อทิสมานกาย ๕๖ ครั้นล่วงได้เวลาถวายเพลพระเมื่อกลองเพลดังขึ้น บอกเวลาแก่พระภิกษุสงฆ์ให้ล่วงรู้ หลวงพ่อทองก็ออกเดินนำหน้า ไปยังอาสนาะที่ฉันท์อาหาร บรรดา กำนวนหวนและ พวกอีกกลุ่มของพ่อเชียรก็เดินสนทนากัน เป็นที่ถูกอัธยาสัยยิ่ง ต่างก็รีบนำอาหารที่พวก ตนได้นำมาจัดแจงใส่ถาด ส่วนข้าวนั้นก็เทใส่กาละมัง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยต่างก็นำ ไปประเคนถวายแก่ภิกษุสงฆ์ตามลำดับ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองกลุ่มกำลังสนทนาไปพลางในระหว่างจัดเตรียมนั้นเหล่า พวกเด็กอันได้แก่เจ้าชัย เจ้าช้วนและสาวบงกช ต่างพากันยิ้มแย้ม ต่างช่วยเหลือหยิบ โน่นส่งนี้ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ยิ่งเจ้าชวน เจ้าชัย และสาวบงกช เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย แล้ว และช่วยพ่อแม่เข้าประเคนถวายของพระนั้น สาวบงกช เจ้าชวนและเจ้าชัยก็ รู้สึกแปลกใจในการถือปฏิบัติของเหล่าสงฆ์นี้ ต่างอุทานกันขึ้นมาเบาๆ “พี่ชวนๆ ดูกิริยาท่าทางอันเคร่งขรึมระหว่างการรับส่งต่อของพระท่านซิพี่ ช่างมีมารยาทเรียบร้อยยิ่งนัก ผิดกับทางวัดแถวบ้านเราตรงกันข้ามมากเชียวนะพี่” สาวบงกช เอ่ยกับพี่ชาย เบาๆในระหว่างนั่งพับเพียบพนมมือทั้งสอง “จริงซิน้องกช ทางวัดบ้านเราเวลาฉันท์อาหารก็มานั่งเรียงแถวกัน และส่งเสียง สนทนากัน ต่างติชมอาหารกันแซดไปหมด ไม่ได้ฉันท์ในบาตรเลยสักรูปเดียว ล้วนแล้วแต่มีสำหรับกับข้าววางตรงข้างหน้าท่านเท่านั้น และต่างตักกันบางครั้ง ช้อนยังแทบจะชนกันก็มีนะ แม้กระทั่งสมภารก็เหมือนกัน เอ๊ะๆๆ แปลกจริงๆ แบบนี้น่านับถือศรัทธามากนะน้อง” พี่ชายกล่าวลอยๆ “จริงของพี่จ๊ะ???....ท่าทางระหว่างการฉันท์อาหารไม่ได้ยินเสียงอะไรกันเลยล่ะ” สาวบงกชถามแล้วพลางหันหน้าไปทาง เจ้าชัยพลางเอ่ยขึ้นว่า “แล้วพี่ชัยเห็นแปลกหรือว่าเคยเห็นมาแล้วกระมังพี่ ” หญิงสาวถามเบาๆ “เป็นครั้งแรกเหมือนกันจ๊ะน้องกชที่เห็น ถึงจะอยู่ใกล้ๆกันก็มัวแต่ทำงานอยู่ใน ไร่นาสวน ส่วนใหญ่พี่ชายพี่มักจะมาเป็นประจำกับพ่อและแม่จ้า” เจ้าชัยเอ่ยตอบ “พี่ชัยยังมีพี่อีกหรือนึกว่าตัวคนเดียวเสียอีก” หญิงสาวเอ่ย “มีอีกสองคนจ๊ะ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งจ้าน้องกช” ชายหนุ่มตอบ “อ้าวๆๆๆ!!!....พี่เองนึกว่าเป็นลูกชายคนเดียวเสียอีก????....” เจ้าชวนเอ่ยขึ้นบ้าง ชายหนุ่มชื่อชัยหันไปทางเจ้าชวนและสาวบงกช พลางตอบว่า “คนโตชื่อโชติจ๊ะพี่ ส่วนคนรองเป็นหญิงชื่อชบาจ๊ะ เรามีพี่น้องกันเพียงสามคน เท่านั้นแหละ และยังมี???.....” เจ้าชัยก็หยุดเสีย “อ้าวนึกว่ามีแค่สามคนเสียอีก กลับมีใครมาเพิ่มอีกล่ะเจ้าชวนและสาวชบาถาม ด้วยความสงสัย???...” “อีกสองคนจ๊ะพี่และน้องกช...เขาชื่อแสงสีและสินชัย เป็นลูกน้องสนิทของพี่โชติ ก็มาพักบ้างไม่พักบ้างจ๊ะ” เจ้าชัยตอบความจริง ซึ่งตอนแรกมันไม่กล้าบอกด้วยมันก็ไม่แน่ใจ เพราะบางครั้งก็พบชายทั้งสองออกมาจากห้อง บางครั้งก็หายไปในห้องแต่ ทั้งสองไม่เคยมาวิสาสาะสนทนากันกับครอบครัวเลย ครั้นถามพ่อกับแม่ ท่านได้แต่หัวร่อแต่ไม่ให้ความกระจ่างใดๆกับมันเสียเลย นอกจากบอกว่าเขาเป็นเด็กคนสนิทของพี่เอ็งเจ้าโชติอย่างไรล่ะ อย่าไปรู้เลย เขาเป็นแบบนี้แหละมักจะทำตัวแบบเงียบๆ ไปๆมาๆไร้ร่องรอยจริงๆว๊ะ มันทราบจากพ่อแม่ตอบเพียงเท่านี้ ครั้นมันจะรบเร้าถามก็ไม่สมควรนัก จึงเก็บความสงสัยไว้คนเดียว เมื่อพี่ชวนซึ่งแก่กว่ามันประมาณห้าปีได้ ส่วนสาวบงกชอ่อนกว่ามันหนึ่งปี ถามมาถึงจะนึกออก “ได้ยินว่าขากลับพ่อเชียรเชิญพ่อกำนันไปเที่ยวบ้านด้วยนา จะจริงหรือยังไง ยังไม่รู้แน่นอนนะ แต่ดูอากัปกิริยาของพ่อกำนันแล้วและแม่เย็นด้วยอยากจะไป เที่ยวเหมือนกันนะชัย” “หรือพี่เรื่องนี้ผมไม่ทันสังเกตุมัวแต่นั่งคุยเรื่องไร่นาสวนกับน้องบงกชอยู่ครับ” “นั่นซิๆๆ...พี่เห็นแล้วเลยไม่สะกิดให้ดู แต่ได้ยินว่าเมื่อถวายเพลรับฟัง พระท่านอนุโมทนาแล้วก็จะพากันกลับไปเลย” เจ้าชวนกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็จะได้เจอกับพี่โชติกับพี่ชบาด้วยล่ะ จะได้รู้จักกันเอาไว้ก็ดีเหมือนกัน จ๊ะพี่” เจ้าชัยตอบ “พี่คิดเองก็ว่าดีเพราะหมู่บ้านทั้งสองก็ไม่ห่างกันจนเกินไป เพียงคั่นด้วย หมู่บ้านบางกระดี่เท่านั้นเอง ใช้เวลาคงไม่นานหรอกหรอกน้องกช” เจ้าชวนเอ่ยขึ้น “ได้ยินพ่อเชียรกล่าวกับหลวงพ่อว่า ทุกวันนี้ก็ได้พี่ชัยนี่แหละเป็นหลัก ในการทำไร่นาสวนอยู่ แค่เห็นหลวงพ่อได้แต่หัวร่อฮึๆๆๆเท่านั้นเองแหละพี่” สาวบงกช ตอบพี่ชายมัน ครั้นเสียงพระกำลังสวดอนุโมทนา พวกบรรดาหนุ่มๆสาวๆก็หยุดการเจรจากัน ต่างพากันรับการอนุโมทนาและพากันตรวจน้ำ จนพระสวดจบนั่นแหละจึงพากัน หันมามองหน้ากัน เพื่อจะดูว่าผู้ใหญ่จะทำอะไรต่อไปบ้าง หลังจากเข้าไปอำลาหลวงพ่อ เรียบร้อย หลวงพ่อก็กล่าวอนุโมทนาบุญผลแล้ว ก็บอกให้รีบกลับกันได้ ทั้งหมด หลวงพ่อจึงหันไปทางกำนันหวน เอ่ยขึ้นว่า “ไอ้หวนเอ๋ย!!!!....เรื่องที่เอ็งคิดนั้นข้ารับรองว่าสำเร็จแน่นอนไม่มีปัญหาหรอก???...” “ครับหลวงพ่อผมจะมาหัดขานนาคกับหลวงพ่อนะ” กำนันหวนกล่าว “เอ็งเอาหนังสือนี้ไปอ่านไม่ต้องมาหรอกมันไกลเหมือนกัน ยิ่งกว่านี้มึงยังท่องได้นี่นา” หลวงพ่อเอ่ยขึ้น แล้วทั้งหมดก็ก้มลงกราบท่าน ต่างทะยอยกันถือของๆใครของมันเพื่อจะกลัยบ้าน พากันเดิน ก้าวลงบันไดจากกุฎิหลวงพ่อทอง หญิงสาวหันไปมองแลเห็นพ่อเชียรกำลังจูงมือพ่อกำนันคล้ายๆจะสนทนาอะไรกัน ส่วนแม่เย็นก็จูงมืองแม่เข็มต่างหัวร่อคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรดาเด็กก็ ออกเดินตามหลังไปทันที กำนันหวนหันหลังมาสั่งลูกทันใดว่า “ชวนกชเอ๋ยกลับคราวนี้แวะที่บ้านพ่อเชียรก่อนนะลูกแล้วค่อยกลับบ้านบางโคเรา” “จ๊ะพ่อ ” เจ้าชวนกับสาวบงกชตอบ “แล้วน้องเชียรเอารถอะไรมาหรือ ” กำนันหวนถาม “มารถมอเตอร์ไซค์สะดวกสบายดีจ๊ะพี่ ผมขับคนเดียว ส่วนเจ้าชัยมันซ้อนแม่มันกลับ” “นึกว่าเดินกันมาเห็นบ้านก็ไม่ไกลจากวัด จะได้กลับด้วยกัน อย่างนั้นน้องขับนำหน้า พี่ไปก็แล้วกันนะ พี่จะขับรถตามหลังไปด้วยระยะทางมันไกลเหมือนกันเลยเอารถกะบะมา” “จ๊ะพี่ ถ้าอย่างงั้นผมนำหน้าพี่ไปก็แล้วหากพี่พร้อมแล้ว” ดังนั้นทั้งหมดก็ออกเดินทาง ไม่นานนักทางด้านหลังวัด แต่ทางคดเคี้ยวไปมาตามเนินเขาบ้าง ไหล่เขาบ้าง สักครู่ใหญ่ก็มาถึงหน้าบ้าน พ่อเชียรก็จะเดินลงจากรถไปเปิดประตูก็แลเห็น ลูกสาวชบาเดินมาเปิดประตูบ้านให้ ดังนั้นทั้งหมดก็ขับรถเข้ามาในบ้าน พ่อเชียรแม่เข็มก็นำ กำนันและแม่เย็น พร้อมกับทุกๆคนขึ้นไปบนเรือนทันที “พ่อเอาใครมาหรือเจ้าชัย” สาวชบาถามน้องชายทันที “กำนันหวนแห่งหมู่บ้านบางโคจ๊ะพี่ เกิดถูกชะตาอะไรกันไม่รู้ เห็นพ่อเราชวนกำนัน มาเที่ยวบ้านด้วย” เจ้าชัยตอบ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปจัดเตรียมน้ำท่าไว้ก่อนนะจะได้ไปให้แขกเรา” “จ๊ะพี่แล้วพี่โชติล่ะยังไม่เห็นเลย” เจ้าชัยถาม “พี่เขาอยู่ในห้องแหละ ไม่ได้ไปไหนหรอก วันๆก็คลุกๆแต่ในห้องเขา คงนั่งทบทวน ตำรากระมัง พี่เองก็พึ่งได้ออกมานี่แหละระหว่างพ่อแม่ไม่อยู่พี่โชติบังคับให้ทำแต่สมาธิ อย่างอื่นๆยังไม่ได้เตรียมอะไรกันเลยนอกจากของเก่า หากมีแขกมาก็จะต้องทำอาหารเสริม อีกนะ แล้วพวกกำนันจะกินอาหารด้วยหรือเปล่าล่ะ???....” หญิงสาวชบาถาม “เอ้ๆๆๆ...เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละพี่ ด้วยเห็นพ่อกับแม่สนิทสนมกันมากคงบางที อาจจะชวนกินอาหารกลางวันด้วยกันกระมัง???...” เจ้าชัยเอ่ยขึ้น อย่างไม่แน่ใจ “ถ้าอย่างนั้นพี่เห็นทีจะต้องรีบไปแล้วล่ะ เดี๋ยวเอ็งเอาน้ำไปให้พวกเขากินก่อนนะ ส่วนพี่ จะคอยจังหวะว่าจะอยู่ทานอาหารมื้อกลางวันกับเราหรือเปล่า แล้วเอ็งรีบมาบอกข้าเสียล่ะ??.. จะได้เตรียมตัวทัน แต่ของเราก็มีแบบเกือบสำเร็จรูปอยู่แล้วล่ะคงไม่ช้าหรอก” หญิงสาวเอ่ย ครั้นแล้วทั้งสองก็แยกกันออกไปปฏิบัติหน้าที่กัน เจ้าชัยก็เดินออกมาจากในครัวถือถาดที่ ใส่แก้วน้ำพอกับจำนวน คนพร้อมกับโถใส่น้ำฝน พอถึงก็รีบเทน้ำลงใส่แก้วยื่นส่งให้พ่อกำนัน แม่เย็น พี่ชวนและสาวบงกชทันที “อ้าวๆแล้วแม่ชบาล่ะไปไหนเสียล่ะเจ้าชัย???...” แม่เข็มถาม “อยู่ในครัวครับแม่ กำลังจะจัดเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยงด้วยกันนี่แหละครับ” เจ้าชัยหันมาตอบ พร้อมชม้ายสายตายิ้มส่งไปให้สาวบงกชทันที เล่นเอาสาวบงกสะเทิ้นเอียงอายไป เพราะภายในใจเจ้าก็ให้ความสนใจแก่หนุ่มผู้นี้อยู่ ครั้นทั้งสองสบตากัน สาวบงกชก็ถึงกับหน้าแดงนิดๆ แต่ไม่พ้นสายตาพี่ชายไปได้ พลางกระแอมออกมาเบาๆ ไม่กล่าวอะไรได้แต่หัวร่อในลำคอเสียงเล็ดรอดดัง ฮึๆๆ นั่นแหละทั้งสองจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนใบหน้าสาวบงกชนั้นแดงระเรื่อๆทันที “เออเอ็งเข้าไปบอกพี่ชบาด้วยให้ไปตามพี่เขามารู้จักมักคุ้นกับพี่กำนันและแม่เย็นด้วยนะ” พ่อเชียรกล่าว แล้วหันหน้าไปคุยกับกำนันหวนต่อเหมือนจะถูกอกถูกใจกันนัก “จริงซินะลูกโชติยังไม่เห็นหน้าเลยล่ะ” แม่เข็มก็เอ่ยขึ้น ยังไม่ทันเจ้าชัยจะลุกไปทำตามคำสั่งของพ่อแม่เลย ร่างของชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้อง ก่อนจะถึงพลางนั่งลงคลานมาหาพ่อแม่และบรรดาแขกๆของพ่อแม่เขา พลางหันไปยกมือไหว้ กำนันหวนและแม่เย็นทันที พลางกล่าวว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมจะเข้ามาแล้วยังไม่ได้โอกาสพ่อดีแม่พ่อต้องการพบตัวผมก็เลยออกมา” ชายหนุ่มตอบ พลางหันไปยิ้มกับเจ้าชวนและสาวบงกชทันที เมื่อเห็นร่างของผู้เป็นพี่ชายของชัยแล้ว ก็ถึงกับสะดุ้งหล่อนคิดว่าเจ้าชัยนั้นรูปร่างใบหน้าคมคาย แล้ว แต่หากมาเทียบกับพี่ชายแล้วยังกับฟ้ากับดินเชียว พี่ชายกับหล่อเหลามากๆเสียด้วย รูปร่างหรือ ก็เพรียวสันทันกำยำ ผิดกับชัยที่ร่างกายนั้นจะเตี้ยกว่าพี่ชายเพียงแต่รูปร่างนั้นชัยกำยำมากกว่าพี่เท่านั้น แต่ลักษณะท่วงทีวาจากลับห่างไกลกันมากนัก เล่นเอาสาวบงกชถึงกับตลึงจังงังไป ส่วนเจ้าชวน ก็ยิ่งแปลกใจ ว่าทำไมพ่อเชียรกับแม่เย็นจะมีลูกที่แตกต่างกันเช่นนี้ ลูกหรือกับขาวมากกว่าคล้ำ ใบหน้าหรือก็สง่างามนัก มิน่าเล่าพ่อเชียรไม่เคยเอ่ยปากถึงลูกเลยในการรู้จักสนทนา มันเองคิดว่ามัน นั้นในแถบหมู่บ้านบางโคหรือบริเวณนี้ก็ยากจะหาใครมาเทียบได้ แต่หากจะนำมาเปรียบเทียบกับ ลูกพ่อเชียรแม่เย็นแล้วก็ยังห่างไกลอีกมากนัก ดังนั้นมันจึงยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า “ผมเองก็ไม่ได้ยินพ่อเชียรแม่เข็มกล่าวถึงพี่อีกเลย พึ่งมาพบนี่แหละครับ ผมชื่อชวนครับนี่น้อง สาวชื่อบงกช” เจ้าชวนเอ่ยปากทักทายก่อน “แต่ว่าเอ๊ะ???...