อทิสมานกาย ๔๔ ทั้งสามต่างหยอกเย้าด้วยมธุรสวาจากันและต่างชี้ชวนกันนั่งชมท้องฟ้าในเวลา ข้างขึ้น สิบสี่ค่ำ ดวงจันทร์ที่ส่องแสงสกาวนวลสดใสพร่างพรายเต็มไปด้วยดวง ดาวที่ปลายขอบฟ้าอยู่นั้น ทั้งสามต่างนั่งเบียดเสียดเคียงคู่กันก็ต้องมีอันสะดุ้งและ ต่างถอยออกห่าง เมื่อได้ยินเสียงเรียกจาก เจ้าแสงสีพร้อมกับคำขอโทษของมันว่า ..... นายครับ ตอนนี้ผมได้ข่าวมาจากเจ้าป่าเจ้าเขาให้ลูกน้องมารายงานว่า พรุ่งนี้ แล้วที่ทางการขนไม้เถื่อนมาขึ้นที่ท่าน้ำริมโขงนั้นจะเริ่มทำงานกัน แต่การขนย้าย นั้นจะเปลี่ยนเส้นทางใหม่จากที่กำหนดไว้เดิม ท่านให้คนของท่านไปติดตามดูการกระทำของพวกมัน ทราบว่า เมื่อแปรรูปจากไม้ท่อนบางส่วนแล้ว มันจะขนไปยังแหล่งเก็บสำรองไว้ อีกที่หนึ่งก่อน รอเวลาให้เสร็จสมบูรณ์พร้อมกันแล้วค่อยออกเดินทาง ส่วนไม้แปรรูปที่ขนมานั้นก็จะถูกเก็บไว้รวมกันด้วย จะได้ออกเดินทางพร้อมกัน เกิดจากพวกนำทางนั้นของฝ่ายโน้นไม่เห็นชอบกับการเสนอแนะของพวกฝั่งเรา เพียงแต่ขอแก้ไขเส้นทางลำเลียงเสียใหม่ โดยใช้พวกกระเหรี่ยงเป็นคนนำทาง คือมันจะนำไม้แปรรูปที่ใส่รถนั้นออกเดินทางไปอีกทางหนึ่งแม้จะอ้อมก็ยอม แต่พวกมันคิดว่าปลอดภัยกว่า ที่จะให้เดินทางตามแผนที่กำหนดไว้ โดยลำเลียง เลี่ยงเลียบฝั่งโขงไปตามเส้นทางชายแดนเขมรแล้ววกไปทางพม่าติดต่อทางด้านกาญจนบุรี ไม่ผ่านเส้นทางเดิมเสียแล้วครับ ลูกน้องท่านเจ้าป่าเจ้าเขาพึ่งกับมารายงานท่าน ทางท่านก็รีบให้มารายงานทางเราให้ทราบทั้งหมดก่อน....... ชายหนุ่มฟังเจ้าแสงสีรายงานก็ครุ่นคิดพลาง กล่าวว่า ..... เห็นทีเราต้องแยกกำลังพลออกเสียก่อนและเปลี่ยนแผนใหม่เสียแล้ว กำลังพลที่ จัดเตรียมดักทางนั้นให้เหลือน้อยลง แล้วเริ่มดำเนินการจับกุมก่อนที่จะลำเลียงไปแต่ ก็ต้องเปิดให้ทางมันลำเลียง เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย ข้าคิดว่ามันจะเป็นแผนซ้อนแผนกระมังหมายถึงว่า มันจะแยกกันไปทั้งหมด เพื่อป้องกันความผิดพลาด หากถูกจับกุมได้ก็เป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่นั้นจะถูกลำเลี่ยงเข้ากรุงเทพฯได้ ดังนั้นช้าไม่ได้เห็นทีเดี๋ยวเจ้าต้อง รีบออกเดินทางไปรายงานเรื่องนี้ให้แก่ สารวัตรและเข้ากรุงเทพไปรายงานทางผู้ใหญ่ ด้วยเพื่อหาทางกำจัดมันทั้งหมดด้วยนะ ..... ครับผมกับเจ้าสินชัยจะแยกย้ายกันไปพร้อมๆกัน ทางหนึ่งไปหาสารวัตร อีกทาง หนึ่งก็จะให้สินชัยไปกรุงเทพฯรายงาน ขอให้นายรีบเขียนแผนที่การวางกำลังพลเร็ว หน่อยนะครับ ด้วยเวลาจะไม่ทันการณ์ด้วยพรุ่งนี้แล้ว พวกมันจะเริ่มขนย้ายมาถึงแต่ จะเสียเวลาตอนแปรรูปก็คงจะใช้เวลาอย่างเก่งก็เพียงครึ่งวันเท่านั้นเอง คิดว่ายังพอจะ มีเวลาเตรียมการณ์ทันครับนาย เจ้าแสงสีออกความคิดเห็น ...... ข้าก็คิดเหมือนๆกับเจ้านั่นแหละ งั้นเดี๋ยวข้าจะรีบไปเขียนแผนที่ร่วมกับเจ้าซึ่งรู้ หนทางดี พร้อมกับจะจัดกำลังพลฝ่ายเราไว้ ส่วนทางด้านโน้นนอกเขตพืนที่เราก็ต้องให้ผู้ใหญ่ท่านดำเนินการเสียเอง แต่เพียงจะส่งแผนที่ไปให้เท่านั้นเองแหละ พร้อมหนังสือแนะนำ ของข้าไว้เท่านั้นเองแหละ ให้เจ้าทั้งสองรีบไปและรีบกลับมารายงานให้ทันด้วยนะ ส่วนพรุ่งนี้ก็ปล่อยมันไปก่อน ให้แปรรูปไม้ไปพลางๆวันมะรืนนี้ ถึงจะเข้าจับกุมพร้อมๆกันทั้งทางที่มันเก็บซ่อนไม้แปรรูปไว้ในเวลาเดียวกัน ..... ครับนาย รีบๆหน่อยก็จะดีผมจะได้ออกเดินทางพร้อมเจ้าสินชัยคืนนี้เลยล่ะ คิดว่าคงจะทันรายงานครับ เจ้าแสงสีตอบชายหนุ่ม ทางฝ่ายนางอัปสรแม่นางอ้อยลัดดาวัลย์พลันเอ่ยขึ้นว่า ...... ถ้าอย่างนั้นเราก็ใช้วิธีล่อปลาให้ลงหลุมโจนซิ คงจะได้ผลมากเชียวล่ะ???.... แม่นางอัปสรกล่าวขึ้น ชายหนุ่มหันหน้ามามองอย่างสงสัย หมายความว่าอย่างไรล่ะจ๊ะแม่น้องนางอ้อย ..... ทางเราก็ปล่อยให้มันแปรรูปไม้ไปก่อนใช้หุ่นของเราเฝ้าไว้ไม่ให้ทำการใดๆทั้งสิ้น ให้มันตายใจว่าทางเราไม่รู้เรื่องราว จนไม้ท่อนเหลือเพียงเล็กน้อย ถึงจะใช้กำลังพลจริงเข้าจัดการ โดยให้วางกำลังแอบซ่อนตัวในป่าไว้ก่อน จนกว่าจะได้รับสัญญาณจากเราเมื่อมันแปรรูปไม้ เหลือเป็นหลักฐานเพียงพอ ทางมันก็จะเหลือคนเฝ้าไม่มากนัก ส่วนใหญ่พวกมันจะนำกำลังไปคอยเฝ้าไม้แปรรูป ยังที่เก็บไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแห่งนี้จะมีพวกมันมากทั้งต้องขนถ่ายสิ่งของขึ้นลงไว้ บนรถแล้วทะยอยกันออกเดินทาง ในระหว่างที่มันกำลัง ขนไม้ขึ้นรถอีกครั้งหนึ่ง จึงจะนำรถทะยอยออกลำเลียงเข้ากรุงเทพฯได้ ปล่อยให้รถมันเดินทางไปบ้างแล้ว ค่อยดักจับกุมในระหว่างทางภายหลัง จังหวะที่มันกำลังสาระวลกับการขนถ่ายนั้น เราก็นำกำลังส่วนใหญ่ของเรา เข้าทำการจับกุมไปพร้อมๆกันทั้งสองแห่งในเวลาไล่เรี่ยกัน แต่ต้องนัดเวลาให้ตรงกัน ส่วนกำลังส่วนน้อยที่วางตามจุดสะกัดนั้น คนคุมรถคงจะมีไม่เกินห้าคนเพียงพอแก่ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ทุกๆสายทาง แต่กำลังทางเราส่วนใหญ่นั้นจะมีเป้าหมายคือ สถานที่ไม้แปรรูปจะถูกลำเลียง ทางเราจึงต้องใช้กำลังพลมากเป็นพิเศษและต้องเป็น คนมีฝีมือดีที่สุดด้วย เหตุเพราะทางมันก็คงจะคิดเหมือนกับเรานั่นเอง อาวุธทางมันนั้น จะล้วนแล้วแต่ทันสมัยทั้งสิ้น เราก็ให้หุ่นเราเป็นตัวล่อด้วยกระสุนปืนนั้นไม่สามารถทำอะไรกับหุ่นของเราได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางฝ่ายมันจะตกใจที่ยิงหุ่นเราแล้วไม่ตายล้มลงสักตัวเดียว ขวัญกำลัง ใจมันก็จะเริ่มเสีย จังหวะนั้นเราก็ใช้กำลังพลจริงเข้าจัดการทำลายกวาดล้างพวกฝั่ง โน้นให้สิ้นซากไปเลยอย่าให้เล็ดรอดไปรายงานทางมันได้อีก ส่วนทางฝ่ายเรา ก็เข้าทำการจับกุมตามแต่สถานะการณ์ เป้าหมายใหญ่คือพวกลำเลียงฝั่งโน้น ทั้งสองทางให้ลงมือพร้อมกัน กำลังพลที่จับกุมท่อนไม้ไว้ก็เพื่อมิให้มันอ้างได้ว่าเป็น ไม้ที่ถูกต้องตามกฏหมาย พี่จะเห็นชอบประการใดรึ???.. แม่เทพอัปสรอ้อยวิลาวัลย์เสนอข้อแนะนำ.......แก่คนที่นางปรารถนาไว้นานแล้ว ชายหนุ่มก็เห็นคล้อยตามนี่หรือที่เขาเรียกว่าขุดบ่อล่อปลาจ๊ะ ชายหนุ่มกล่าว ขอบใจแม่นางทันที ทางด้านแม่นางอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นบ้างว่า.... .....เมื่อน้องอ้อยเสนอความคิดเห็นดั่งนี้แล้ว ส่วนทางด้านทางเมืองกาญจนบุรีนั้น บางทีอาจจะเดินทางไปไม่ถึงก็ได้ อาจจะถูกจับกุมอยู่ภายในพื้นที่เราเสียก่อน เพียงให้จัดวางกำลังพลพอประมาณคอยดักจับรถ โดยเราจะอาศัยพวกผีสาง นี่แหละคอยส่งสัญญาณว่าเป็นรถคันไหนที่แปรไม้รูปเถื่อนที่ผิดกฏหมาย มันอาจจะลำเลียงซ้อนแผนกันกับไม้ที่ถูกต้องตามกฏหมายก็ได้มากเชียวล่ะ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสับสนขึ้นไม่รู้ว่ารถค้นไหนจริงคันไหนมีไม้เถื่อนขึ้น หรือว่าอาจจะมีพวกป่าไม้นำตรามาประทับบนไม้นั้นทำให้เป็นไม้ที่ถูกต้อง ที่ได้รับการอนุญาติก็ได้ การใช้ตรายางประทับนั้นก็จะเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่เกิดขึ้น ที่ในระหว่างการขนไม้แปรรูปขึ้นบนรถก็อาจจะเป็นไปได้ ด้วยมันต้องทำงานอย่าง รีบเร่ง หากมาเสียเวลากับการประทับตราซึ่งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ร่วมมือด้วย ฉนั้นควรให้เบื้องสูงนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ไว้วางใจได้ไม่รับสินบนซื่อสัตย์สุจริตมา ตรวจสอบว่าตราจริงหรือตราปลอมที่ทำขึ้นใหม่จ๊ะ ด้วยสีหมึกอาจจะแตกต่างกันหรือ ไม่ก็ระยะเวลาช้าหรือเร็วมันจะฟ้องในตัวเองเสร็จ ก็จะสามารถตรวจสอบได้อีก ตลอดจนระหว่างเข้าจับกุมในขนขณะขนไม้นั้นและประทับตราแต่ละแผ่น ก็ควรจะใช้เวลานานพอสมควร อาจบางทีจะได้จับกุมทั้งพวกผิดกฏหมายพวกนั้น พร้อมกับเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อทางการพร้อมๆกันเลยเสียทีเดียว...... แม่นางรัตนาวดีเสนอ ทางแก้ไขเพิ่มเติมให้ชายหนุ่มฟัง ด้วยความดีใจลืมตัวอย่าง ที่ทั้งสองแม่นางเสนอความคิดเห็นได้สอดคล้องและแยบยลมาให้เขาทราบในสิ่งที่เขา คิดไม่ถึงนั่นเอง ดังนั้นจึงทำให้ชายหนุ่มดึงร่างแม่นางทั้งสองมาสวดกอด แล้วบรรจงจูบยังแก้มทั้งสองนางเทพอัปสรทั้งสองทันที เล่นเอาแม่นางอัปสรทั้งสองหน้าแดงต่างยกมือขึ้นทุบตีบนต้นแขน ชายหนุ่มสองข้างเสียงดังเพี๊ยะๆดังลั่น แล้วพลางลุกขึ้นยืน หันมากล่าวขึ้นว่า.... ...... แหมๆๆๆพี่นี้ไม่อายเจ้าแสงสีเสียบ้างเลยเชียวนะ นีๆๆๆ!!!! ....น่าจะตีเสียให้ตายจริงๆนะ แม่นางทั้งสองเอ่ยด้วยความขวยเขินเอียงอาย ตามวิสัยของอิสตรีทั่วๆไป ...... อ้าวๆๆก็พี่นี้แสนจะดีใจยิ่งนักที่ความคิดเห็นของน้องทั้งสอง ช่างแยบยลเปรียบดังเสมือนหนึ่งกระจ่างดังก็เคยทำงานด้านนี้มา ด้วยความเชี่ยวชาญจริงๆเสียด้วยนะ พี่เองเสียอีกยังคิดไม่ถึงแผนการณ์นี้ในความแยบยลของพวกนั้นเอาเสียเลยล่ะ.... จะไปอายไปใยเล่าในเมื่อเจ้าแสงสีนั้น เราทำอะไรๆก็แจ้งรู้อยู่แก่ใจแล้วด้วย เดี๋ยวนี้ตั้งแต่แม่นางทั้งสองสอนวิทยาคมมันก้าวหน้าไปมากจนแทบจะรู้ไปหมด สิ้นแล้ว กระนั้นหรือพวกเราจะไปปิดบังมันได้ หากมันต้องการทราบ จริงไหม น้องแสนสุดสวยทั้งสองหากแม้นพี่พลั้งผิดไปก็ขออภัยด้วยนะ ชายหนุ่มกล่าวเอ่ย ...... ไม่รู้ล่ะแต่ว่าน้องทั้งสองเอียงอายนี่ด้วยอยู่ต่อหน้าต่อตาของมันเองนี่นา หากมาดแม้นไม่เห็น ถึงมันจะรู้ก็ตามที น้องก็หาจะเขิดเขินเสียมิได้จ้าพี่ ..... ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้วด้วยรักและลืมตัวไปจ้า ชายหนุ่มเอ่ยแก้ตัว แต่จิตใจเขานึกถึงกลิ่นหอมเย้ายวนใจยิ่งนักแสนที่น่าเชยชมยิ่งกลิ่นสาบสาวหรือ????... หัวใจยิ่งพองโตยิ่งๆขึ้นเมื่อคิดถึงเมื่อตระกี้นี้ แล้วพลันกล่าวว่า ...... ตกลงจ้าพี่จะทำตามคำสั่งของน้องทุกๆประการ ขอตัวไปเขียนแผนที่ใหม่ ตลอดจนวางกำลังพลใหม่ตามที่น้องเสนอมานะ พี่ไปก่อนล่ะหรือว่าน้องทั้งสอง จะชมจันทร์ไปพลางๆก่อนก็ได้ หากเสร็จแล้วพี่จะออกมาร่วมชมดวงดาว และดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ที่ช่างงดงามเสียนี่กระไรช่างงดงามเสียจริงๆๆ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ตอนนี้ขอตัวก่อนนะจ๊ะกล่าวเสร็จแล้วก็พลางลุกเดินนำหน้า เจ้าแสงสีเข้าไปข้างในทันที ครั้นเข้ามาแล้วเห็นเจ้าสินชัยรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนเจ้าหุ่นทั้งหลายยังฝึกนั่งสมาธิ ตามคำสั่งเขาอยู่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นเลย ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบกระดาษ มาเขียนแผนทีตามคำรายงานของเจ้าแสงสีและสินชัย ถามไปเขียนไป ทั้งสอบถาม ว่าให้กำลังพลนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง เมื่อตรวจทานอ่านดูเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็ให้เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยแยกทางกัน ไปปฏิบัติงานทันทีในยามดีก เมื่อเจ้าแสงสีสินชัยทั้งสองได้รับหนังสือเรียบร้อย ก็รีบหายตัวไปทันที เขาสั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วเห็นทั้งสองหายไป ชายหนุ่มเดินออกมาก็ไม่อาจแลเห็นแม่นางทั้งสองคงไปพักผ่อนกันแล้ว ชายหนุ่มคิด จึงเดินหวนย้อนกลับเข้าห้องอีกครั้ง พร้อมหันไปยิ้มกับรูปปั้น ทั้งสองพลางเอื้อมมือไปลูบที่แก้มแม่นางทั้งสองทันที เสียงดัง เพี๊ยะๆๆ ที่ต้นแขนเขาเบาๆ พร้อมหยิกยังเนื้อด้านหลังเขาอีกด้วยชายหนุ่มยิ้มกับตัวเอง แต่ยังอดคิดถึงความหอมละมุลอะไรเช่นนี้ แล้วรีบเข้าไปยังที่นอนเพื่อพักผ่อนทันทีจนหลับไปในที่สุด ส่วนเจ้าแสงสีครั้นได้รับหนังสือก็รีบไปหาสารวัตรทันทีที่บ้าน ขณะกำลังพักอยู่แต่พอเขาย่างก้าวเข้าไปก็เจอท่านพระภูมิเจ้าที่ออกมา สะกัดเจ้าแสงสีทันที เจ้าแสงสีก็ยกมือไหว้แล้วกล่าวเรื่องราวต่างๆให้ท่านพระภูมิเจ้าที่ฟังถึง เหตุการณ์ต่างๆที่เขาต้องเข้ามาในเวลาค่ำคืนนี้อย่างรีบเร่งให้ท่านฟัง ท่านพระภูมิเจ้าที่รับฟังแล้วมองไปที่หนังสือก็ทราบทันทีว่าเรื่องอะไรก็ อนุญาตให้เจ้าแสงสีเข้าไปบ้านได้ ครั้นไปในห้องนอนเห็นร่างสารวัตรชัชวาลย์ กำลังหลับสบายๆอยู่ ก็เข้าไปเขย่าตัวทันทีพอสารวัตรรู้ตัว ทันใดนั้นเองสารวัตรตื่นแล้วก็ควักปืนที่ซ่อนไว้ใต้หมอนออกมาสับไกปืน