จอกแหนจากจร
สะพั่งสะท้านไมภพ
วันหนึ่ง จอกแหนที่ลอยติดหน้าท่าน้ำกระเพื่อมแม้ว่าสายคลื่นจะเป็นลอนๆแต่ทว่าจอกแหนก็สูงและต่ำตามผิวน้ำที่ยกขึ้นยกลง แต่ทว่าเมื่อเจ้าของตำหนักใช้ไม้วาดน้ำให้หมุนวนออกไป จอกแหนก็ได้ลอยไปจากท่า
การเป็นผู้อำนวยการส่วนนั้นก็เป็นการรู้สึกว่าเป็นรางวัลของการทำงานหนักและทุ่มเท และทำให้มีน้ำใจทำงานหนักและทุ่มเทต่อไป
แต่ต่อมา เมื่อมีผู้บังคับบัญชาใหม่ และเห็นว่าผู้อำนวยการส่วนมันไม่ได้เรื่อง
เราก็ต้องจากไป
การจากไปมิได้เศร้าเสียใจ ตรงกันข้ามกับดีใจ ที่พ้นภาระความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง ผมสะพั่ง หัวเราะให้กับตนเอง ที่ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ และพลันเข้าใจความหลงตนเองอย่างเคลิบเคลิ้มไปอย่างน้อยก็ช่วงสองเดือนๆที่เป็นผู้อำนวยการส่วน มีลูกน้องที่เรียกว่าเป็นทหารเอกหลายนาย แต่กว่าจะเข้าใจกันก็คงอีกนาน แต่ทว่าไม่ทันแล้ว เมื่อผู้บังคับบัญชาเรียกร้อง ผมสะพั่งสะท้านไมภพ ก็ขอจบภารกิจ เขียนใบลาเสร็จ เก็บข้าวของส่วนตัว ข้าวของส่วนของราชการยังคงทิ้งไว้ให้เพื่อคนอื่นมาใช้ต่อไป
มันก็เบาๆไป แต่ทว่าภารกิจกิจกรรมในชีวิตก็มีมากมาย
แต่ต่อไปจะไปหางานทำที่เงียบๆไม่ออกแนวเก่งและฉลาดอีกต่อไป
จะเล่นแบบเงียบๆ
แต่ทว่าตอนนี้ยังขี้เกียจอยู่จะขอนอนหวดหางให้สบายใจก่อนแล้วค่อยคิดต่อไป
หัวเราะฮิๆให้แก่ตนเอง
มีแต่ตอนนี้ที่เราเข้าใจ
ว่าทำไมตำแหน่งถึงเป็นเรื่องที่โง่งม
ผมจะไม่คอมเม้นต์ลงไปว่าใครโง่
แต่ที่แน่ๆก็คือผมโง่เอง
ที่หลงใหลตำแหน่งอันเบาบางเหมือนหมอกจางๆสายหนึ่ง เมื่อผมพัดแรงนิดก็สลายเกือบหายไปหมด
โชดดีนะที่มีเทพสังหรณ์มาเตือน
ลูกน้องคนหนึ่งหลั่งน้ำตาและประวิงเวลา
ผมไม่ได้เศร้าเสียใจ หรือปลาบปลื้มกับการกระทำของเขา
ผมบอกเขาว่าอย่าลืมสิ่งที่ให้เขาทำ
เขานั่งหมดแรงอยู่ในห้องเก่าของผม
รถมาสด้าจีแอลเอ็กสามสองสามเมื่อบันทุกข้าวของส่วนตัวเสร็จแล้ว
ก็สตาร์ทเครื่องอยู่นานกว่าเครื่องจะเดินเรียบ
แต่ทว่าในครั้งนี้ไม่ได้เปิดเพลงกลับบ้านเรารักรออยู่
แต่ทว่ากลับเป็นเสียงพิณพาทย์ไทยทำนองยักษ์เดินทัพ
ผมสะพั่ง หัวเราะและยกมือไชโยขึ้นไปในอากาศ
แล้วก็ขับรถมาสด้าคู่ชีพกลับบ้าน