ทำไมผิวพ่อเชียรแม่เข็มแตกต่างกับพี่มากนักล่ะครับ” เจ้าชวนสงสัยถาม “ผมเองไม่ได้มาที่นี่เสียหลายๆปีล่ะ ??..” “ อ้อๆๆแล้วนี่อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ผมเองพึ่งย่างเข้าสี่สิบห้านี่แหละ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ “แปลกจริงๆดูยังราวกับอายุสามสิบอ่อนๆแน๊ะ จริงๆนะครับรูปร่างใบหน้าผิดกับอายุมากจังผม เองพึ่งอายุได้ยี่สิบแปดครับพี่” เจ้าชวนตอบ “ก็ผมเองไม่ได้ออกแดดนี่ครับ แล้วก็ไม่ได้ช่วยพ่อแม่ทำไร่นาสวนด้วย เพราะพึ่งมาถึงได้ไม่ เท่าไหร่ลางานมาเพื่อเยี่ยมพ่อแม่ครอบครัวเท่านั้นเอง ทำงานหรือก็ไม่ต้องตากแดดด้วยล่ะ” “นั่นนะซิผมถึงเห็นผิวพี่แตกต่างกับพ่อแม่มากนัก เพราะเหตุนี้นี่เอง ฝากตัวเป็นน้องด้วยคน นะครับพี่” เจ้าชวนเอ่ยฝากเนื้อฝากตัว “พี่เองไม่ขัดข้องอะไรหรอกครับ ยินดีเสียอีกที่จะได้น้องเพิ่มขึ้นอีก”ชายหนุ่มเอ่ย “หนูก็ขอฝากตัวด้วยนะพี่???....” แล้วหล่อนก็ชะงักจะเอ่ยชื่อ เมื่อก่อนก็ได้ยินชัยเอ่ยชื่อให้ฟังแต่หล่อนไม่ค่อยจะสนใจเท่าใดนัก คิดว่าความคมคาย หล่อเหลาคงจะสู้ชัยไม่ได้ แต่ทว่าหล่อนคิดผิดพลาดไปหมด และยิ่งได้ยินชัยบอกว่า อายุขึ้นเลขสี่ไปมากเหมือนกัน ก็ยิ่งไม่สนใจใหญ่ ด้วยคนละรุ่นกันและคงจะแก่เหมือน ชาวไร่นาสวน พออายุขึ้นเลขสี่ไปมากทั่วๆไปทั้งสิ้น แม้แต่พี่ชวนเองก็เถอะนับว่ารูปร่างน่าตา ดีแล้วสำหรับคนในละแวะนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้ อายุย่างเข้าสี่สิบแล้วก็คงจะเหมือนกันกับพวก ชาวบ้านทั้งหลายนี่แหละ ด้วยคงจะกินเหล้ามาก ทำให้ร่างกายก็จะทรุดโทรมไปเหมือนๆกันมิต่างกัน หล่อนคิดอยู่ในใจ ครั้นเมื่อได้มาพบตัวจริงและเพียงแค่สายตาเท่านั้นถึงกับสะท้านไปทั่วร่างทันที จิตใจชักลังเล คนอะไรอายุย่างเข้าไปปูนนี้ยังเหมือนกับพึ่งจะเข้าสามสิบอ่อนเท่านั้นเอง ใบหน้าหรือ ก็เกลี้ยงเกลา ผิวหรือก็ขาวผุดผ่อง รูปร่างก็ได้สัดส่วนสูงกำยำแต่ไม่ล้นออกมา ยิ่งคิดก็ยิ่งลังเล ใจระหว่างพี่ชายกับน้องชาย “วันนี้ดีเหมือนกันนะครับ ได้รู้จักและได้น้องเพิ่มขึ้นอีกตั้งสองคนแน๊ะ” ครั้นกล่าวจบชายหนุ่มก็หันไปทางผุ้ใหญ่ที่เห็นพ่อเขากำลังชี้มือมาทางเขา ได้ยินพ่อเอ่ยว่า “นี่แหละลูกชายคนโตผมล่ะครับพี่กำนันแม่เย็น เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ก่อนนั้นอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เขาเกิดที่นี่ สอบชิงทุนไปเรียนที่ในเมืองและสอบชิงทุนในเมืองได้ไปต่อที่กรุงเทพฯเลยพี่กำนัน” “แล้วทำงานอะไรหรือในกรุงเทพฯล่ะ??...น้องเชียร” กำนันหันมามองเห็นความสง่าผ่าเผย ใบหน้าเกลี้ยงเกลา คมสันหล่อเหลา รูปร่างงดงามสูงใหญ่ “เอๆๆๆ...ได้ยินเขาบอกเหมือนกันว่า ทำงานเกี่ยวกับรักษาความปลอดภัยเป็นหัวหน้ายาม กระมังพี่” พ่อเชียรตอบ “คงเงินเดือนดีซินะ ดูเหมือนกับว่าจะทำงานสบายๆ ด้วยผิวพรรณนั้นขาวสะอาดสะอ้านดี” “ผมเองไม่เคยถามเรื่องเงินเดือนเขา หรอกพี่ แต่เขาส่งมาให้ไม่เคยขาด เดือนละหนึ่งหมื่นบ้าง สองหมื่นบ้างพี่” พ่อเชียรกล่าว “จ๊ะพ่อกำนัน ลูกคนนี้ลางานได้ก็มาเยี่ยมเลยล่ะ ทุกๆวันไม่ยอมออกไปไหนกับเขาหรอกนอก จากออกมาเดินเล่นเท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องเขา” แม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง “แหมๆๆแม่เข็มนี่ลูกส่งมาให้แบบนี้ก็คงสบายนะซิ ฉันมองดูเห็นอาณาเขตกว้างขวางนัก?” แม่เย็นถาม แม่เข็มก็หันไปตอบว่า “ก็ขายของบ้างแต่ละปีและเป็นวันที่คนเขามารับของไปขายแหละแม่เย็น อีกทั้งเดือนๆก็ ยังได้รับเงินจากลูกชายคนนี้เก็บๆไว้ด้วยว่าไม่ค่อยจะได้ใช้อะไรนัก ด้วยในไร่นาสวนก็มีพร้อม อยู่แล้ว ก็พ่อเชียรเขานั่นแหละช่างคิดช่างค้นหาสิ่งแปลกมาทดลองใช้ในพื้นที่นี้ก่อน อีกทั้งเขา ยังผสมพันธุ์ต้นไม้แยกออกไป และยังขายต้นไม้ที่เพาะชำระไว้ด้วยอีกจ้า” แม่เข็มตอบ “ผมเองไม่มีเวลามาครับ มาได้ก็ลางานเขามาไม่เท่าไหร่หรอกครับ ต่อไปไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะไล่ผมออกหรือไม่ มาแล้วก็ติดใจนึกถึงตอนเป็นเด็กครับ เลยอยู่เกินเวลาลาครับ” หนุ่มโชติกล่าวขึ้นบ้าง “จะเป็นอะไรไปพ่อเอ๋ย ไร่นาสวนก็มีมากมายเช่นนี้ คงจะไม่อดตายหรอกจ้า” แม่เย็นกล่าวขึ้น “แต่ผมไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว คงจะทำไม่ไหวหรอก ก็อาศัยน้องๆนี่แหละช่วยเหลือเป็นกำลัง หลักครับ วันๆหนึ่งผมจะลงไปช่วยพ่อแม่น้องๆเขาห้ามไว้ ไม่รู้จะห้ามไปทำไม กลัวผมจะลำบาก กระมังครับ” “โอ้ย!!!....คนเกิดที่นี่ก็ทำได้ทุกๆคนแหละจ้า...