อทิสมานกาย ๓๑ หลังจากที่พ่อแม่ขับรถกะบะเดินทางออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้องนอนด้วย เกิดลางสังหรณ์ใจชอบกลด้วย เขาเขม่นตาขวาซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนี้ก่อนเลยพลางคิดว่าอาจจะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสักอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้ จึงได้รีบกลับไปยังห้องซึ่งตอนนี้ปราศจากสิ่งใด คงเนื่องจาก ทั้งหมดคงจะเพลียด้วยเขากว่าจะเข้ามานอนก็ดึกมากเสียด้วย ดังนั้นเขาเข้าไปกราบพระบูชาพระรัตนตรัยแล้วก็รีบเข้าฌานสมบัติทันที ก็ทราบว่าจะเกิด อะไรแก่พ่อแม่เขา ในระหว่างทางนำศพทั้งสองมายังบ้าน ครั้นเจริญสมาธิพอรู้เหตุอันแท้จริง แล้ว ก็แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงออกจากสมาธิทันที พลางเรียกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยให้มาหา เมื่อร่างทั้งสองปรากฏกายขึ้นเขาก็สั่งว่าให้รีบไป ช่วยพ่อแม่เขาด้วย ในระหว่างทางกลับบ้านจะมีเหตุเกิดขึ้น ด้วยจะมีพวกผีที่ถูกนายป่าช้าขับไล่ เที่ยวเร่ร่อนไปๆมาอยู่ในหมู่บ้านเรานี้จะเข้าสิงร่างศพนั้นเสียก่อนที่จะเดินทางมาถึง ถึงแม้ว่าพ่อ แม่เขาจะมีวิชาอาคมมากอย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทจะได้ไปช่วยพ่อแม่ได้ทันการณ์ก่อน ที่บางสิ่งบางอย่างจะสายไป ด้วยพ่อแม่เขามิได้นำสิ่งของติดตัวไปเลย แล้วบอกให้ทั้งสองนั่ง คอยอยู่ก่อน ก็เห็นนายเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มเดินไปในห้องพ่อตรงไปยังโต๊ะหมู่บูชาพระ และโต๊ะหมู่รูปปั้นองค์ฤๅษีพลางกราบพระ และองค์พระฤๅษีกล่าวคำบูชาเสร็จแล้ว ก็เดินไปหยิบควายธนูทั้งห้าตัวออกมาที่วางไว้บนพานหน้า โต๊ะหมู่พระฤๅษีภาวนาปลุกควายธนูทั้งหมดแล้วกราบลาพระและพระฤๅษีแล้วเดินออกจากห้องพ่อ เมื่อมาถึงห้องเขาก็มอบควายธนูทั้งห้าตัวให้แก่เจ้าแสงสีและสินชัยบอกว่าให้รีบไปส่งมอบ ให้แก่พ่อแม่เขาก่อนที่จะนำศพออกมาหรือให้ดักคอยพบก่อนออกจากบ้านศพนั้นก็ได้ แล้วเล่าเรื่องว่าจะมีพวกสัมภเวสีต่างๆจะมารบกวน พ่อแม่เขาจะได้ระวังตัวโดยให้แปลงกาย ไปหาท่านแล้วบอกว่าข้าให้นำมาให้ ท่านก็จะรู้เองว่าอะไรเป็นอะไร ด้วยควายธนูเป็นของพ่อข้าเอง ให้เจ้าทั้งสองรีบไปโดยด่วนด้วยหากไปก่อนเข้าบ้านผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้านและอีกบ้านส่งมอบของให้ก็จะดี ข้าคิดว่าคงจะทันด้วยพึ่งจะขับรถออกไปไม่นานหรอก หากพ่อแม่เขาเห็นเจ้าก็คงจะจำได้หรอก ด้วยรู้เรื่องราวทั้งหมดดีอยู่แล้วไม่ต้องห่วง เมื่อเจ้าแสงสีและสินชัยได้รับควายธนูมาก็รีบหายตัวไปทันที ขณะที่เขาสั่งการอยู่นั้นแม่นางอัปสร และหญิงสาวชบาและเจ้าแกละก็มานั่งเคียงข้างเขาอยู่ เมื่อเห็นเขาสั่งงานแก่หุ่นทั้งสองแต่ไม่ได้กล่าว อะไรกับพวกหล่อนและเจ้าแกละก็ชักสงสัย ในการกระทำของชายหนุ่ม แม่นางรัตนาวดีอัปสรและแม่นางอ้อยวิลาวัลย์อัปสรก็สงสัย???... จึงถามไปว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกแล้ว หรือ ชายหนุ่มก็แจ้งเหตุการณ์ทั้งหมดให้พวกหล่อนทราบ แต่บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปหรอกแค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนน้องชบาและน้องแกละก็ให้รีบเตรียมตัวไว้ โดยเข้าสมาธิทันทีไม่ต้องคำนึงสิ่งที่ จะเกิดทั้งสิ้น ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองให้คอยตรวจสอบความเรียบร้อยไว้ด้วย หากได้นำศพมาแล้ว ก็จะดำเนินพิธีการต่อไป เขาเองจะไปขอรับพรจากเบื้องบนและเบื้องล่างตามที่ท่านจะประทานเอาไว้ แม่นางอัปสรรู้ทันทีว่า อะไรจะเกิดด้วยอิทธิฤทธิ์ของแม่นางทั้งสอง และรู้ว่าสมควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง พลางหันไปสั่งแก่สาวชบาและเจ้าแกละให้จัดการเตรียมตัวเตรียมใจชำระจิตใจให้สะอาดผุดผ่องแล้ว พลางเนรมิตผ้าขาวส่งมอบให้แก่ทั้งสองไปแต่งตัวแล้วกลับมาเข้าสมาธิคอยไว้ หากชายหนุ่มเรียกก็ให้ ปฏิบัติตามพี่เจ้าสั่งอย่าลืมเป็นอันขาดเชียวนะ แม่นางอัปสรกำชับไว้อย่างเคร่งครัด หากพี่เจ้าเขาได้ของกลับมาแล้วจะได้เริ่มทำพิธีต่อให้แก่พวกเจ้า เพื่อกลับกลายร่างเสียที ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอดจิตออกจากร่างนั้น...... พลันเรียกสาวชบาและเจ้าแกละมาพลางนำนิ้วมือชี้ของเขามาเขียนอักขระเลขยันต์ลงไว้บนกระหม่อม ของทั้งสองแล้วหลับตาเป่ามนต์ลงไปยังร่างทั้งสองคนละสามคาบก็สั่งว่า ให้รีบไปเข้าสมาธิเตรียมไว้ หากเขาเรียกเมื่อใด แล้วให้รีบออกมาเข้านอนทับไปยังร่างของศพนั้นทันทีแต่อย่าผิดตัวเสียล่ะ ค่อยทับลงไปบนร่างศพตามลักษณะของศพนั้น คอยจนกว่าเขาจะทำพิธีเสร็จ ทั้งสองพยักหน้ารับทราบ สาวชบาและเจ้าแกละก็พลางก้มลงกราบชายหนุ่มพร้อมแต่งตัวด้วยผ้าสีขาวทั้งหมด ต่างเข้านั่งสมาธิ ทั้งสองตนทันที พ่อเชียรและแม่เข็มขับรถมาเกือบจะถึงบ้านงานอยู่แล้ว ก็แลเห็นร่างชายสองคนยืนขวางถนนอยู่จึงได้ ชะลอรถ พลางเพ่งไปก็จำได้ว่าเป็นหุ่นของลูกชายตนพร้อมจอดรถลงถามว่ามีอะไรหรือเจ้าทั้งสอง เจ้าแสงสีและสินชัยก็เล่าเรื่องต่างที่ชายหนุ่มกล่าวไว้ให้พ่อแม่นายฟังทันที พร้อมยื่นควายธนูที่ห่อผ้าไว้ ส่งมอบให้แก่พ่อแม่นายเขา ครั้นพ่อเชียรเปิดดูก็ทราบว่าเป็นของๆตน จึงหลับตาภาวนาปลุกควายธนูทั้งหมดทันที เวลาผ่านไป ชั่วอึดใจเดียว ก็บอกว่าเจ้าทั้งสองกลับไปได้แล้ว แต่เจ้าแสงสีสินชัยบอกว่านายสั่งว่าให้คอยติดตามไป ด้วยเพื่อคอยช่วยเหลือพ่อแม่จ้า แสงสีสินชัยตอบพ่อเชียรแม่เข็มทันที ถ้าอย่างนั้นเอ็งทั้งสองก็มานั่งข้างหลังข้าก็แล้วกันแต่อย่าให้ใครเห็นเสียล่ะ ทั้งสองรับคำพลางหายวับ ไปนั่งยังเบาะข้างหลังทันที พ่อเชียรพลางลงจากรถหันไปหยิบทรายที่แลเห็นในระหว่างขับรถอยู่กองไว้ กองหนึ่ง ใช้ผ้าขาวม้าใส่ไว้พร้อมทั้งหลับตาเสกมนต์คาถาสักพักก็ก้าวขึ้นรถออกเดินทางไปบ้านงานทันที ครั้นมาถึงบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เห็นกำลังร้องไห้กันทั้งบ้านอยู่รำพันอาลัยต่างๆนานาเกี่ยวกับ ศพของลูกสาวของตน ทั้งสองพลางกอดศพร่ำไห้ตลอดเวลา ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านครั้นเห็นแลพ่อเชียรเข้ามาเขย่าตัวก็หันหน้าไปมองดู ดังนั้นพลางกล่าวว่า เออๆๆๆขอบใจพ่อเชียรมากนะรู้ได้ไงว่าลูกสาวข้าเสียชีวิตเมื่อคืนนี้....... แล้วมันเป็นอะไรไปล่ะถึงเสียชีวิตตั้งแต่วัยยังสาวๆ...พ่อเชียรถามทั้งๆที่รู้แก่ใจอยู่แล้ว ทางผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแจ่มก็ตอบว่า ไม่รู้ว่ามันเป็นไข้นึกว่าไข้ธรรมดาหมอบอกว่าเป็นโรคไข้ป่าจับ ก็จัดยาให้กินเป็นมาได้สามวันแล้วเอาแต่เพ้อ ทุรนทุราย ข้าก็ไปตามหมอมารักษาอีกเขาฉีดยาและ ให้กินยา นี่ก็ล่วงเข้ามาสามวันแล้ว รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย คงพึ่งจะมาหมดลมตอนรุ่งสว่างนี้แหละ ดีนะที่แม่แหล่มแม่มันนอนเฝ้าทั้งคืน พอรุ่งสางจะเข้าไปปลุกถึงได้รู้ว่าลูกตายเสียแล้ว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางน้ำตาคลอไหลอาบแก้มทั้งสองแก้ม ส่วนแม่แหล่มก็ร้องไห้ไปหันมายกมือ ไหว้พ่อเชียรทันที พ่อเชียรพลันกล่าวว่าเออไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะเจ้าแจ่มแม่แหล่มข้าจะทำให้มันฟื้นเป็นคน อีกครั้ง ครั้นพอผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรับฟังดังนั้นก็อ้าปากตาค้างไปตามๆกัน พลางหันเข้ามาสวมกอดพ่อเชียร ทันที พลางร้องว่าจริงๆหรือพ่อเชียรทำได้หรือ?????..... เอ็งเคยเห็นข้าเคยโกหกกับใครหรือเปล่าล่ะ???... ตั้งแต่คบกันมาพี่เชียรข้ารู้ว่าพี่เป็นคนอย่างไรไม่เคย ผิดศีลอะไรเลยนี่นา พ่อเชียรเลยกล่าวขึ้นว่า แจ่มเอ๋ยมันคงหมดบุญที่ทำไว้แล้วล่ะ อย่าเสียอกเสียใจไปให้มากเลยเป็นธรรมดาเกิด แก่เจ็บตาย ทุกๆคนย่อมเกิดขึ้นทั้งสิ้นหมดไม่ยกเว้นใครๆหรอก แต่ลูกข้าอายุมันยังน้อยพึ่งจะมาเป็นสาวๆไม่กี่ปีนี้แหละ ไมน่าหมดบุญเร็วขนาดนี้เลยนะพี่เชียร บอกตรงๆว่าข้าทำใจไม่ได้พี่ ด้วยข้าก็มีลูกไม่กี่คนนางนี้เป็นคนสุดท้องเสียด้วยนะ ที่ข้ามานี้ ด้วยข้ารู้แล้วว่าลูกเอ็งจะมาเป็นลูกของข้าต่อไป และจะมอบสมบัติต่างๆให้มันด้วยล่ะ???... จึงได้มาช่วยเอ็งว๊ะ.... ข้ารู้ว่าชาติก่อนมันเคยเป็นลูกข้ามาก่อนด้วย พ่อเชียรกล่าวแต่ว่ามีข้อแม้ว่า???.... หากพี่เชียรทำให้มันฟื้นรูปร่างเหมือนเดิมจะเอาอย่างไรเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ข้ายอมทั้งสิ้น.... เรื่องเงินเรื่องทองไม่ต้องห่วงหรอก ลำพังของข้าและแม่เข็มชาตินี้ก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วล่ะที่ดินหรือ ก็มีมากมายนัก ข้ามีเพียงลูกชายคนเดียวหรือมันก็ไม่ค่อยจะอยู่กับข้าเสียด้วยซิ....พ่อเชียรกล่าว ตกลงหากพี่เชียรทำให้ลูกข้าฟื้นได้ข้ายอมทุกๆอย่าง....ผู้ช่วยแจ่มพร้อมแม่แหล่มเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน คือข้าจะเอาศพมันไปแต่ห้ามคนติดตามไปสักคนเดียวนะ เอ็งคอยฟังข่าวทางนี้ก็แล้วกันแต่ว่ามันจะ จำมึงได้หรือเปล่าข้อนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ไม่เป็นไรข้าจะบอกมันเองว๊ะ ชื่อก็อาจจะต้องเปลี่ยนชื่อกันด้วย ชื่อเก่ามันนั้นไม่ดีทำให้ต้องเสียชีวิตก่อนวัย....พ่อเชียรหาทางออกกับผู้ช่วยแจ่ม เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ทันใดนั้นก็มีเสียเอะอะโวยวายลั่นหน้าบ้านผู้ช่วยแจ่มทันที เมื่อเข้ามาแล้วทราบเรื่องราวที่ลูกบ้านมันมารายงาน ผู้ช่วยและเมียต่างก็งวยงง ทำไมเหตุการณ์มันถึงเหมือนๆกัน มันมาเพื่อรายงานว่าลูกมันก็เสียชีวิตเมื่อคืนนี้เหมือนกัน ลูกบ้านชื่อฉลองมารายงานกับผู้ช่วยด้วยน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง เอ๊ะ!!!!...มึงทำไมเหมือนกูว๊ะ ลูกสาวกูก็พึ่งตายเมื่อรุ่งเช้านี้เอง อ้าวๆๆๆ....แล้วมันก็อุทานตะลึงงันชะงักไปจนไม่รู้จะกล่าวอะไรอีก เกิดเรื่องอะไรหรือว๊ะไอ้ฉลอง ผู้ช่วยถาม บัดนี้น้ำตามันเหือดแห้งหายไปแล้ว เมื่อพี่เชียรรับปากว่า จะทำให้ลูกมันฟื้นคืนมาได้อีก....... ก็ไอ้ชาติซิผู้ช่วยคงจำได้กระมังมันตายเสียแล้วล่ะเป็นไข้ป่า ข้าไม่รู้ก็เอายากลางบ้านให้มันกิน จะพาไปหาหมอก็ไม่มีเงินทองเสียด้วย จึงให้ทานยาประจำบ้านเท่านั้น พอครบห้าวันมันก็ตาย พึ่งมาตายเมื่อเช้านี้เองแหละ มันพูดไปร้องไห้ไป พ่อเชียรกับแม่เข็มหันมามองหน้ากัน ด้วยทั้งสองรู้ จึงหันไปพูดกับลูกบ้านมันว่า....พอครั้น ลูกบ้านฉลองหันมาพบพ่อเชียรแม่เข็มก็ยกมือไหว้ด้วยน้ำตา ด้วยเวลามันตกทุกข์ได้ยากก็ไปขอยืม เงินจากพ่อเชียรแม่เข็มเสมอๆ และก็ไม่เอาดอกเอาดวงเสียด้วยมีก็คืนไม่มีก็ไม่เป็นไรหลายต่อหลายครั้ง แล้วพ่อเชียรแม่เข็มก็ช่วยมันเสมอๆมา มิเคยบ่นเอ่ยปากถามเรื่องเก่าสักครั้งเดียว มันจึงเคารพพ่อเชียร และแม่เข็มมากๆ เออๆๆๆช่างเหมือนกันเลยนะทั้งสองคนเลยว๊ะ ลูกมาตายด้วยพร้อมๆกัน ถ้าอย่างงั้นข้าจะขออะไร ฉลองหน่อยได้ไหมน๊ะ???.... พ่อเชียรถามขึ้นทันที ด้วยไม่ต้องเสียเวลาไปทั้งสองบ้านเวลาอาจจะไม่ทัน พ่อเชียรจะขออะไรข้าให้ทั้งสิ้น ทั้งสองคนมีบุญคุณล้นเหนือหัวข้าทั้งครอบครัวแล้วล่ะ บอกได้เลย ดีแล้วงั้นข้าขอศพลูกชายเอ็ง นี่ก็มาขอศพกับผู้ช่วยไว้แล้วด้วยว่าจะเอาไปเลี้ยงเป็นลูกข้าทำให้มันฟื้น เป็นคนเหมือนเดิมว๊ะ....พ่อเชียรกล่าว ฮ้าๆๆๆ....พ่อเชียรอย่าล้อข้าเล่นนะแล้วจะเอาทำอย่างไรล่ะมันตายแล้ว ไม่ฟื้นอีกแล้วล่ะพลางร้องไห้ไป เออๆๆไอ้ฉลองจะยกให้กูหรือเปล่าล่ะ หากยกให้ก็ให้รีบนำศพมาไว้บ้านผู้ช่วยโดยเร็วข้าไม่มีเวลามาก นักหรอก มิฉนั้นมันไม่อาจจะไม่ฟื้นได้อีกแล้วเวลาไม่คอยท่าเสียด้วยซิ.....พ่อเชียรกล่าว ได้เลยไอ้ข้าหรือก็ไม่มีเงินจะทำศพมันด้วย หากพ่อเชียรขอเสียอย่างมีหรือข้าจะไม่ให้และจะทำให้มันฟื้น ได้อีกด้วย ข้าจะได้รีบไปบอกยายช่วยให้ทราบ แล้วจะรีบนำศพมาไว้รวมกันที่นี่เลยนะ ข้าจะได้รีบไปเอามา แต่ว่าข้าทั้งสองจะเอาแค่ศพ พวกเอ็งทั้งหมดจะตามข้าไปไม่ได้แม้สักคนเดียวนะ คอยฟังข่าวเอาไว้วันมะรืน นี้ค่อยไปหาข้าที่บ้านเพื่อดูว่าจริงหรือไม่ รีบๆหน่อยนะโว้ยเดี๋ยวพระอาทิตย์ตกดินเสียก่อนข้าก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อเชียรตอบทันที.... แล้วพ่อเชียรแม่เข็มก็หันหน้าไปทางผู้ช่วยแจ่มและแม่แหล่มย้ำอีกครั้งตกลงนะผู้ช่วยแม่แหล่ม????.... ตกลงจ้าหากทำให้ลูกข้าฟื้นได้จริงๆ ตอนนี้ข้าขอกราบพ่อเชียรแม่เข็มก่อนก็แล้วกันที่ช่วย ทั้งสาม พากันก้มลงกราบพ่อเชียรแม่เข็มทันที พ่อเชียรแม่เข็มพลันย้ำขึ้นอีกทีว่า ลูกเอ็งทั้งสองต่อไปนี้เป็นลูกของข้านะแล้วไปทำการโอนที่อำเภอด้วย ว่ายกให้เป็นลูกของข้าไว้ด้วย พร้อมเปลี่ยนชื่อเสียใหม่นามสกุลของข้านะโว้ย อย่าลืมคำสัญญาเสียล่ะ ไม่ลืมหรอกพ่อเชียรแม่เข็มหากลูกข้าฟื้นขึ้นได้จริงๆนะข้ายอมทุกๆอย่าง ทั้งสามคนตอบพร้อมๆกัน เอาล่ะดีแล้วล่ะ เวลาไม่คอยท่าด้วย ไอ้ฉลองมึงรีบไปนำศพลูกชายมึงมาให้เร็วๆมาไว้บ้านผู้ช่วยนี่แหละ ไม่ต้องให้ใครสะกดรอยไปเสียล่ะ เดี๋ยวเสียพิธีไปข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ งั้นมึงรีบๆไปเอามาให้เร็วที่สุดด้วย พ่อเชียรกล่าวเร่งทันที เพียงไม่นานนัก ลูกบ้านฉลองก็แบกร่างศพลูกชายนำมาวางยังบ้านผู้ช่วยแจ่ม และผู้ช่วยแจ่มก็นำร่างลูกสาว มาวางไว้ใกล้ๆกันด้วย ถ้าอย่างงั้นขอแรงหน่อยนะว๊ะให้รีบนำไปใน่หลังรถกะบะแล้วเอาผ้าคลุมไว้ด้วยนา อ้อๆ เอาหมอนรองหัวไว้ด้วยเสียล่ะ พ่อเชียรเอ่ยขึ้น....... ดังนั้นเมื่อเสร็จแล้วก่อนออกจากบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พ่อเชียรก็หันว่าอีกสองสามวันเอ็งไปพบลูกสาวเอ็ง ที่บ้านข้าได้แล้ว หากไม่เกิดปัญหาขึ้นก่อน ครั้นเมื่อเรียบร้อยแล้วพ่อเชียรและแม่เข็มก็ขับรถออกไปด้วยความ รวดเร็ว โดยให้เจ้าแสงสีและสินชัยคอยระวังศพไว้ด้วย ก่อนออกจากรถพ่อเชียรหันไปสั่งทางเจ้าแสงสีสินชัยว่า หากเกิดอะไรขึ้น พวกเอ็งไม่ต้องออกไปให้ค่อยระวังศพทั้งสองไว้ก็พออย่าลืมเสียล่ะ เจ้าแสงสีและสินชัยรับคำ รถก็ออกเดินทางด้วยความรวดเร็วทันที มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยตกเวลาบ่ายแล้วจะ ไม่ทันตามลูกชายสั่งอย่างรวดเร็ว พอรถวิ่งผ่านมาได้ครึ่งทางกว่าๆ ทันใดนั้นเสียงพายุลมพัดโอนเอนไปๆมาๆ อย่างรุนแรงทันที พร้อมเสียง ร้อยอย่างโหยหวนตามหลังรถมาติดๆ แต่ไม่ปรากฏร่างแต่อย่างไรทำให้ฝุ่นคลุ้งมองทางไม่เห็น เสียงสายลม ครวญครางโหยหวน กรี๊ดๆๆๆดังไปรอบๆตัวรถทันที อากาศแลดูครึ้มๆไปหมดทั้งๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย นอกจากกระแสลมแล้ว ทางด้านอื่นล้วนแล้วแต่ปกติ พ่อเชียรก็เปลี่ยนให้แม่เข็มขับรถแทนทันที พลางแกะชายผ้าขาวม้าออกหยิบทรายที่ได้เสกไว้พลางท่อง มนต์กำกับไว้อีกทีแล้วสาดไปตามเสียงร้องและสายลม เสียงพลันเงียบสักพักหนึ่ง เงาร่างทะมึนสี่ร่างก็ปรากฏ ท่ามกลางฝุ่นคลุ้งและอากาศแลดูมืดครึ้มสูงชะลูดยืนขวางทางหน้ารถอยู่ เจ้าแสงสีและสินชัยรู้ว่าอะรคืออะไรมันทั้งสองรีบไปนั่งยังข้างศพทั้งสองคนละข้างทันที หากพ่อเชียรไม่ ห้ามไว้ไอ้พวกเหล่านี้หรือจะครณามือมันไม่ เพียงจับมือหญิงสาวและมือเด็กไว้หลับตาเข้าสมาธิทันทีร่ายมนต์ เพื่อป้องกันการสอดแทรกของเหล่าฝูงผีทั้งหลายที่เป็นลูกน้องของไอ้ผีเปรตสูงๆนั้นจะเข้ามาสิงร่างศพไว้ ส่วนพ่อเชียรก็ร่ายเวทย์มนต์ปล่อยควายธนูที่ทำด้วยเทียน หวาย ทองแดงและเงินออกไปทันที พลันร่างควายธนูก็ปรากฏร่างใหญ่โตทะมึนพุ่งร่างเข้าใส่ยังเปรตทั้งสี่ตนที่ยืนขวางหน้ารถไว้ พร้อมพุ่งเข้าชนใส่ ร่างนั้นทันที การต่อสู้ระหว่างควายธนูกับเปรตทั้งสี่เกิดขึ้น แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของเปรตทั้งสี่ก็แหลกสลายไป หายวับไปทันที ส่วนเสียงร้องต่างๆนั้นก็ถูกบรรดาควายธนูพุ่งเข้าใส่ร่างที่มองไม่เห็น แต่ควายธนูซึ่งเป็นควาย ที่ทำด้วยเวทย์มนต์คาถามันรู้ว่า เหล่าผีร้ายทั้งหลายอยู่ที่ใดบ้าง ต่างพากันแตกกระเจิงหายไปหมดสิ้นเสียงต่างๆเงียบลง ลมและฝุ่นก็สงบกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นพ่อเชียรจึงได้เปลี่ยนมาขับเอง ส่วนแม่เข็มก็ร่ายเวทย์มนต์คาถา เป่าไปยังในอากาสอีกครั้งหนึ่ง ควายธนูทั้งสี่ตัวก็ยังไม่กลับคืนมา วนเวียนรอบๆตัวรถที่พ่อเชียรวิ่งมาด้วยความ เร็วสูงด้วยเวลาเกรงจะไม่ทัน ครั้นแล้วรถก็มาถึงบ้านเจ้าควายธนูทั้งสี่ก็ยังวนเวียนวิ่งไปๆมาๆอยู่รอบๆบ้านไม่ไปไหน เจ้าแสงสีและสินชัย รีบแบกศพเข้าไปในห้องชายหนุ่มทันที พลางวางร่างทั้งสองไว้เคียงคู่กัน ครั้นชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นด้วยรู้แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง ก็รีบสวดมนต์เข้าสมาธิทันทีพร้อมด้วยแม่นางอัปสร และสาวชบาและเจ้าแกละ เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หันมาทางสาวขบาและเจ้าแกละให้รีบเข้าร่างศพนั้นได้แล้ว ทันใดนั้นเอง ร่างสาวชบาและร่างเจ้าแกละก็ล้มตัวลงนอนทับไปยังศพทั้งสองทันที ชายหนุ่มก็ทำพิธีต่อพลางร่ายเวทย์มนต์ ที่อาจจะได้รับมาจากเบื้องบนหรือพรที่ไปขอไว้มาใช้ในการทำงานครั้งนี้ จนเวลาผ่านไปสักครู่หนึ่งก็ลืมตาแล้ว ชายหนุ่มก็นำน้ำพระพุทธมนต์ที่เขาทำขึ้นเตรียมรอไว้อยู่แล้วพรมไปยังร่างทั้งสองทันทีพร้อมท่องเวทย์มนต์ ที่ไปร่ำเรียนมาจากเบื้องบนและเบื้องล่างไว้ ชั่วเวลาอึดใจใหญ่ๆร่างทั้งสองก็เริ่มกระดุกกระดิกได้ แล้วพลันลุก ขึ้นนั่ง พร้อมทั้งก้มลงกราบไปยังชายหนุ่มและแม่นางอัปสรทั้งสองทันที แล้วหันมาขอบใจแสงสีและแสงชัย ส่วนพ่อเชียรแม่เข็มนั่งรออยู่นอกห้อง ทั้งสองก้าวออกมาจากห้องของชายหนุ่ม พลางเข้าไปกราบที่ตัก ของพ่อเชียรแม่เข็มทันที พอพ่อเชียรแม่เข็มเห็นเช่นนั้นก็หัวร่อลั่นว่า เจริญสุขเถิดลูกพ่อทั้งสองบัดนี้เจ้าทั้งสอง กลับเป็นคนได้สำเร็จก็ด้วยเจ้าโชติมันหาใช่พ่อและแม่ไม่หรอก คนมีบุญคุณแก่เจ้ามากคือเจ้าโชติและแม่นางอัปสร ตลอดจนเจ้าแสงสีและสินชัยนั่นแหละนะ เฮ้อๆๆๆแม่เข็มต่อไปนี้เราก็มีลูกเพิ่มอีกแล้วล่ะนะ ??....เป็นคนก็มีเพิ่มขึ้นอีกเสียด้วยซิ???.... พลางหัวร่อลั่นบ้านพ่อโชติกล่าวด้วยความดีใจ....พอเราแก่ก็จะมีคนคอยช่วยดูแลดีไหมแม่เข็ม จริงๆจ๊ะพี่เชียร เฮ่อๆๆๆค่อยโล่งอกไปหน่อยรับปากเขาไว้ด้วยซิ เห็นว่ามะรืนนี้คงจะแห่กันมา จะเลืองลือไปทั้ง หมู่บ้านจะทำให้พี่และข้าต้องวุ่นวายกันอีกไม่รู้จบนะซิ??..... เราก็บอกว่าไม่ใช่เราทำหรอก เป็นคนอื่นทำก็สิ้นเรื่องแต่อย่าบอกว่าลูกเราทำล่ะ เรื่องมันจะบานปลาย ผู้ผัวกล่าว นั่นซิพี่ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าแก่ปานนี้จะได้มีลูกเพิ่มอีกนะ.....ฮ่าๆๆๆข้าสบายใจเหลือเกินล่ะ พลันก็แลเห็น ร่างทั้งห้ากำลังก้าวออกมากจากในห้อง ชายหนุ่มบอกว่าดีที่ผมรู้เหตุการณ์เสียก่อนนะมิฉะนั้นคงไม่ ทันการณ์แน่นอนเลย เห็นทีไอ้พวกนี้จะเก็บไว้ไม่ได้เสียแล้วล่ะพ่อ พ่อเห็นเป็นอย่างไรมันยังอยู่นะพ่อเพียงแค่ จุติแล้วเกิดขึ้นอีกแต่สันดานมันเหมือนเดิม ผมว่าให้พ่อหรือผมจัดการเก็บไว้ให้หมด มิฉะนั้นมันจะยิ่งอาละวาด ใหญ่ นี่ดีนะที่ชาวบ้านเรามีพระห้อยคอกันไว้ทุกๆคนมันเลยเข้าไปไม่ได้ วนเวียนแค่รอบๆเท่านั้น แต่ข้าว่าเอ็งนั่นแหละควรจะจัดการ พ่อกับแม่เองก็แก่มากแล้วและก็ถือศีลแปดทุกวันพระด้วยมันจะไม่งาม นะลูก ลูกจะจัดการอย่างไรก็ตามใจลูกเถอะนะ ฝ่ายพ่อกล่าวแล้วแม่เข็มก็เสริมขึ้นเหมือนกัน เมื่อพ่อพูดแบบนี้คืนนี้ผมจะจัดการให้สิ้นซากไปเลย คอยเที่ยงคืนผ่านไปก่อนนะครับพ่อ ตามใจเจ้าเถอะ พ่อแม่จะไม่ห้ามและไม่ยุ่งอะไรหรอก????....พ่อแม่ชายหนุ่มกล่าวขึ้น ถ้าอย่างงั้นดีแล้วล่ะ ผมจะเข้าไปยังป่าช้าบ้านเราแล้วทำพิธีจะบอกแก่นายป่าช้าและอาจารย์ด้วย เที่ยงคืนนี้ คงจะเรียบร้อยหมดจ๊ะด้วยพวกมันยังไม่ถึงเวลาจะสิ้นชีวิตล้วนแล้วแต่ประสบอุบัติเหตุมาบ้างฆ่าตัวตายบ้าง เป็นนักเลงถูกยิงตายบ้างอายุมันยังไม่ถึงฆาต ล้วนแล้วแต่พวกผีตายโหงและผีอาคมก็ตามมาอีกมากด้วยจ้า พลางหันไปทางเจ้าแสงสีและสินชัย เดี๋ยวอาศัยเจ้าหน่อยนะไปซื้อหม้อดินใหญ่มาสักสองสามใบจากตลาดมาให้ แก่ข้าด้วยนะ แล้วชายหนุ่มก็ควักเงินใสกระเป๋าส่งมอบให้ไป..... เจ้าแสงสีและสินชัยรับคำ พลางรับเงินจากชายหนุ่มมาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ แล้วบอกว่าจะไปหาซื้อของก่อน ทั้งธูปเทียนพร้อมของใช้ทำในพิธีเรื่องนี้ผมรู้ดีจ้านาย มาให้ครบเสร็จจ๊ะ แล้วร่างมันก็อันตรธานหายไป......... * แก้วประเสริฐ. *
2 ธันวาคม 2553 15:43 น. - comment id 119668
ตามมาดูการ คืนร่างของวิญญานให้เป็นคนครับครู
29 พฤศจิกายน 2553 22:07 น. - comment id 120276
แจ่มมากเลยค่ะ อิอิ
29 พฤศจิกายน 2553 23:22 น. - comment id 120279
คุณ แจ้นเอง ขอบคุณครับ ต่อจากกระทู้ที่แล้วผม มานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี จึงได้สร้างจินตนาการ ขึ้นเอง เสมือนการที่คนเราถูกผีสิงไงล่ะครับเมื่อนึกขึ้นได้จึงได้เขียนเอาไว้ครับ รักมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
2 ธันวาคม 2553 21:11 น. - comment id 120343
คุณ กิ่งโศก ก็เป็นจินตนาการแล้วแต่ครูคิดเองแหละ จึงไม่เหมือนเรื่องเดิมๆ อ่านเอาแล้วคิดเอง เถอะนะ รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
28 กุมภาพันธ์ 2554 09:04 น. - comment id 122748