลากสีออกมาจากตัวเขาทั้งสิ้น
      กำลังเล่นพิณกันอยู่ต่างขับร้องเพลง  หนูฟังไม่รู้เรื่องแต่รู้ว่ามันช่างไพเราะ
 หวานเยือกเย็นจับใจมาก   อยากจะนั่งฟังให้เพลงจบทั้งๆที่ฟังไม่ออกแต่เพียงรู้ว่า
ไพเราะมากๆเท่านั้น   พวกสาวสวยทั้งหลายต่างก็ร่ายรำไปตามทำนองเสียงพิณ 
ท่าร่างช่างอ่อนช้อยลอยละลิ่วไปตามจังหวะเสียงดนตรี  หมุนๆไปรอบๆร่าง 
ซ้ำยังมีประกายเล็กๆใสแพรวพร่างกระจายสว่างพราวแพรวไปรอบตัวด้วยยามที่
ร่างของพวกนางพลางร่ายรำวนหมุนตามไปเป็นทางด้วยละอองสดใสงามด้วยจ้า
     บางนางก็นั่งตบมือเล่นโคนต้นไม้ร้องคลอเพลงบ้าง 
 แปลกจ๊ะแม่ใบไม้หรือก็มีแสงหลากสีเปล่งออกมาจากต้นไม้ใบไม้ด้วยล่ะ
 ริมขอบสระบ้าง เดินชมดอมดมกลิ่นหอมบ้างดูเขาช่างสนุกสนานร่าเริงจริงๆ 
ไม่มีทุกข์มีแต่ความสุขจ๊ะ เห็นทุกๆคนเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยกันทุกๆคนดู
สำราญใจมาก ไม่มีใบหน้าเคร่งขรึมสักคนมีแต่รอยยิ้มแย้ม  อ่อนหวานน่ารัก
กันทุกๆนาง ยังหันมายิ้มกับหนูเลยจ้า  แต่ภาษาเขาหนูไม่เข้าใจได้ยิ้มตอบเท่านั้นเอง   
     จนกระทั่งพี่เขามาดึงร่างหนูบอกว่ากลับกันได้แล้วเดี๋ยวจะเลยเวลา  แล้วเขาก็พาหนู
ลอยลงมา ครั้นมาในห้องก็เห็นเจ้าแสงสีสินชัย นั่งเฝ้าไม่หายไปไหน  พี่ทั้งสองบอกว่า
ให้หนูเข้าร่างได้แล้ว ยังบอกว่ารู้แล้วใช่ไหมจะต้องทำอย่างไรหนูก็ตอบว่ารู้แล้วจ้า
    แล้วร่างหนูก็ลอยขึ้นไปบนศีรษะยังร่างที่นั่งสมาธิอยู่แล้วหย่อนขาลงมาจนเกิดความวูบ
หนึ่งแล้วก็เป็นปกติจ้าแม่  พี่เขาก็ปรากฏตัวบอกว่าไว้วันหน้าจะค่อยพาไปเที่ยวอีกแต่
ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปให้ชินกับกาลเวลาเสียก่อนจ๊ะ  ครั้นหนูก็ออกจากสมาธิแล้วลุกขึ้น
ก็ตกใจที่เห็นโพล้เพล้แล้ว ยังไม่ได้ทำอาหารให้พ่อแม่พี่น้องกันเลยจ๊ะแม่”
   หญิงสาวรายงานการไปเที่ยวของหล่อนให้แม่เข็มฟังอย่างละเอียด  เล่นเอาแม่เข็ม
ดวงตาเบิ่งโต ฟังสาวชบาเล่าเหตุการณ์บนสรวงสวรรค์ให้ฟัง  นี่แค่ครั้งแรกระยะสั้นๆ
นะหากได้ท่องเที่ยวไปยังที่อื่นอีก คงจะพบแต่สิ่งงดงามหรืออาจจะสวยกว่านี้อีกแม่เข็มคิด