จะติดขัดก็สักพักหนึ่งเท่านั้น” แม่เย็นเอ่ย “ผมก็คิดเหมือนน้าแหละครับ แต่พ่อแม่น้องๆมันไม่ยอมครับ มันบอกว่าให้คอยแค่คิดบัญชี เรื่องค่าใช้จ่ายรายรับต่างๆก็พอครับ บอกว่าพวกมันไม่มีความรู้ด้านนี้เพียงอาศัยแรงกายเท่านั้น ผมเองเรียนมาสูงกว่าเขา ก็ควรทำหน้าที่ดีกว่า ส่วนแรงงานเขาจะเป็นคนทำเองดูซิครับน้า พ่อ แม่จะจ้างคนมาทำงานกับเจ้าชัย มันบอกว่าไม่ต้องหรอกเสียดายเงินนอกจากงานใหญ่ๆเท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าว “นั่นซินะแม่เข็ม เจ้าชัยและน้องกล่าวก็ถูกอีกแหละ หากรูปร่างผิวพรรณแบบนี้ ให้ไปตากแดดจะทนได้สักกี่น้ำ สู้เอาไว้ใช้สมองดีกว่า จริงไหมพ่อหนุ่ม” กำนันหวนเอ่ยขึ้นบ้าง “สงสัยจะเหมือนพ่อกำนันกล่าวเสียแล้วล่ะครับน้า ทุกๆคนลงความเห็นเหมือนกันหมด พอผมคว้าจอบเสียมเท่านั้น เจ้าชัยมันก็รีบมาแย่ง บอกว่าให้ไปนั่งพักและคอยคิดเงินคิดทอง ดีกว่า เล่นเอาผมหัวร่อแทบตาย บอกกับมันว่า หากไม่ให้พี่ช่วยแล้ว หากพี่เป็นง่อยขึ้นมา ใครจะมาดูแลพี่เสียล่ะ?......ถ้าหากผมเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาขึ้นมาจริงๆ พูดนะพูดได้แต่เวลาจริงจะได้หรือเปล่ากับคนพิการเช่นผมนี้ น้องชบามันก็บอกว่าน้องเลี้ยงดูแลให้เอง ผมถึงกับหัวร่อใหญ่เชียวครับ” ชายหนุ่มเอ่ยไปหัวร่อไป เสียงหัวร่อของเขาช่างทุ้มกังวานยิ่งนัก เล่นเอาพ่อกำนันแม่เย็น ตลอดจนเจ้าชวนสาวบงกชหันมามองเป็นตาเดียวกัน มันเป็นเสียงหัวร่อของผู้มีอำนาจมากๆ โดยเฉพาะสาวบงกชถึงกลับปากอ้าตาค้างไปเลย เสียงนั้นช่างทุ้มหนักแน่นกังวานไพเราะนัก ส่วนเจ้าชวนนั้นมันเคยได้ยินเสียงกล่าวๆแบบนี้มาจากในเมืองแต่มันตอนนี้นึกไม่ออกว่า เสียงแบบนี้ได้ยินจากที่ใดกัน แล้วพ่อเชียรแม่เย็นก็ตัดบทขึ้นทันที “พี่หวนมื้อนี้ทานข้าวด้วยกันนะทุกๆคนด้วย” แล้วหันไปทางเจ้าชัยให้ไปบอกแก่สาวชบา ให้จัดเตรียมอาหารมือเที่ยงด้วย ซึ่งที่จริงนั้นนี่ก็บ่ายโมงกว่าๆแล้ว แต่ทั้งหมดไม่ได้ทานอาหาร จากวัดมาด้วยกันทั้งหมด ด้วยพี่กำนันว่าจะมาเยี่ยมตามที่พ่อเชียรชวนให้แวะกินน้ำท่าก่อน “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องขอตัวไปช่วยชบามันด้วยนะมันตัวคนเดียวคงจะไม่ทันหรอก” แม่เข็มเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างงั้นให้พวกผู้ชายและเด็กๆมันคุยรู้จักกันก็แล้วกัน เราแก่แล้วมาๆๆ ไปช่วยด้วยคน” แม่เย็นกล่าวแล้ว ลุกขึ้นทันที............. * แก้วประเสริฐ. *
27 ธันวาคม 2553 19:37 น. - comment id 120814
อิอิ แจ้นไม่ไปช่วยนะ ก็ยังไม่ยอมแก่ไง 555
27 ธันวาคม 2553 19:51 น. - comment id 120815
คุณ แจ้นเอง ผมพิมพ์ผิดตรงไหนเอ่ย???... นาน่านา...ช่วยบอกทีซิจ๊ะ จะได้ไปแก้ ผมเองกำลังมึนๆๆ หวัดเล่นงานจ้าแจ้นคนสวย ตอนไหนหรือจ๊ะ บอกที่ นะช่วยด้วยนะ รักแจ้นเสมอ แก้วประเสริฐ.
27 ธันวาคม 2553 21:54 น. - comment id 120816
อิอิ คุณแก้วอย่ามึนซีคะ แจ้นแค่แหย่ๆในเนื้อเรื่องน่ะค่ะ เห็นบอกว่า ถ้าอย่างงั้นให้พวกผู้ชายและเด็กๆมันคุยรู้จักกันก็แล้วกัน เราแก่แล้วมาๆๆ ไปช่วยด้วยคน แม่เย็นกล่าวแล้ว ลุกขึ้นทันที............. แจ้นเลยอำเล่นๆหุหุ
27 ธันวาคม 2553 22:04 น. - comment id 120817
คุณ แจ้นเอง นั้นซิคนสวยเล่นเอาผม มึนงง ไปเลย ล่ะครับ เพียงคิดว่าพิมพ์ขาดตกบกพร่องหรือ ก็รีบเข้าไปอ่านอีกที จริงซินะผิดบางคำก็ถือ โอกาสแก้ไขซะละ นี่หากไม่ได้คนสวยเอ่ย ขึ้นผมเองก็คงปล่อยๆไปแล้วล่ะจ้า น่ารัก แบบนี้จะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน อิอิ ผมเองก็แก่แล้วเหมือนตัวลครไม่ผิดกัน เลยจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 ธันวาคม 2553 00:49 น. - comment id 120818
หวัดดีครับ จะติดตามตอนต่อไปด้วย...ความระทึก ในดวงหทัยพลัน
28 ธันวาคม 2553 11:29 น. - comment id 120820
เข้ามา ไล่งานครู นิยาย นะครับ สงสัยจะใกล้จะอาสานต์ ผม ย้อนไปดูเรื่องสั้น แบบยาว ของครู.. ..ทัศยุราชัน...32 ตอน ..ฟ้าเพียงดิน...11 ตอน ..ลุ่มลึกอิสราวดี...61 ตอน. น่ารวมเล่มนะครับครู...
28 ธันวาคม 2553 15:34 น. - comment id 120823
ครูเขาจะให้ยาวแบบเพชรพระอุมาไงจ๊ะ น้องกิ่งโศก อิอิ ว่าไปเองน่ะ ตาบุญคำ
28 ธันวาคม 2553 17:48 น. - comment id 120824
คุณ เอื้องอังกูร สวัสดีครับผมก็เดินเรื่องไปเรื่อยๆแหละ ไม่รู้จะทำอะไร ก็หันมาแตงนิยายนี่แหละครับ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 ธันวาคม 2553 17:51 น. - comment id 120825
คุณ กิ่งโศก ครูเองยังไม่รู้เลยว่าจะจบตอนไหนแต่ เมื่อมาอ่านแล้วเรื่องยังอยุ่ในช่วงระหว่าง กลางนี่แหละ เรื่องนี้ครูตั้งใจว่าจะเอาหลาก หลายมารวมกันไว้ในเรื่องนี้จ้า วันนี้ครูไป ตอบกระทู้ในยลลดาวัลย์ ควรเข้าไปอ่าน กระทู้ครูตอบแก่ ดิน ไว้ด้วยนะ รักศิษย์เรา มากเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 ธันวาคม 2553 17:57 น. - comment id 120826
คุณ ช่ออักษราลี สงสัยจะไม่ไหวนะ แต่หากจะทำนั้น ครูว่าก็ดึงเกมส์ให้ช้าๆแล้วสอดแทรกอะไรๆ เข้าไปก็ยาวแหละ อันพระอุมานั้นหากสรุป แล้วเรื่องไม่มากหลากหลายหรอกจ้า แต่ ศิษย์รุ่นพี่ครูนั้นเขามักจะเน้นในเรื่องด้านปืน เสียเป็นส่วนมากจ้าแล้วสอดแทรกแบบ ขุมทรัพย์ในหนังไว้มา สอดแทรกแบบไทยๆ ลึกลับด้วยจ้า อีกทางครูนั้นไม่คอยชอบ ตามหลังเขา มักจะเขียนขึ้นจากสมองครู เองแหละ ดีไม่ดีก็ช่าง แต่ที่ดีคือสร้าง ความเพลิดเพลินแก่ครูจ้า แต่นี่ครูอ่านทบทวนแล้วมัน ก็แค่ครึ่งเรื่องเท่านั้นเ่องยังมีอีกมาก ตามจินตนาการครูนะ แล้วตอนนี้มาเขียน อีกหลายอย่าง ซ้ำสมุนยาไทยอีกด้วย วันนี้ว่าจะพักสมองสักหน่อยมันชักจะปนเป กันไปแล้วล่ะจ้า รักศิษย์เรามากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.