อทิสมานกาย ๑๙ ภายหลังที่ได้ปรึกษาหารือกับพ่อแม่ของชายหนุ่มแล้ว ทางพ่อและแม่กล่าวว่า......... หากลูกจะสร้างสิ่งของนั้นมันไม่ยากหรอก จะยากก็ตอนเขียนยันต์เรียกสูตรและลบผงเท่านั้น แต่ข้าว่าต้องไป ปรึกษากับหลวงพ่อทองด้วยก็จะดีนะ ด้วยท่านก็ยังไม่เคยสร้างวัตถุมงคลอะไรไว้เลย จะได้สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่าย คนมาร่วมทำบุญ เพื่อสร้างกุฎีและสิ่งต่างๆภายในวัดที่ชำรุดทรุดโทรมไปในตัว เท่ากับสร้างบุญกุศลไปด้วย แต่ ปัญหาเรื่องแบบพิมพ์เครื่องไม้เครื่องมือที่จะใช้กดพระนั้น มันต้องใช้เงินจำนวนมากเสียด้วย???....พ่อกล่าวขึ้น เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกครับพ่อ???......ชายหนุ่มกล่าว เพียงแต่ว่าอยากจะให้พ่อไปปรึกษากับหลวงพ่อท่านว่าจะตกลงหรือไม่เท่านั้น ด้วยผมยังไม่สมควร อีกอย่าง นี่ก็จวนสงกรานต์ ทางวัดก็จะได้จัดงานจะได้แจกจ่ายคนที่มาร่วมทำบุญกุศล ผมคิดว่าเป็นครั้งแรกของหลวงพ่อ ด้วยที่จะสร้างวัตถุมงคลเพื่อต่ออายุพระศาสนา จะได้สร้างกุศลไปพร้อมๆกันด้วยนะครับพ่อ..... อืมม???.... เรื่องนี้พ่อคิดว่าคงจะพูดจากับหลวงพ่อได้นะ เห็นท่านบ่นๆเหมือนกัน โบสถ์ ศาลาไว้ใช้ฟังเทศก์ ฟังธรรมหรือก็ล้วนแล้วแต่ชำรุดทรุดโทรมมากเสียด้วยซิ แล้วพระจะสร้างนั้นลูกคิดว่าจะทำแบบไหนดีล่ะ??.... ผมว่าทางที่ดีที่สุดไปปรึกษาท่านดีกว่า ให้ท่านเขียนมาพร้อมเลขอักขระยันต์ต่างๆ หากเป็นยันต์และอักขระ ให้มากๆไว้ก็น่าจะดีนะพ่อ คนใช้จะได้ทึ่งและเกิดความศรัทธามาก ส่วนระยะเวลาสั้นๆนั้น ทางผมจะใช้ลูกน้อง ผมไปทำคงจะใช้เวลาไม่นานคงไม่เกินสามวันกระมัง และจะคัดคนที่มีฝีมือตลอดจนความรวดเร็วได้นะพ่อ เออๆๆ...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อจะไปหาหลวงพ่อเลยนะ เวลาทำพิธีแค่สี่คนนี้ก็พอแล้วส่วนพระสวดชยันโตก็พวก พระในวัดเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ของจะดีหรือไม่ดีนั้นอยู่ที่คนปลุกเสก อีกอย่างหนึ่งพ่อรู้ว่าเจ้ามีแม่นางอัปสรอยู่ควร จะไปแจ้งให้เขาทราบหลังพ่อกลับหากหลวงพ่อตกลงนะ ส่วนคืนนี้เจ้าก็เข้าสมาธิเขียนอักขระเลขยันต์ลบผงให้มาก ไว้ก็แล้วกัน พ่อคิดว่าแม่นางอัปสรคงจะไปเรียนผู้ใหญ่เบื้องบนให้ลงมาช่วยสร้างกุศลด้วยก็คงจะดี จะได้มีทวยเทพทั้งหลาย มาร่วมช่วยกันด้วย พ่อเองคิดว่าสิ่งของนั้นศักดิ์สิทธิ์แน่นอนว๊ะ แล้วกระดานชะนวนนั้นไม่ต้องเป็นห่วงพ่อมีหลาย อัน แม่เขาก็มีส่วนตัวที่ตามอบมาให้ไว้แล้ว พลางหันไปบอกแม่เข็มว่า แม่ก็ช่วยเหลือทำบุญต่ออายุพระพุทธศาสนาด้วยก็แล้วกันนะแม่???.... จ๊ะพี่....ในเมื่อลูกให้ความคิดเห็นเช่นนี่ แม่จะทำอย่างสุดฝีมือเชียวล่ะ แม่เข็มกล่าวขึ้น เออๆๆดีๆๆ งั้นพ่อไปก่อนนะวันนี้ไม่เข้าไร่หรอก ผ่านไปเอาอาหารให้ปลาก่อนแล้วจะเลยไปวัด ส่วนแม่เข็มก็ ดำเนินการได้แล้ว พยายามรวบรวมผงให้มากที่สุด ส่วนดินคิดว่าจะเข้าไปขอนายป่าช้าท่าน พ่อรู้ว่ายังมีอาจารย์เลื่อม ก็ยังอยู่คิดว่าจะเชิญมาช่วยปลุกเสกอีกแรงหนึ่งด้วย พ่อเชียรกล่าวขึ้น ครับคุณพ่อคุณแม่ หากงานนี้สำเร็จผมก็จะมอบให้ลูกน้องผมส่วนหนึ่งไว้ใช้ติดตัวป้องกัน