    พ่อเชียรเองก็ฟังอย่างเพลิดเพลินจนกันบุหรี่ดับไหม้ในมือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 
ครั้นรู้ตัวก็สะบัดเร่าๆ ด้วยฟังแม่สาวชบาเล่าเรื่องราวการพบเห็นที่ผ่านมาทำให้เกิดจินตนาการ
   ทำให้แกเกิดความเสียดายเวลาสู้อุตส่าห์ฝึกฝนมาก่อนชบาเสียอีกแต่มาติดในขั้นๆหนึ่งไม่
สามารถหลุดพ้นขั้นนี้ไปได้ เพียงเห็นแต่ภาพแต่แกคิดว่าคืออุปาทานเพราะ แว๊บไปแวบมา
แล้วก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่เหมือน สาวชบาเล่าให้ฟังเสียเอาเลย  ทำให้แกรำพึงว่าคงจะ
ต้องหมั่นพยายามในเรื่องสมาธิให้มากๆขึ้นกว่าเดิม  และเห็นทีจะต้องสอบถามลูกชาย
เสียแล้ว  ในการติดอยู่วนเวียนไปๆมาๆมิอาจก้าวข้ามล่วงไปได้ ว่าเพราะเหตุใดกันแน่
   ครั้นหญิงสาวเล่าจบก็หันไปทางพ่อเชียรแม่เข็มแลเห็นร่างชายหนุ่มนอนคุดคู้ยังกับเด็ก
ก็อดเอามือปิดปากหัวร่อจนได้ นี่หรือชายที่หล่อนหมายปองเวลานอนเหมือนเด็กทารกมิ
ปานเชียวล่ะ  หากคนธรรมดามาพบก็จะไม่รู้แก่นแท้ของเขาว่านั้นทางธรรมลุล่วงไปมาก
เสียมากแล้วคงคิดว่าเหมือนๆพวกชาวบ้านทั่วๆไป ก็อดลอบอมยิ้มไม่ได้
   “แม่ๆแล้วเจ้าชัยไปไหนเสียล่ะแม่ไม่เห็นเลยล่ะจ๊ะ????”  หญิงสาวถาม
   “อ๊อๆๆๆมันขออนุญาติไปเที่ยวกับเพื่อนไปหาหลวงพ่อทองด้วยล่ะ???..บอกว่าไม่ต้อง
ห่วงจะกลับมาไม่ช้าหรอก  คงจะประเดี๋ยวกลับแล้วกระมังนะ”
แม่เข็มเอ่ยให้สาวชบาฟัง
   “แล้วพ่อกับแม่ทานข้าวหรือยังจ๊ะ เดี๋ยวหนูไปยกสำรับกับข้าวมาให้แม่พ่อนะจ๊ะ”
สาวชบาเอ่ย ถามแล้วหันไปมองชายหนุ่มอีกที
   “พี่โชติล่ะจ๊ะเขาทานหรือยังสงสัยไม่ได้ทานแน่นอนด้วยคอยกำกับหนูตลอดเวลาจ๊ะ”
   “พ่อแม่กินเรียบร้อยแล้วจ๊ะหนูชบา ยกเว้นเจ้าโชติคนเดียวเท่านั้นแหละด้วยพึ่งจะ
ออกจากห้องมาไม่นาน  แล้วก็มาหลับบนตักแม่นี่แหละ พึ่งให้พ่อเขาไปเอาหมอน
มาหนุนให้ ไม่ไหวตัวก็หนั๊กหนัก นอนทับตักแม่จนขาแม่ชาไปหมดแล้วทนไม่ไหว
จึงเอาหมอนมาหนุนหัวให้จ้า  แล้วหนูก็คงจะยังไม่ทาน ถ้าอย่างนั้นจะทานก่อนก็ได้นา
หรือว่าจะคอยเจ้าโชติมันกินพร้อมๆกัน”
   แม่เข็มกล่าวและเอ่ยถามในตัวเสร็จ  
   “ ยังจ๊ะแม่ยังไม่ได้ทานแต่รู้สึกว่ามันอิ่มเอิบอย่างไรชอบกลนะ  
เดี๋ยวหนูเข้าไปยกสำรับตักข้าวมาคอยเขาตื่นก็แล้วกันนะแม่”
   “เออๆๆก็ดีเหมือนกันลูกชบา  ไปจัดการได้แล้วเดี่ยวคงจะตื่นหรอกนี่ก็นอนนานแล้วนา”
แม่เข็มเอ่ยกับสาวชบาที่หมายปองจะให้มาเป็นลูกสะไภ้ในอนาคต
   “จ๊ะแม่ ....หนูจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้เองแหละจ๊ะ  เดี่ยวพี่เขาคงตื่นด้วยเมื่อคืนนี้นั่งสมาธิ
ตั้งนานรู้เพียงว่าถอดกายทิพย์ไปข้างนอกแล้วพักหนึ่งก็กลับมาจ๊ะ เห็นพี่ทั้งสองเอ่ยให้ฟัง”
   “พ่อว่าคนนั่งสมาธินั้นจะไม่หิวอะไรหรอกจ้าลูกชบา ด้วยอำนาจแห่งฌานสมาธิก่อเกิด
ความอิ่มเอิบในใจ ยิ่งหากได้เข้าสู่ภวังค์ด้วยแล้วก็คล้ายนิโรธสมาบัติแหละลูก”
พ่อเชียรเอ่ยให้ฟัง  
   “ถึงโชติจะถอดกายทิพย์ได้พ่อเองก็พอจะรู้แต่ยิ่งมารู้จากลูกอีกทำให้เชื่อมั่นมาก
ยิ่งขึ้นไปอีกนะ”
  พลางหันมากล่าวกับหญิงสาว  คราวนี้หญิงสาวหันมายืนยันทันที กล่าวขึ้นว่า
   “จริงๆนะพ่อพี่โชติร่ำเรียนสำเร็จมานานแล้วล่ะ แต่ก่อนหนูก็ไม่รู้หรอกพี่นางอัปสรบอก
ให้ทราบนั่นแหละที่หนูสำเร็จเร็วก็ด้วยพี่โชตินี่แหละแนะแนวทางออกจากร่างให้หนูเอง
ตลอดจนแม่พี่นางอัปสรทั้งสองด้วย  ครั้นหนูออกมาแล้วมองอะไรก็เห็นรู้สภาพความจริง
ไปหมด และยังทราบอีกว่า เจ้าแสงสีสินชัยนั้นที่พี่เขาสร้างจากหุ่นเก่านั้น  แล้วมาอบรม
ให้ในภายหลังจนกระทั่งเขาบัดนี้ได้แปรสภาพจากสัมภเวสีไปเป็นอทิสมานกายเทวดา
เบื้องต้นไปแล้วจ๊ะ เพียงแต่ยังเปาะบางอยู่เท่านั้น  เขาจะไปได้ง่ายกว่าหนูที่มีร่างกายเป็น
เนื้อหนังเสียอีก  ก็เหมือนหนูก่อนจะมาอยู่ในร่างนี้ยึดครองไว้    ก่อนนี้หนูก็สามารถไป
ไหนๆมาไหนได้คล่องแคล่วแต่มีขีดจำกัดเท่านั้นเองแหละจ้า”
    หญิงสาวชบาเอ่ยความหลังให้พ่อเชียรแม่เข็มฟัง
   “แต่ก็ดีไปอย่างนะอีหนูและพี่เชียรด้วย มันอยู่ในสภาพนี้จะได้ช่วยงานลูกเราได้คล่อง
กว่ามีกายเป็นมนุษย์เสียอีก  ด้วยงานลูกเราพวกเราก็รู้แล้วเป็นงานอะไรใช่ไหมพี่???...”
   “อืมๆๆ....ข้อนี้ก็เห็นจริงดั่งแม่เข็มกล่าวไว้ไม่มีผิดหรอก  แล้วเมื่อไหร่หนองานของ
เจ้าโชติจะสำเร็จเรียบร้อยสักทีนะ”
   พ่อเชียรรำพึงเบาๆให้ทั้งสองฟัง
   “นั่นซิพี่ ฉันเองก็ให้รู้สึกเป็นห่วงเจ้าโชติเหมือนกันนะ ดีนะแค่อยู่เบื้องหลังสั่งการ
เท่านั้นหากไม่เป็นอย่างเดี๋ยวนี้ฉันเองก็แทบจะกระอักเลือดตายเหมือนกันพี่”
แม่เข็มเอ่ยให้ผัวและว่าที่ลูกสะไภ้ฟัง   พลางเอาผ้าโบกไล่แมลงที่มาตอมหน้าลูกชาย
   “ข้าเองนะไม่ห่วงเจ้าโชติหรอกนะ เพราะมันมีเด็กๆคอยช่วยเหลือมันอยู่หากไม่มีเด็ก
ซิข้าจะเป็นห่วง ด้วยข้าเคยทดสอบเด็กๆของมันแล้วไม่เบาทีเดียวเลยล่ะแม่เข็ม”
   “อ้าวๆพี่ทดสอบอย่างไรหรือ เอ๊ะข้าไม่ยักรู้เลยล่ะพี่”
แม่เข็มเอ่ยด้วยความสงสัยนัก
   “อันที่จริงไม่จำเป็นต้องบอกหรอก ก่อนนี้แม่เข็มเองก็รู้ทุกๆอย่างไปหมดนี้นาแต่ทำไม
เดี๋ยวนี้ไม่รู้อะไรเลยหรือ”
พ่อเชียรเอ่ยถามด้วยความสงสัยหันไปมองหน้าเมียทันที
   “บอกตรงๆพี่หมู่นี้ข้าไม่ได้เข้าสมาธิเลยล่ะ คิดโน่นคิดนี่วางไม่ลงสักทีเกี่ยวกับเจ้าโชติ
บ้าง หนูชบาบ้าง เจ้าชัยบ้าง สิ่งที่เคยแลเห็นในนิมิตมันเลยสับสนไปหมดไม่เหมือนเก่า
เพียงเข้าไปสักพักปรุงแต่งให้สมาธิเกิดภาพคัดแยกสิ่งต่างๆออกก็สามารถจำแนกรู้ได้
เพราะมัวแต่มาคิดสิ่งเหล่านี้เลยสับสนไปกันใหญ่นะซิพี่”
  แม่เข็มเอ่ยให้ผู้ผัวฟัง ทำเอาพ่อเชียรถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน  เอ่ยขึ้นว่า
   “อันที่จริงแม่เข็มกับข้าก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ   แต่ดีที่ข้าว่างเมื่อไหร่ก็ทำ
เข็มก็รู้อยู่นี่ว่าการทำสมาธิไม่จำเป็นต้องมานั่งสมาธิหรอก ยืน เดิน นั่ง นอนก็ทำได้แต่
จะทำไม่เหมือนกับนั่งทำหรอกเท่านั้น แต่สามารถพยุงสมาธิมิให้จางได้เท่านั้นเอง
แต่แม่เข็มคงจะขาดช่วงกระมังนะ  ส่วนข้าว่างงานเมื่อไหร่ก็นั่งทำไปเรื่อยๆแหละ”
พ่อเชียรเอ่ยให้แม่เข็มฟังว่าแกนั้นเจริญสมาธิตลอด
   “อันข้อนี้ข้าก็รู้เหมือนกันแหละเคยทำเสมอๆๆยามพี่ออกไร่ข้าอยู่ในกระต๊อบก็มองพี่
ทำงานไปข้าก็เจริญภาวนาไปมิได้ขาด จึงคงสภาพนิมิตรได้อย่างดีแต่ระยะนี้ซิข้าเองก็
ว่างเว้นจากสิ่งนี้ไปบ้าง  เห็นทีต้องเริ่มทำใหม่อีกแล้วล่ะจ๊ะพี่”
แม่เข็มเอ่ยให้ผู้ผัวฟัง  แบบเสียดายกาลเวลาไป
   “แม่เข็มก็ยังไม่สายไปหรอกจ้า  เริ่มต้นก็กลับคืนได้อีกแล้วล่ะ สมัยก่อนเพียงหลับตา
พักเดี๋ยวอะไรๆก็มาแจ้งให้เรารู้ได้เองแหละใจเย็นไว้  ข้าว่าใช้เวลาไม่นานหรอกนะ”
   “เอาล่ะ???...เรื่องนี้ข้าไม่ติดใจแต่ข้าติดใจว่าพี่ลองกับเด็กของลูกเราอย่างไรล่ะ???...”
