อทิสมานกาย ๕๒ สารวัตรและผู้กองทั้งสองหลังจากที่เหตุการณ์สงบเรียบร้อย ก็เตรียมตัวจะกลับ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่งเฝ้าดูแลสิ่งของที่ยึดมาได้ไว้ วิทยุไปยังสถานี ตำรวจเพื่อขอรถมายกสิ่งของตลอดจนผู้จับกุมเพื่อนำตัวไปยังโรงพัก ทันใดนั้น เจ้าแสงสีก็มารายงานว่า “ท่านสารวัตรครับ นายผมสั่งไว้ว่าหลังจากเหตุการณ์ราวตกเที่ยงๆจะมีผู้ใหญ่ ทางกรุงเทพฯพร้อมท่านรองผู้กำกับมาตรวจดูการจับกุมเหล่านี้ครับ” “อย่างนั้นหรือแสงสี ขอบใจมากนะเอ๊ะ??ท่านมาเมื่อไหร่ผมไม่ยักจะเห็น ท่านเลยนี่นา????....” ท่านสารวัตรถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ท่านสั่งมาทางเจ้าสินชัยครับ ว่าหากเหตุการณ์ทางนี้เรียบร้อยให้เรียนท่านสารวัตร ด้วยครับ ตอนนี้เจ้าสินชัยกำลังออกไปทำการจับกุมเสี่ยหว่างอยู่ ยังไม่กลับมาเลย” “นั่นซินะถึงไม่เห็นหน้าสินชัยเลย ยังสงสัยเหมือนกันอยู่ ตรวจสอบดูแล้วด้วยสาย รายงานว่า งานนี้เสี่ยหว่างมาควบคุมงานเองด้วย ตรวจสภาพศพทุกศพแล้วไม่มีเสี่ย หว่างอยู่เลย ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าจะถามแสงสีว่ามันหลบหนีไปทางไหนทางเรา ถึงไม่ได้เห็นเลย และผมยังได้รับรายงานจากสายเพิ่มเติมอีกว่า บรรดารถขนไม้เถื่อน ที่ออกเดินทางไปแล้ว ถูกด่านสะกัดจับกันได้อีกหสายสิบคันรถหมดแล้ว ตอนนี้ทั้ง ของและคนขับตลอดจนผู้นำทางก็ถูกจับกุมจากด่านสะกัดจนหมดสิ้น นับว่าเป็น งานที่จะต้องอึกกระทึกครึกโครมเป็นแน่แท้ หนังสือพิมพ์คงจะพาดหัวหน้าแรก ถึงผลงานการจับกุมรายใหญ่ๆนี้ล่ะแสงสี” “ครับเรื่องผู้ใหญ่นั้นให้ท่านสารวัตรเตรียมต้อนรับ ป่านฉะนี้เจ้าสินชัยยังไม่มาเลย หากยังไม่เสร็จธุระกระมัง หากเสร็จก็คงจะมาแหละครับ” แสงสีรายงานเพิ่มเติม ครั้นแล้วสารวัตรก็เดินไปแจ้งผู้กองทั้งว่า ให้จัดเจ้าหน้าที่เตรียมตัวด้วยจะมี ท่านรองผู้กำกับนำผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯมาตรวจสภาพด้วย ดังนั้นผู้กองจึงหันไปสั่ง ตำรวจทั้งหลายให้เตรียมต้อนรับผู้ใหญ่ที่จะมาตรวจงานทันที เสียงปืนดังแว่วมาแต่ไกลพร้อมกับเสียงรถยนต์แล่นมาด้วยความรวดเร็ว ใกล้เข้ามา สินชัยก็สั่งให้ทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม ภายในรถยนต์ส่วนตัวของเสี่ยหว่างนั้น มันหันไปมองทางด้านหลังก็เห็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจวิ่งสลับกันไปๆมาๆตามหลังมาพร้อมยิงใส่รถของมัน แต่กระสุนไม่สามารถ จะทำอันตรายแก่มันทั้งสองได้ เสี่ยหว่างจึงสั่งเจ้าเว้งเร่งเครื่องทันที “เฮ้ยๆๆๆ!!!!....มันยกพวกมาไล่ยิงเราแล้วว๊ะ???...มันตามหลังมาติดๆเชียวเลย มึงเร่งเครื่องให้สุดเลยนะ อย่างไรรถกูแต่งเครื่องไว้สูงมันจะคงไล่มาไม่ทันหรอก” “ครับเสี่ย อั้วก็เร่งเหยียบจนเต็มคันเร่งแล้วล่ะ” ไอ้เว้งกล่าวแก่เสี่ยหว่าง “เออดีๆๆว๊ะ กูก็เห็นข้างทางมองไม่ทันเลยล่ะ แต่นี่เสียงปืนเงียบสงสัยมันจะตาม เรามาไม่ทันแล้ว “ เสี่ยหว่างเอ่ยขึ้นด้วยความโล่งใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืนยิงมายังรถมันอีก รีบแจ้งให้ไอ้เว้งรู้ ไอ้เว้ง หน้าตาตื่น รีบเหยียบคันเร่งด้วยเมื่อกี้นี้มันผ่อนคันเร่งลง ด้วยคิดว่าหากขับไปใน ลักษณะนี้อันตรายมาก หากกระทบอะไรเข้า รถจะประคองตัวไม่ได้มันคิดขับไป หัวใจมันเต้นตุ้มๆตั้มๆ แต่ความกลัวถูกจับมีมากกว่า จึงเหยียบจนสุดคันเร่ง รถวิ่งราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกจากแหล่งด้วยความเร็วมาก ฝ่ายลูกน้องสินชัยที่ตามหลังรถเสี่ยหว่างมาติดๆกันนั้น ซึ่งมีเพียงตนเดียว แต่มัน อาศัยวิ่งด้วยพลังงานที่เหนือกว่าคนธรรมดาจะทำได้ สลับไปตามต้นไม้ข้างทางบ้าง ลวงล่อว่ามีพวกตำรวจหลายนาย ให้เสี่ยหว่างเห็นซึ่งมองดูด้านข้างหลังรถยนต์ พร้อมยิงปืนสลับกันไปมาเป็นระยะๆ เมื่อไอ้เว้งมองไปทางข้างหน้าใจมันหายวูบทันที จะเลี่ยงหลบก็ไม่ได้ด้วยทางรถแคบ มีทางแค่เฉพาะรถสวนกันเท่านั้น ด้านหน้ามันวางด้วยขอนไม้ใหญ่ขวางทางไว้หากมันหากขับรถด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ มันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ชะลอรถลง แต่ไม่ทันเสียแล้ว จึงรีบร้องบอกเสี่ยหว่างด้วยความตกใจยิ่ง “ไอ้หย่าซีเลี้ยววา อาเฮียเอ๋ย ลื้อดูซิข้างหน้ามีอะไรมาขวางโว้ย” มันลืมตัวด้วย ความกลัว นัยน์ตามันเหลือกโพลงครั้นจะชลอรถไม่ทันวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เมื่อหากเหยียบเบรครถก็จะพลิกคว่ำหลายตลบทันที ระยะก็กระชั้นชิดเกิน ไปที่จะห้ามรถโดยเหยียบเบรคในระหว่างความเร็วสูงกว่าไม่ได้อีก นัยน์ตามันเหลือกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด มันช้าเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว ครั้นเสี่ยหว่างหันไปมองข้างหน้าด้วยมันมัวแต่มองด้านหลังอยู่ พอกลับมามอง เห็นข้างหน้าเท่านั้น หน้ามันเปลี่ยนสีทันทีมันรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งข้างทางที่ รถใช้วิ่งนั้นด้านหนึ่งติดเขา อีกด้านหนึ่งเป็นเหวลึก นัยน์ตามันเหลือกลานขึ้นทันที “ไอ้เว้งโว้ยๆๆๆ.....”