คีโมกับมะเร็งและการดำรงชีวิต พอดีได้รับฟอร์เวิร์ดเมลอีกแล้วค่ะ ด้วยความเป็นห่วงเลยลงให้เห็น กันเลยเพื่อนๆเคยอ่านมาบ้างไหมคะ จะเป็นจริงแค่ไหนนั้นลองพิจารณากันดูนะคะ หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะ ลอง และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์ 1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล(1,000,000,000 เซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น 2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง 3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร็งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก 4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต 5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น 6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ 8. การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก 9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น 10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลาย พันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย 11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น "" นิวตร้าสวีต "" "" อีควล "" "" สปูนฟูล "" ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ "" แบรก อมิโน "" หรือเกลือทะเลแทน b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ ได้รับอาหาร c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 1 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ140 องศา F ( ประมาณ 4 องศา C) e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง 12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้น 13. ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น 14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สารIP6 [inositol hexaphosphate หรือ phyti acid],สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือ กำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป 15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง.... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต 16. เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
12 ธันวาคม 2553 09:19 น. - comment id 120515
เห็นด้วยทุกประการกั๊บ... โรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ลืมบอกไปว่า..เซลล์มะเร็งกลัวนางฟ้า.. เพราะฉะนั้น ใครที่เป็นมะเร็งอยู่.. (เช่น..นางฟ้าพี่สาว....) รีบหายเร็วๆ นะ จะได้มาร่วมขบวนการนางฟ้า บินไปให้กำลังใจ ใครๆ ต่อไป....
12 ธันวาคม 2553 09:21 น. - comment id 120516
Signature ของคนข้างบนน่ะ.. ควรจะเป็น น้องสาว นะคะ
12 ธันวาคม 2553 09:30 น. - comment id 120517
เป็นบทความที่ให้ความรู้ได้ดีทีเดียว มะเร็ง... คำๆนี้ มันเข้ามาทักทายและคร่าชีวิตคนใน ครอบครัวไปหมดแล้ว ใครไม่เจอไม่รู้หรอกว่า มันทุกข์/ทรมานแค่ ไหน? ..ทรมานทั้งร่ายกายทุกข์ทั้งจิตใจ ไม่รู้เหมือนกันว่า "มะเร็ง"จะเข้ามาทักทาย เมื่อไหร่? ขอบคุณมากสำหรับบทความดีๆ
12 ธันวาคม 2553 12:19 น. - comment id 120519
น่าสงสารคนที่ป่วยนะ ขอให้มีกำใจต่อสู้กันทุกคนค่ะ
12 ธันวาคม 2553 19:42 น. - comment id 120522
ดีจ๊ะดี....เป็นวิทยาทาน รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
12 ธันวาคม 2553 20:33 น. - comment id 120524
ขอบคุณพี่ช่อฯ ครับที่แนะนำเรื่องราวที่เป็นประโยชน์.. ไม่เห็นพี่ช่อมาลงกลอนนานแล้วนะครับ..อย่ามัวแต่เขียนเรื่องสั้นนะครับ
12 ธันวาคม 2553 23:27 น. - comment id 120527
สวัสดีค่ะ คุณนางฟ้าน้องสาว ขอเป็นนางฟ้าคนกลางล่ะกันค่ะ ก็มีทั้งนางฟ้าพี่สาว น้องสาว พี่ก็เป็นนางฟ้า คนกลางแล้วกันค่ะ อยากเป็นมานานแล้ว
12 ธันวาคม 2553 23:31 น. - comment id 120528
คุณกอไผ่ กลัวเหมือนกันค่ะ เลยต้องศึกษาไว้ อย่างน้อยเอาไว้อ่านเองก็ดีค่ะ แต่ให้ผู้อื่นอ่านด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ ศึกษาไปพร้อมกัน เกิดมาเป็นคน ก็เท่านี้ค่ะ หนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เขาจึงให้เราเกิดมาสร้างความดีไงล่ะคะ
12 ธันวาคม 2553 23:35 น. - comment id 120529
น้องยุ้ย ค่ะ น่าสงสารทุกคน แม้แต่ตัวเราเอง ทุกวันนี้ก็กลมกลืนไปกับโรคต่างๆค่ะ มันมาหาเราโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ทั้งโรคหัวใจ และมะเร็ง มากที่สุดค่ะ
12 ธันวาคม 2553 23:38 น. - comment id 120530
คุณครูแก้ว จริงๆแล้วคุณครูมีความรู้มากนะคะ แต่มักจะถล่มตัวจังเลยค่ะ อยากจะศึกษาไปถึงแพทย์แผนไทยนะคะ ที่เป็นการฟื้นฟูองค์รวมของร่างกาย
12 ธันวาคม 2553 23:55 น. - comment id 120531
น้องกิ่งโศก ตอนนี้ไม่ว่างานเขียนประเภทใดๆ พี่ก็งดไปก่อนค่ะ เพราะมักจะเป็น มะเร็งในอารมณ์ คือพี่มักจะพกพา การบ้านกลับมาทำที่บ้านเสมอ จึงเป็น โรควิตกกังวลจนเขียนอะไรไม่ออก และความคิดก็เลยขึ้นสนิมไปเลย มี อาการแต่งกลอนไม่ออกเหมือนกันค่ะ งานเขียนทุกประเภทสำหรับพี่จึงต้องเกิดจาก การมีเวลาและอารมณ์นะคะ และยิ่งมีกำลังใจมากๆยิ่งดี เขียนเรื่องสั้นนี่ดูมาจากไหนเอ่ย อิอิ พี่กำลังติดค้าง มีภาระกับงานเขียนเรื่องยาว อยู่ค่ะ นี่ก็เวรกรรมอย่างหนึ่งที่เกิดจะ มาพิศวาสงานเขียนร้อยแก้วเข้า ทั้งๆ ไม่มีฝีมือสักเรื่อง ทั้งร้อยแก้ว และร้อยกรอง เพราะอยากใช้บั้นปลายชีวิตทางนี้ค่ะ มีความรู้สึกว่าหากวันใดที่เราจากโลกนี้ไป ทุกอย่างเป็นศูนย์ นอกจะมีอะไรบางอย่าง ที่หลงเหลือไว้ให้คนข้างหลังระลึกถึงค่ะ ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด นั่นคือตัวอักษร
13 ธันวาคม 2553 21:22 น. - comment id 120544
ขอบคุณค่ะคุณ ช่อ ที่นำบทความดีดีมาเผื่อแผ่
14 ธันวาคม 2553 00:09 น. - comment id 120546
เข้ามาอ่านคอมเม้นท์ จะปล่อยไก่สัก ตัวหนึ่ง ดุจจะเป็นบุญหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ว่าครูไปช่วยงานเขาเกี่ยวกับบ้าน ไปพบ หนังสือรวมรวมตำราแผนโบราณได้มาสอง เล่ม รู้สึกว่าจะเป็นพระท่านรจนาเอาไว้ ครั้น มาอ่านดูตอนนั้นอ่านคร่าวๆเป็นการรักษา โรคแบบแผนโบราณที่ศิษย์เราต้องการแต่ ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเล่มเท่านั้นแต่ว่าซุก ที่ไหนจะต้องไปค้นดูก่อน ให้เขาไปเล่มหนึ่ง ด้วยเขาสนใจทางด้านนี้ เขายกมือไหว้ ขอบคุณเป็นการใหญ่ ครูดูเป็นการรวบ ความที่กว่าจะได้มาคงจะยากแสนยาก นัก จัดเป็นเล่มปกสีเหลืองเล่มหนา พอประมาณ หากว่างๆหลังจากเขียนเรื่อง นี้เสร็จ หากศิษย์เราอยากทราบก็จะทะยอย นำมาลงให้ือ่านแต่ต้องพบก่อนนะ การรักษาแบบโบราณนั้น ให้ครูจำแนก ไว้มีหลายๆประเภท เช่น ก.การรักษาแบบสมุนไพรไทยเราล้วน ซึ่งมีมากมายหลายๆชนิดแต่ละชนิดนั้น จะมีการออกฤทธิ์อย่างไรบ้าง แต่ต้อง มีสัดมีส่วนน้ำหนักแตกต่างกันเขาเรียก กันว่าบาทจ้า จำพวก ขิง ข่า ตระไคร้ก็เป็น สมุนไทยด้วย หากกล่าวก็ไม่จบเพียงรู้ ไว้คร่าวๆก่อน ข.การรักษาแบบนวดผ่อนคลายเช่นวัดโพธิ์เป็นต้น เรียกว่านวดผ่อนคลาย ค.การรักษาแบบจับเส้นสายต่างๆในร่างกาย อันนี้จะยากและมีอันตรายมาก หาก ไม่รู้จริง ด้วยมีเส้นนอนหลับ เส้นตาย เส้น สลบ ด้วยจุดต่างๆเอ็น ต่างๆ สายเลือดต่างๆ ย่อมแตกต่างกัีนออกไป หากคน เป็นรู้การจับเส้นสายดีไม่ใช่เวลามากนัก คนเป็นส่วนใหญ่แล้วจะมีเต้านม ที่ทำด้วย ไม้มักจะเป็นไม้โมก หรือไม้อะไรๆก็ได้ คล้ายๆกับนมผู้หญิง เขาเรียกว่านมหมอนวด ซึ่งพวกนี้จะต้องมีประจำตัวทุกๆคน เพราะ เวลาไปจับเส้นมาแล้วต้องรู้วิธีแก้มิฉะนั้น จะเข้าตัวเอง หากเกิดกับตัวคนจับเส้นเอง จะได้ใช้สิ่งนี้ช่วยกดเส้นนั้นๆรักษาตัวเอง เขาก็จะเอาแบบนี้มาช่วยตัวเอง ง. การรักษาด้วยเวทย์มนต์คาถา อันนี้ครู รับรองว่าเป็นจริง ด้วยเคยเห็นมาแล้วเช่น พวกตะขาบต่อย น้ำร้อนลวก แขนหักที่ พบเห็นที่พระวัดโพธิ์ คนแขนหักมาท่าน ให้แกะเฝือกออก แล้วเอาท่อนไม้ทุบที่ หัก ระหว่างทุบท่านจะหลับตาเอามีดอีโต้ สับไปบานเขียงท่องคาถาไป แล้วก็ใช้ สมุนไพรพอกแล้วเอาไม้ไผ่มาด้ามทุก ขั้นตอนจะต้องเสกคาถากำกับไว้ตลอด เวลา แต่ตอนนี้ิท่านเสียไปนานแล้ว หา คนสืบทอดวิชาไม่ได้ หรือว่าฌานสมาธิ ไม่ได้กระมัง หนักหน่อย หมาบ้ากัดเป็นต้นสมัยก่อน นั้น ครูส่วนใหญ่เป็นพระ หรือฆราวาสที่ เป็นอาจารย์หมอ ท่านจะเก่งมาก ท่านรักษา บ้างใช้ปูนกินหมาก บ้างใช้น้ำลายใต้ลิ้น แล้วคาดก่อนคาดจะเสกเป่าอาคมของ ท่านลง พอเป่าลงไปสามคาบบ้างเจ็ด คาบบ้างแล้วแต่ละอาจารย์ ความเจ็บปวดจะหายปลิดทิ้งทันที เดี๋ยวนั้นด้วย ไม่ต้องไปทานยาปัจจุบัน หมาบ้ากัด เสกคาถาแล้วคาดด้วยปูนกินหมาก ส่วนสมุนไพรเสกทั้งเป่าให้ต้มกินไม่กี่ หม้อยาก็จจะหายขาดเลยล่ะ จ. รักษาด้วยพิษขจัดพิษ อันนี้จะยกตัว อย่างที่หาอาจารย์ไม่ได้คือ หากตะขาบ แมงป่องต่อย จะปวดทันทีหากแพ้จะบวม เป่งมาก ให้หาตัวคางคก ตีหลังมัน แล้ว เอายางสีขาวๆบนตัวมันป้ายจะหายปวด ทันทีหรือ ทุัเลาความปวดลงบ้าง หรือบางคนหายเป็นปลิดทิ้งไปเลย พิษ ของยางคางคกกับพิษของตะขาบมันแพ้ ทางกัน เห็นเขาบอกมานะ ครูเองออก กำลังกายตัวต่อมันบินมาเพราะไปเฉียดรัง มันที่ทำที่ศาลพระภูมิ มันบินไม่ไปไหน ตอนจะเลิกมันต่อยบนหัวครูหลายจุด ดี นะครูไม่แพ้มัน เพียงแค่เจ็บๆเท่านั้นแต่ ทานยาพาราไปก็หาย แบบนี้มันอยู่ที่ร่าง กายของแต่ละคนด้วย ไม่ทุกๆคนหรอก น้ำร้อนลวก ให้เอาว่านหางจรเข้ที่ทุก บ้านจะมีนำมาเอามีดสะอาดๆกรีดตัด มาเอาเหมือกทาตรงน้ำร้อนลวกหรือแปะ ไว้ด้วยก็จะดี อันนี้ครูทดลองด้วยตัวเอง และคนในครอบครัวมาแล้วได้ผลชงัด เชียวศิษย์เราควรปลูกเอาไว้ เลี้ยงดูแลง่าย จะทุเลาหรือปิดเอาไว้ จะดูดความร้อนออกมาเองจะบรรเทาลง ได้มากๆด้วย แล้วเวลาหายจะไม่เป็น แผลเป็นอีกด้วยเป็นต้น อันนี้ครูเองโดน และทำมาแล้วจริงๆด้วย มีหลายอย่างของคุณค่าสมุันไพร พื้นบ้านที่เราไม่รู้ล้วนแล้วแต่เป็นสมุน ไพรทั้งสิ้ีน การรักษาจะไม่เหมือนๆกัน ครูจำแนกไว้เท่านี้ไม่รู้ว่าเขาจะหมั่น ไส้เอาหรือเปล่านะ เล่าตามประสบการณ์ กับตัวเองและคนอื่นให้ฟัง หากค้นพบหนังสือเล่มนั้นจะทะยอย นำมาลงให้แก่ผู้ที่สนใจ แต่ว่าเมื่อหาย แล้วต้องทำบุญตรวจน้ำให้แก่เจ้าเวรนาย กรรมตลอดจนครูที่บันทึกไว้ด้วยนะ มิฉะนั้นมักจะเจออีก นี่ครูไม่ใช่ว่าจะให้ กลัว แต่ควรจะใช้วิจารณะญานเอาเอง หากว่า โรคที่แพทย์ปัจจุบันรักษาไม่ได้ บางทีสมุนไทยเรานี่แหละจะช่วยได้แม้ว่า แพทย์บอกว่าต้องตายไม่เกินสามวัน ให้ ทำใจได้แล้ว เขาเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แต่พอมารักษาทางหมอแผนโบราณ ที่รู้การรักษา ปัจจุบันนี้ยังอยู่ยังไม่ตาย เลย จะเป็นกำลังใจหรืออย่างไรข้อนี้ไม่รู้ ครู รู้ก็มาเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง ครูนั้นไม่รู้ มากหรอกแค่งูๆปลาๆเท่านั้นเองแหละ จ้า รักศิษย์เรามากเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
15 ธันวาคม 2553 06:09 น. - comment id 120559
ขอบคุณค่ะ คุณแจ้นเอง ที่ติดตามเรื่อง ขอบคุณคุณครูแก้วค่ะ บอกแล้วว่าครูแก้วมีภูมิความรู้เยอะ แต่ไม่ยอมบอกใคร
15 ธันวาคม 2553 20:39 น. - comment id 120573
สวัสีค่ะพี่ช่ออักษราลี วันนี้ขอมารับความรู้ค่ะ
16 ธันวาคม 2553 19:43 น. - comment id 120589
กะลังศึกษาพอดีเลย ขอบคุณหลายๆ