ด้วยพวกนี้เสี่ยง อันตรายมากด้วยครับ ก็ดีเหมือนกันนะ???.... งั้นพ่อไปก่อนนะ แล้วอย่าลืมล่ะไปบอกให้แม่นางอัปสรรู้ด้วยจะได้กราบเรียนพ่อเขา ครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะเริ่มงานส่วนวัตถุมงคลต่างๆที่พ่อรวบรวมไว้เห็นเป็นห่อๆวางไว้ใต้โต๊ะหมู่บูชาทั้งสองก็ ห่อไว้ตั้งหลายห่อไม่รู้มีอะไรบ้าง ส่วนทางผมเห็นจะต้องขอร้องแม่นางรัตนาวดีเขาขอสิ่งของบางอย่างด้วยก่อนนั้น เขารักษาป่าทางด้านนี้ไว้ คงไม่ยากนักหรอกจ้าอาจจะได้รับของจากเจ้าป่าเจ้าเขามาบ้างก็ได้ ชายหนุ่มกล่าว เออๆๆๆงั้นงานมันกระชั้นชิด ข้าไปล่ะ....เอ็งดูแลทางนี้ไว้ด้วยนะ แม่ก็อายุมากแล้ว พี่เชียรนี่ ถึงข้าจะแก่ก็จริงแต่ยังแข็งแรงอยู่นะพี่...... แม่เข็มหันไปกล่าว ได้ยินเสียงพ่อเชียรหัวร่อฮึๆๆๆแล้วก็เดินลงบันไดจากไป ชายหนุ่มนึกถึงแม่นางอ้อยว่าที่กล่าวไว้คงจะสำเร็จแต่ เขาจะเริ่มทำพิธีคืนนี้แหละ จะได้ลองวิชาเสียงบ้างว่าจะดี มากน้อยเท่าไหร่ ชายหนุ่มนั่งนึก เสียงแว่วๆมาเข้าหูเขาว่า ดีจ๊ะพี่พวกเราจะได้สร้างบุญใหญ่ก็คราวนี้แหละ ด้วยการสร้างพระนั้นได้บุญมากเสียด้วยเพราะช่วยต่ออายุพระพุทธศาสนาไว้จ๊ะ เสียงแม่นางทั้งสองแว่วๆเข้าหูเขามา ขอบใจจ๊ะ...อย่าลืมขึ้นไปแจ้งแก่เบื้องบนด้วยนะ ส่วนกำหนดวันพิธีนั้นคงจะไม่นานหรอกจ๊ะ ขอให้ได้เวลาก่อนจ๊ะคิดว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่คงจะนำเหล่าเทพยดามาช่วยพี่ด้วยนะ ท่านทราบว่าพี่นั้นก่อนนี้ มาจากชั้นไหน ท่านบอกให้ทราบเรียบร้อยแล้วล่ะ แม่นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวขึ้น ครั้นตกเย็นๆจวนค่ำๆพ่อเชียรก็กลับมาบ้าน แล้วเรียกลูกชายพร้อมเมียมาพูดเกี่ยวกับเรื่องงานทันที เมื่อทั้งหมดมานั่งหลังจากทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว พ่อก็กล่าวว่า..... ไปถึงกุฎีหลวงพ่อท่าน ท่านบอกว่ารู้หมดแล้วล่ะเอาตกลงจะได้เตรียมตัวส่วนของต่างๆที่เป็นมงคลนั้นหลวงพ่อ ท่านได้เก็บรวบรวมมามากพอแล้ว ด้วยตอนเดินธุดงค์ไปที่ต่างๆได้เก็บมาไว้ตั้งนานแล้วคิดเหมือนกันว่าจะสร้างวัตถุ มงคลเหมือนกันแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น ท่านยังบอกว่าตอนนี้พร้อมสรรพครบองค์กรแล้วเสมือนท่านจะรู้ว๊ะว่าต้อง คอยเอ็งถึงจะสำเร็จงานนี้ ท่านเอากระดานชนวนมาหาฤกษ์งามยามดีว่า อีกอาทิตย์หน้าก็จะได้ฤกษ์มงคลมากๆ เสียด้วยซิ อย่างนั้นเองจัดการได้แล้วและท่านบอกว่าท่านได้เตรียมเขียนแบบไว้ตั้งนานแล้วล่ะ ว่าจะสร้างเป็นเนื้อผง หรือเหรียญดี แล้วยังให้มาถามเอ็งด้วยล่ะไม่รู้ว่าทำไมท่านให้ความสำคัญเอ็งมากเช่นนี้เพราะเหตุใด ข้าเองก็ งง เหมือนกัน???..... ขนาดพ่อไม่รู้???...แล้วผมจะไปรู้หรือว่าหลวงพ่อท่านทำไมถึงกล่าวเช่นนี้.....ชายหนุ่มตอบผู้เป็นพ่อ นั่นซิข้าเองยังคิดไม่ออกเลยว่ามันจะง่ายเช่นนี้ ปกติมีคนมาชักชวนท่านก็มาก พวกชาวบ้านก็มาขอร้องให้ท่านทำ ของไว้บูชาท่านยังไม่ยอมทำเลย ไฉนเพียงข้าไปบอกหลวงพ่อว่าเป็นความคิดของเอ็งเท่านั้น ท่านหัวร่อใหญ่เลยซ้ำยัง หัวร่อลั่นบอกว่า เออๆๆๆ.....ได้เวลาแล้วล่ะโว้ย!!!!!....งานนี้สำเร็จแน่ๆและของก็จะครบสมบูรณ์เสียทีท่านกล่าว ดังนี้ว๊ะ???.....แล้วยังบอกว่าให้เอ็งเพิ่มยันต์อักขระลงไปด้วยน๊ะ ให้ลงให้ได้อย่าลืมไปบอกมันล่ะ ท่านสั่งพ่อไว้.... นี่ๆๆๆ....แบบที่จะสร้างพระ...... แล้วพ่อเชียรก็ยื่นแผ่นกระดาษที่ค่อนข้างเก่ามากๆ ยื่นมาให้ชายหนุ่มดู ครั้นชายหนุ่มรับมากางดูแล้ว พิจารณายันต์อักขระทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้วก็บอกว่า ก็ดีแล้วนี่นาพ่อ จะให้ผมเพิ่มเติมอะไรอีกล่ะ??..... ไม่รู้โว้ย.....หลวงพ่อบอกว่าให้เอ็งเติมให้ด้วยนะ.....พ่อเชียรกล่าวซ้ำบอกให้กูกับแม่เข็มเพิ่มเติมด้วยล่ะ???... ภาพในแผ่นกระดาษด้านหน้าเป็นรูปพระประธานในโบสถ์ ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อทองท่าน อักขระยันต์นั้นเขียน ไม่กี่ตัวล้วนแล้วแต่เป็นหัวใจมนต์ทั้งสิ้น เอาล่ะงั้นเดี๋ยวผมจะปรึกษาแม่และเพิ่มเติมให้นะพ่อ แล้วให้พ่อเอาไปให้หลวงพ่อดูอีกครั้ง หากตกลงผมก็จะให้ ลูกน้องผมไปจัดการให้เรียบร้อยครับ เออๆๆเร็วๆหน่อยนะ พ่อเชียรกล่าว หลวงพ่อท่านก็สั่งว่าให้เร็วๆหน่อยด้วยจะเกินฤกษ์ยามที่ดีจะเสียดาย ดังนั้นชายหนุ่มจึงขอตัวเดินเข้าไปในห้อง พลางนำกระดาษมาดู อาศัยตอนเรียนหนังสือในกรุงเทพฯได้ฝึกวิชาวาด เขียนมาบ้างและอาศัยวัดนอนเพื่อร่ำเรียนหนังสืออยู่ จึงได้นำเอาดินสอมาเขียน พระสารีบุตรอยู่ข้างขวาและพระ โมคคัลลานะอยู่ข้างซ้าย พร้อมทั้งเขียนยันต์ต่ำกว่าเศียรพระพุทธรูปเป็นรูปดาวภายในวงที่เป็นรูปสามเหลี่ยมกลับ หัวกันกลายเป็นรูปดาวแฉกภายในลงอักขระขอมไว้ ล้อมรอบกรอบพระที่เป็นรูปเหลี่ยมไม่ใหญ่โตนัก เขาเขียน ยันต์ไว้ข้างใต้ฐานพระอัครสาวกทั้งสองด้านภายในกรอบด้านข้างเขียนอักขระขอมด้วยมนต์ต่างๆเรียงรายไว้สามชั้น ส่วนภาพด้านหลังซึ่งเป็นรูปหลวงพ่อทองนั้น เขาพลันนึกถึงนางอัปสรทั้งสองได้คิดว่าจะนำไปให้แม่เขาเขียนด้วยแม่มีฝีมือทางด้านนี้อยู่แล้ว พลันคิดถึงเจ้าจุกกับเจ้าแกละได้ก็จะให้แม่เขียนภาพนางอัปสรอยู่ใต้ภาพหลวงพ่อทอง ที่นั่งขัดทำสมาธิอยู่เบื้องล่างเป็นนางอัปสรสองนาง ด้านข้างแต่ละนางจะมีเด็กผมจุกกับเด็กผมแกละ รายล้อมไปด้วยมนต์อักขระต่างๆเช่นเดียวกับด้านหน้า เพียงแต่ยันต์และอักขระแตกต่างกัน ล้วนเป็นหัวใจของมนต์ทั้งหลายที่สำคัญๆ เมื่อเขาคิดขึ้นได้เช่นนี้ก็เดินออกจากห้องตรงไปยังห้องแม่ เห็นแม่กำลังสวดมนต์หน้าโต๊ะหมู่บูชาอยู่ก็นั่งคอย ครั้นแม่ไหว้พระสวดมนต์เรียบร้อยแล้วจึงนำ ภาพดังกล่าวมาให้แม่ดูพลางบอกให้แม่ช่วยเขียนภาพนางอัปสรทั้งสอง และเด็กผมจุกกับผมแกละดังที่เขาคิดไว้ แม่นำมาพิจารณาแล้วหัวร่อ พลางกล่าวว่า..... อืมม!!!!....ความคิดเอ็งช่างละเอียดดีนัก แล้วก็นำกระดาษอีกแผ่นซึ่งเป็นด้านหลังมาเขียนรูปภาพนางอัปสรกับ เด็กผมจุกและผมแกละทันที ระหว่างเนื้อที่ว่างระหว่างนางอัปสรทั้งสอง แม่เขาก็เขียนยันต์พร้อมอักขระเสริมให้ทันที แม่ใช้เวลาไม่นานนักก็เรียบร้อยยื่นส่งมาให้เขา ชายหนุ่มนำมาพิจารณา ภายในใจก็นึกชมเชยแม่เขายิ่งนัก ช่างเขียนภาพนางอัปสรสองนางได้เหมือนกับรูปปั้นที่ แม่เขาแกะและภาพอัปสรอ้อยก็ช่างประพิมประพายเหมือนเสียเหลือเกิน ส่วนภาพเด็กก็งดงามมากอีกด้วย เขาจึงภาพแผ่นแรกให้แม่ดูว่าเขาเขียน พระอัครสาวกทั้งสายขวาเป็นอย่างไรบ้าง แม่เห็นก็นำมาแก้ไขนิดๆหน่อยๆก็ บอกว่า ..... เอาล่ะใช่ได้แล้วล่ะลูก เอาไปให้พ่อเขาเพิ่มเติมอะไรอีกหน่อยก็แล้วกันนะ ดังนั้นชายหนุ่มจึงขอตัวก่อน แล้วเดินไปยังห้องพ่อเห็นนอนเอกเขนกอยู่ ครั้นพ่อเชียรเห็นลูกเข้ามาก็ลุกขึ้นนั่งถามว่า อะไรหรือว๊ะ????....ถือกระดาษจะเอาให้เสร็จคืนนี้เลยหรือ???........ ครับพ่อ......ผมมาให้พ่อตรวจดูอีกทีพร้อมให้ลงอักขระตามหลวงพ่อกล่าวไว้ครับ ชายหนุ่มตอบ หลังจากนั้นพ่อเชียร ก็นำภาพทั้งสองมาดู ก็กล่าวว่า... เออๆๆๆ....สวยงามจริงๆว๊ะ แล้วกูจะไปลงอะไรเพิ่มอีกหรือว๊ะมันสมบูรณ์หมดทั้งยันต์มนต์หัวใจอักขระก็ล้วนแล้วแต่สำคัญๆทั้งสิ้น ไม่รู้ล่ะพ่อ...หลวงพ่อท่านบอกไว้ไม่ใช่หรือ???....... ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พลันมองเห็นพ่อหลับตาสักพักหนึ่ง ก็หันมาบอกว่าจะให้กูเอาอะไรเขียนล่ะดินสอก็ไม่มี ชายหนุ่มก็ยื่นดินสอดำส่งมาให้พ่อ เห็นพ่อเขียนอักขระไม่กี่ตัว แล้วเพิ่มรูปดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ที่ส่งประกายแสงไว้ด้านหน้าของภาพ แรกไว้ภายในลงตัวนะไว้ แล้วกล่าวว่า เออๆๆ....ครบแล้วล่ะชีวิตคนใช้มันจะได้รุ่งโรจน์ดั่งพระจันทร์พระอาทิตย์ว๊ะ....พ่อเชียรกล่าว เอาเท่านี้พอแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะนำไปให้ท่านดูหากตกลงก็จะเอามาให้เอ็งเอาไปให้ลูกน้องทำแม่แบบและที่กดพิมพ์มาด้วยนะ ครับพ่อกลับมาเร็วๆหน่อยนะผมจะได้ให้เด็กมันเอาไปส่งให้ลูกน้องผมครับ จะได้รีบทำให้เสร็จเร็วๆจะได้มา ปลุกเสกทำโรงพิธีอีกครั้งหนึ่ง เออๆๆ...ข้าไปเจรจากับนายป่าช้าแล้วมันอนุโมทนาด้วยพร้อมมีอาจารย์เลื่อม ใช่ไหมพลางเกาหัวแกร๊กๆ คล้าย จะนึกชื่อ เออๆๆใช่ว๊ะอาจารย์เลื่อม มันนำข้าไปเลือกเอาดินในใจกลางป่าช้าบอกว่าให้มาเอาตรงนี้มันจะทำเครื่องหมายไว้ให้รู้ว๊ะ พ่อเชียรกล่าวกับลูกชาย คราวนี้คืนนี้เอ็งก็ทำพิธีลบผงรวบรวมไว้ได้แล้วว๊ะ พ่อเอ่ยขึ้น พ่อหลังจากเอ็งไปก็จะเริ่มทำเหมือนกัน งานนี้คิดว่าคงจะสร้างครั้งเดียวเท่านั้นเพราะพ่อรู้นิสัยอาจารย์ทองดีว๊ะ ครับผมก็คิดเหมือนกับพ่อแหละ หลวงพ่อท่านไม่ชอบเรื่องเหล่านี้เท่าใดนักครับ นั่นซิ....หากเป็นท่านอื่นป่านนี้วัดเจริญมากขึ้นแล้ว ดูวัดบางกระดี่ซิโบสถ์และอื่นๆต่างสวยงามใหญ่โตทั้งนั้น พ่อเชียรกล่าวลอยๆ.... ช่างเถอะพ่อ นั่นเขามีกำนันรวยๆช่วยนี่นา ส่วนกำนันเราหรือก็พอมีพอกินเท่านั้นเองจะไปแข่งกับเขาได้อย่างไร ข้อนี้ก็จริงว๊ะ แต่หลวงพ่อวัดโน้นออกของเยอะแยะ คนกรุงเทพฯมาหาเรื่อยๆนา???... ผู้เป็นพ่อเอ่ย อย่างนี้เขาเรียกว่าพุทธพานิชย์จ๊ะพ่อ....ชายหนุ่มกล่าวอะไรว๊ะพุทธพานิชย์...ไหนๆๆเอ็งอธิบายให้พ่อฟังหน่อยว๊ะ?.... อ้อๆๆ...พวกหากินกับพระเครื่องเขาจะดูว่าเจ้าอาวาสอาจารย์องค์ใดอายุมากๆเข้า ก็ให้สร้างเพียงมอบเงินให้หน่อยบำรุงวัด และให้เปอร์เซ็นต์ในการจำหน่ายบ้าง แล้วพวกพ่อค้านั้นเขาก็ไปโปรโมท อ้อ??...คือโฆษณาชวน เชื่อว่าอาจารย์นี้เก่ง ของล้วนแล้วแต่ดีเด่นทั้งนั้น คนก็เชื่อไปซื้อในราคาแพงๆจ๊ะ เช่นต้นทุนแค่สองสามบาท ขายกันเป็นหลักร้อย หากคนนิยมก็เป็นหลักพันหลักหมื่น ล้วนแล้วแต่กำไรเข้ากระเป๋าพวกพ่อค้าทั้งนั้น หากมีคน มาเช่าที่วัดก็ล้วนตั้งราคาไว้สูงพอสมควรแต่ก็มีหุ้นส่วนกับวัดด้วยจ๊ะพ่อ เป็นอย่างนี้เองหรือว๊ะ....นั่นซิเห็นหลวงพ่อทองท่านตะเพริดไปตั้งๆหลายๆคน จนมันไม่กล้าเข้าหน้าติด ผู้พ่อกล่าวขึ้น เออๆๆๆพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปให้ท่านดูตรวจสอบฌานก่อน หากดีก็จะรีบเอามาให้เอ็งจัดการนะ ครับพ่อ แล้วงานในไร่เรื่องอาหารปลาผมจะไปจัดการเองส่วนทางนี้ให้พ่อไปดำเนินการได้ หากตกลง พ่อก็ไป ขุดดินที่อาจารย์เลื่อมกับนายป่าช้ามอบให้เอามาให้แยะๆหน่อยนะพ่อ ชายหนุ่มกล่าวกับพ่อ เออๆๆข้าคิดว่าท่านตกลงแหละ จะได้เตรียมจอบเสียมและรถเข็ญไปด้วยแบกไม่ไหวว๊ะ??....ผู้พ่อตอบ ครั้นวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มก็เข้าไปไร่ของพ่อพร้อมด้วยแม่ เห็นปลูกของต่างๆไว้เรียงราย เขามองดูนึกชมเชยในใจ ว่าช่างทำไร่ได้แบบอย่างพระเจ้าอยู่หัวเลยล่ะ หมายถึงปลูกสิ่งของสลับลดหลั่นตามฤดูกาลผลผลิต จัดเป็นระเบียบ เรียบร้อย ตรงเนินล่างขุดสระเลี้ยงปลาไว้กั้นด้วยหินต่างๆฉาบปูน กันน้ำหนีปูพื้นด้วยปูนมีดินรองรับ แล้วมีการถ่ายเทน้ำเสียอีกด้วย เขามองดูไปรอบๆ อากาศช่างสดชื่นจริงๆหลังจากให้อาหารปลาตามที่แม่เขาสั่งไว้ เขาเดินไปในสวนไร่นั้นเดินไปตรวจจนพอใจ จึงชวนแม่กลับด้วยกะเวลาว่าพ่อคงจะกลับมาแล้ว จริงดังที่เขาคำนวนไว้ เห็นพ่อกำลังสวดมนต์กำกับดินที่นำมาอยู่บนรถเข็ญก่อนจะนำไปไว้ใต้ถุนบ้าน เป็นดิน จำนวนมากๆเสียด้วย เขาเดินเข้าไปเพื่อช่วยเหลือพ่อแต่พ่อห้ามไว้ว่าไม่ต้องหรอกว๊ะไว้ที่นี่แหละ หากได้ผงครบถ้วน เพียงพอก็จะได้นำดินที่พ่อปลุกเสกกำกับไว้แล้ว อ้อๆๆ....อาจารย์เลื่อมยังถามถึงเอ็งอยู่เลย รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ว๊ะ รู้จักตั้งแต่โดนผีหลอกจ้า พอเรียนวิชาจากหลวงพ่อก็เข้าไปฝึกสมาธิในป่าช้า ครั้นกลับมาบ้านร่ำเรียนจากพ่อ แม่เสร็จก็ไปอีกครั้งหนึ่ง จึงพบนายป่าช้าแล้วเจรจากัน เขายังให้ไปเอาของดีจากอาจารย์เลื่อมมาศึกษาอีกจ๊ะพ่อ... ก็หมายความว่าเอ็งเรียนวิชาอาคมจากอาจารย์เลื่อมด้วยซิว๊ะ จ๊ะๆ...สำเร็จเรียบร้อยแล้วล่ะเป็นใบลานเก่าๆ ด้วยต้องนำดินมาต่อเจ้าหุ่นพยนต์ของอาจารย์ดำที่ขาดด้วยควาย ธนูของพ่อล่ะ แล้วก็สร้างรูปให้ใหม่จ๊ะ.... ชายหนุ่มตอบ ข้อนั้นข้ารู้แล้วล่ะว๊ะ??.... ผู้พ่อกล่าวแต่ไม่รู้ว่าอาจารย์เลื่อมมอบวิชาให้เอ็ง นั่นซิหลวงพ่อท่านถึงบอกว่ามีแต่เอ็ง เท่านั้น งานนี้จึงสำเร็จและได้ผลดีเสียด้วย กล่าวพลางก็หัวร่อฮึๆๆๆ......... แล้วพ่อตอบอาจารย์เลื่อมว่าอย่างไรล่ะ???... พ่อก็ตอบว่ามันสบายดี วันๆอยู่แต่ในห้อง พ่อบอกเขาอันที่จริงพ่อไม่รู้หรอกเพราะมัวไปดูไร่ว๊ะ เฮ่อะๆๆๆๆ เขายังชมเอ็งเลยว่าเก่งมีบุญวาสนามาก เรียนของเขาสำเร็จและใช้ได้ดีกว่าเขาเสียอีก เขาชมเอ็งว๊ะ.... แปลกนะพ่อทำไมอาจารย์เลื่อมถึงไม่ไปเกิดเสียที ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน..... อ้อ...เคยถามเขาเหมือนกันว่าหมดอายุแล้วทำไมไม่ไปเกิดเสียที เขาตอบว่าท่านพระยายมท่านให้มาช่วยดูแลวัด และช่วยนายป่าช้าควบคุมความเรียบร้อย อันที่จริงเขาเป็นเทวดานะโว้ย!!!!....ชายผู้เป็นพ่อกล่าว อ้าวๆๆๆแล้วทำไมถึงไปอยู่ในป่าช้าล่ะ และร่างผุๆยังนอนอยู่นึกว่าจะหวงของที่ซ่อนไว้ใต้โลงเสียอีก... เขามีวิมานประจำอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เอ็งไม่สังเกตุหรือจะมีต้นไม้ใหญ่ๆต้นหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในป่าช้านั้น..... ผมไม่ได้สังเกตุครับพ่อ หากเอ็งเข้าไปจะไปหาเขาก็ไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆหลุมศพเขานั่นแหละว๊ะ.... ครับพ่อผมจะไปบูชาสักวันหนึ่ง... เออๆ...ดีแล้วเขานับเป็นอาจารย์เอ็งคนหนึ่งเหมือนกัน ด้วยเขาบอกว่ามาคอยแนะนำให้ด้วยนะ ชายหนุ่มนั่งนึก จริงๆซิบางครั้งเขาอ่านหนังสือไม่ออกด้วยมันเก่าและเลือนรางมาก แต่แปลกเขาเห็นชัดเจนทั้งหมด แล้วเขาก็เล่าให้พ่อฟัง พอพ่อเขาได้ยินเช่นนั่น ก็หัวร่อพลางกล่าวว่า.... นั่นแหละเขามาช่วยเอ็งแล้วแหละ แต่เพียงไม่ปรากฏกายเท่านั้นเพียงส่งกระแสจิตมาให้เอ็งรู้ เอ็งไม่สังเกตุบ้างหรือว่าทำไมเอ็งถึงอ่านได้คล่องแคล่วว่องไวนัก จริงๆจ๊ะพ่อ ..... เอาล่ะนี่ก็มืดมากแล้วข้าจะไปทำพิธีหน่อยเวลาไม่คอยท่าอยู่ด้วย ไปเถอะลูก พ่อเองก็จะไปทำเหมือนกัน ป่านนี้แม่มึงคงจะทำไปมากแล้วด้วยล่ะเห็นสวดมนต์เบาๆอยู่ทุกทีป่าน นี้ต้องออกมานั่งคุย หายเงียบในห้องแม่เอ็งเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ดีนะที่เอ็งมาถึงพูดมากขึ้น ปกติคุยกันนิดหน่อย ต่างคนต่างเข้าห้อง จะพบอีกทีก็ตอนไปปลุกข้าบ้าง แล้วให้ไปใส่บาตรด้วยกัน วันพระก็ไม่พูดกันเลยต่างไปถือศีล แปดกันประจำว๊ะ ไปล่ะเดี๋ยวเสียเวลาว๊ะ กล่าวจบพ่อเชียรก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องแกไป ส่วนชายหนุ่มก็เดินเข้าห้อง เขาเหมือนกัน หลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จก็กล่าวกับแม่นางอัปสรทั้งสองให้มาช่วยทำพิธีด้วย พลันก็ปรากฏกาย ขึ้นมาพร้อมทั้งสอง ก็รีบผลัดกันเขียนภาษาอะไรก็ไม่รู้จะว่าเป็นอักขระขอมหรือเขาก็เรียนมาจนคล่องแคล่วแล้ว แต่นี่แปลกๆมิใช่จะเป็นตัวหนังสือหรือก็ไม่เชิง เป็นเส้นหนักๆเบาไม่รู้ว่าเป็นอะไร รูปร่างตังหนังสือแปลกประหลาด นางทำพลางพึมพรำพลางแล้วลบลงยังพานที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากที่ไหน แต่มันเป็นพานทองคำแท้ๆเสียด้วยซิ ชายหนุ่มงุนงงมาก ส่วนผงที่นางลบนั้นกองสูงในพานทองมากๆเพียงใช้เวลาไม่นานนัก แล้วนางทั้งสองต่างหันมา ยิ้มกลับเขาว่าเสร็จแล้ว เสด็จพ่อเสด็จแม่เหล่าเทพยดามาช่วยจึงได้รวดเร็วนัก เขางงอ้าปากค้างทันที ............. * แก้วประเสริฐ. *
22 พฤศจิกายน 2553 08:30 น. - comment id 120096
แหมถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงดีเน๊าะจะขอไว้ซัก องค์ ของดีที่เป็นของแท้หายากซะด้วยซีคะ ยิ่งติดตามก็ยิ่งสนุกค่ะ
22 พฤศจิกายน 2553 10:41 น. - comment id 120097
อ่านตอนนี้แล้วได้ึวามรู้เรื่องพุทธพาณิชย์ และพิธีการปลุกเสกพระ รออ่านตอนต่อไปค่ะ พูดถึงเรื่องวิญญาณ ครูเคยเห็นบ้างหรือเปล่าคะ ศิษย์ยังไม่เคยค่ะ แต่เชื่อว่ามีจริง ตอนที่พ่อของศิษย์เสียชีวิตที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด พี่สาวรู้ข่าว เตรียมจะเดินทางจากชลบุรีในตอนเช้า คืนนั้นพี่สาวเห็นวิญญาณพ่อที่หน้าต่างบ้านซึ่งเป็นกระจกค่ะ ในคืนที่เราเผาศพและนำเถ้าอัฐิลอยอังคารไปตามแม่น้ำ กลับบ้าน แม่ พี่สาว ศิษย์ เรานอนกางมุ้งด้วยกัน ตกดึกนอนไม่หลับ เพราะมีมือมาสะกิดที่ปลายเท้าตลอด เลยปลุกพี่สาว อยูู่ๆหมอนที่กองอยู่ก็ตกมาโดนหัวพี่สาว พี่สาวก็เลยเรียกชื่อพ่อ ปรากฏว่าตอนเช้าพี่ชายเล่าว่าเมื่อคืนพ่อมาเข้าฝันสั่งให้ ลูกๆทุกคนดูแลแม่ และให้ทำบุญให้พ่อด้วย หลายปีต่อมา แม่เข้าโรงพยาบาล พวกเราไปเฝ้ากันในห้องพิเศษ พี่สาวเดินออกจากห้องตอนตีสี่ เห็นพ่อนั่งอยู่หน้าห้อง พ่อรู้ว่าศิษย์เป็นคนขี้กลัว ไม่เคยปรากฏให้เห็นเลยค่ะ แต่พ่อจะมาเข้าฝันศิษย์ที่อเมริกาว่า ที่ทำบุญให้พ่อนั้นพ่อได้รับหมดทุกอย่าง พ่ออยู่สุขสบายดีในอีกภพหนึ่ง พ่อใส่สูท หน้าตายิ้มแย้มดูมีความสุขมาก ญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว และศิษย์ได้ทำบุญกรวดน้ำให้ จะมาเข้าฝันบอกว่าได้รับบุญแล้วเหมือนกันค่ะ
22 พฤศจิกายน 2553 15:40 น. - comment id 120100
คุณ แจ้นเอง ครับ อิอิ หากเป็นจริงผมก็อยากได้ เหมือนกันลองอ่านตอนต่อไปซิครับเสร็จ ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ตอนตีสามกว่าๆ มาทบทวน เพิ่มเติมเมื่อตื่นนอนตอนเที่ยงจ๊ะ แล้วก็รีบ ส่งให้อ่านต่อเนื่องทันที ด้วยเกรงใจแจ้น นั่นเองแหละ เพราะคนเรารักมากก็ต้องตาม ใจมากจริงไหมล่ะ รักแจ้นมากเสมอๆๆ แก้วประเสริฐ.
22 พฤศจิกายน 2553 16:25 น. - comment id 120101
คุณ อนงค์นาง ศิษย์รักที่ครูเขียนเรื่องพุทธพานิชย์นั้น เป็นเรื่องจริงๆทั้งสิ้นที่ครูรู้มาจ๊ะ สมัยนี้วิชา อาคมไม่เหมือนสมัยก่อน ทำเพื่อเอาเงิน เท่านั้น น้อยคนนักที่จะสามารถปลุกเสก ได้ขลังนัก และส่วนใหญ่มักอยู่แถวอีสาณ เสียด้วย โดยเฉพาะแถวบุรีรัมย์ ศรีษะเกษ สุรินทร์เป็นต้น ของเขาร่ำเรียนมาจากพวก อาจารย์เขมรเกือบทั้งสิ้นมักจะเป็นสายดำ ที่ครูรู้มานะ ส่วน ที่ร้อยเอ็ดและอื่นๆเช่นอุบล ร้อยเอ็ด ขอนแก่น หนองคาย นครพนม แต่ล้วนเป็นทางสายขาวทั้งนั้นมักจะ เป็นสายอาจารย์มั่นเสียมาก จะมีสายดำ ก็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น เอาล่ะมาพูดเรื่องวิญญาณกัน ครูเอง เคยพบมาหลายๆครั้งเป็นเรื่องจริงๆทั้งสิ้น เห็นมากับตาและเสียง ตอนสมัยยังวัยรุ่น อยู่จ๊ะ แต่ไม่น่ากลัวอะไรคิดว่าเป็นคน ธรรมดาเท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งไปกับเพื่อน รุ่นน้อง ครูแปลกใจเป็นบ้านร้างเห็นหญิงแก่ๆกำลังสางหวีเสนียดผมยาวนั่ง มองพวกเด็กๆเล่นอยู่ แต่แปลกหลังคา บ้านมีซีกเดียว เพื่อนถามว่าแล้วฝนตก อยู่ได้อย่างไร ครูไม่คิดมากตอนนั้นเป็น ตอนโพล้เพล้ด้วย ก็บอกว่าคงอาศัยอยู่ ด้านที่มีหลังคาซิ แต่มันบอกว่ามันไม่มี กระไดเป็นบ้านยกสูงแล้วจะขึ้นไปอยู่ได้ อย่างไร คราวนี้ครูฉงนใจมาก อีกครั้ง ตอนโพล้เพล้เหมือนกัน เดินไปบ้านพี่เขย เห็น ตาแป๊ะแก่ๆกำลังสูบบ๊องยาแดงอยู่ ครูนึกสงสัยมองไปในห้องที่เขาทำไว้เห็น แต่โลงตั้งไว้ แต่เป็นธรรมดาครูก็ไม่กลัว ส่วนเสียงนั้นครูกลับบ้านกับญาติมา เห็นเงาขาวๆยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้า โรงเรียนปากประตู้ ครูหันไปมองแล้ว ถามญาติว่าเห็นอะไรหรือเปล่ามันบอกว่า ไม่เห็นพลางชี้ให้ดูด้วย ครูก็รีบกลับพอ เข้าเขตลานวัดดอนที่เขาบอกว่าผีดุมาก ครูได้ยินเสียงวิ่งเล่นบนหลังคาทำด้วย สังกะสี เสียงกราวตอนนั้นกลับจากโรง เรียนพิเศษคนเดียว พอครูหยุดเสียงก็ หยุด พอครูก้าวเดินก็มีเสียงวิ่งอีก ตอน แรกคิดว่าเป็นแมวมันวิ่งกัน ก็เหลือบไป มองเป็นศาลาใช้สำหรับเล่นลิเก หรือ เวลาออกพรรษาจะมีการเทสน์มหาชาติ กัน ส่วนด้านหลังนั้นใช้เก็บศพที่ไม่ได้ เก็บไว้ในโกดังผีคงจะเต็มหรือว่าคงจะไว้ ไม่นานก็จะเผา ครู ก้าวอีกก็มีเสียงวิ่งอีก ครูก็หยุดพลาง ตะโกนว่า เราพวกเดียวกันครูก็เป็นลูกศิษย์ ในวัดดอน อันที่จริงครูเพียงแค่ช่วยพระไป บิณฑบาตรเท่านั้นไม่ได้นอน เพราะบ้าน ครูอยู่ใกล้ๆวัด ไปเรียนหนังสือจา่กพวก นักเรียนสูงๆถามการบ้านบ้างเท่านั้นเอง แต่กลับมานอนบ้าน เสียงนั้นพอครูกล่าว เสร็จ ก็ลองออกเดินแต่คราวนี้ไม่มีเสียง วิ่งอีกเลย ตอนนั้นวัดดอนนั้นต้นไม้ใหญ่ แยะครึ้มไปหมด กุฎีก็ทำด้วยไม้ทั้งนั้น มันเปล่าเปลี่ยว ที่กล้าเพราะไปเล่นเป็นประจำ เลยไม่กลัว หากเล่าก็เล่าไม่หมดหรอก มันแยะ ครูไม่เคยเห็นน่ากลัีวสักราย เดียวจ๊ะ ส่วนเรื่องคุณพ่อเธอนั้นเหตุที่เป็นดังนี้ ครูคิดว่าสมัยมีชีวิตคงสร้างบาปไว้แยะ และทานเหล้ามาก บุญคงจะไม่ค่อย ได้สร้างไว้ เมื่อตายไปจึงกลายเป็นสัมภเวสี หรือว่ายังไม่ถึงวาระจะเสียชีวิต จึงมาขอ ส่วนบุญแก่พวกลูกเมีย ด้วยความหิวโหย ด้วยเป็นวิญญาณเร่ร่อนไป ควรทำสังฆทาน แล้วอุทิศให้ท่านโดยเฉพาะเอ่ยชื่อแล้ว ตรวจน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ท่านด้วย ทาง พระที่ได้ฟังมา หากได้นั่งสมาธิแล้วอุทิศ ส่วนกุศลในระหว่างสมาธิแล้วผลบุญอื่นๆ เช่นทำสังฆทานหรือใส่บาตรพระนั้นหรือ ทำบุญด้านอื่นๆ เหล่าพวกสัมภเวสีนั้น จะรับบ้างไม่ได้รับบ้างจึงเกิดความหิวโหย ด้วยไม่เคยทำบุญใส่บาตรพระไว้เลย จึงมาขอส่วนบุญกับลูกเมียจ้า หากศิษย์ เรานั่งสมาธิแล้วก่อนออกจากสมาธิให้ ตั้งจิตส่งตรงไปยังวิญญาณพ่อก็จะได้รับ เต็มที่ หากทำสังฆทานหรือใส่บาตรพระ ก็ต้องพร้อมด้วย กาย วาจา และใจเรา ให้บริสุึทธิ์ ตั้งจิตมั่นต้องครบองค์สาม นั่นแหละกุศลจะเกิดขึ้นมาก แต่ก็ยังเป็น รองจากการแผ่กุศลในสมาธิไม่ได้หรอก ที่เห็นภาพว่าใส่เสื้อสูทจากความฝัน นั้นอาจจะเป็นอุปาทานด้วยฝรั่งมักจะใส่ เสื้อสูทกันทั้งนั้น หากเป็นพวกสัมภเวสี จะไม่มีเสื้อผ้าใส่หรือถ้ามีก็เพียงแค่ที่ใส่ ตอนตายเท่านั้น ปกติพวกอทิสมานกาย นั้นจะมีเสื้อผ้าแต่เป็นบางๆเกิดจากอำนาจ กายทิพย์จ๊ะ เอาแค่นี้ก่อนนะจ๊ะยาวมาก แล้วล่ะ หากมีอะไรถามมา ถ้ารู้ก็จะบอก จ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอๆๆ แก้วประเสริฐ.
24 มกราคม 2554 20:33 น. - comment id 121835
อ่าน แล้วค่ะ....มาฟังคุณชายเล่าเรื่องให้.. คุณอนงค์นางฟังด้วย ...สนุกอีกเช่นกัน .......เคารพครับผม.....