เสียงยังไม่ทันขาดคำรถก็ปะทะกับขอนไม้ที่ขวางกันชั้นแรก ตวัดกระทบข้างรถยนต์มันทันที รถส่ายไปส่ายมายังกับงู จนหมุนไปรอบๆและ แล้วก็ไปกระทบยังขอนไม้ใหญ่ชั้นที่สองอีก รถพลันพลิกคว่ำกลับไปกลับมาหลาย ตลบพลัดตกลงไปยังเหวข้างทางทันที “ไอ้เว้งๆๆๆช่วยกูด้วยโว้ย” เงียบเสียงไอ้เว้งตอบไม่ได้ด้วยหน้าอกมันถึงจะมี เครื่องป้องกันเป็นถุงลมแต่ความเร็วเกินขนาดและยิ่งเป็นรถที่ ตบแต่งขึ้นใหม่เป็นซุปเป้อร์สปรี๊ดอีกด้วย จึงทำให้หน้าอกมันแทกกับพวงมาลัย อย่างจังจนมันสลบไปทันที รถที่ขาดการควบคุมก็ถลาลงจากถนนพุ่งตกลงไปข้างทางถลาสู่ยังเหวลึกข้างทาง เสียงร้องของเสี่ยหว่างร้องอย่างโหยหวนลอยละลิ่วตามไปด้วยตัวมันเอง ก็มีเข็มขัดป้องกันคาดไว้อยู่ด้วย เสียงดังสนั่นยามเมื่อรถปะทะกับต้นไม้ต่างๆ ที่เรียงรายตามไหล่เขา ปะทะต้นโน้นทีต้นนี้ที ม้วนตัวตลบไปตลบมา จนรถมันขาดกลางเป็นสองท่อน ประกายไฟแลบหม้อน้ำมันแตก น้ำมันภายในรถโดนประกายไฟก็เกิดระเบิด ขึ้นทันทีด้วยความเร็วแรง ต้นไม้บางต้นขาดจากกัน ฟาดครูดไปตามเขาลงสู่เบื้อง ล่างทำให้ต้นไม้ต่างๆที่เล็กๆต่างหักระเนระนาดไปตามๆกันล่วงลงสู่ก้นเหวไป ส่วนท่อนหลังที่เสี่ยหว่างนั่งอยู่ขาดกลางนั้นกลิ้งไปพร้อมกับไฟที่แลบเผาร่าง มันซีกหนึ่ง เสียงระเบิดของท่อนรถส่วนหน้าแหลกเป็นชิ้นๆพร้อมต้นไม้ต่างๆ แต่มันก็ยังไม่ตายด้วยท่อนหลังรถไม่ระเบิดคงระเบิดส่วนที่ขาดด้านหน้ารถ ที่ไอ้เว้งขับอยู่มันคิดว่าไอ้เว้งคงตายพร้อมกับรถที่ระเบิดไปแล้ว ไปค้างยังต้นไม้ ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไฟลุกท่วมด้านหน้าจนกระทั่งไปไหม้ยังบรรดาเหล่า ใบไม้แห้งอีกด้วย แต่ท่อนที่มันนั่งมานั้นไฟบัดนี้มันดับไปแล้วแต่ท่อนล่างรถ มันยังไม่ได้ปะทะกับต้นไม้อีก หล่นลงไปยังเบื้องล่างทันที เมื่อท่อนหลังรถตกยังบนพื้นที่ไม่มีหินรองรับ พลิกหงายขึ้น ประตูยังปิดอยู่แน่น ด้วยล๊อคที่มันล๊อคเอง สภาพรถแทบจะแบนติดกับพื้น มีส่วนที่เสี่ยหว่างอยู่เนื่องจาก ด้านหลังรถที่ยาวบี้มาจนถึงแทบจะติดมัน มันแทบสลบอาศัยที่มันใจแข็งทรหด อดทนยิ่งนัก จึงแลเห็นท่อนขาดระหว่างเบาะที่กั้นไว้ จึงค่อยๆพยุงคลานออกมาได้ พอมันโผล่หน้าออกจากตัวรถที่ขาด มันก็ต้องสะดุ้งตาเหลือกค้าง เมื่อมันเห็นชายสองคนถือปืนอาก้ายืนรอต้อนรับมันอยู่แล้ว มันตาเหลือกโพลง คิดจะเอ่ยคำจะพูด แต่ช้าไปแล้วเสียงที่มันได้ยินคือเสียงของปืนอาก้าดังพรืดๆๆๆ ร่างท่อนบนที่ยังไม่พ้นรถก็เต้นเร่าๆไปตามแรงกระสุนที่ยิงมาเป็นชุดๆ ซีกหนึ่ง ของใบหน้ามันที่ส่วนหัวหายแตกกระจายไปทันที สมองและเลือดสาดไปทั่วรถ แต่ร่างมันยังสั่นๆอยู่ไปๆมาๆ คล้ายปลาช่อนที่ถูกทุบที่หัว จนกระทั่งร่างสั่นๆนั้นพลันชะลอลงเงียบสงบทันที แม้แต่หน้าคนยิงมันยังไม่ ทันได้เห็นเหมือนกันว่าเป็นใครที่ยิงมัน วิญญาณอันชั่วร้ายด้วยจิตใจอันโสมมก็ ลอยละล่องไปทันใด ชายทั้งสองที่เป็นหุ่นมองดูสักพักหนึ่งแล้ว ก็ต่างทะยอยกันขึ้นเขาไปตรวจยัง สภาพรถที่ขาดท่อนหน้ารถ เห็นสภาพแล้วก็รู้ว่าไม่มีใครเหลือรอดชีวิตไปได้ด้วย เห็นร่างหนึ่งที่พวงมาลัยไหม้เกรียมเป็นก้อนสีดำๆอมน้ำตาลเกาะอยู่กับพวงมาลัย ที่ถูกไฟไหมคงเหลือแต่ซากเศษเหล็กเท่านั้น ดังนั้นร่างทั้งสองก็ขึ้นมายังปากเหวริมถนน เข้าไปรายงานผลแก่เจ้านายมันทันที “เรียบร้อยครับนาย ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ตายกันหมดแล้วครับ” หนึ่งในสอง กล่าวรายงานทันที “ดีแล้วล่ะ ขอบใจมากนะที่ส่งคนชั่วไปอีกทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นอีกหน่อย มันไม่ เป็นบาปหรอก ด้วยเราไม่ได้เกิดความอาฆาตเราทำตามหน้าที่ปกป้องคนดีจีงถือว่า เป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะผิดศีลไปบ้างแต่เราทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจนะ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ไปรวมกันได้แล้วจะได้รีบกลับไปหาพี่แสงเสียทีเพื่อแจ้ง ให้ทราบว่าภาระกิจทางนี้เรียบร้อย” สินชัยกล่าวกลับลูกน้องทั้งห้าของมัน” “ครับหัวหน้า” ทั้งหมดรับคำเพียงรอคำสั่ง พวกเราพร้อมหรือยังล่ะ สินชัยหันไปถาม “พร้อมแล้วครับ ผมทางนี้ได้เก็บสิ่งของต่างๆบนถนนให้เรียบร้อยดังเดิมแล้ว ตามคำสั่งนายแหละครับ” พวกมันสามคนเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน “ดีแล้วอย่างนั้นเรากลับไปหาพี่แสงกันดีกว่า เอ๊าๆๆข้ามเขากันตรงนี้แหละพวก เราขึ้นไปกันได้ด้วยอาศัยพลังงานของพวกเราที่ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าพลังงานของพวกเจ้า เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกมากมายนักนะ” สินชัยกล่าวแก่ลูกน้องมันทั้งให้กำลังใจแก่พวกมัน อีกด้วย ทำให้ลูกน้องมันทั้งห้าพากันยิ้มด้วยความพึงพอใจที่นายมันชมเชย เพียงเวลาไม่นานนักทั้งหกก็เดินทางมาถึง เมื่อสินชัยมองไปที่ลานที่ใช้เป็นที่เก็บ ของต่างๆนั้น ซึ่งตอนนี้พวกช่างภาพหนังสือพิมพ์ต่างๆ ก็กำลังถ่ายรูปและมีบางกลุ่ม เข้ามาสอบสัมภาษณ์เหตุการณ์จากท่านตลอดท่านรองผู้กำกับฯอยู่อีกด้วย สินชัยก็ทราบทันทีว่าผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯมากันหลายนาย แต่ละคนบ้างเดินตรวจดู บริเวณต่างๆ พร้อมทั้งถ่ายรูปไว้อีกด้วย บ้างก็ทำการบันทึกข้อมูลต่างไว้อย่างขมักเขม่น ในขณะที่ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯกำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ท่านรองผู้กำกับกำลังรับฟังคำ รายงานจากสารวัตรชัชวาลย์ถึงเหตุการณ์ต่างๆเพิ่มเติมอยู่ ด้านหลังเป็นผู้กองจรัสและนายตำรวจบางนายอยู่คอยต้อนรับผู้ใหญ่เหล่านี้ ตำรวจอื่นๆ ต่างก็นำพวกมาดูงาน เดินตรวจตราชี้แจงเหตุการณ์ไปพลางๆกัน ให้คนบันทึกทำรายงาน แต่ไม่เห็นผู้กองจำลองคงจะเดินทางกลับไปเตรียมตัวทางด้านโน้นอยู่ตามคำสั่งของนายแล้ว มันหันไปสั่งทางลูกน้องทั้งห้าให้ไปร่วมกลุ่มกลับพวกเราทั้งหมดที่ยืนเป็นแถว อย่างเป็นระเบียบ มันทั้งห้าต่างแสดงความเคารพแก่หัวหน้าทั้งสอง แล้วก็เข้าไปต่อแถว สินชัยก็เข้าไปหาแสงสีทันที แล้วรายงานว่า “ พี่แสง...