อทิสมานกาย ๒๔

แก้วประเสริฐ

76.gif
                       อทิสมานกาย  ๒๔
        ภายในรถที่กำนันขับอยู่นั้น   พลันกล่าวกับพรรคพวกว่าข้าสังหรณ์ใจชอบกล
ตั้งแต่หลวงพ่อบอกแล้ว  มีพวกเด็กๆมันช่วยเฝ้าดูแลของไม่ต้องห่วงอะไรหรอก???... 
 ครั้งแรกนึกว่าเป็นเด็กวัดที่โตๆกันแล้วแต่พอพบเห็นเป็นพวกเด็กๆตัวเล็กๆทั้งนั้น
  พลางนึกว่าทำไมใยหลวงพ่อจึงใช้พวกเด็กๆเล็กๆพวกนี้มาเฝ้าข้าวของมิกลัวของหายหรือ??..
        ข้าเองก็ทดลองจับต้องเนื้อตัวเด็กมันดู   ก็เป็นเช่นคนแบบพวกเราๆแหละ  
แต่พอมันชี้ไปทางป่าช้าที่พวกเราเคยนำคนตายไปฝังศพ  ข้าจำได้อย่างแม่นยำ
 และเด็กยังบอกว่ากลางคืนพวกนั้นจะมาช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง
นี่ซิ......ข้าเองถึงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร???....   กำนันพลางกล่าวขึ้น
        อีกอย่างหนึ่งมันเสือกถามข้าว่า  ทางเราจะจัดมีหนัง มีลิเกด้วยหรือ???.... 
 คราวนี้ข้าเลยแน่ใจเลยว๊ะ....พ่อกันนันกล่าวขึ้น....  
นี่ขนาดเป็นกลางวันแสกๆนะยังแรงขนาดนี้เชียวว๊ะ.....แล้วอย่าเสือกไปบอกใครๆเสียล่ะ......
      ไม่แต่พ่อกำนันบอกหรอก  ข้าเองก็นึกสงสัยว่าพวกเด็กมันเฝ้าของได้อย่างไร????......
หากมีขโมยมาจะสู้มันได้หรือ  แต่ทางบ้านเราไม่มีหรอก นอกจากหมู่บ้านอื่นๆที่ติดยาเท่านั้น  
 พอมันชี้ไปยังป่าช้าพวกข้าจึงแน่ใจเช่นเดียวกับกำนันเหมือนกัน
       นี่ดีนะเป็นกลางวันเลยไม่ได้คิดอะไรมาก????...แต่พอพวกเด็กชี้ไปทางป่าช้าเท่านั้นพวกข้า
ถึงได้รู้ว่าพวกเด็กๆมันเป็นอะไร....    ใจพวกข้าอยากจะชวนกลับตั้งแต่แรกแล้วล่ะ???....
พวกกรรมการอื่นตอบกำนัน    พลางหันหลังไปมองทางวัดที่ยังไม่ห่างไกลกันนัก....
       อ้าวแล้วอย่าเสือกไปบอกพวกเราให้รู้ว่า  เมื่อมาช่วยนำของไปทำงานกันนะ  ขอให้เก็บรู้ไว้
เฉพาะพวกเราเท่านั้น....กำนันย้ำ เดี๋ยวพวกมันจะกลัวไม่กล้าช่วยทำงานกัน 
พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วล่ะ???....กำนันกล่าวเตือนไว้ก่อน   ประเดี๋ยวคนอื่นจะกลัวไป
และจะไม่มีใครกล้ามาช่วยงานกัน....
      เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอก  แต่ว่าพวกข้าจะทำอย่างไรล่ะหากพวกเด็กๆมันมาช่วยพวกเรา
ขนของล่ะ???...พวกกรรมการถามกำนันขึ้นทันที???....
    เราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็แล้วกันหลวงพ่อท่านก็ต้องลงมาคุมงาน  คงจะไม่มีอะไรหรอก....
กำนันปลอบใจ
    ก็จริงอย่างกำนันพูดแต่พวกเรามันรู้แก่ใจกันทุกๆคนแล้วนี่นา???.....พวกกรรมการที่มาตอบ
      ช่างเถอะอะไรเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ  แต่ข้าคิดว่าดีเหมือนกันนะ  จะได้ไม่ต้องกลัวผีกันอีกนะ....
        ข้อนั้นก็ถูกของกำนันอยู่หรอก  แต่ข้าจะทำใจได้หรือเปล่าข้าเองก็ชักสงสัยใจพวกข้าเหมือนกัน
   เอาล่ะเมื่อกำนันพูดเช่นนี้แล้วมีหลวงพ่ออยู่ด้วยค่อยสบายใจหน่อยนะ.......
        เมื่อทั้งหมดกลับมาบ้านด้วยกำนันขับรถไปส่ง  พวกมันก็ค่อยสบายใจ
ต่างพากันไปช่วยทางเมียทำงานกัน
            ครั้นเช้าวันเสาร์ที่ลานวัดก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย  ต่างมาช่วยกันทำงาน
ขนของไปในโบสถ์ตามที่หลวงพ่อแนะนำ และช่วยกันสร้างประรำพิธีภายในโบสถ์  
ส่วนอีกพวกหนึ่งต่างก็ลำเลียงพระลงกล่องจากในตุ่ม  ค่อยบรรจงวางลงในกล่อง
เรียงกันให้เรียบร้อย  ทุกๆคนต่างปลาบปลื้มยินดียิ่งนักเมื่อเห็นพระและลูกอม
ส่งแสงประกายเปล่งปลั่ง  ต่างพากันกราบไหว้ก่อนจะนำมาลงกล่อง ใส่พระและลูกอม
 บางคนถึงกับอุทานว่าในชีวิตกูยังไม่เคยแลเห็นวัตถุมงคลสวยงามเปล่งปลั่งออกรัศมีเช่นนี้เลย  
 บ้านกูก็มีพระเครื่องก็ไม่เหมือนพระของหลวงพ่อเลยสักองค์เดียว 
          ที่มีก็ล้วนแต่ผงสีต่างๆมาโรยเท่านั้นเองแหละ  พวกที่ทำงานก็เอ่ยว่า 
 เออเหมือนมึงว่าแหละและต่างรีบค่อยๆทำงานกันจนเสร็จด้วยความระมัดระวังยิ่ง 
  บางคนกล่าวว่าหากกูได้รับพระแล้วเห็นทีจะไปนั่งเฝ้าเลี่ยมเลยว๊ะจะห้อยแค่องค์เดียวเท่านั้น 
            พวกที่มาช่วยก็บอกว่าพวกกูก็เช่นเดียวกันว๊ะ   แล้วต่างคนค่อยยกกล่องๆละ
สองคนเพื่อป้องกันการหล่นจะเสียหายแก่พระ
   
       บางคนบ่นว่าเสียดายหากทำเป็นพระบูชาด้วยก็ดีซินะจะได้บูชาทุกๆวัน   
จริงของมึงว๊ะกูก็คิดเช่นมึงเหมือนกันแหละ......
     แต่มึงจำคำกำนันที่หลวงพ่อกล่าวไว้ได้หรือเปล่าว่าเกี่ยวกับพระเครื่องนี้ 
  จำได้โว้ยกูจะรักษาเป็นพิเศษแหละ   พวกมันทั้งหมดกล่าวขึ้นหาไม่ได้แล้วด้วยซิ
         ครั้นนำพระที่ใส่กล่องไปในโบสถ์แล้วก็นำไปวางยังที่หลวงพ่อกำหนด
ตรงกลางประรำพิธีไว้จนหมดสิ้น   พิธีที่พวกมันจัดสร้างเป็นรายล้อมไปด้วยฉัตรเก้าชั้น
ล้อมรอโดยตรงกลางมีฉัตรที่ทำพิเศษสูงใหญ่โยงใยด้วยสายธงหลากสี  
        ส่วนพวกที่ทำหน้าที่สายสินธ์ก็นำสายสินธ์มาให้หลวงพ่อที่ยืนคอยอยู่แล้ว
  ท่านรับมาแล้วหลวงพ่อก็ทำพิธีปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง  หลวงพ่อก้มลงกราบพระประธาน
หลับตาภาวนาคิดว่าคงจะขอขมาอนุญาตจากองค์พระประธานก่อน 
 แล้วก็ให้คนนำพวกไปท่านก็นำไปพันยังพระประธานแล้วมาคล้องไหว้ที่องค์พระประธาน
พันสายสินธ์ไว้ที่พระกรของพระประธานจนคิดว่าแน่นพอเพียงแล้วสั่ง
ให้คนโยงไปยังประรำพิธีเริ่มจากฉัตรแรกตรงกลางพันล้อมรอบไว้สามรอบ
 แล้วไปวนยังต้นเทียนใหญ่สีขาวที่ใช้เป็นเทียนชัยสำหรับเริ่มพิธีล้อมรอบฉัตรต่างๆ
ในประรำพิธีที่จัดตั้งไว้ภายในโบสถ์หน้าพระประธานประจำวัด
       แล้วจึงนำไปพันยังกล่องพระและลูกอมทุกๆกล่องจนหมด   แล้วให้คนไปนำสายสินธ์มาอีกแปด
กลุ่มมาต่อเข้ากับสายสินธ์ที่พันกล่องพระทั้งหมดไว้  นำไปวางยังพานที่รองรับไว้ทั้งเจ็ดกลุ่ม  อีกกลุ่ม
หนึ่งท่านให้ทอดสายสินธ์ไปยัง  
       โต๊ะที่ตั้งสังเวยเทพยดาที่ปูด้วยผ้าอย่างดีสีขาว วางไว้บนพานตรงกลางหมู่โต๊ะนั้นตั้งไว้ด้วย
สัปประฑล    ซึ่งกางอยู่กลางโต๊ะใช้สังเวยเทพยดาพันสายสินธ์กับสัปประฑล  โต๊ะหมู่บูชานั้นก็มีฉัตร
เล็กมีสายธงหลากสีพันจากยอดสัปประฑลลงมาพันล้อมรอบฉัตรอีกชั้นหนึ่ง ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
      ก็นำกลุ่มด้ายสายธ์ไปวางไว้บนพานหน้าโต๊ะบูชาที่จะต้องนำเครื่องสังเวยมาวางในวันรุ่งขึ้น
      โต๊ะสังเวยนี้วางไว้ตรงหน้าโบสถ์  พร้อมสั่งห้ามมิให้ใครๆไปไปยุ่งเกี่ยว  หันไปทางกำนันว่า
ให้ช่วยจัดคนที่นำมาเฝ้าไว้ด้วย    เสมือนท่านจะรู้ว่าพวกกรรมการจะเกรงกลัวอะไรสักอย่างหนึ่ง
      กำนันและพวกกรรมการสงสัยพลันถามว่า???....หลวงพ่อไม่ให้เจ้าพวกเด็กๆมันเฝ้าอีกหรือครับ
หลวงพ่อตอบว่า......คราวนี้ท่านบอกว่าไม่ต้องแล้วล่ะ  ด้วยพวกเด็กๆพวกนั้นจะไปช่วยดูแล
ทางอื่นๆต่อไป  ให้ช่วยหาคนมาเฝ้าทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยนะ   
      ครับหลวงพ่อ....กำนันรับคำพลางหันไปสั่งแก่ผู้ช่วยอาจให้ไปบอกพวกหนุ่มๆ
ที่ฝึกวิชาการต่อสู้มาคอยช่วยเฝ้าของดังกล่าวด้วย   
ผู้ใหญ่อาจก็รับคำพลางเดินหายไปเพื่อบอกแก่บรรดาลูกบ้านตามคำสี่งกำนันทันที
       เมื่อหลวงพ่อตรวจตราทั้งนอกและในเห็นว่าถูกต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  
ก็เดินออกจากอาณาเขตโบสถ์เพื่อไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านที่กำลังทำงานกัน  บางพวกต่างก็
สร้างสถานที่ใช้ในการเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาช่วยงานบางพวกก็เริ่มทำโรงลิเกซึ่งตั้งอยู่ปากประตู 
  ส่วนจอหนังนั้นท่านบอกว่าให้ไปสร้างใกล้ๆกับกำแพงกั้นแถวป่าช้าไว้
      เล่นเอากำนันและพวกต่างหันหน้ามามองหน้ากันแต่ไม่ได้กล่าวอะไร  
เพียงแต่ต่างคนต่างคิดในใจเท่านั้น    เมื่อหลวงพ่อท่านคอยจนกว่าพวกญาติโยม
ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว   ก็ขอตัวญาติโยมกลับกุฎีท่านทันที  คงปล่อยให้
พวกชาวบ้านทำงานกันต่อไป  บรรดาชาวบ้านต่างยกมือไหว้หลวงพ่อด้วยกันทุกๆคน
  แล้วหันหน้าไปทำงานต่อเพื่อให้เสร็จทันพรุ่งนี้   การแบ่งหน้าที่นั้นเป็นไปอย่างเรียบร้อย
จนกระทั่งตกเย็นนั่นแหละชาวบ้านถึงเสร็จและก็จะเดินทางกลับบ้าน
  ก่อนจะกลับบ้านได้ยินเสียงกำนันประกาศให้มาลงชื่อไว้ทุกๆคนเพื่อจะได้แจกจ่ายวัตถุมงคล
     เมื่อชาวบ้านที่มาช่วยงานพากันลงชื่อแล้วถึงได้กลับบ้าน  และพ่อกำนันก็บอกว่า
ขอให้พวกลงชื่อไว้หากยังตกหล่นให้มาลงชื่อไว้ด้วยนะในวันรุ่งขึ้น
ก่อนพิธีหลังจากนั้นก็จะปิดรับการลงชื่อ  ชาวบ้านบอกว่าบางคนที่ทำอาหารอยู่ที่บ้านก็มี
   กำนันบอกว่าทราบแล้วขอให้มาลงชื่อเมื่อนำของมาให้ก็แล้วกัน นั่นแหละจึงหมดหน้าที่
       เหลือแต่พวกชายฉกรรจ์ที่ต่างมาควบคุมของ   อันที่จริงแล้วส่วนใหญ่เป็น
พวกตำรวจนอกเครื่องแบบเกือบทั้งสิ้นที่มาเฝ้าเข้ามาแอบแฝงตัวไว้   
จะมีชาวบ้านอาสาสมัครที่ต่างล้วนแต่การฝึกฝนก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
บรรดาอาวุธต่างๆ   พวกเขาเก็บซ่อนไว้ไม่ห่างไกลนักหากมีปัญหาจะได้เอามาใช้ทันท่วงที
      ครั้นเช้าวันอาทิตย์หลังจากพระฉันท์อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วต่างก็พากันลงมาในโบสถ์
ทุกรูปไม่รวมหลวงพ่อก็มีประมาณหกรูปเท่านั้นเอง   ส่วนพ่อเชียรแม่เข็มและชายหนุ่มนั้น
ก็แต่งกายชุดสีขาวต่างมีสไบสีขาวพาดไหล่นั่งคอยหลวงพ่ออยู่จนฉันท์เสร็จเมื่อรับพรแล้ว
  ก็เข้ามายังหน้าห้องกุฎีหลวงพ่อ
       พลันหลวงพ่อก็บอกว่าให้เข้าไปในโบสถ์ได้แล้ว  อ้อแม่นางอัปสรอาตมาก็เตรียมไว้ให้
ช่วยปลุกเสกของด้วยแล้วนะโยม  หลวงพ่อเอ่ยขึ้น  แล้วหันหน้าไปทางนางอัปสรงานนี้ช่วยด้วย
นะโยม  จะได้สร้างบุญกุศลเพิ่มขึ้นอีก   แม่นางอัปสรทั้งสองก็ก้มลงกราบหลวงพ่อ เอ่ยรับคำ
       ที่จริงนางอัปสรทั้งสองต่างนั่งอยู่ข้างหลังพวกพระรูปอื่นๆมองไม่เห็นหรอก
  มีแต่เพียงหลวงพ่อเห็นรูปเดียวเท่านั้น
       ครั้นแล้วทั้งหมดก็เดินตามหลวงพ่อเข้าไปในโบสถ์   หลวงพ่อพลางเดินออกจากโบสถ์มา
ตรวจสอบเครื่องสังเวยเทพยดา ครั้นเห็นครบถ้วน  ก็ยืนหลับตาภาวนาอัญเชิญเหล่าเทพยดา
ทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบฟ้าชั้นดิน  ขอจงมาเสวยสิ่งของที่นำมาถวายไว้นี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทิพย์
ยาหารก็ตาม  ขอเพียงน้อมรับไว้และขอความกรุณาช่วย  ปลุกเสกเครื่องรางของขลังเพื่อนำ
ไปแจกจ่าย  ใช้เงินมาบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไปด้วย
      ทันใดนั้นทั้งๆที่กลางวันแสงแดดจ้าพระอาทิตย์ก็เริ่มทรงกลด  อากาศก็เริ่มกำลังสบาย
ความร้อนที่เคยร้อนมากก็หายไปดั่งปลิดทิ้ง ดูแลครึ้มๆไปทั่วกลับร่มเย็นสายลมพัดเอื่อย 
 ทำให้บรรดาญาติโยมหลากหลายท้องทีพากันแปลกใจไปตามๆกัน   อากาศที่เคยร้อนรุ่ม
กลับชุ่มชื้นขึ้นอย่างกระทันหัน   แต่แปลกใจแก่ชาวบ้านที่มากมายทั้งนั่งพนมมือในรอบนอก
โบสถ์และล้นออกไปจากขอบขัณฑสีมาก็ยังมี ชาวบ้านทั้งชายหญิงแปลกหน้าและชาวบ้าน
โคกอีแร้งต่างๆมากัน  เรียกว่าลานวัดล้นหลาม
      แม้แต่นอกรั้วเขตวัดก็ยังมีคนอีกจำนวนมากมาย  รถบัสที่มาจากกรุงเทพฯมีจำนวนหลายๆคัน
และยังมีรถเก๋งอีกมากมายจอดเรียงรายกันไปทั่วมากมายยิ่งนัก   ทันใดนั้นท้องฟ้าที่มีแดดกลับมี
เสียงฟ้าคำรามสายฟ้าพาดส่งแสงแวบวับไปๆมาๆไปทั่วบริเวณภายในวัด  เมื่อหลวงพ่อมองยัง
บนท้องฟ้า   แล้วก็รีบเดินเข้าไปในโบสถ์ทันที   ท่านได้จัดแจงนำม้วนสายสินธ์ในพานมาแจกจ่าย
ให้แก่ผู้ที่จะมาปลุกเสกครบถ้วน
      และแล้วหลวงพ่อหลวงพ่อซึ่งเป็นประธานก็ลุกขึ้นจากอาสนะเมื่อได้เวลาฤกษ์งามยาดี
ที่ท่านกำหนดไว้เดินไปจุดเทียนชัยมหาฤกษ์   พลันเทียนสีขาวก็ลุกโชติช่วงสว่างไสวไปทั่ว
บรรดา พระที่นั่งยังอาสนะโต๊ะเป็นทางยาวริมผนังก็เริ่มเจริญบูชาพระพุทธมนต์ทันที
 หลวงพ่อครั้นเดินกลับขึ้นมานั่งซึ่งมีโต๊ะเตี้ยๆวางไว้เบื้องหน้าปูด้วยอาสนะรองรับไว้  ส่วนพ่อเชียร
แม่เข็มและชายหนุ่มก็นั่งขนาบข้างโต๊ะที่เป็นที่นั่งของหลวงพ่อ  ถัดไปรอบๆข้างประรำพิธีทั้งสอง
นางอัปสรทั้งสองก็นั่งข้างละหนึ่งนาง  ทุกๆคนถือกลุ่มด้ายสายสินธ์คอยหลวงพ่อเริ่มพิธี   
       เมื่อพระสวดมนต์จบ  หลวงพ่อก็บอกผู้ที่ทำการปลุกเสกเริ่มทำการปลุกเสกได้แล้ว  
บรรดาพวกที่หลวงพ่อให้ทำการปลุกเสก ต่างก็เข้าสมาธิทั้งหมด   รวมทั้งพระที่นั่งเรียงราย
บนโต๊ะยาวนั้นด้วยการปลุกเสกผ่านไปนับเป็นชั่วโมง  ครั้นต่างปลุกเสกเวทย์มนต์คาถา
อาคมกันครบถ้วนแล้ว  ก็พลันลืมตาขึ้น       ส่วนหลวงพ่อชายหนุ่มกับพ่อเชียรพลางเพ่งกระแสจิต
ด้วยอำนาจพลังกสิณไปยังกล่องวัตถุมงคลทั้งหมด  
      ทันใดนั้นพระต่างๆในกล่องก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์เสียงดังขลุกๆขลักๆไปทุกกล่องแล้วพลันลอยขึ้น
บนท้องฟ้าทันที   กล่องใส่วัตถุมงคลต่างหมุนเป็นวงกลมทุกๆกล่อง   ทำเอาพวกญาติโยมที่นั่งมองดู
ทางประตูโบสถ์ต่างพากันร่ำร้องเซ็งแซ่ด้วยความปลาบปลื้มใจในอิทธิฤทธิ์ของวัตถุมงคลนั้น  สักครู่
หนึ่งกล่องนั้นก็ลอยกลับลงมายังที่เดิม   พ่อเชียรและชายหนุ่มต่างก็หยุดเข้าฌานกสิณทันที
     บัดดลท้องฟ้าก็โปรยน้ำฝนพร่างพรมบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่บ้างก็นั่งพับเพียบพนมมือ บ้างก็ยืน
ทั้งในวัดและนอกวัด   น้ำฝนพร่างพรูพรมไปทั่วๆทุกๆคน    เสียงร้องในป่าช้าก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
ทุกๆคนต่างได้ยินกันทุกๆคน  เสียงนั้นพากันร้อง  สาธุอนุโมทนามิๆๆๆๆๆ   ทำเอาญาติโยมที่ไม่ใช่
ชาวโคกอีแร้งซึ่งทางกำนันบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว   ต่างพากันตกอกตกใจไปทั่วต่างเหลียวซ้ายแลขวา
กัน  เสียงนั้นดังกังวานกันเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน 
      ส่วนพระที่นั่งบนโต๊ะม้ายาวก็ สวดคาถาพระไตรปิฎก คาถาชินบัญชร  คาถากรณียสูตร
  ชัยมังคลใหญ่เล็ก พระปริตต่างๆ แล้วสวดชยันโตสามรอบ  หลวงพ่อก็ลุกขึ้นยืนก้าวลงจากอาสนะ
นำน้ำพุทธมนต์ที่ทำขึ้นในระหว่างปลุกเสก  มาพรมยังบรรดากล่องใส่พระเครื่องและลูกอมทั้งหลาย
ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว   หลวงพ่อก็เดินไปทำพิธีดับเทียนชัย   ก็เป็นการเสร็จพิธีการปลุกเสกเครื่อง
รางของขลัง    
      ภายในป่าช้าก็มีเสียงดังกึกก้องกังวานเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง  แล้วก็พากันหายเงียบไป  ฝนที่พร่าง
พรมก็หาย  อากาศก็เริ่มกลับเข้าสู่ปกติเหมือนเดิม   ครั้นแล้วหลวงพ่อก็เรียกกำนันมาบอกว่าให้เริ่มประกาศ
แก่ญาติโยมให้กลับบ้านได้   แล้วมาพบกันอีกในวันสงกรานต์ที่จะมาถึงอีกสองวันขอให้มาร่วมกันทำบุญ
      กำนันและกรรมการทั้งหลายก็ช่วยกันประกาศทางไมโครโฟนว่า หากใครหิวให้ไปทานอาหารได้คืนนี้
จะมีมหรสพฉลองใครจะอยู่ดูมหรสพก็ได้ เป็นการฉลองพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังแต่ยังจะไม่แจกจ่าย
จนกว่าจะถึงวันสงกรานต์ในอีกสองวันข้างหน้า  ขอให้มาร่วมทำบุญก็จะได้รับพระแจกกันทุกๆคนตามแต่
ศรัทธามิกำหนดว่าจะทำบุญเท่าไหร่
       
     ทำเอาบรรดาพวกที่มาจากในเมืองและชาวกรุงเทพฯต่างผิดหวังไปตามๆกันนึกว่าหากเสร็จพิธีแล้วจะได้
มีการแจกเครื่องรางของขลังกัน  แต่ด้วยความมหัศจรรย์ที่บังเกิดก็ระงับอารมณ์หงุดหงิดลงแทบทั้งสิ้น  พวก
ที่มาจากกรุงเทพฯต่างก็พากันเข้าเมืองไปเช่าหาที่พักคอยอีกสองวันก็จะมาใหม่  ส่วนมหรสพนั้นก็มีเพียง
ชาวบ้านเท่านั้นที่คอยดู  พวกในเมืองต่างก็พากันเข้าไปเก็บด้ายสายสินธ์ที่ใช้ในทำพิธีกันไว้ติดตัวไปทุกๆคน
      หลวงพ่อท่านก็ไม่ห้าม  จนเกิดชุลมุลขึ้น หลวงพ่อจึงต้องออกไมโครโฟนว่านี่เป็นงานบุญขอให้อย่าได้
แย่งกัน ใครได้มากก็แบ่งๆกัน  แม้สายสินธ์นี้ก็ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วให้ทุกๆคนสังเกตุด้ายสายสินธ์ว่าสีแปลก
ประหลาดหรือไม่   หากยังเกิดแย่งกันอีกหลวงพ่อก็จะไม่อนุญาตแล้วล่ะ
ขอให้กรรมการวัดช่วยเก็บด้ายสายสินธ์ให้หมดแล้วตัดไปแยกเป็นสินน้ำใจแก่ทุกๆคนด้วย  ดังนั้นจึงไม่มี
การแก่งแย่งกันขึ้น   เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้
      ต่างก็เลิกชุลมุนพวกกรรมการต้องไปนำด้ายสายสินธ์เอามาเก็บไว้แล้วตัดแจกให้แก่กันคนละเส้นจนครบ
กันถ้วนหน้า  สายสินธ์แทบจะไม่มีเหลือเลย  แม้แต่พวกกรรมการก็ยังไม่มีใครได้ไว้สักเส้น และยังไม่เพียงพอ
ในการแจกจ่าย   แต่ชาวบ้านโคกอีแร้งก็มีน้ำใจ แต่ตัดแบ่งให้หมู่บ้านอื่นและพวกทางในเมืองและกรุงเทพฯที่
ไม่ได้รับ   แล้วกล่าวว่าขอให้มาช่วยงานในวันสงกรานต์ด้วยนะ
       บรรดาหมู่บ้านอื่นและในเมืองตลอดคนในกรุงเทพฯ  ครั้นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มีหรือจะไม่คอยและกลับมา
อีก  ทุกๆคนก็เริ่มเชื่อแล้วว่าหลวงพ่อทองนั้นมีเวทย์มนต์คาถาอาคมแรงกล้ามาก ตลอดพิธีในการปลุกเสกก็ไม่
มีพระเกจิอาจารย์อื่นใดเลย นอกจากพระและฆราวาสเท่านั้นไม่กี่คน   แต่ของนั้นกลับแสดงอิทธิฤทธิ์ได้อย่าง
น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ท้องฟ้าทั้งๆที่ไม่มีเมฆสักนิดเดียวกลับมีฝนพร่างพรายพรมมาได้อย่างแปลกประหลาดใจ
       ก็บังเกิดศรัทธายังนัก พระอาทิตย์หรือทั้งๆที่สว่างไสวใยถึงทรงกลดได้อีกซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ก็เป็น
ไปแล้ว    ส่วนนอกบริเวณที่คนมาดูการทำพิธีปลุกเสกนั้นกลับสว่างจ้าร้อนแรง  แต่ในบริเวณที่คนอยู่กลับร่มรื่นปราศจากความร้อน
ฉนั้นมีหรือจะรีบกลับ  ถึงอย่างไรก็ขออยู่รอรับของในวันสงกรานต์ก่อน  บางหมู่บ้านที่ไกลๆถึงไม่ยอมกลับ
หมู่บ้านตน ใครมีลูกหลานก็รีบกลับไปบอกเล่าให้ฟังและให้มาร่วมในงานสงกรานต์  เพื่อรับของวิเศษมงคล
เหล่านี้   บรรดาแม่ค้าบางรายก็ไม่ยอมกลับก็มีต่างก็ให้คนไปซื้อนำของมาช่วยในระหว่างรอคอยวันสงกรานต์
      ฉะนั้นในสามสี่วันนี้จึงมีอาหารเลี้ยงตลอดถึงแม้จะไม่มีงานอะไรทำ   ส่วนกลางคืนพวกฉายหนังกับ
พวกลิเกนั้น เมื่อมาก่อนและเห็นปฏิหาริย์ในการปลุกเสกนี้  ต่างก็ไม่ยอมกลับพากันแสดงต่อจนกว่างาน
สงกรานต์จะเลิก  และไม่ยอมรับเงินต่ออีกเลย  ต่างแสดงกันให้ดูฟรีๆอาหารการกินก็ไม่อัตคัด  ด้วยมีโรงทานที่ชาวบ้านบางหมู่บ้านต่างให้เด็กไปนำพืชพันธุ์ธัญญาหารหรือซื้อมาเพิ่มมิให้ขาดด้วย ต่างแสดงความรักใคร่สามัคคีกันกับชาวบ้านโคกอีกแร้งทั้งสิ้น และต่างช่วยกันทำคอยเลี้ยงคนมากินอาหารตลอดเวลา จึงมีอาหาร
คอยเลี้ยงตลอดเวลา   จวบจนงานสงกรานต์มาถึง................
                        *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    25 พฤศจิกายน 2553 15:14 น. - comment id 120183

    ไล่อ่านมาตั้งแต่ บทที่ ๙ ครับครู อาจารย์ดำตาย ..พระเอกที่แท้เป็นนายพลปลอมตัวมา อิอิ..พร้อมกับอ่านวิธีการปลุกเสกพระเครื่อง
    เรื่องการนั่งสมาธิ..ครูเก่งมากครับ ที่ผูกเรื่องได้เป็นวงกว้างขึ้น  และเนื้อหา ยาวๆ ดีครับอ่านเพลิน
    รอลุ้น ว่าพระเอกคน กับนางเอก อทิสมานกาย หรือ อัปสร  จะลงเอยอย่างไรครับครู
  • แก้วประเสริฐ

    25 พฤศจิกายน 2553 18:31 น. - comment id 120188

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
           ศิษย์รักเรา   ก็คอยลุ้นไปเถอะ หากครู
    บอกก็ไม่สนุกซิ  ด้วยเธอนั้นก็ไม่แตกต่าง
    กับครูเท่าไหร่หรอก จะเดาได้เสียก่อนครู
    ตั้งพอร์ตเรื่องไว้แล้วล่ะ อิอิ แต่ไม่บอกแต่
    ทว่าอาจจะเปลี่ยนได้อีกนะ รักศิษย์เรามากเสมอ
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แจ้นเอง

    25 พฤศจิกายน 2553 20:55 น. - comment id 120210

    36.gif
    
    คุณแก้วขยันจังค่ะ
    
    ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
    
    31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    26 พฤศจิกายน 2553 00:15 น. - comment id 120212

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
            นิสัยผมเป็นแบบนี้แหละครับหากคิด
    ทำอะไรมักจะให้เสร็จๆไปครับ นี่ก็แต่งขึ้น
    อีกตอนหนึ่งแล้วครับวันนี้ส่งสองตอนเลย
    ล่ะครับ ขอบคุณในความห่วงใยมากครับ
    รักเสมอ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ทางแสงดาว

    28 มกราคม 2554 21:30 น. - comment id 121963

    ....มาปัจจุบัน  คนหามาหาที่ยึดเหนี่ยว..
    
    ทางจิตใจกันมากขึ้น....
    
    จนเป็นกระแสในเชิงพาณิชย์...
    
    แวะมาส่งยิ้มครับผม1.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน