อทิสมานกาย ๒๕ ก่อนวันงานสงกรานต์มาถึง หลวงพ่อทองได้ลงมาจัดการเดินตรวจสภาพ ความเรียบร้อยในระหว่างที่งานยังไม่ถึงกำหนดเวลา เมื่อเห็นทุกๆคนรักใคร่สามัคคี อาหารการกินสมบูรณ์ พวกยี่เกและพวกหนังนั้นเข้ามาแจ้งหลวงพ่อว่า จะขอช่วยเหลืองานนี้โดยไม่คิดค่าแรงด้วย เขาเพียงต้องการแค่พระเครื่อง ที่หลวงพ่อทำเท่านั้น หลวงพ่อกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลควรที่จะต้องไปทำบุญและ ไปไหว้พระประธานก่อนแล้วถึงจะมารับพระก็จะเป็นบุญกุศลเพิ่มขึ้นอีกไม่จำเป็น ต้องช่วยมากก็ได้แล้วแต่ความศรัทธา ของพวกโยมก็แล้วกันนะ อาตมามิได้กะเกณฑ์หรือจำหน่ายพระนี้ ทำเพื่อแจกจ่ายแต่อยากให้ทุกๆคนได้รับผลบุญกุศล ตลอดจนความศรัทธาจริงๆ ถึงจะทำให้พระนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ส่วนพวกเด็กๆก็จะได้แค่ลูกอมเท่านั้น แต่เนื้อมวลสารก็เหมือนกับองค์พระด้วยทำมาจากผงและมวลสารเหมือนๆกัน แหละโยม แต่อาตมาบอกไว้ก่อนว่าของนี้ควรไปอ่านในกระดานที่เขียนบอกไว้ก่อน มิฉะนั้นของสิ่งนี้จะหายไปเอง หากโยมทำผิดสิ่งที่ผิดศิลธรรมนะโยม แล้วจะมาเอาอีกอาตมาก็ไม่มีจะให้เสียด้วยถึงมีก็ไม่ให้นะ ด้วยจะเก็บของเหลือทั้งหมด ไว้ใต้องค์พระประธานไว้ให้ลูกหลานในวันข้างหน้าจ๊ะโยม...... หลวงพ่อเอ่ย เหล่าพวกคณะยี่เกและคณะหนังรับทราบ พลางยกมือไหว้รับคำว่า จะไปสั่งให้พวกๆทราบ แล้วถามว่าหากจะขอเพิ่มไปฝากแก่พวกที่ไม่มา เช่นพ่อแม่พี่น้อง จะได้ไหมครับหลวงพ่อ?????......... อันข้อนี้ไม่ได้หรอกโยม แจกเฉพาะพวกที่มาไหว้พระประธานเท่านั้นเองแหละ และจะได้รับเพียงแค่คนละองค์เท่านั้นเอง หลวงพ่อกล่าวขึ้นให้ทราบ หากโยมนำไปใช้ก็จะทราบผลเองว่า กิจการของโยมนั้น อาตมารับรองว่า งานจะเข้าแทบจะไม่มีเวลาเสียด้วยซิ หากรักษานี้ไว้ห้อยคอนักแสดงกันทุกๆคนด้วยนะ เมตตาสูงมากขอให้จำไว้ด้วยนะ และรักษาไว้ให้ดีๆในที่ถูกที่ควรเก็บไว้ในที่สูงๆ ห้ามใส่ในระหว่างการร่วมประเวณีด้วย มิฉะนั้นของนี้จะสูญหายไปเอง อาตมาไม่หลอกโยม หลอก แล้วจะมาขออาตมาอีกก็ไม่ได้แล้วนะ ควรจำไว้ด้วยนา หลวงพ่อเอ่ยย้ำอีก ครับหลวงพลวงพ่อพวกคณะหนังยี่เกต่างพากันก้มลงกราบแล้วขอตัวไปทานอาหาร ก่อนที่โรงทาน พลันพวกยี่เกพลันกล่าวว่า ทางพวกกระผมก็จะให้มารำถวาย หน้าโต๊ะเครื่องสังเวยและหน้าพระประธานในวันสงกรานต์ด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกผม หลวงพ่อจะเห็นเป็นประการใดครับหลวงพ่อ หัวหน้าคณะยี่เกกล่าว แล้วแต่โยมเถอะ???.... อาตมาไม่ขอออกความเห็นอะไรหรอก????........ โยมเห็นควรอย่างไรทำไปเถอะ อนุโมทนาด้วยก็แล้วกันนะ หลวงพ่อเอ่ยขึ้น แล้วก็ขอตัวเดินไปตรวจความเรียบร้อยทางอื่นต่อไป ข่าวการจัดงานวันสงกรานต์ล่วงรู้ไปทั่ว ทางหมู่บ้านบางกระดี่ ตลอดจนหมู่บ้านอื่นๆ ทุกหมู่บ้าน ชาวบ้านบางคนก็มาร่วมงานด้วยความศรัทธา แม้ว่าทางกำนันมั่นจะสั่งห้ามไว้ ก็ตามก็แอบหนีมาช่วยเหลืองานวัดโคกอีแร้งกันเป็นจำนวนมาก ทางกำนันรู้แต่ไม่รู้ว่า จะทำอย่างไรด้วยพวกที่ไปนั้นเป็นพวกเฒ่าชรากันทั้งๆนั้น ส่วนลูกชายมิได้ไปจึงวางเฉย ส่วนเจ้าแม้นลูกชายก็กำลังเข้าเฝือกยังไม่หายป่วย ตลอดจนพวกมันที่ได้รับบาดเจ็บกัน ทุกๆคน อีกอย่างหนึ่งทางกำนันเองก็ต้องเดินทางไปช่วยงานทางหมู่บ้านที่มาช่วยเหลือ ที่ต่างล้มตายได้รับบาดเจ็บไป และพวกถูกจับนั้นได้ไปสอบถามทางเสี่ยเม้ง พร้อมแจ้งข่าวให้ทราบเรื่องทั้งหมด พร้อมขอร้องให้เสี่ยเม้งช่วยติดตาม ค้นหาพวกที่ถูกจับไปด้วยจะช่วยเหลืออย่างไร??... เสี่ยเม้งก็ไม่ได้ว่ากระไร บอกว่าทำใจได้เพราะอย่างไรก็จะต้องมีเหตุแบบนี้สักวันหนึ่ง เกิดขึ้นแน่ไม่ต้องห่วงและได้ไปติดต่อผู้ใหญ่แล้ว ต่างไม่รู้ว่าพวกที่ถูกจับนั้นไปอยู่ที่ใด แต่ก็ส่งคนไปช่วยสืบแล้ว ส่วนทางด้านกองปราบพรรคพวกแจ้งว่าก็ไม่มี แต่จะช่วยหาข่าวแจ้งส่งมาให้ทราบภายหลัง.....เสี่ยเม้งกล่าวแก่กำนัน ดังนั้นทางกำนันมั่นจึงไม่มีเวลาที่จะให้คนมาก่อกวนงานทางวัดโคกอีแร้งได้ นอกจากสั่งพวกที่เหลือไม่ได้ไปงาน ให้ไปแจ้งทางจ่าเจียมและพวกว่า พยายามไปก่อกวน งานนี้ให้ได้และ ให้ไปเอาพระทางหลวงพ่อทองทำเอามาให้มากๆมาฝากด้วยเท่านั้นเอง ครั้นวันสงกรานต์มาถึง ก็มีพวกมหรสพต่างๆที่รู้ข่าวจากพวกด้วยกันก็มาช่วยงานเพิ่มเติม ฉะนั้นงานวัดโคกอีแร้งจึงครึกครื้นยิ่งนัก เปรียบเสมือนงานวัดใหญ่ในเมืองเนื่องจากข่าว วัตถุมงคลแสดงอภินิหารของวัตถุมงคลที่ปรากฏให้ทางพวกคณะแสดงเห็นต่างไปเล่าให้ฟัง ล้วนแล้วแต่ยกพวกมาช่วยกันไม่คิดค่าแรงใดๆหวังเพียงแค่ทำบุญเอาวัตถุมงคลเท่านั้น จนทำให้งานวัดล้นออกไปแสดงกันนอกเขตวัดไปตามๆกันด้วยกันมากมายยิ่งนัก จำนวนคนนับเป็นหมื่นๆหลายหมื่นเห็นจะได้ ที่โบสถ์ล้วนแล้วแต่กลิ่นธูปอบอวลไป จนกระทั่งหลวงพ่อต้องให้ จัดกระถางธูปมาใหม่ล้วนใบใหญ่ซึ่งพ่อค้านำมาถวายเพิ่มเติม ไปตั้งไว้นอกหน้าโบสถ์ เพื่อให้ชาวบ้านจุดบูชาแทนในโบสถ์ โดยให้ทางกำนันและคณะกรรมการประกาศให้ ไปปักธูปที่นอกโบสถ์แล้วไหว้อธิษฐานพระประธานไว้นอกโบสถ์เสียก่อน ถึงจะเข้าไปกราบพระประธานได้ เหตุดังนี้จึงทำให้ควันธูปในโบสถ์ทุเลาลง ด้วยบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่และคนแพ้ควันธูปจะได้หายใจได้สะดวกขึ้น เสร็จแล้วก่อนเข้าโบสถ์ แล้วค่อยเดินไปรับบัตร ก่อนจะไปกราบพระประธานแล้วเดินออกมาเพื่อจะได้รับพระภาย หลังจากไปกราบพระประธานเรียบร้อยแล้ว โดยได้จัดเป็นเรียงแถวสองแถวค่อยเข้าไปในโบสถ์ ทั้งปากประตูทั้งด้านเข้าด้านออก มีตำรวจนอกเครื่องแบบแต่งกายเป็นชาวบ้านคอยแจกบัตรที่มีเลขกำกับทั้งพระและลูกอม สำหรับแจกจ่ายผู้มาร่วมทำบุญกันภายในโบสถ์ ตลอดเวลาจนต้องผลัดกันแจกบัตรและพระ ด้วยมีคนจำนวนมากมายยิ่งนัก ชาวบ้านค่อยทะยอยเรียงแถวนำบัตรไปส่งให้เจ้าหน้าที่รับพระและลูกอมไปอย่างล่ะองค์ ส่วนเงินทำบุญนั้นใส่กล่องที่วางเรียงไว้ในโบสถ์ก็มี ส่วนภายนอกดอกไม้ธูปเทียน ก็มีคนทางวัดจัดมอบให้แต่ให้ทำบุญใส่ในตู้ทำบุญค่าดอกไม้ธูปเทียนกันตามศรัทธาต่างหาก จนต้องยกไปเปลี่ยนเมื่อเงินเต็มหลายต่อหลายครั้งๆ โดยนำไปเก็บไว้ที่กุฎีหลวงพ่อ มีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ภายในโบสถ์กล่องก็ถูกเปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนอีกด้วยความศรัทธาของฝูงชนทั้งหลายมากมายนัก แทบจะหากล่องแทนไม่ได้จึงจำเป็น ต้องนำมาเทรวมๆกันไว้แยกแบงค์และเหรียญออกจากกัน แบงค์ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบ๊งค์พัน จำนวนมาก มากว่าแบ๊งค์ร้อยเสียอีก ส่วนแบ๊งค์ยี่สิบน้อยมาก เศษสตางค์ก็น้อยแสดงถึงฐานะและ ความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อหลวงพ่อทองมากมาย จนเวลาล่วงผ่านไปหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็ตาม ก็ยังมีคนมาไม่ขาดสายทะยอยทำบุญกันไม่หมด ยังมีคนคงคนทำบุญกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อคนทำบุญกันเสร็จก็ไปเที่ยวดูงานกันแล้ว แต่ละคนจะชอบดูกัน เวลาล่วงไปจนเกือบสว่างก็ยังมีคนทะยอยมาทำบุญกันเรื่อยๆไม่หมดสักที ในระหว่างนั้นก็มีเหตุการชุลมุนเกิดขึ้นที่หน้าประตู้โบสถ์ที่ด้านคนแจกพระเครื่องอยู่ จ่าเจียมและพวกอีกจำนวนเกือบสิบคนต่างถืออำนาจเข้ามาบอกคนแจกพระซึ่งกำลังรับบัตรและ ด้วยกำลังแจกอยู่ซึ่งพวกมันไม่รู้ว่าเป็นตำรวจเหมือนกันแอบแฝงเข้ามาช่วย เพราะเป็นตำรวจ ในกรุงเทพฯ ที่ถูกคัดเลือกให้เข้ามาปะปนกับพวกชาวบ้านต่างๆทุกๆหมู่บ้านในแถบบริเวณนี้ ข้าจะมาเอาพระยกพระทั้งกล่องมาให้ข้าด้วยนะโว้ย เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้หรอกครับ ต้องทำตามระเบียบที่กรรมการสั่งมาครับ ถ้าต้องการอย่างนั้นให้ไปแจ้งกับกรรมการวัดเสียก่อน ถ้าหากอยากจะได้ต้องให้ไปทำตามระเบียบที่ทางวัดกำหนดวางไว้ ได้คนละองค์เท่านั้นครับ แต่ทางพวกจ่าเจียมและพวกต่างพากันเอะอะโวยวายถืออำนาจบาตรใหญ่ว่า พวกเอ็งไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใครว๊ะ ทำไมจะเอาไปไม่ได้เพราะหลวงพ่อท่านแจกให้ฟรีนี่นา........ พวกกูจะยกไปทั้งกล่อง เดี๋ยวนี้มึงอย่ามาขวางทางกูนะโว้ยเดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน พวกมันกล่าว..... พลางมันจะรีบเข้าไปแย่งจะยกกล่องพระที่ตั้งเรียงรายไว้เป็นชั้นๆวางไว้ข้างๆ แต่ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบพากันเข้ามาขัดขวางไว้ทันที ซึ่งมีพระบ้างแกะกล่องก็มี ไม่แกะกล่องก็มีวางใกล้ๆเจ้าหน้าที่ที่กำลังแจกพระให้พวกที่มาทำบุญไหว้พระประธานอยู่ เสียงนี้ดังลั่นจนชาวบ้านพากันหยุดชะงัก ต่างแตกตื่นกันไปหมด ต่างพากันเหลียวไปดู ครั้นมองไปเป็นพวกจ่าเจียมก็ชะงักหันมามองหน้ากันทำให้เป็นเหตุการทำบุญต้องหยุดชะงัก ของการทำบุญไปชั่วขณะหนึ่ง พลางนึกในใจว่าจ่าเจียมและพวกมาเบ่งจะเอาพระฟรีๆ ไปทั้งกล่องเสียด้วย พากันหันหน้ามองกันไปมาแต่ไม่กล้ากล่าวอะไร ด้วยกิติศัพท์ว่า จ่าเจียมนั้นร้ายกาจจนพวกชาวหมู่บ้านก็รู้ไปทั่วว่ามีนิสัยเป็นอย่างไร ทันใดนั้นมีชายสองสามคนแหวกทางขอชาวบ้านเดินเข้ามายังที่เกิดเหตุ พลางถามว่า มีอะไรหรือ??.. เจ้าหน้าที่ที่ทำการแจกพระก็รายงานให้ชายทั้งสามฟังทันที ชายทั้งสาม พลันหันหน้าไปมองทางด้านจ่าเจียมและพวกทันทีด้วยใบหน้าทมึงบึ้งตึง กล่าวว่าไอ้พวกนี้ เองหรือนึกว่าใครเสียอีก มันใหญ่โตมากนักหรือจึงจะมาก่อกวนงานหลวงพ่อหรือว๊ะ??... พลางร้องถามไปทางพวกของจ่าเจียม ที่กำลังด่าเจ้าหน้าที่แจกพระอยู่ที่ขัดใจพวกมัน ทางจ่าเจียมและพวกยังไม่มองหน้าพลางตะโกนลั่นว่าใครว๊ะ มาขึ้นเสียงดังกับกูมึงไม่รู้หรือ ว่ากูคือใครมึงใหญ่มากนักหรือว๊ะ????... จะมาห้ามพวกกู ลักษณะพวกจ่าเจียมจะออกมึนเมาด้วย กูไม่ใหญ่หรอกว๊ะจ่าเจียมเพียงแต่ขอร้องอย่าให้มีเรื่องแบบนี้ภายในวัดได้หรือไม่บอกมาซิ??.. ครั้นจ่าเจียมและพวกหันมามองหมายจะเอาเรื่อง พลางรู้ว่าใครเป็นใครต่างตาเหลือกโพลงไปหมด แล้วพวกมันต่างพลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะพริบทั้งหมด สร้างความตกตลึงแก่ชาวบ้านกัน ที่เห็นเหตุการณ์นั้นๆ พากันถอยหลังไปยืนมองดูไปตามๆกัน ทางด้านจ่าเจียมและพวกต่างพากันร้องอุทานพร้อมกันออกมาเมื่อพวกมันว่าเป็นใครเป็นใครกัน อ้าวๆๆๆ........ท่านผู้กองชัชวางย์และหมวดทั้งสองเองหรือครับนาย??.... กล่าวพลางตาเหลือกกันไปตามๆกันพลาง ถามว่าแล้วผู้กองและหมวดมาช่วยงานนี้ด้วยหรือครับ ทำไมผมถึงไม่รู้ล่ะครับ ไม่เห็นมีตำรวจสักนายหนึ่งเลยนี่นา???.....จ่าเจียมถาม เมื่อเห็นคนทั้งสามไม่กล่าวอะไร พลางเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมล้วงกระเป๋า กางเกงขายาว อีกมือหนึ่งล้วงกุญแจมือมาถืออีกมือหนึ่งกุมที่บั้นเอวซึ่งออกลักษณะตุงๆ มันรู้ว่าคืออะไร พลางผู้กองหันคว้าข้อมือจ่าเจียมมาสัปกุญแจมือใส่ลงไปทั้งสองมือทันที ส่วนพวกที่เหลือถูกหมวดทั้งสองคว้ามือสวมกุญแจมืออีกเหมือนกัน แล้วพลันกล่าวขึ้นว่า.... ใช่ผมเองแหละและหมวดจรัสกับหมวดจำลองมีอะไรเมาล่ะซิไหนๆผมสั่งให้เข้าเวรอยู่อย่าไปไหน นี่คงจะหนีเวรมาล่ะซิ แล้วเมามาเสียด้วย..... อ้าวๆแล้วนี่ร้อยเวรพ่วงก็มากับเขาด้วยหรือ เป็นถึง นายตำรวจแล้วทำไมถึงทำแบบนี้ไม่ดูแลลูกน้องด้วย ล้วนแล้วแต่หนีเวรกันมาทั้งหมด หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นและคนมาแจ้งความจะทำอย่างไรกันล่ะ????..... ต่อไปประชาชนจะนับถือไว้วางใจได้อย่างไรกัน ถ้าหากพวกเราเป็นเช่นนี้กันทั้งหมดแบบนี้ จะเป็นที่พึ่งของเขาได้อย่างไรกันอย่าลืมซิเรากินเงินเดือนก็เงินของพวกเขาทั้งนั้น ที่จ่ายเงินเดือนแก่เรา เราเป็นผู้รักษากฏหมายให้ถูกต้อง หากมาเป็นเองก็เหมือนโจรนั่นแหละ....... ผู้กองเอ่ยขึ้นตามหลัง หากเป็นเช่นนี้ใครจะรับผิดชอบประชาชนด้วยมากันหมด คงจะใช้พวกพ้องดูแลแทนไม่กี่คนกระมัง....... อย่าลืมนะว่าประชาชนเป็นนายของพวกเรา เราไม่ใช่นายเขาต้องคอยช่วยเหลือเขาเสมอๆ ผู้กองกล่าวทิ้งท้ายไว้ แล้วหันไปสั่งตำรวจให้นำตัวพวกนี้ไปได้แล้ว...... พลันก็เรียกพวกที่อยู่ข้างนอกที่แต่งนอกเครื่องแบบให้มานำพวกนี้ขึ้นรถยนต์นำกลับไป สั่งว่าให้ขังไว้ทั้งหมดก่อนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาออกมาให้มารายงานตัวกับผมทุกๆคนด้วยนะ พร้อมทำหนังสือไว้ให้เซ็นต์ทุกๆคนด้วยไม่มีการยกเว้น ครับผ๊ม...เสียงตอบขานรับคำสั่งทันที คนกลุ่มที่ผู้กองสั่งก็รีบเข้ามาพาต่างสวมกุญแจมือทุกๆคนคอยนำพาพวกจ่าเจียมไปโรงพักทันที ผู้กองแสดงสีหน้าอาการด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก......พลางสั่งกำชับให้นำตัวไปขังได้ไม่เว้นแม้แต่ นายตำรวจร้อยเวรด้วยทุกๆคนแหละ ดังนั้นในระหว่างถูกนำตัวใส่กุญแจมือรวมกันอยู่นั้น ชาวบ้าน ทั้งหลายต่างพากันมามุงดูการทำงานของผู้กองทั้งหมดทันที ไม่คิดว่าจ่าเจียมและพวกจะเจอเหตุการณ์ เช่นนี้ได้ ด้วยเคยแต่วางอำนาจบาตรใหญ่วางกล้ามใหญ่โตคอยข่มขู่ชาวบ้าน ครั้นเมื่อได้ยินผู้กองสั่งเช่นนี้ เล่นเอาจ่าเจียมและพวกๆทั้งหลายหน้าจ๋อยไปตามๆกัน พวกที่ไม่ได้เข้าเวรมาทั้งหมดนี้อย่าคิดว่า ผมจำชื่อไม่ได้หมดนะ ให้นายดาบนำตัวไปเอาตัวออกมาไปรายงานตัวผมในวันรุ่งขึ้นทุกๆคนด้วย ไปได้แล้วงานจะได้ดำเนินการต่อไป และสั่งพวกเราให้คอยระมัดระวังเหตุการณ์อย่าให้เกิดขึ้น อีกนะ จะไม่เว้นหน้าใครไว้สักคนแม้ว่าจะเป็นคนของใครก็ตามสั่งพวกเราไว้ด้วย ครับๆๆผู้กองผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ พลางตะเบ๊ะแล้วรีบผลุนผลันนำตัวพวกจ่าเจียมทั้งหมด แหวกผู้คนขึ้นรถตำรวจที่แอบซุ่มไว้ ส่งสัญญาณให้ขับรถมาแล้วก็ออกเดินทางไปทันที..... ผู้กองหันไปยิ้มกับตำรวจที่แฝงกายกล่าวว่า ผมนึกแล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดนั้นก็จริง ทำงานกันต่อไปเถอะนะ ผมจะไปตรวจดูทางอื่นต่อไป พลางหันไปไหว้ชาวบ้านแล้วกล่าวว่า ขอโทษครับ ที่ไม่น่าจะมีเรื่องในงานเลย เชิญทำบุญกันได้แล้ว และให้ตั้งใจมั่นศรัทธาอย่าตกใจ เสียล่ะ ทำเอาบรรดาตำรวจนอกเครื่องแบบที่แต่งกายเป็นชาวบ้านต่างอมยิ้มกันไปตามๆกัน หากผู้กองไม่มาเห็นทีจะต้องเกิดยิงกันแน่นอน บรรดาตำรวจที่ทำหน้าที่แจกพระกระซิบกันขึ้นเบา.... ผู้กองและพวกก็ขอทางเดินออกจากโบสถ์ไปทั้งสามคนพร้อมยกมือไหว้ขอทางไป เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปชาวบ้านทุกหมู่บ้านเห็นการปฏิบัติของผู้กองและพวกซึ่งรู้ว่ามาอยู่ใหม่ๆ และมี นิสัยอัธยาสัยดีงามนัก ก็พากันทึ่งต่างพูดคุยกันว่าหากพวกเรามีตำรวจเช่นนี้มากๆก็จะดีนะจะได้เป็น ที่พึ่งของประชาชนอย่างพวกเรา ไม่เหมือนก่อนได้แต่ตวาดพูดจายังกับเราไม่ใช่คนน๊ะ ทุกๆคนพยักหน้า แล้วเริ่มทำบุญกันต่อไป..... อีกคนเอ่ยว่า ฉันสงสัยว่าคืนนี้ทั้งคืนคงจะแจกไม่หมด แล้วพระลูกอมจะพอแจกไหมหนอ???.... ตั้งแต่มีงานในหมู่บ้านนี้และที่อื่นๆไม่เห็นคนช่างมากมายเช่นนี้เลยนะ ใช่จ๊ะอีกคนและหลายๆคนตอบ พวกชาวบ้านต่างขานรับกันทุกๆคนจริงซินะ ฉันก็ไม่เคยเห็นแบบนี้เลยนับว่าพวกเรา มีบุญกันมากจริงๆนะ ได้ทั้งของวิเศษแล้วยังได้ชมมหรสพอีก ตลอดจนได้รับการคุ้มครองปลอดภัยอีกด้วย ผู้คนล้วนแล้วแต่มากมายจริงๆ หนังหรือก็มีหลายๆจอ ยี่เกหรือก็มีหลายๆโรงเสียด้วย จนไม่รู้ว่าจะไปดูกันอย่างไร อีกทั้งการละเล่นก็มีมากมายเสียด้วยซิ นับแต่ไปช่วยงานอื่นๆมาไม่เคยเห็น.... ครั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่คนยังมาร่วมกันทำบุญอยู่อีกมากมาย ไม่ขาดสายทะยอยกันมา ทำบุญกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จวบจนตกค่ำถึงค่อยจะบางเบาไปแต่ก็ยังดูมีอีกมากมาย กระนั้นก็ยังมีคนนำพวกมาอีกหลายๆคันรถเพราะอยู่ทางไกลๆกันพอเสร็จงานทางไร่ทางสวน ก็ต่างทะยอยกันมา จนต้องมืดค่ำอีกคืนหนึ่งจึงจะทุเลา ส่วนพวกหนังและยี่เก เมื่อใครแสดงเสร็จ ก็มาร่วมทำบุญกันเพื่อนำวัตถุมงคลไปด้วยทั้งๆที่ยังแต่งกายเป็นพวกยี่เกกันเมื่อเห็นคนบางเบาแล้ว ปรากฏว่างานนั้นหาใช่มีวันเดียวไม่กลับกลายเป็นงานสามวันสามคืนไป นับว่าเป็นงานใหญ่ เกินความคาดหมายของหลวงพ่อและพวกกรรมการวัดทั้งหมด อาหารหรือก็เหลือเฟือแจกจ่ายก็ไม่หมด ทั้งคนในจังหวัดหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าในเมืองและทางกรุงเทพฯอีกต่างจังหวัดใกล้ๆเคียงก็มา และยังไม่ยอมกลับกันง่ายๆ ต่างทึ่งเมื่อได้รับการกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิของวัตถุมงคลเหล่านี้ ส่วนทางพ่อค้าพระในกรุงเทพฯพยายามใช้ให้ลูกน้องที่นำพามาไปกว้านซื้อพระจากชาวบ้านตุนไว้ โดยให้ราคาสูงมาก แต่ชาวบ้านทุกๆคนหวงแหนนักไม่ยอมขาย เล่นเอาหัวหน้าที่นำมาต่างหัวเสีย กันไปตามๆกัน แม้แต่ลูกน้องมันที่นำพวกมาด้วย บางคนก็ยอมมอบให้บางคนก็ไม่ยอมยิ่งหัวเสียใหญ่ ด้วยลงทุนมามากมายในการเช่ารถบัสมา เพื่อหวังผลกำไรในการจำหน่ายว่าคงจะได้มากมายนัก โดยนึกว่าอย่างไรพวกชาวบ้านจะยอมขายให้ด้วยให้ราคาสูงๆไว้แต่ผิดคาดไปตามๆกัน ทุกๆคนล้วนแล้วแต่หวงแหนไม่ยอมขายด้วยเห็นอิทธิฤทธิ์วัตถุมงคลมาแล้ว ส่วนพวกที่ไม่ได้เห็น ได้ยินจากพ่อแม่พี่น้องต่างเชื่อกันจึงหวนแหนกันยิ่งนัก อีกอย่างหนึ่งหลวงพ่อทองที่พวกเขาเคารพอยู่ เป็นเจ้าอาวาสมาหลายๆสิบปีไม่เคยจะสร้างวัตถุมงคลใดๆเลยสักอย่าง แม้แต่สายสินธ์ก็ยังหวงแหนกันอีกด้วย.......... * แก้วประเสริฐ. *
25 พฤศจิกายน 2553 21:09 น. - comment id 120211
ตอนนี้ทำให้รู้ว่าคุณแก้วเคยชอบที่จะอยู่กับ ชุมชนหรือชีวิตแบบนี้มาก่อนจริงๆอ่านแล้วเหมือนเห็นเป็นมโนภาพนะคะ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์น่าเลื่อมใสค่ะ
26 พฤศจิกายน 2553 00:20 น. - comment id 120213
คุณแจันเอง นิสัยผมเป็นคนรักป่าเขาลำเนาไพร ชีวิตชนบทมาก สมัยเด็กๆนั้นผมอยู่ติดกับ สวนผลไม้เลยครับมีธารน้ำไหล อาบน้ำหลัง บ้าน น้ำใสสะอาดมีปลาบู่ด้วย ปลาเล็กๆ ปลาน้อย บางครั้งมีคนพายเรือมาขายขนม อีกด้วยครับ จึงฝังใจมาจนทุกๆวันนี้ครับ อีกอย่างหนึ่งผมเป็นคนชอบรู้เรื่องราวต่างๆ และชอบศึกษาไว้เสมอๆครับ ถือเป็น กำไรชีวิตครับ รักเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
28 พฤศจิกายน 2553 12:59 น. - comment id 120239
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักยิ่ง ความรู้รอบตัวถือว่าเป็น กำไรแห่งชีวิต ฉะนั้นครูมักจะเก็บเล็กผสม น้่อยไว้เสมอๆ ไม่คิดว่าจะมาเป็นนักเขียน แต่พอเขียน สิ่งเหล่านี้ก็พุ่งขึ้่นมาเองและทำ ให้ืนึกถึงสภาพต่างๆด้จ้า อีกประการหนึ่งบ้านครูดั่งเดิมอยู่ติดกับ วัดดอน ซึ่งจะมีงานนี่ขนาดเขียนไม่หมดนะ เป็นงานใหญ่มีทุกๆสิ่งสมัยโบราณเขาทำไว้ น่ากลัวมาก คือจะนิมนต์พระรูปหนึ่งให้ เดินไปในป่าช้าองค์เดียวกลางคือนะ แล้วมีพวกแอบซุ่มมองดูอยู่ แล้วไปชักผ้า บังสกุลศพ ที่เขาจัดการวางศพไว้เรียบ ร้อยแล้ว เรียกว่าศพไม่กระดก ครั้นพระ องค์นั้นเดินไปที่ศพเพื่่อชักผ้าจะต้อง เหยียบไม้กระดานทำให้ศพจริงๆนะนั้้น กระดกขึ้นนั่งพนมมือในมือวางไว้ด้วย ผ้าไตรจีวร พระก็จะไปรับผ้าผีแล้วสวด มนต์บังสกุลจ้า แต่ทว่าต่อมามีพระบาง รูปกลัวถึงขนาดวิ่งหนีจับไข้ไปเสียหลายวัน การกระทำดังกล่าวจึงได้ยกเลิกแบบนี้ไป จึงได้เปลี่ยนใหม่มาทำศพขึ้นด้วย ถั่วยี่สงเคลือบน้ำตาลคล้ายๆถั่วตัดนั่นแหละ ผสมกับแป้งมาสร้างรูปร่างให้เหมือนผี ตายนอนหงายพนมมือในมือมีผ้าบังสกุัล ไว้ พอทำบุญฟังเทสน์เสร็จก็นิมนต์พระ องค์นั้นให้ไปชักผ้าบังสกุลซึ่งทำซุ้มไว้ ด้วยก้านใบตองสดๆนำใบกล้วยมาผ่าครึ่ง ไว้จ๊ะ พอพระชักผ้าบังสกุลเสร็จคนโบราณ จะเข้าไปแย่งที่ศพกันนำมากินกลับบ้าน ด้วย ครูเองก็เคยกินถั่วเคลือบน้ำตาลด้วย เขาว่าป้องกันผีปีศาจได้จ๊ะ ตอนนี้เลยกลายเป็นประเพณี แต่ บัดนี้ไม่มีแล้ว มีการก่อพระเจดีย์ทราย รอบโบสถ์ มหรสพหลายๆอย่างไว้ด้วยล่ะ เป็นงานสนุกสนานมากครูยังอายุน้อย แต่จำความได้หมดเลยจ้า มีอีกมากนะ พอก่อน รักศิษย์เรามากเสมอๆจ้า แก้วประเสริฐ.
28 พฤศจิกายน 2553 10:28 น. - comment id 120241
มาติดตามต่อครับครู..บรรยากาศงานวัด.
28 มกราคม 2554 21:53 น. - comment id 121964
ขอบคุณค่ะ คุณแก้วประเสริฐ วันนี้แสงดาวเรียกคุณชายเต็มยศเลย... คาระวะครับผม