เจ้าเสี่ยหว่างและพวกต่างตายหมดสิ้นแล้วไม่มีใครเหลือรอดไปได้สักคนเดียว พร้อมทั้งกล่าวเหตุการณ์ต่างให้ฟังอย่างละเอียด” “ดีมากน้องสิน...เห็นไปช้าพี่เองก็เป็นห่วงอยู่ที่จริงเรื่องแค่นี้ควรจะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ เห็นน้องหายไปนานผิดปกติก็รู้สึกเป็นห่วงนะ” แสงสีกล่าวแก่น้องมัน ระหว่างที่มันทั้งสองกำลังคุยกันสนทนาอยู่ในกลุ่มของพวกมันอยู่นั้น พร้อมไปทักทาย กลุ่มของตนด้วยความยินดียิ่งที่งานที่รับภาระจากนายมันนั้นลุล่วงไปได้ด้วยดี ทางผุ้ใหญ่ทางกรุงเทพฯ ครั้นมองมายังทั้งสองก็จำเจ้าสินชัยได้ จึงกวักมือเรียกให้ไปหา สร้างความแปลกใจแก่ท่านรองผู้กำกับและสารวัตรผู้กองด้วยกัน ต่างคนต่างหันหน้ามองกัน ไปๆมาๆ ไม่คิดว่าผู้ใหญ่ของเขาจะรู้จักกับสินชัยได้ เมื่อแลหันไปมองทางสินชัยซึ่งกำลังคุย กับแสงสีอยู่นั้น แสงสีเห็นเข้าก็บอกแก่น้องมันให้รู้ไว้ว่าทางผู้ใหญ่กำลังเรียกสินชัยอยู่ “น้องสิน ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯท่านกำลังเรียกน้องอยู่ให้ไปหานะ” แสงสีเอ่ย เจ้าสินชัยหันไปตามมือชี้ของพี่ชาย ก็หัวร่อพลางกล่าวกับพี่ชายว่า “อ้อๆๆท่านนี่เอง คงจำผมได้ครับด้วยผมไปหาท่านในเวลากลางคืนดึก ปลุกท่านตื่นขึ้นมาตามนายสั่งให้ไปส่งหนังสือให้ทราบ” “ถ้าอย่างนั้นน้อง รีบไปเถอะท่านเป็นผู้ใหญ่หากช้าจะไม่ดีนะน้อง” แสงสีกล่าว “ครับพี่.....ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละครับ” กล่าวแล้วเจ้าสินชัยก็ผละจากพี่ชายมันเดินไปหาท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯทันที ครั้นเมื่อเดินมาถึงตรงหน้าท่าน พลางยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพ ท่านนั้นก็รีบเดินผละจากรองผู้กำกับและสารวัตรตลอดจนผู้กองตำรวยที่คอยต้อนรับ เดินเข้ามาหาสินชัย พลางสวดกอดเขย่าตัวสินชัยไปๆมาๆ พลางกล่าวว่า “คงเหนื่อยมากซินะ เสียดายจริงๆไม่ยอมมารับราชการ ในขณะที่ผมยังอยู่นั้น มิฉะนั้นผมอาจจะช่วยให้เร็วขึ้นไปอีกในขณะที่ผมยังมีอำนาจอยู่นี้ เสียดายจริงๆ คนดีๆมีฝีมืออย่างนี้หายากเสียด้วย” ท่านกล่าว “ขอบพระคุณท่านมากครับ แต่ว่าผมอยู่กับนายผมสบายใจกว่าครับผมกับพี่แสงสีอยู่กับท่าน ซึ่งเป็นทั้งนายญาติและอาจารย์ผมด้วยครับ แต่ทว่าก็เหมือนอยู่กับท่านแหละครับเพราะต้องคอยช่วยเหลือราชการ ตามนายผมสั่งอยู่แล้วครับ” สินชัยกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม ทำให้ท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯหัวร่อชอบใจ ผละออกจากสวมกอดแล้วตบหัวไหล่แทน พลางหันไปทางรองผู้กำกับแล้วแจ้งให้ฟังว่า “เห็นไหมคุณ นี่ขนาดเด็กของเขายังร้ายกายถึงเพียงนี้แล้วนายมันล่ะจะร้ายกาจขนาดไหน” เล่นเอาท่านรองผู้กำกับงงไปกันใหญ่ ท่านทราบด้วยหรือว่านายของสินชัยกับแสงสีเป็นใครกัน ยกเว้นท่านสารวัตรและผู้กองเท่านั้นที่แสร้งทำสีหน้าเฉยเมย แต่ภายในใจอดอมยิ้มเสียไม่ได้ แล้วหันมากล่าวกับสินชัยถึงเรื่องงานที่ได้ออกติดตามเสี่ยหว่างไปนั้น สินชัยก็รายงาน เหตุการณ์ทั้งหมดให้ท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯทราบอย่างละเอียดหมดสิ้น ท่านหัวร่อร่าพลางกล่าวชมเชยทันที “ฉลาดนี่ฉลาดจริงๆวางแผนการได้เหมาะสมกับเหตุการณ์ได้ยังกับตาเห็นแน๊ะ พวกมัน คงคิดไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์ซ่อนเงื่อนแบบนี้” ท่านกล่าวกับสินชัยพร้อมส่งเสียงหัวร่อลั่น “แล้วนายเจ้าไม่มาด้วยหรือ” ท่านถามด้วยความสงสัย “ท่านมาดูทั้งสองทางแหละครับแต่ท่านแฝงตัวมาไม่ให้ใครรู้นอกจากผมและพี่เสงสีเท่านั้น” “อืมมๆๆๆ!!!...สมแล้วที่ผมไว้วางใจมากติดตามผลงานตลอดเวลาเลย ไม่เคยคลาดสายตา วางกลไกแผนการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามนึกไม่ถึงจริงๆ” ท่านเอ่ยขึ้น “แล้วพวกเจ้ามากันกี่คนละเดี๋ยวจะสั่งให้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้ทุกๆคน แล้วมีใครเป็นอะไร ไปหรือเปล่าล่ะสิน” “ประมาณร้อยคนคิดว่าทั้งสองฝ่ายรวมกันแล้วครับท่าน ทุกๆคนปลอดภัยดีไม่ได้รับบาดเจ็บ อะไรเลยครับ” สินชัยรายงาน “เป็นกองกำลังที่นายเจ้าสร้างขึ้นไว้หรือ” “ครับเป็นกองกำลังลับๆครับ ท่านฝึกซ้อมด้วยตนเองครับ ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ หรอกครับท่าน” “อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะจึงไม่สามารถตรวจสอบได้นะ???...” ท่านถามด้วยความสงสัย “ทุกๆคนเสร็จงานแล้วก็จะกระจายกันไปหลบซ่อนตัวครับท่าน ยกเว้นหากมีคำสั่ง จากนายมา ถึงจะออกมาปฏิบัติงานครับ” สินชัยแก้ตัวให้นายมัน “ถ้าอย่างนั้นเวลาจะรวมพลล่ะใช้วิธีการใดหรือสินชัย???....” “ท่านก็ส่งสัญาณรหัสลับที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ ทุกๆคนรู้หมดครับเพียงแค่รับสัญญาณ ที่ทางคนหนึ่งก็จะทราบกันไปทั่ว ก็จะออกมายังที่นัดหมายพร้อมเพรียงกันครับท่าน” “นั่นซิผมเองเห็นทุกๆคนล้วนแต่ใช้อาวุธทันสมัยคล่องท่วงทีการจับปืนกระฉับกระเฉง กันทุกๆคน แม้แต่แถวก็เป็นระเบียบวินัยคล้ายดั่งทหารที่ผ่านสงครามกันมาแล้วทั้งสิ้น” “สำคัญๆๆนายเจ้านะ สมแล้วที่แม้แต่ผู้บังคับบัญชาผมยังให้ความรักนับถืออย่างจริงใจ อ้อๆกลับไปแล้วบอกนายเจ้าด้วยว่าจะทำอะไรอย่างวู่วามนัก จะแสดงตัวได้นั้น ก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากผมเท่านั้นนะสินชัย ผมมีคนประสานงานกับนายเจ้าไว้แล้วล่ะ” “ครับท่านเมื่อผมกับพี่ไปหานายแล้วจะรายงานตามที่ท่านสั่งมาครับท่าน” ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯก็ตบไหล่ของสินชัย เอ่ยขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจะต้องไปทางด้านโน้นอีกนะสำหรับงานพวกของสินชัยกับแสงสีเห็นว่าคง จะไม่มีอะไรอยู่แล้วกลับกันได้แล้วล่ะเพื่อนายเจ้าจะได้ไม่ต้องห่วงกังวล อย่าลืมแจ้งด้วยว่าผมขอขอบใจมาก นี่ก็ใกล้จะพิจารณาตำแหน่งอีกแล้ว งานชิ้นนี้เห็นที ผมต้องไปเรียนผู้บังคับบัญชาด้วยตนเองเสียแล้วเพราะเป็นงานใหญ่มากๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินความเสียหายของประเทศและตลอดความมั่นคงอีกด้วย จะเสนอความดี ความชอบอีกในกรณีย์พิเศษให้ด้วย บอกว่าผมขอบคุณนายสินชัยมากๆนะ ให้อยู่เหมือน เดิมไปก่อนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเท่านี้แหละ” “ครับท่าน ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไปบอกพี่แสงสีนำกำลังพลกลับฐานที่ตั้งทั้งหมดเลยครับ” แล้วสินชัยก็แสดงความเคารพผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯอีกครั้ง แล้วต่างผละออกจากกัน ส่วนสินชัยก็ไปแจ้งให้พี่ชายมันฟัง เมื่อแสงสีรับฟังจากน้องชายดังนี้แล้ว ก็หันไปทางกลุ่ม ของพวกตนให้เดินทางกลับได้แล้ว ดังนั้นกลุ่มดังกล่าวพร้อมด้วยสินชัยและแสงสีก็เดินไป ยังลาน ทุกๆคนปลดอาวุธออกหมด นำมาวางพาดกันหันปลายกระบอกปืนขึ้นฟ้าบั้นท้ายปืน วางบนดินสลับกันไปๆมาๆ หลายสิบกองแล้วพากันเข้ายืนเป็นระเบียบรอคำสั่งต่อไป แสงสีและสินชัยก็แจ้งยังกลุ่มให้ทราบทันที “พวกเราทั้งหมดกลับฐานเดิมได้แล้ว ให้ทุกๆคนกระจายกำลังแยกย้ายกันไปกลุ่มละสอง จนถึงฐานแล้วรอคำสั่งต่อไป” เสียงดังกังวานสนั่นไปทั่วบริเวณลานกว้าง “ครับผ๊มๆ....” เสียงดังขึ้นพร้อมๆกัน แล้วแยกเป็นสองฝ่ายออกเดินทางกลับลับหายไปใน ป่าข้างๆทันที ไม่ได้ยินเสียงของใบไม้แห้งดังกร๊อบแกร๊บดังเกิดขึ้น ยิ่งทำให้ทุกๆคนแปลกใจกันไปตามๆกัน เมื่อเห็นคนจำนวนมากเดินทางหายไปในป่าจนหมด เหตุการณ์นี้ต่างอยู่ในสายตาของท่านผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯท่านรองผู้กำกับตลอดจนผู้กองตำรวจ อีกหลายๆนายต่างปากอ้าค้างไปตามๆกันทุกๆนาย นี่มันเป็นการเดินทางกลับที่มีระเบียบวินัย ยิ่งนักดั่งกองทัพของทหารที่ผ่านการรบมาอย่างโชกโชนมิปาน...................... * แก้วประเสริฐ. *