อทิสมานกาย ๓๘ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งสนทนาหยอกเย้ากับแม่นางอัปสรอยู่นั้น พลันก็ปรากฏร่างของเจ้าแสงสีและสินชัย เข้ามาทางหน้าต่างพลาง ปรากฏกายนั่งลงรายงานสิ่งต่างๆที่เขาใช้ไปดำเนินกิจการมาทันที นายๆคืนนี้ให้ระวังตัวไว้ด้วยนะ ด้วยเจ้าอาจารย์ทั้งสองนั้นจะส่ง ของมาทางบ้านเราด้วยล่ะ....เจ้าแสงสีเอ่ยขึ้น ด้วยมันสงสัยว่าเด็กของมันไม่สามารถจะเข้ามาในบริเวณบ้านของ ชาวบ้านทั้งหลายได้ ด้วยอำนาจพระเครื่องที่นายปลุกเสกเอาไว้ และเข้ามาในบ้านเราก่อนจะปลุกเสกพระนั้น ก็ปรากฏร่างควายธนูเข้าทำร้ายพวกมันล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และบาดเจ็บกลับไป ได้ไปรายงานให้นายมันฟังหมดแล้ว ผมแอบเข้าไปได้ยินมันสนทนากันในบ้านกำนันบ้านโคกยายหอย ซึ่งกำนันมั่นพาเจ้าเสี่ยหว่างไปพบ กำลังประชุมกันล้วนกำนันบ้านบางโค และอาจารย์ทั้งสองที่พำนักอยู่ด้วยทั้งสองหมู่บ้านด้วย รวมตัวกันปรึกษาอยู่ ข้าอาศัยวิชาสมาธิที่ร่ำเรียนมาจากนาย จึงสามารถแฝงกายผ่านผีบ้านแอบ เข้าไปได้ มันไม่รู้ตัวหรอกว่า พวกข้าได้ยินมันคุยกันตลอดจนหมดสิ้นแล้ว พวกมันก็แยกย้ายกันกลับไป จะนัดกันอีกนั้นเมื่อไหร่ไม่รู้ครับนาย เมื่อรู้ความเกรงว่าทางนายจะไม่ระมัดระวังตัว รวมทั้งคนในบ้านด้วย จึงรีบกลับมารายงานก่อน แล้วต้องรีบไปอีกเพื่อจะประสานงานกับบรรดา พวกผีทั้งหลายทั้งทางเจ้าอาจารย์และทางป่าเขาด้วย เหตุมีพวกที่มันถูก บังคับขู่เข็ญไว้มากๆ บังคับพวกมันต่างๆนาๆ ใช้งานมันทำมากมายนัก เกิดการเปลี่ยนใจ แต่ด้วยเกรงกลัวอาคมมันจึงจำต้องทำตามเขาสั่ง ส่วนไม่ยอมก็มีอีกมากมาย ผมปฏิบัติตามนายสั่งที่ให้เมตตาอาศัยแนะนำทาง ที่ถูกที่ควรว่า หากพวกมันจะสร้างบุญกุศลแล้วเวลาจุติจะได้ไปเกิดในภพดีๆ ต่อไป หากมารับใช้พวกทุศีลเช่นนี้ มีแต่วันเสียหายแก่ตัวเองเท่านั้น ครั้นไปเกิดใหม่ก็ต้องลงไปยังนรกอีกรับเวรกรรมร่วมกับนายมันด้วย ฉะนั้นจึงมีพวกที่เห็นชอบต่อคำกล่าวของผมบ้าง นอกจากพวกหัวดื้อๆเท่านั้น ผมยกตัวอย่างตัวผมเองให้มันดูว่าถึงแม้จะเป็นผีเช่นเดียวกับเขาเล่าความหลัง ให้พวกมันฟังครั้งอยู่กับอาจารย์ดำนั้นเป็นอย่างไรรูปร่างอย่างไร แต่พอมาอยู่กับ นายมีแต่ได้รับการอบรมสั่งสอนแนะแนวทางที่ถูกต้องให้ ให้พวกมันดูรูปร่าง ข้าซิว่ารูปร่างข้าเป็นอย่างไรกัน ผิดแผกกับการเป็นคนถูกบังคับ อาหารการกินก็ดี แถมยังได้รับสิทธิพิเศษ ยังเรียนรู้ธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไว้อีกมากมาย เมื่อพวกมันดูก็รู้จึงทำให้พวกมันเกิดใจอ่อนขึ้นจ้านาย แต่ผมเองนั้นก็ยังไม่ไว้ วางใจนัก จะไปคราวนี้จะได้สอบถามหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพราะยังไม่ทราบแท้จริง ว่ามันจะลงมือกันเมื่อไหร่ เพียงทราบว่ามันจะใช้พวกผีของมันช่วยบังตาพวกทำงาน เจ้าหน้าที่มิให้มองเห็นการทำงานของพวกผิดกฏหมายจ้านาย ผมถึงต้องไปคอยติดตามดูด้วยอีกสองสามวันนี้อาจจะได้รับข่าวแน่นอน เมื่อเสี่ยหว่างมันให้ลูกน้องมันแจ้ง พวกที่เอนเอียงมาทางเราผมขอให้มัน ช่วยสืบดูด้วยว่า เป็นสถานที่ใด วันเวลาใดแล้ว และต้องคอยรับฟังข่าวจาก พวกนี้ด้วย ฉะนั้นไปคราวนี้อาจจะนานหน่อยนะนาย กว่าพวกผมจะกลับมา อีกอย่างหนึ่งต้องคอยติดต่อเกลี้ยกล่อมพวกผีที่อยู่ในป่าเขาอีกด้วย ส่วนทางด้านเจ้าป่าเจ้าเขาท่านทั้งสองก็กล่าวว่าจะให้ความช่วยเหลือดีแก่ พวกเราด้วย เจ้าสินชัยรายงาน อีกทั้งยังได้ไปทำความเข้าใจพวกผีทั้ง หลายที่อาศัยในบริเวณป่าเขานั้นไว้แล้ว แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ไม่ยอม รับข้อเสนอของเรา จ้านาย พลางนางอัปสรทั้งสองก็หัวร่อขึ้น พลางกล่าวว่าสงสัยมันจะถึงฆาต กระมังไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร และทางเรามีใครกันบ้างนะแม่อ้อย สุดาวัลย์ แม่นางรัตนาวดีเอ่ยขึ้น ใช่แล้วพี่นาง เพราะพวกนี้ฌานมันยังไม่ถึงพวกเราหรอก ถึงจะรู้มากมาย แต่ตอนนี้อาคมมันเป็นสายดำไปหมดแล้ว ฌานสูงๆนั้นก็เสื่อมสลายไปเกือบ จะหมดสิ้นแล้วมันยังไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่ามันก่อนนั้นตอนบวชเรียนมาจะได้ฌาน ขั้นสูงๆก็จริงอยู่ แต่พอมาเล่นทางสายดำทำให้ทางสายขาวเสื่อมลงหมดแล้ว แล้วทั้งสองนางก็หัวร่อลั่น พลางเอ่ยขึ้นอีกว่า....... เฉพาะพี่โชติคนเดียวก็เหลือที่จะปราบมันทั้งสองได้อยู่แล้ว หากมันปล่อย ของมาก็หมายความว่ามันชะตาถึงฆาตเสียแล้วล่ะ เห็นทีคงจะเหมือนอาจารย์ดำ ศิษย์ผู้น้องของมันเองแหละ ส่วนเจ้าส่วยนั้นก็เหมือนกันแม้มันเชื้อสายขมุร่ำเรียน วิชามาทั้งสามฝั่งก็ตาม เห็นทีคงจะจบสิ้นชาวบ้านก็คงจะไม่ต้องเดือดร้อนอีก ชายหนุ่มพลันกล่าวว่า หากแม่นางทั้งสองช่วยเหลือด้วยเห็นทีงานนี้จะง่าย ขึ้นจ๊ะ พลางหันไปยิ้มกับแม่นางอัปสรทั้งสองประจบเอาใจพวกนาง แค่พี่เองคนเดียวก็เหลือเฟือแล้วล่ะ??? นอกเสียจากอาจารย์ของพวกมันมาเอง นั่นแหละ ด้วยพวกนี้มันเล่นสายดำมาตลอดชีวิตมัน มีสมาธิทางผิดอาคมมัน จึงจะรุนแรงแข็งแกร่งมากกว่าธรรมดาเท่านั้นเอง แต่ว่าอาจารย์พวกมันต่างไปอยู่ ในเบื้องล่างกันหมดแล้ว ยิ่งทางเบื้องล่างนั้นมีพวกที่บวชพระนั้นมากมายเสียเหลือเกิน เพราะไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย มักจะหลอกลวงชาวบ้านหากินต่างๆนาๆเลี้ยงชีพ การบวชพระนี้จริงอยู่ได้ผลบุญกุศลมากมายนักกว่าคนธรรมดาสามัญทั่วๆไปก็จริง ถ้าหากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ การเข้ามาบวชนั้นเพื่อจะให้พ้นทุกข์ สร้างกุศลผลบุญมากๆ กุศลนั้นก็จะมากขึ้นเป็นลำดับไป ยิ่งได้ฌานสมาบัติขั้นสูงๆเข้าสู่วิมุตติฌานด้วยแล้ว ก็อาจจะบรรลุพระอรหันต์ได้ แต่มาบัดนี้หายากจริงๆไม่ใช่ไม่มี แต่มีส่วนน้อยหายาก มักจะหนีไปอยู่ตามป่าตามเขา ไม่ออกมายุ่งเกี่ยวกับใครด้วยนะ แม่นางเอ่ยต่อขึ้นว่า ฉนั้นการบวชจึงเปรียบได้เสมือนดาบสองคม ขาหนึ่งยืนบนทางสู่สรวงสวรรค์ ส่วนอีกขาหนึ่งลงไปยังนรกเบื้องล่างแหละพี่ หากเกิดทุศีลวันใดขึ้นมาที่มากมายนัก มิอาจจะแก้ไขได้ เช่นต้องปาราชิกไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์เพียงล้ำแค่เมล็ดถั่วเขียว เท่านั้นก็ต้องล่วงสู่เบื้องล่างทันที และไม่อาจจะแก้ตัวได้อีกแล้ว ธรรมสมาธิก็เสื่อมไป นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวขึ้น แต่หากมันปล่อยของมาให้พี่ไปบอกพ่อแม่ด้วยว่า ให้มันปล่อยผ่านเข้ามาได้เลย ไม่ต้องใช้ควายธนูหรือวิชาอาคมไปป้องกันไว้หรอก แสดงถึงชะตามันถึงฆาตแล้ว ให้ของๆมันเข้ามาได้ ให้ทำตัวเป็นปกติระมัดระวังตัวไว้ พวกน้องเองจะระมัดระวัง ไปคอยดูแลพ่อแม่พี่ให้เองจ้า นางอัปสรทั้งสองเอ่ยขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอขอบใจน้องพี่มากนะ ที่ช่วยเหลือพี่ในครั้งนี้ นี่เวลาก็ไม่มากนัก เดี๋ยวพี่จะไปบอกให้พ่อแม่ทราบก่อนจ้า ไปเถอะพี่มันส่งของมาแน่ๆคืนนี้นะ ให้พี่เข้าสมาธิไว้ถอดจิตออกจากร่างแล้ว คอยดูมันจะมาในลักษณะใดๆ ด้วยของมันจะมาในลักษณะต่างๆกันแต่จะเข้า ใกล้ร่างพี่ไม่ได้แค่วนเวียนรอบๆตัวเท่านั้นเอง ส่วนห้องพ่อแม่พี่นั้นน้องรับรองว่า มันจะเข้าไปไม่ได้เด็ดขาดจ้า แล้วพี่ก็เข้าร่างจัดการสิ่งนั้นเสียแก่มัน แล้วกำกับอาคมลงยันต์ที่ร่ำเรียนมาแล้ว ส่งคืนให้มันกลับคืนไปหาเจ้าของมันเท่านั้นมันก็จะแก้ไขของๆมันไม่ได้แล้วจ้า นางอัปสรทั้งสองกล่าว ส่วนพระเครื่องที่ได้รับมาจากหลวงพ่อนั้น ให้เก็บไว้ส่วนหนึ่ง แบ่งให้พวก ตำรวจที่ไว้ใจได้ไปเพื่อใช้ในการป้องกันตัวเองจากพวกกระทำทั้งปวงด้วย เขามาคอยพี่แล้วล่ะ ให้พี่รีบๆหน่อยนะ เดี๋ยวเขาจะคิดว่าฟังรหัสพี่ผิดไปจะกลับเสีย นางอัปสรทั้งสองกล่าวให้ชายหนุ่มฟัง ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปเรียนให้พ่อแม่ทราบก่อนและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบส่วนสาวชบา กับเจ้าชัยนั้นอยู่กับพ่อแม่คงจะไม่เป็นอะไรน่าห่วงหรอก มีพวกน้องคอยดูแลด้วยอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่จะต้องรีบไปแล้วและรีบไปพบคนของพี่ด้วยจ้า ขอบใจน้องพี่มากนะ แล้วหันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัย กล่าวว่าเจ้าก็สมควรไปได้แล้วแยกทางกัน ไปทำงานทั้งสองด้าน หากได้รับข่าวที่แน่นอนก็ให้รีบมารายงานด้วยนะ ข้าต้องไปพบคนของข้าเสียแล้ว ครั้นเมื่อชายหนุ่มเข้าไปบอกพ่อแม่ ท่านหัวร่อว่าท่านรู้หมดแล้วล่ะไม่ต้องบอกหรอกข้ารู้หมดแล้วล่ะ เจ้ารีบไปพบคนของเจ้าได้แล้วล่ะเขาจะคอยนาน จะทำให้คิดว่า เขาฟังคำพูดเจ้าผิดไป บางทีอาจจะลังเลแล้วกลับไปก็ได้นา อย่างไรพ่อแม่ก็ควรระมัดระวังด้วยนะครับ งานครั้งนี้ไม่ธรรมดาเสียด้วย เออๆๆๆ....เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกในเรื่องแบบนี้ข้าผ่านมามากแล้วล่ะเอ็ง ก็ด้วยเหมือนกัน มิฉนั้นข้ากับแม่เอ็งคงอยู่ไม่ได้ถึงอายุปูนนี้หรอกว๊ะ!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ..... กล่าวเสร็จก็หัวร่อทันที ส่วนน้องแกทั้งสองก็ไม่ต้องกังวลด้วยเจ้ารีบไปเถอะ เขาคอยนานแล้วล่ะ.... ดังนั้นชายหนุ่มก็แบกกล่องออกจากบ้านไปยังที่นัดพบทันที ซึ่งสถานที่นั้นเป็นที่เดิม ครั้นไปถึงก็เห็นสารวัตรและผู้กองทั้งสองนั่งรอคอยอยู่ก่อนแล้ว อีกสองนายคิดว่าคงเป็นตำรวจมาใหม่ๆกำลังคอยเฝ้าดูแลต้นทางให้แก่สารวัตรและผู้กอง หากมีสิ่งผิดปกติอะไรจะได้ส่งสัญญาณแจ้งให้รู้ เมื่อเขาเดินทางไปถึงก็เห็นสารวัตรและผู้กองพร้อมตำรวจอีกสองนาย ต่างพากันแสดงความเคารพทั้งหมด เมื่อตำรวจสองนายรู้แล้วว่าเขาเป็นใครกัน ชายหนุ่มก็พลันกล่าวว่า วันนี้นำพระที่ได้สร้างไว้เมื่อวันงานสงกรานต์ที่ผมได้แบ่งไว้ไปให้พวกเขาไปใช้ พกติดตัวเวลาออกปฏิบัติงาน ซึ่งอาจจะตามมาอีกมากนัก แต่ว่าควรจะนำไปเลี่ยม กันน้ำไว้เสียก่อน ก่อนเลี่ยมควรหาผ้าหรือสิ่งของที่มองไม่เห็นองค์พระนั้นไว้ แล้วค่อยเลี่ยม ให้นั่งเฝ้าเวลาเขาเลี่ยมไว้ด้วยนะเพื่อความไม่ประมาท อาจจะถูกสัปเปลี่ยนได้ ใช้แขวนคอหรือว่าจะกลัดติดเสื้อไว้ก็ ด้วยสิ่งที่นำมานี้กำลังเป็นที่ต้องการของพวก ทางกรุงเทพฯหรือพวกมิจฉาชีพอยู่มากด้วย ด้วยการทดลองเมื่อคราวก่อนนั้นนั่นเอง สารวัตรรีบให้ผู้กองเข้าไปช่วยรับมาแล้วเปิดฝากล่องออกทันที อันที่จริงแล้วสารวัตร และผู้กองนั้นเคยเห็นและได้รับไว้แล้วคนละองค์ ส่วนตำรวจที่มาอีกสองนายนั้นไม่เคยเห็น ครั้นแลเห็นก็ถึงกับตลึงงันไป ด้วยเกิดรังษีของพระแผ่กระจายออกแพรวพราวหลากสียิ่งนัก พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ต่างให้สารวัตรฟัง ว่าสายของผมรายงานมาแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนนัก เพียงรอคอยสักพักหนึ่งก่อน เมื่อแน่นอนก็จะเริ่มการทำงานกัน พลางกล่าวเตือนและกำชับไว้อีกว่าการเลี่ยมพระคงจะทันหรอกนะ มอบให้คนที่นับถือจริงๆ และเข้าร่วมปฏิบัติงานเท่านั้น ด้วยมีเพียงจำกัด ส่วนลูกอมนั้นมีอานุภาพเหมือนๆกัน กับองค์พระ เวลาแจกควรหาที่ลับตาคนถึงจะแจกให้มิใช่ว่าให้มาเรียงแถวค่อยแจก ให้ไว้สำหรับคนออกปฏิบัติงานเท่านั้น ส่วนแผนงานผมได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอความแน่นอนเท่านั้นเอง ผมคิดว่าอีกสองสามวันให้มาพบเพื่อรับแผนงาน หรือบางทีผมจะใช้คนไป ส่งให้เองก็แล้วกัน เพื่อจะได้ไม่เป็นที่สงสัยของพวกนั้นอีกด้วย สารวัตรคงจะจำเจ้าสองคนนั้นได้แล้วนะ อ้อๆๆ.... เวลากลับให้หาทางลัดไปนะและอย่าให้ผู้ใดสงสัยแต่อย่างใดด้วย ครับนาย แล้วนายจะมีอะไรสั่งผมอีกไหมครับ สารวัตรถาม ยังก่อนหรอกรีบๆกลับก่อนจะมืดค่ำเสียก่อนนะ ด้วยตอนนี้เหตุการณ์ไม่เหมาะ เสียด้วยซิให้ไปโรงพักและที่พักก่อนมืดนะ อย่าลืมเสียล่ะ ชายหนุ่มกล่าวด้วยความเป็นห่วง ด้วยเขารู้ดีแล้วว่า คืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกในบริเวณนี้ ดังนั้นจึงรีบให้ลูกน้องรีบกลับเสียก่อน เมื่อมอบของเรียบร้อยแล้ว ก็รีบแยกทางออกไปอีกทางหนึ่งเดินหายลับตาไปในพุ่มไม้ บรรดาสารวัตรและพวกก็ต่างไปยังอีกทางหนึ่งหายไปทันทีเช่นเดียวกัน คืนนี้เป็นคืนข้างขึ้นแก่ๆ พระจันทร์กำลังลอยเป็นดวงเสี้ยวค่อนข้างมากอยู่ อากาศกำลัง เย็นสบายๆ ลมพัดโชยจากภูเขามาตลอด ใบไม้ล้วนไหวโอนเอนไปๆมาๆ ไม่เยือกเย็นนัก แสงสีนวลอ่อนๆ ทอแสงไปทั่วแต่ไม่สว่างมากนัก ดวงดาวยังระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า ครั้นเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ ขณะที่ชายหนุ่มเข้าสมาธิอยู่ในขั่นอุปาจารสมาธินั้น บัดดลเสียงหมาสามตัวที่เขาเลี้ยงไว้ ก็ส่งเสียงเห่ากระโชกแล้วพลันหอนขึ้นทันที เสียงร้องดั่งหึ่งๆๆแว่วๆใกล้ๆเข้ามา จนเสียงนั้นดังขึ้นอย่างชัดเจน ล่วงเข้ามาในบริเวณบ้าน จึงรีบเข้าสมาธิอีกพลางถอดกายทิพย์ออกจากร่างทันที ก็แลเห็นสิ่งต่างๆเขาแลเห็นเป็น คล้ายแมลภู่สองตัวบินวนอยู่รอบๆบ้านเขา ร่างกายมันใหญ่ผิดปกติจากพวกแมลงภู่ทั้งหลาย ทั่วๆไป เมื่อเข้ามาแล้วแต่ยังไม่สามารถจะล่วงล้ำเข้ามาได้ มันคงวนเวียนอยู่ไปๆมาๆ สักพักใหญ่แล้ว ร่างมันทั้งสองก็พุ่งเข้ามาทางหน้าต่างเขาทันที มันบินตรงมายังร่างชายหนุ่ม ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ เพียรวนเวียนไปๆมาๆ ห่างๆประมาณหนึ่งวาเห็นจะได้ ส่วนด้านนอกบ้านนั้นก็รายล้อมด้วยฝูงผีปีศาจนานาชนิด แต่มันเพียงแค่อยู่ภายนอกบริเวณ บ้านไม่กล้าเข้ามาในบริเวณบ้านได้ ต่างแสดงอิทธิฤทธิ์กันนานาประการ พยายามที่แหวกฝ่าสิ่ง ขวางกั้นจะเข้ามาในบริเวณบ้านให้ได้ เสมือนมันพบเจอสิ่งซึ่งเขาทราบแล้วว่าเกินจากสิ่งอะไร เป็นรังษีจากองค์พระที่เขาเก็บบูชาไว้ ส่งแสงประกายรังษีพวยพุ่งออกมาครอบคลุมยังบริเวณ นั้น พร้อมด้วยรังษีหลากสีต่างๆจากห้องพ่อและห้องแม่เขาด้วย ผสมผสานกันเข้า แผ่ออกไปครอบคลุมบริเวณบ้านไว้อีกด้วย ซึ่งรังษีนั้นๆต่างรายล้อมเป็นอาณาเขตป้องกัน มิให้เหล่าภูตผีปีศาจเข้ามาได้ แต่พวกมันก็มีความพยายาม ดื้อรั้น บ้างทำตัวสูงชะลูดยกขามัน หวังจะก้าวข้ามผ่านรังษีนั้น แต่ก็ต้องชะงัก พร้อมถอยหลังกรูดๆหนีห่างไป บางตนเผลอตัว ยามใดที่มากระทบกับแสงรังษีนั้นต่างร้องคร่ำครวญดิ้นรนหงายร่างดิ้นพลาดๆไปทันที เมื่อชายหนุ่มหันไปมองทางห้องพ่อและแม่เขาก็เห็นร่างนางอัปสรทั้งสองต่างแยก ย้ายกันเฝ้าหน้าประตู นางทั้งสองหลับตาพนมมือ เขาคิดว่าคงจะกำลังร่ายเวทย์มนต์เบื้องสูง ป้องกันไว้มิให้สิ่งใดเข้าเข้าไปทางห้องพ่อแม่เขานั่นเอง ภายในห้องก็แลเห็นพ่อและแม่ต่างกำลังเข้าสมาธิกันอยู่ ส่วนร่างสาวชบากับเจ้าชัยนั้นล้วน บัดนี้นอนหลับไปแล้ว ต่างไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น คงจะด้วยพ่อแม่เขาสะกดเอาไว้ก็ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงกลับเข้าคืนสู่งร่างทันที พร้อมเอาน้ำมนต์ที่ตระเตรียมไว้แล้วมามาเสกแล้ว พรมสาดไปยังร่างของแมลงภู่ทั้งสองทันที ร่างแมลงภู่สีสันมันต่างกัน ตัวหนึ่งเป็นสีทองวับวาว สว่างไสว อีกตัวหนึ่งสีเขียวแวววับคล้ายปีกของแมลงทับส่งประกายสดใสสวยงามยิ่งนัก ครั้นเมื่อแมลงสองตัวโดนน้ำพระพุทธมนต์ต่างตกลงมากับพื้น แปรเปลี่ยนสภาพไปในทันที ตัวสีทองกลายเป็นตะขาบสีแดงสดดิ้นพลาดๆแต่ก็พยายามลุกขึ้นตะกายมาหาเขาอย่างรวดเร็ว อีกตัวหนึ่งสีคล้ายปีกแมลงทับแปรเปลี่ยนเป็นหนังควายผืนกว้างใหญ่มากๆ แต่ผืนหนังของมัน ดิ้นไปดิ้นๆมาตลอดเวลาค่อยๆเขยิบๆพยายามจะเข้ามาให้ได้ พลันชายหนุ่มก็ล่วงมือไปในย่ามที่วางไว้ใกล้ก่อนจะเข้าสมาธินั้น ควัก กรีชที่ทำด้วยไม้ ตะเคียนทองที่ได้ขอจากนางอัปสรรัตนาวดีไว้แล้วแกะเป็นด้ามกรีชมาลงอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกไว้ทั้งสองด้ามออกมาจากย่ามทันที พลางขว้างไปยังร่างของร่างตะขาบและหนังควายผืนใหญ่ ปลายมีดของกริชอันแหลมคม ก็ปักลงไปตรงกลางตัวตะขาบและกลางผืนแผ่นหนังควายทันที ร่างมันทั้งสองต่างดิ้นกันยกใหญ่แล้วค่อยๆช้าลงๆจนสงบนิ่งไป เมื่อชายหนุ่มเห็นอาการ ดังนี้ก็ยกมือขึ้นจบเหนือศีรษะพลางร่ายพระเวทย์เป่าลงไปยังร่างของตะขาบยักษ์และร่างของ แผ่นหนังความอันมหึมานั้นสามครั้ง ทุกอย่างก็สงบลง จนแน่แก่ใจเขาแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปยังร่างของตะขาบยักษ์สีแดงสดถอนกรีชออกจากตัวมัน ก็เห็นบนหัวตะขาบยักษ์มีเลขยันต์อาคมอยู่ทั้งร่างมัน ขาทั้งหลายยังดิ้นกระแด่วๆอยู่แล้วสงบลง จึงทำการถอนอาคมเหล่านั้นออกทันที ครั้นถอนอาคมแล้วก็เป่ามนต์ลงไปอีกสามคาบ เขาจึงพลางนำกรีชเล่มนั้นเขียนยันต์คาถาอาคมเป่าลงกำกับไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมด้วยเลขยันต์ อักขระต่างๆไว้ลงแทนจนเห็นว่าพอสมควรเหมาะสมดีแล้ว จึงเดินไปที่แผ่นหนังควายยักษ์ผืนมหึมานั้นถอนกริชออกมาแล้ว ภายในแผ่นหนังมหึมานั้น มีคาถาอาคมเป็นอักขระขอมเลขยันต์ต่างเหมือนคล้ายๆกันกับตัวตะขาบยักษ์นั้นเขียนลงไว้เพียง ซึ่งบนหนังควายนั้นมีอักขระเลขยันต์ต่างๆกำกับอยู่แล้วแต่ภาษาที่เขียนแตกต่างกัน แต่ยันต์ต่างๆ นั้นคนละแบบกันอีกด้วย ทั้งภาษาอักขระทั้งหมดซึ่งเขาอ่านไม่ออกสักตัวเดียว ดังนั้นชายหนุ่ม จึงทำพิธีถอนมนตราอาคมต่างๆออกเสียสิ้น พลางเป่ามนต์ลงไปเช่นเดียวกับ ตัวตะขาบแล้ว ก็นำกริชที่ปักแผ่นหนังยักษ์นั้นมาเขียนยันต์เลขอักขระทับลงไปอีกตามแบบ วิธีของเขา แล้วพลางเป่าคาถาอาคมลงไปอีกสามคาม ก็เสร็จจากการลงอาคมของเขา แล้วก็มานั่งเข้าสมาธิเจริญจนถึงขั้นสูงสุดพร้อมด้วยเจริญทางกสิณด้วยแล้วถอยหลังกลับลง มายังอุปจารสมาธิ ลืมตาขึ้นเพ่งมองไปยัง ร่างของตะขาบยักษ์พร้อมกับแผ่นหนังควายมหึมาทันที ทันใดนั้นนั่นเองทั้งตะขาบและแผ่นหนังควายยักษ์ก็ค่อยๆหดตัวเล็กลงๆไปเรื่อยๆแล้วพร้อมร่าง มันค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเหมือนเดิมไปในทันที เขาเรียกแมลงภู่สีทองและแมลงภู่สีปีกแมลงทับเหล่านั้น เข้ามายังฝ่ามือเขาพร้อมกุมของทั้งสองสิ่ง พลางร่ายพระเวทย์อาคมต่างๆกำกับลงไปในตัวสัตว์ทั้งสอง ฉับพลันก็แบมืองทั้งสองออกเป่าคาถาลงไปทันที บัดดลแมลงภู่ทั้งสองตัวก็บินออกจากฝ่ามือของเขา แล้วบินออกไปทางหน้าต่างหายลับไปทันที....... * แก้วประเสริฐ. *