   “อ้อๆๆ...ข้าเพียงทดลองปล่อยเจ้าควายไปทดสอบดูแหละเพียงกำชับไว้ไม่ให้ทำอันตราย
เกินไปเท่านั้นเอง  ผลปรากฏว่าเจ้าควายเทียนข้าเขาเกบิดๆเบี้ยวๆแทบจะหักเสียซิ
ข้าถึงได้รู้ว่าเด็กเจ้าโชติมันไม่ธรรมดานะแม่เข็ม”
   “เหรอๆแล้วไปทดลองกันที่ไหนเสียล่ะ???...หากเป็นภายในอาณาเขตบ้านข้าก็จะต้องรู้แน่
ด้วยเทพรักษาบ้านเรามักจะมาบอกข้าเสมอๆแหละ แต่นี้ไม่รู้จริงๆนะพี่”
   แม่เข็มให้นึกฉงนใจมากๆจึงเอ่ยถาม
   “ข้ารู้มานานแล้วล่ะแม่เข็มว่า ตอนค่ำๆ ราวสองสามทุ่มเด็กๆของเจ้าโชติจะออกไปฝึกฝนใน
ป่าแถวแถบหน้าบ้านเรานั่นแหละ จึงทดลองส่งเจ้าเทียนไปทดสอบดูเพื่อดูว่าเด็กเจ้าโชติมัน
แข็งแกร่งสักเพียงใด  นี่หากเด็กเจ้าโชติไม่ยั้งมือแล้วล่ะป่านนี้ข้าต้องทำพิธีปลุกเสกใหม่แต่
มันเพียงรู้ว่าอยู่ในบ้านเดียวกันและคงรู้ว่าข้าคงจะมาทดสอบมัน จึงลงมือเบาๆแต่ก็เล่นเอา
เขาเกไปเลยล่ะต้องเอามาทำพิธีเสริมเขาให้มันใหม่”
   “นี่แหละหน๊าคลื่นลูกหลังมันย่อมแรงกว่าคลื่นลูกแรกอยู่ดีๆ  เฮ่อๆๆเมื่อเจ้าโชติมีเด็กๆ
แบบนี้ข้าก็พลอยหมดห่วงไปด้วย ยิ่งเขามีมือซ้ายขวาชื่อเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยอยู่ด้วย
ก็ยิ่งค่อยหายห่วงมากขึ้น เมื่อกี้นี้ลูกชบาบอกว่ามันทั้งสองเปลี่ยนสภาพเป็นอทิสมานกาย
พวกเทวดาไปแล้วก็ยิ่งสบายใจมากขึ้นจ้าพี่เชียร”
    แม่เข็มเอ่ยพลางมองดูหน้าลูกชายสุดที่รักของแก แล้วก็ชะงักพลันตบบนท่อนแขนเบาๆ
   “ลุกได้แล้วโชติเอ๋ย...อย่ามาแกล้งนอนฟังอีกเลยแม่รู้นะว่าแกตื่นนานแล้วล่ะ???....”
อันที่จริงชายหนุ่มตื่นนานแล้วตามคำแม่พูดไม่ผิด เพียงเขาแกล้งนอนหลับตาฟังเฉยๆดูการ
สนทนาของพ่อแม่และสาวชบาเท่านั้น  เมื่อได้รับการเตือนย้ำอีกทีก็รีบลุกขึ้นหัวร่อ พลาง
เอ่ยขอตัวไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเสียก่อน ส่วนชบาเห็นหนุ่มโชติลุกก็เลยลุกบ้างเดินเข้า
ไปในครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารยกออกมาให้ชายหนุ่มได้กินต่อไป...............
           *  แก้วประเสริฐ.  *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
สระโบกขรณี				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน