อทิสมานกาย ๒๓ หลังจากข่าวแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านโคกอีแร้งที่รู้ข่าวจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และบรรดากรรมการว่าหลวงพ่อทองสร้างวัตถุมงคลเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ทำบุญในวันสงกรานต์นี้ เพื่อนำเอาเงินมาซ่อมแซมโบสถ์ ศาลาและสิ่งทรุดโทรมไปของวัด ทำให้ชาวบ้านโคกอีแร้งต่างพากันดีใจและตื่นเต้นกันยกใหญ่ ด้วยพวกเขาเคยไปขอร้องหลวงพ่อท่านหลายต่อหลายครั้งแล้วถูกท่านจะปฏิเสธทุกๆครั้งไป ว่ายังไม่ถึงเวลาจะทำวัตถุมงคลต้องให้รอไปก่อน ข่าวนี้เหมือนฟ้าฟาดลงมากลางวันแสกๆอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย บรรดาทุกครัวเรือนต่างรีบเดินทาง มาพบกำนันและพวกกรรมการสอบถามว่าจริงหรือที่หลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้น บรรดากำนันผู้ใหญ่บ้านและกรรมยังบอกว่า พระและลูกอมนั้นสวยงามยิ่งนักพวกกูเห็นมาแล้ว เปล่งประกายรัศมีแพรวพราวหลายหลากสี ไม่เหมือนพระทั่วๆไป ที่กูเคยเห็นมาก่อน หากใครได้ของสิ่งนี้ไปถือได้ว่าได้ของศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลวงพ่อทองยังกล่าวว่าท่านจะทำเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว ดังนั้นข่าวนี้ทำให้ชาวบ้านพากันตื่นเต้นกันยกใหญ่ ด้วยทุกๆคนมีศรัทธา ต่อหลวงพ่อมากอยู่แล้วและยังทราบด้วยว่าหลวงพ่อทองนั้น เก่งกล้าอาคมเชี่ยวชาญเวทย์มนต์นัก แต่หลวงพ่อท่านเป็นคนเก็บตัว เคยมีคนในกรุงเทพฯเดินทางมาหาด้วยทราบจากเกจิอาจารย์ต่างๆที่เก่งๆหลายรูปบอกว่า หลวงพ่อทององค์นี้ท่านเก่งมาก เก่งกว่าพวกกูเสียอีก แต่ก็ถูกหลวงพ่อปฏิเสธไปทุกๆครั้ง แม้จะมอบเงินให้เป็นจำนวนมากก็ตาม และยังจะขอสร้างโบสถ์ให้ แต่ท่านยังไม่ยอมรับบอกว่า เกจิอาจารย์ทั้งหลายยกย่องท่านไปเอง ด้วยไปธุดงค์แล้วเจอกันเคยร่ำเรียนวิชาแลกเปลี่ยนกันก็เท่านั้น แต่ข้าไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้ว ขอให้โยมกลับไปเถอะนะ พวกทางกรุงเทพฯเลยหงายเก๋งไปตามๆกันซึ่งก็มีหลายคณะแต่ก็เหมือนกันทุกคณะ จนข่าวเงียบหายไป โดยท่านออกตัวว่าท่านไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยเพียงแค่พระธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้น และวิชาที่เคยรู้ก็ไม่ได้ใช้อีกท่านตอบพวกชาวกรุงเทพฯไป แต่ชาวบ้านนั้นรู้ว่าท่านเก่งกล้าสามารถมาก ด้วยเคยมีคนโดนของไปหาอาจารย์อื่นมาแก้ไข ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ครั้นจนปัญญาจริงๆจึงได้ไปเชิญหลวงพ่อมาช่วย ตอนแรกท่านก็ไม่มาอ้างว่าความรู้ท่านไม่มีอะไรนอกจากธรรมะเท่านั้น แต่ทนรบเร้าไม่ได้บอกว่าหากท่านไม่ช่วยคนถูกกระทำเห็นจะต้องเสียชีวิตแน่นอน เพียงแค่นอนหายใจโรยรินเท่านั้นเอง แล้วตอนนี้คนถูกกระทำนั้นอาเจียรและถ่ายออกมาเป็นเลือดร่างกายไม่ไหวติง นอกจากเหลือเพียงลมหายใจเท่านั้น ชาวบ้านเห็นท่านหลับตาสักพักหนึ่งก็ไม่ว่าอะไร คว้าย่ามเดินตามชาวบ้านที่ไปตามมา พอท่านย่างเข้าเขตบ้านเท่านั้น เสียงคนเจ็บร้องโหยหวนจากที่นอนแขม่วๆอยู่ ลุกขึ้นมานั่งตาแดงๆเหลียวซ้ายแลขวา ทำตาหลอกแหล่กๆไปๆมาๆ แล้วพลางร้องคร่ำครวญโหยหวน พลางร้องว่า....... ข้ากลัวแล้วๆๆๆจะไปเดี๋ยวนี้แหละอย่าทำข้าเลย มันร้องอย่างนี้เสียงไม่ใช่คนในหมู่บ้าน จนกระทั่งคนนำหลวงพ่อมาต่างงุนงงไปหมด เมื่อหลวงพ่อก้าวขึ้นบันไดบ้าน ร่างคนเจ็บก็หงายผึ่งทันที หลวงพ่อท่านไม่ว่าอะไร พลางหยิบเทียนออกมาเล่มหนึ่งเป็นเทียนธรรมดา พลางเดินไปที่หัวคนเจ็บแล้วเขียนอะไรไม่รู้ แต่ชาวบ้านคิดว่าคงจะลงอักขระไว้แล้วเป่าหัวคนเจ็บไปสามครั้งเท่านั้นเอง คนเจ็บที่นอนแน่นิ่งก็ลุกขึ้นพลางอ๊วกออกมาเป็นหนังควายแผ่นเบ้อเริ่มและยังมีตะปูตามออก มาอีกหลายตัวนับเป็นกองได้ แต่หนังควายและตะปูมันดิ้นไปดิ้นมาได้ เห็นหลวงพ่อเอาเทียนนั้นขีดวงกลมล้อมมันไว้ แล้วเป่าลงไป ทั้งหนังควายและตะปูหยุดดิ้นทันที ท่านก็หยิบของเหล่านี้เอามาใส่ย่าม แล้วท่านก็ทำน้ำมนต์ให้คนเจ็บดื่ม สักพักเดียวคนเจ็บก็เป็นปกติ พลางหันมากราบหลวงพ่อเมื่อแลเห็น แล้วหันไปถามลูกเมียมันว่ามันเป็นอะไร ตอนแรกรู้สึกปวดท้องเฉย กินยาอย่างไรก็ไม่หายพอตกกลางคืน มันปวดจนลืมตัวไปไม่รู้สึกตัวเลย พึ่งจะมารู้สึกตัวนี่เองแต่ยังปวดท้องนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง หลวงพ่อท่านไม่กล่าวอะไรแล้วทำน้ำมนต์ให้อีก หันไปสั่งญาติมันให้ดื่มน้ำนี้จนหมด แล้วมันก็จะหายเอง พอท่านรักษาเสร็จก็กล่าวลา ออกเดินทางกลับวัดทันที ทางบ้านคนเจ็บจะเอารถไปส่งท่านบอกว่าไม่ต้องหรอก เดี๋ยวจะเอาของของมันไปฝังเสียก่อน แล้วท่านก็ล้วงผ้ายันต์สีแดงๆในผ้าเขียนยันต์ต่างๆไว้แล้วนำเอาหนังควายกับตะปู มาใส่ลงในผ้านั้นแล้วผูกด้วยด้ายสายสินธ์ แล้วเก็บเข้าย่ามออกเดินทางกลับทันที ก่อนจะออกจากบ้านท่านนำถุงทรายจากย่ามมาส่งให้เจ้าของบ้านนั้นถุงหนึ่ง พลางบอกว่าให้เอาไปโปรยรอบบ้านไว้แล้วบนหลังคาด้วยนะ อย่าลืมล่ะแล้วท่านก็จากไป ตั้งแต่นั้นมาหากใครเป็นอะไรก็มักจะมาหาท่านให้ท่านไปช่วยแต่ท่านนั่งหลับตาสักพักหนึ่ง ท่านบอกว่าไม่ต้องไปหรอกเอ็งเองของข้าไปสวมหัวมันเท่านั้นก็พอ แล้วท่านก็เอาสายสินธ์มาควั้นผูกเป็นบ่วงให้ใช้สำหรับคล้องคอได้ บอกว่าภายในเจ็ดวันสิบห้าวันห้ามถอดออกแล้วห้ามร่วมประเวณีด้วย เมื่อสวมแล้วมันก็จะหายเองแหละท่านกล่าวเพียงเท่านี้ พลางให้คนไปหากลับบ้านได้ ให้รีบนำไปคล้องคอมันเสียเร็วๆนะ เมื่อคนที่มาหาหลวงพ่อทำตามหลวงพ่อท่านกล่าวไว้ ภายหลังมารายงานว่า คนเจ็บหายป่วยแล้วล่ะ ชื่อเสียงของท่านจึงดั่งกระฉ่อนไปทั่วหมู่บ้านโคกอีแร้ง หากคนใดผิดปกติทั่วๆไปมักจะมาหาหลวงพ่อท่านก็เพียงหลับตาแล้ว ก็ทำเหมือนเดิมบ้าง เสกไม้ให้ไปคล้องคอบ้าง ทุกๆคนก็หายจากที่เป็นทุกๆคน ทำให้ชาวบ้าน อยากได้วัตถุมงคลติดตัวบูชาแต่ท่านก็ไม่ยอมทำมาจนบัดนี้ มาบัดนี้ทราบว่าหลวงพ่อท่านจะทำของมงคลมอบแจกจ่ายเพียงแก่ผู้ร่วมทำบุญ ตามแต่ศรัทธาเท่านั้น ตามที่กำนันและกรรมการบอก พวกกำนันและพวกกรรมการ ยังอธิบายวิธีการใช้ของหลวงพ่อ ให้บรรดาชาวบ้านที่มาประชุมฟัง ว่าหากใครทำไม่ดีของจะหนีไปเองด้วยให้ระมัดระวังไว้รักษาไว้ให้ดีๆ จะไปขอท่านอีกท่านบอกว่าจะไม่ให้ใครอีก ครั้นกำนันผู้ใหญ่บ้านและกรรมการมาแจ้งข่าวแก่ชาวบ้าน ชาวบ้านก็แสนจะดีใจ ไม่คิดว่าหลวงพ่อจะสร้างเคยอ้อนวอนหลายต่อหลายครั้งไม่เคยสำเร็จสักครั้งเดียว ดังนั้นชาวหมู่บ้านโคกอีแร้งจึงตื่นเต้นกันใหญ่ กำนันและพวกกรรมการบอกว่า จะทำพิธีในวันเสาร์ อาทิตย์นี้ หลวงพ่อมาขอแรงไปช่วยเหลืองาน ชาวหมู่บ้านก็ดีใจต่างรีบมาลงชื่อจนกำนันและพวกกรรมการปวดหัวไปตามๆกัน จึงได้แบ่งหน้าที่ให้บรรดาแม่บ้านและลูกบ้านฝ่ายชายช่วยงานกัน ทุกๆคนรีบตอบรับทันที ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายกำนันและกรรมการจะออกให้ แต่ถูกชาวบ้านปฏิเสธแทบทุกๆคนว่าไม่ต้องสิ่งของอีกหลายๆอย่างนั้นมีอะไรบ้างขอดู ชาวบ้านต่างรับอาสาและบอกว่าของในการทำนี้ไม่ต้องให้กำนันจ่าย พวกข้าจะจัดการเองทั้งสิ้นแล้วขอดูรายการสิ่งของทั้งหมด ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านต่างแบ่งหน้าที่กันทันที กำนันและกรรมการบอกว่าของต้องทำให้แล้วเสร็จเรียบร้อยในวันเสาร์นี้ ต้องพร้อมทุกอย่างอย่าได้ขาดเป็นอันขาด ทุกๆคนรับทราบบอกว่าเสร็จแน่นอน ด้วยยังมีเวลาอีกสามสี่วันคงทันแน่ๆ กำนันบอกว่าการทำพิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นภายในอุโบสถ์เท่านั้น และยังบอกว่าหลวงพ่อยังเปรยๆว่าจะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นขออย่าให้ พวกเราตกอกตกใจเสียนะ ทำใจให้สบายๆยึดมั่นในพุทธคุณไว้ ชาวบ้านต่างรับทราบแล้วก็รีบกุลีกุจอเดินทางไปซื้อสิ่งของบ้านใครบ้านมัน เพื่อมาสร้างสิ่งที่หลวงพ่อต้องการอย่างรวดเร็ว บรรดาแม่บ้านต่างพากันหยุดงานไร่ หันมาแบ่งหน้าที่กันทำจากกำนัน และกรรมการวัดได้กล่าวไว้ หากผู้ใดไปช่วยงานก็จะได้วัตถุมงคลฟรีๆด้วย ต่างพากันมุ่งมั่นทำงาน ให้แก่วัดเป็นการใหญ่พร้อมกับตั้งใจมาช่วยงานกัน พากันมาลงชื่อที่บ้านกำนัน และคณะกรรมการกันเป็นจำนวนมาก จนบรรดากรรมการทั้งหลายต้องคัดเลือก คนคัดออกบ้าง และบอกว่าวันสงกรานต์คงจะไปพร้อมๆกันหมดนะ คงเหลือพวกที่ถูกคัดไว้เพื่อจะช่วยเหลืองานในวันเสาร์ แม่บ้านโคกอีแร้งถึงกับจัดกลุ่ม คิดจะทำโรงทานเพื่อเลี้ยงอาหารแก่บรรดาที่จะมาร่วมงานด้วยทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ ต่างพากันกินฟรีอีกด้วย ต่างร่วมใจกันออกค่าใช้จ่ายเองแล้วแบ่งหน้าที่ ไปซื้อของมาตระเตรียมไว้สิ่งที่มีอยู่ในไร่ก็ถูกเก็บมาช่วยในงานนี้ จึงนับได้ว่าจากงานที่หลวงพ่อคิดไม่ถึง เพียงคิดว่าจะเป็นงานเล็กๆเท่านั้น หากท่านทราบคงจะตกใจยิ่งนักว่าพวกชาวบ้านจะจัดงานครั้งนี้เป็นงานใหญ่ พ่อบ้านบางคนถึงกับไปติดต่อให้มีหนังมาฉาย พร้อมลิเกอีกด้วยเป็นการฉลอง แต่ไม่บอกให้หลวงพ่อทราบ ด้วยหากท่านทราบคงจะห้ามปรามแน่นอน จึงพากันเก็บเป็นความลับโดยเฉพาะกลุ่มๆที่ต่างแยกย้ายกันไปติดต่อเรื่องมหรสพกันเอง ดังนั้นข่าวนี้ปากต่อปากจึงแพร่สะพัดไปยังหมู่บ้านอื่นๆอีกด้วย ตลอดจนคนในเมือง ซึ่งบางคนมีศรัทธาต่อหลวงพ่ออยู่มากมาย ต่างก็จะมาร่วมช่วยเหลือ แม้แต่ร้านขายวัสดุก่อสร้างต่างๆก็ยังจะมาช่วยเหลืองานในครั้งนี้อีกด้วย เนื่องจากรู้ จากพวกกรุงเทพฯที่เคยมาหาหลวงพ่อแล้วมาแวะทานอาหารได้ฟังมันคุยกัน พวกเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างบางร้านก็มาหาหลวงพ่อให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับการค้าขาย ด้วยค้าขายขาดทุนเป็นจำนวนมากหากไม่ช่วยก็ต้องเจ็งแน่นอนไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ ก็จะพากันเดือนร้อนทั้งครอบครัว ด้วยมีหนี้สิ้นรุงรัง ร้านอาจจะถูกยึดทำอะไรไม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านพิจารณาดูก็อนุโลมเป็นบางรายจนทำให้กิจการค้าเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยทันตาเห็น จึงสำนึกในบุญคุณ บางร้านจะขอสร้างให้โดยทางวัดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หลวงพ่อท่านสมถะเกรงใจบอกว่ายังไม่ถึงเวลาเสมอๆ และมักปฏิเสธเจ้าของร้านบอกว่าให้ไป เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเถอะ ถึงเวลาวัดก็จะได้ศาสนาะต่างๆก็จะได้รับการสร้างใหม่ได้ด้วยยังไม่ถึงเวลา มาครั้งนี้ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ว อีกอย่างวัดโคกอีแร้งนั้นก็ไม่เคยจะออกวัตถุมงคลเลย จึงอยากได้ไว้บูชาบ้างต่างก็ช่วยกัน แม้แต่ร้านค้าขายเองบางร้านพอแม่บ้านไปซื้อมากๆเข้า พอรู้ก็ไม่เอาเงินก็มี บอกว่าจะต้องไปแน่ๆในวันสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ จะได้นำวัตถุมงคลมาบูชาบ้าง ข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งในกรุงเทพฯ ก็ยังรู้ทำให้บรรดาพวกค้าขายพระเครื่องต่างเตรียมตัวจะมาหาเพื่อนำไปจำหน่าย แต่หารู้ไม่ว่าหลวงพ่อท่านรู้และได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวกพุทธพานิชย์อาจจะต้องผิดหวังไปตามๆกัน ถึงกระนั้นมันบางคนก็ยังวางแผนการ เอาไว้ด้วยการเกณฑ์คนมาทำบุญให้มากๆเพื่อจะได้รับพระของหลวงพ่อไปจำหน่ายได้กำไรมากๆ พวกมันทราบดีว่าอาจารย์ทององค์นี้แม้แต่เกจิอาจารย์ที่ไปหาท่านยังเอ่ยชื่อหลวงพ่อทอง วัดโคกอีแร้งเสมอๆว่าเอ็งควรจะไปหาท่าน ต่างพากันยกนิ้วให้กันแทบทุกๆอาจารย์ แม้ทางวัดอื่นๆจะเชิญท่านไปร่วมพิธีปลุกเสกท่านก็ยังไม่ไป จนทางวัดต่างๆนั้นเบื่อหน่ายไปตามๆกัน ถึงแม้จะเป็นทางการก็เถอะหลวงพ่อท่านมักจะปฏิเสธ อ้างเหตุนาๆประการทุกๆครั้งไป จำใจมิได้ก็ให้พระที่ท่านสอนร่ำเรียนไปแทนก็มี ครั้นเวลาใกล้เข้ามาแล้ว ฝ่ายกำนันและกรรมการก็มารายงานให้หลวงพ่อทองทราบ ถึงการดำเนินงานครั้งนี้แต่มิได้พูดว่าจะมีมหรสพฉลองด้วยเท่านั้น หลวงพ่อท่านได้แต่หัวร่อ ฮึๆๆๆ พลางกล่าวว่า ในเมื่อเขามีศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจเช่นนี้อาตมาก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอกโยมกำนัน เล่นเอาบรรดากรรมการวัดงุนงงไปตามๆกัน เสมือนหลวงพ่อจะรู้เหตุการณ์ไปเสียหมดแล้ว ได้แต่อ้ำอึ้งไปตามๆกัน พลางเฉไฉไปทางอื่นว่า หลวงพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ วันเสาร์นี้เรียบร้อยแน่นอนครับ หลวงพ่อ ลูกบ้านต้องช่วยเหลือกันเต็มทีกันเลยล่ะครับ แต่ว่าข่าวนี้มันดังมากจริงๆนะโยม เห็นทีพวกโยมจะต้องเหนื่อยกันมากๆเสียด้วยซิ หลวงพ่อกล่าวลอยๆ กำนันและพวกกรรมการทั้งต่างมองหน้ากันคิดเหมือนกันว่า หลวงพ่อท่านคงจะทราบอะไรต่อมิอะไรอยู่แล้วแน่นอน แต่ท่านมิได้เอ่ยปากห้าม ก็เลยพากันทำเป็นเฉยๆเสีย หาทางเลี่ยงไปทางอื่นก่อน โดยทำเป็นจะไปดูของที่เขาให้พวกหนุ่มๆนำมาเก็บไว้ในศาลาข้างๆรั้วกำแพงวัด แล้วกล่าวว่าของได้ช่วยกันขนมาวางไว้ในศาลาหมดแล้วครับหลวงพ่อ รอวันเสาร์จะได้ดำเนินการให้เรียบร้อย เออๆๆๆข้ารู้หมดแล้วล่ะโยม ของอยู่ครบหมด เด็กๆมันเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืนเลยล่ะ โยมลองไปชมดูก็ได้นา ถ้าอย่างนั้นผมกับพวกจะลงไปดูสักหน่อยแล้วก็จะลากลับบ้านเสียเลย พลางทั้งหมดก็ก้มลงกราบหลวงพ่อทอง ขอบใจมากนะโยมงานนี้กุศลผลบุญแก่พวกโยมคงจะได้รับมากเป็นพิเศษ ด้วยใจอันบริสุทธิ์ ทั้งกาย วาจา และใจของพวกโยมนะบริสุทธิ์จริงๆ หลวงพ่อกล่าวขึ้น แต่อาตมาจะไม่ไปกับโยมนะต้องทำเรื่องให้มากกว่านี้อีก โยมไปเถอะ เจ้าจุกมันคอยต้อนรับพร้อมพวกมันแล้วล่ะ สอบถามมันได้นะตอนนี้พวกมันกำลังนั่งเฝ้ากันอยู่ หลายๆคนเสียด้วยซิ เหมือนจะรู้ว่าโยมจะมาตรวจสิ่งของจ๊ะ หลวงพ่อทองเอ่ยขึ้น..... กำนันและพวกต่างพากันมึนงงไปตามๆกัน แล้วก็พากันก้มลงกราบหลวงพ่อ แล้วเดินลงบันไดไปเดินตรงไปยังศาลาฟังธรรมที่ให้บรรดาชายหนุ่มขนมาวางเรียงรายไว้ ครั้นทั้งหมดไปถึงก็เห็นเหล่าเด็กๆหลายๆคน มีเด็กคนหนึ่งไว้ผมจุกรู้สึกว่าจะเป็นหันหน้ามามองกำนันและ ทางพวกเขา ดังนั้นเด็กไว้ผมจุกพลางร้องทักกำนันทันที...... พ่อกำนันมาตรวจดูของหรือจ๊ะ แล้วหันไปทางพรรคพวกกล่าวว่า.... เฮ้ยๆๆๆพวกมึงหลีกทางให้พ่อกำนันและพวกดูของหน่อยนะ แล้วมันก็เดินเลี่ยงไปยืนข้างๆ กำนันชะงักทันทีมันเด็กๆทั้งนั้นนี่นา พลางทดลองหันไปจับแขนเจ้าจุกดูเพิ่อพิสูจน์ กลับปรากฏว่าเป็นเนื้อหนังเหมือนคน ตอนแรกนึกว่าเป็นพวกผีๆเสียอีก พลางนึกในใจว่าหลวงพ่อทำไมยังมอบให้พวกเด็กพวกนี้เฝ้าของได้อย่างไรกัน.... หากมีใครมาขโมยของจะทำอย่างไร เด็กพวกนี้จะไปสู้ผู้ใหญ่ได้หรือ????...... แต่ไม่ได้กล่าวอะไรชวนพรรคพวกไปตรวจดูสิ่งของเห็นครบถ้วนมิขาดหรือเสียหายอะไรเลย สักอย่างทุกๆอย่างวางไว้เหมือนเดิม ด้วยกำนันคุมคนส่งของมาเองจึงรู้ว่าของใดวางที่ใดบ้าง พลางหันมาถามเจ้าจุกทันที..... แล้วมีใครย่างกรายมาแถวๆนี้บ้างหรือเปล่าจ๊ะหนู???.... กำนันถาม ไม่มีหรอกจ้าพ่อกำนัน.....ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกพ่อกำนันเชื่อใจพวกหนูได้เลย อีกอย่างหนึ่งพี่ๆที่โน่นพลางชี้ไปยังกลุ่มไม้เล็กใหญ่นอกกำแพงที่รู้สึกมึดครึ้มวังเวงชอบกล เขาก็มาช่วยเฝ้าเหมือนกันจ๊ะพ่อกำนัน กำนันและพวกแลไปตามที่เจ้าจุกชี้ต่างสะดุ้งในใจทันที นั่นมันที่ฝังศพป่าช้าทั้งนั้นนี่นาหรือว่า?????.... เหมือนเด็กผมจุกจะรู้ในใจ พลางกล่าวว่าไม่เห็นมีอะไรนี่นาพ่อกำนัน พวกพี่ๆป้าๆลุงๆน้าๆเขามาช่วยเฝ้าของทางนี้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้เขาไปพักผ่อนกันจ๊ะ ตกดึกถึงจะมาเปลี่ยนเวรกับพวกผมครับ เจ้าจุกรายงาน คราวนี้กำนันและพวกรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ก็รีบกล่าวว่างั้นพ่อกำนันไปก่อนน๊ะ มีงานต้องไปเสียแล้วล่ะ....ใจหนึ่งคิดอยากจะรีบไปๆให้พ้นจากที่นี่เสียที จ๊ะพ่อกำนัน เห็นว่าจะมีมหรสพด้วยไม่ใช่หรือ????....พ่อกำนัน เจ้าผมจุกถามทันที กำนันนึกในใจทันทีมันรู้ได้อย่างไรกันว๊ะหรือว่ามันเป็น???.... ความกลัวก็ขึ้นมาทันทีพลางรีบตอบด้วยเสียงสั่นๆว่า คงเป็นอย่างงั้นนะเจ้าหนู.... ดีซิจ๊ะพ่อกำนัน พวกข้าจะได้ดูหนัง ดูลิเกไม่ได้ดูมานานแล้วนา ขอบใจพ่อกำนันมากนะที่บอกให้รู้จ๊ะ...... เอาล่ะซิกำนันนึกแน่นอนเสียแล้ว ที่ลองจับแขนมันดูก็เห็นมันเป็นคนนี่นา แต่ไหง๋มันรู้ว่าจะมี หนัง มีลิเก ยังไงเสียแล้ว หันหน้าไปทางพรรคพวก เฮ้ย!!!!!.....ไปละว๊ะใครจะดูของอีกก็เชิญนะ ข้าไปก่อนล่ะ..... พูดเสร็จกำนันก็รีบออกเดินทางไปอย่างรวดเร็วเสมือนเดินไปวิ่งไป บรรดาพรรคพวกต่างรู้แน่แก่ใจแล้วว่าอะไรคืออะไร อ้าวๆๆๆ..... พวกข้าไปด้วยก็แล้วกันพลางวิ่งตามหลังกำนันไปทันที พอถึงรถต่างแย่งกันขึ้นรถ แล้วเร่งเครื่องยนต์รีบเร่งขับออกจากวัดไปทันที.......... * แก้วประเสริฐ. *
24 พฤศจิกายน 2553 17:36 น. - comment id 120169
อิอิ กำนันเปิดแน่บไปเลย
24 พฤศจิกายน 2553 20:18 น. - comment id 120173
คุณ แจ้นเอง อิอิ หากเป็นผมก็ต้องแจวเหมือนกัน แหละครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 มกราคม 2554 21:23 น. - comment id 121962
......คุณชายกลัวผี....มิน่าเครื่องลางเต็มบ้าน ....มิได้สู่รู้..เดาดุ่มๆเองครับผม...