จ่อไปยังร่างเจ้าแสงสี พอเห็นว่าเป็นใครจำได้ แต่นึกใจว่ามันเข้ามาได้อย่างไรกัน ก็ลดปืนวางลงบนโต๊ะข้างๆหัวเตียง แล้วพลางถามว่ามีเรื่องอะไหรือ????.... เจ้าแสงสีไม่พูดมาก พลางยื่นหนังสือแล้วกล่าวให้สารวัตรรีบอ่านดูเอาเองแล้ว จัดการโดยด่วนที่สุด นายข้าสั่งมามันกล่าว.... สารวัตรรีบเปิดไฟให้สว่างทันที พร้อมเปิดอ่านหนังสือพลางอุทาน ออกมาเสียงดังๆ แล้วรีบคว้ายกมือถือโทรศัพท์ไปหาผู้กองทั้งสองขอพบด่วน ผู้กองทั้งสองที่กำลังพักผ่อนครั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็รีบผลุนผลันออกจากบ้านพักมาพบสารวัตรด่วน แล้วทั้งหมดก็ปรึกษา หารือกันตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สารวัตรก็เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พักอาศัยอยู่หน้าห้องให้เข้ามา เมื่อตำรวจหน้าห้องที่พักผ่อนอยู่ก็รีบเข้ามา สารวัตรพร้อมสั่งงานแก่ตำรวจ ครั้นได้รับคำสั่งการชี้แจงแล้ว ก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านไปปฏิบัติหน้าที่ ประสานงานด่วนกับบรรดาที่ไว้ใจได้และที่แอบแฝงอยู่ภายนอกทันที ส่วนเจ้าสินชัยก็เช่นเดียวกัน ครั้นไปพบผู้บังคับบัญชาของนายมันตามสั่ง ที่บ้านแล้วและยื่นหนังสือให้ท่านก็รีบนำมาดูเห็นรหัสเขียนไว้หน้าซอง ก็ทราบทันทีว่าเป็นของใครรีบเปิดอ่าน เมื่อได้อ่านเรียบร้อยแล้ว ก็รีบโทรศัพท์ทางไกลไปสั่งงานทันที ให้จัดกำลังพลคอยรอรับการจับกุมการ ขนย้ายคราวนี้หลายๆจังหวัดเพื่อสะกัดกั้นไว้ แล้วจะส่งรายงานให้ทราบภายหลัง แต่ให้ปฏิบัติหน้าที่นี้โดยเร่งด่วน กำชับไว้ว่าให้เป็นความลับสูงสุดห้ามเปิดเผย ให้แก่ใครๆรู้เป็นเด็ดขาด จัดคนที่ไว้วางใจทำงานเท่านั้น ดังนั้นเมื่อปลายทางต่างๆรู้ก็รีบดำเนินการณ์จัดกำลังพลออกปฏิบัติงาน ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาต่อไป ท่านผู้ใหญ่หันมาทางเจ้าสินชัยพลางถามว่าแล้วนายเจ้าเขากล่าวอะไรอีกหรือไม่??.. เจ้าสินชัยก็พลันกล่าวขึ้นว่า ..... ท่านบอกให้รีบกลับเพื่อจะได้ไปดูสถานที่ใหม่ที่จะใช้สำรองเก็บไม้แปรรูปไว้ พร้อมยังกล่าวรายชื่อของผู้บงการเบื้องหลังงานครั้งนี้อีก ท่านพอฟังถึงกับอึ้งๆ ไปพักใหญ่แล้ว กล่าวว่า ..... งั้นเจ้ากลับไปรายงานได้แล้วว่าทางเราพร้อมแล้วก็แล้วกัน ได้จัดวางกำลังพลแล้ว ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้ระมัดระวังตัวไว้ด้วยนะ???.... เจ้าสินชัยรับคำ ยกมือขึ้นไหว้ลาแล้วก็รีบเดินออกนอกห้องท่านผู้ใหญ่ ร่างมันก็หายตัวไปรีบกลับมาแจ้งแก่ชายหนุ่มทันที หลังจากทานอาหารเช้าพร้อมพ่อแม่น้องๆแล้ว ชายหนุ่มก็ขอตัวเพราะมีงาน เร่งด่วนจะต้องทำ ขอให้อย่ามีใครเข้าไปในห้องได้นะครับ ชายหนุ่มกล่าวกับพ่อแม่ สาวชบาก็บอกว่าจ๊ะพี่น้องจะไม่ให้ใครเข้าไปเป็นเด็ดขาด จะนั่งคอยเฝ้าไว้ให้ หากพ่อแม่และเจ้าชัยไปทำงานแล้วจ้า พลางส่งสายตาหยาดเยิ้มกับชายหนุ่มทันที ครั้นชายหนุ่มเห็นดังนั้นถึงกับสะดุ้งในใจ พลางคิดว่าเอาล่ะซิหนอเรายามสบตา เราจะทำอย่างไรดีล่ะ???... ด้วยก่อนนั้นนางจะอาศัยร่างก็รู้สึกว่าหล่อนเองก็มีกิริยา เช่นนี้กับเรามาก่อนนี่นา????..... แล้วก็รีบขออนุญาตพ่อแม่เข้าห้องไปทันที เมื่อเขาเข้าไปแล้วรีบปิดประตู้ห้องลงกลอนก็แลเห็นเจ้าแสงสีและสินชัย คอยอยู่แล้ว ทั้งสองก็รายงานผลงานให้ทราบถึงงานที่ให้กระทำทั้งหมด ชายหนุ่มรับฟังแล้วบอกว่างั้นเราสามคนไปดูสถานที่กันเลยนะหากผิดพลาดทาง เราจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที มิฉะนั้นจะเสียหายกันยกใหญ่ทีเดียวล่ะ???... เจ้าแสงสีสินชัยหันมามองหน้ากันพลางคิดว่าแล้วนายเราจะไปได้อย่างไรกัน ระยะทางมิใช่ใกล้ๆนะ แต่ไม่กล่าวอะไรหากนายเราไปไม่ได้คงจะไม่เอ่ย ถามว่าชายหนุ่มจะไปกันได้ทันเลยหรือด้วยมีความเชื่อมั่นต่อนายมันยิ่งนัก เมื่อชายหนุ่มกล่าวกับเจ้าแสงสีสินชัยแล้วก็เดินไปกราบพระแล้วก็นั่งเข้า สมาธิทันที บัดดลเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยถึงกับตลึง เมื่อแลเห็นร่างนายมันค่อยๆ ลุกออกมาจากร่างกายเดิม แล้วลอยมาที่ยังมันอยู่ทันที พลางกล่าวว่าไปกันได้แล้ว ให้เจ้าแสงสีนำทางไปนะ แล้วทั้งสามก็หายวับไปทันที......... * แก้วประเสริฐ. *
10 ธันวาคม 2553 20:46 น. - comment id 120498
มิใช่สวยแต่รูป แต่ฉลาดล้ำทีเดียว อิอิ
11 ธันวาคม 2553 10:36 น. - comment id 120500
คุณ แจ้นเอง เรื่องนี้ผมยอมรับ จริงๆแล้วหากคิด ถึงความฉลาดเฉลี่ยวแล้วผู้หญิงนั้นมีมาก กว่าผู้ชายครับ นี่พูดมิใช่เอาใจหญิงนะแต่ ประสบการณ์ของผมที่ผ่านมานั้นเป็นเครื่อง วัด แต่เมี่ือมีความฉลาดแต่ขาดความเฉลียว เท่านั้นเองครับและการตัดสินใจที่เป็นรอง ผู้ชายมากครับ มีตัวอย่างทั้งเมืองจีนเมือง ไทยมาแล้วนั่นเอง คุณแจ้นก็พอทราบ อ้าวผมบอกก็ไ้ด้ ไทย แม่นางศรีสุดาจันทร์ จีนก็ สูสีไทเฮา เป็นต้นครับ อิอิ เท่านี้ ก่อนนะครับ รักแจ้นมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
11 ธันวาคม 2553 21:57 น. - comment id 120509
^^ เก่งจังค่ะ อยากแต่งได้อย่างนี้บ้าง
12 ธันวาคม 2553 01:07 น. - comment id 120511
คุณ north ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชม ขอบคุณครับ ผมเองไม่เก่งหรอกครับ พึ่งมาเขียนบ้าง ไม่เขียนบ้าง ส่่วนใหญ่ผมไปเล่นทาง ร้อยกรองเป็นส่วนมาก แต่ร้อยแก้วนี้นานๆ จะเขียนสักครั้งครับ แต่เบื่อทางโน้นก็มา ทางนี้ครับ จะให้ผมกล่าวอย่างไรดีล่ะครับ ผมขอสรุปแบบง่ายคือว่า 1 คุึณต้องรู้จักกระทู้หรือร้อยแก้วเป็น หลักก่อน ว่าการเขียนร้อยแก้วนี้มีหลัก อย่างไรบ้าง 2 ชื่อของเรื่องที่จะเขียน ต้องสัมพันธ์กัน อย่าได้ ขาดหายบางตอนมากๆนักต้อง พยายามดึงมาให้เข้ากับชื่อเรื่องให้ได้ 3 การวางตัวหนังสือ การใช้คำพูดในท้อง ถิ่นนั้นๆ ส่วนใหญ่เขาจะใช้กันอย่างไร รวมถึงการวางตัวผู้แสดงด้วย 4 ต้องดูตำราหนังสือคืออ่านแล้วต้องใช้ ความสังเกตุว่า คนที่ได้รับความนิยมนั้น เขามีหลักการวางตัวหนังสืออย่างไร 5 ความรู้รอบตัวทั้งอดีตและปัจจุบันพอเพียง 6 ประสบการณ์ของชีวิตของเราที่ผ่านมาว่าได้ประสบอะไรมาบ้างเป็นแนวทาง 7 เนื้อเรื่องนั้นควรจะสอดแทรกสิ่งต่างๆ ทั้งจริงและเท็จตามแต่ลักษณะการเขียน 8 จินตนาการของเรา อันนี้สำคัญมากๆ ว่าเราควรจะสร้างจินตนาการอย่างไร ถึงจะสมเหตุสมผลเหมาะสมกับชื่อเรื่อง หรือไม่ โดยการสอดแทรกบางอย่างลงไป 9 สรุปเนื้อความให้จบลงอย่างพอเหมาะ พอควร อันนี้สำคัญ 10 อย่าได้ไปเลียนแบบในหนัง หรือ นิยายของคนอื่นเป็นอันขาด หัดใช้ให้สมอง เราสร้างมันขึ้นมาเอง เชื่อมั่นตัวของเรา เอง จะดีหรือไม่ ไม่สำคัญอะไรนักคิดว่า เราไม่ใช่นักเขียนอาชีพ เพื่อความภูมิใจเรา ทั้งหมดนี้เราต้องหัดเขียนแบบสั้นๆ ก่อนด้วยเนื้อหารวบรัด ตัวละครก็ไม่มาก แล้วสรุปก็ง่าย การเขียนเรื่องยาวๆนั้น ต้องใช้ตัวละครมากๆ ต้องจำชื่อตัวละคร ให้แม่นๆ หากไม่แน่ใจความจำเราต้อง จดตัวละครเหล่านี้ไว้ด้วย นี่คือการเขียนหนังสือของผมครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ ผมยังไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่าเพราะ ผมไม่นักเขียนอาชีพครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.