อทิสมานกาย ๑๘ หลังจากพ่อแม่ไปทำงานที่ไร่แล้ว เขาก็เข้าไปยังห้องเรียกนางทั้งสองออกมาคุย พลางถามนางขึ้นว่า พวกเธอมาอยู่ที่บ้านรู้สึกอึดอัดใจหรือเปล่าล่ะครับ???.... แม่นางอัปสรตะเคียนกล่าวว่า เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงหรอกจ้า ด้วยพวกเราทั้งสองตอนนี้สาว อ้อยก็เปลี่ยนร่างจุติจากสัมภเวสีบังเกิดเป็นอทิสมานกายไปแล้ว ต่างก็ล้วนทานอาหารทิพย์ที่พวกเราปราถนา ต้องการอยู่แล้วจ้า จะได้ไม่ต้องยุ่งยากแก่เธอหรอก เพียงแค่ให้อาหารแก่หุ่นรูปงามทั้งสองก็เพียงพอแล้ว ล่ะจ้า......หญิงสาวรูปงามกล่าวขึ้น อีกประการหนึ่งเราก็มิวิมานที่บนพานที่เธอให้ไว้แก่พวกเราทั้งสองด้วยแล้ว สวยงามมากเสด็จพ่อท่านเนรมิต ขึ้นให้ใหม่แล้วจ้า ส่วนอัปสรอ้อยนั้นเสด็จพ่อเมตตาสงสารเห็นความมุนานะพากเพียรสมาธิจนแก่กล้าท่านก็ยัง ประสาทพรให้อีก ทำให้เธอมีฤทธิ์เดชเดชาขึ้นอีกมากด้วยแล้วและยังเนรมิตวิมานน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่สวยเท่าเรา ก็ตามแต่ใกล้ๆเคียงกันแหละ เรื่องนี้เธอไม่ต้องห่วงอะไรหรอก.... จริงจ๊ะพี่....อัปสรอ้อยตอบแก่ชายหนุ่ม อาศัยพี่แม่นางท่านช่วยอำนวยสิ่งต่างๆให้อีกด้วยพร้อมยังนำไปพบเสด็จ พ่อของพี่นางฝากอ้อยแก่ท่านด้วยล่ะ???..... นางอัปสรอ้อยกล่าวขึ้น ชายหนุ่มพอฟังก็ถึงกับอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวอ้อยที่เขาอบรมสั่งสอนเรื่องสมาธิจะก้าวหน้าไปได้ อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้ เขารู้สึกภาคภูมิใจมาก ภายในใจคิดจะกล่าวถึงเรื่องงานที่เขาต้องทำในข้างหน้าและจะขอ ความช่วยเหลือบางประการ ทันใดนั้นนางเทพอัปสรรัตนาวดีก็พลันเอ่ยขึ้นว่า.... จนเขาต้องสะดุ้งในใจแล้วรีบหันไปมองเนื่องจากเขาก้มหน้า คิดหาทางอยู่ นางเทพอัปสรพลางเอ่ยขึ้นว่า.....เรื่องของเธอนั้นฉันรู้หมดแล้วเพียงแต่คอยระวังแต่เธอเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องงาน นั้นเห็นว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรหรอก แต่ก็จะคอยติดตามไปด้วยทุกๆครั้งที่เธอไปเพื่อช่วยเหลือยามมีปัญหาในเรื่อง อัปมงคลที่อาจจะถูกอาจารย์บางคนส่ง วิญญาณต่างๆจ้า พร้อมกับหันมายิ้มกับเขา ทำให้ชายหนุ่มตะลึง ทำไมจะไม่ตะลึงในเมื่อเธอนั้นช่างงดงามเสียยิ่งนัก เขาเองก็เห็นสาวๆในกรุงมาก็มามากและหนีก็มากก็มากอีกด้วย ยังจะหาความสวยแค่ครึ่งหนึ่งของเธอก็ไม่ได้ ทำให้เกิดความประหม่าขึ้นอย่างแปลกประหลาดผิดกับคืนที่เขานั่งใกล้ๆกันสนทนากันในคืนเดือนเสี้ยวเสียอีก แต่นี่เป็นกลางวัน ฉะนั้นจึงมองเห็นสัดส่วนทรวดทรงใบหน้าได้อย่างชัดเจนทำให้จนต้องตะลึงแล ได้แต่กล่าวอ้ำอึ้งๆๆตะกุกตะกักๆว่า หากเพียงแค่นี้ผมเองก็แสนจะดีใจแล้วล่ะจ้าหากมีเธอไปทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ อย่างบอกไม่ถูก......พลันได้ยินเสียงหัวร่อเสียงสดใสยิ่งนักดังขึ้นบ้างๆว่า แหมๆๆพี่ก็ เพียงแค่นี้ยังอ้ำๆอึ้งๆ เชี่ยวนะ แล้วอ้อยล่ะไม่สวยหรืออย่างไรล่ะจ๊ะ ชายหนุ่มหันไปมองสาวอ้อยซึ่งตอนนี้กลายเป็นนางอัปสรไปแล้ว พลางกล่าวว่า... น้องเราก็หาใช่จะเป็นรองก็หาไม่จ้า....บุญพี่เหลือเกินที่มีสาวงามที่เป็นนางอัปสรมาช่วยเหลือเคียงข้างคอยช่วย เหลือเช่นนี้ จะไม่ให้พี่ประหม่าดีอกดีใจเชียวหรือ???.... ชายหนุ่มกล่าว จริงๆหรือจ๊ะเสียงแม่นางสองสาวตอบ พร้อมทั้งหันไปยิ้มให้แก่กันและกัน แล้วยกมือปิดปากหัวร่อทั้งสองนาง แต่ทันใดนั้นนาง ทั้งสองพลางพยักหน้ากัน แล้วกล่าวว่า ฉันทั้งสองเห็นทีจะคุยได้เท่านี้นะ ด้วยเสด็จพ่อเสด็จแม่ให้คนมาตามตัวไปพบ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรหรือเห็นที จะต้องรีบไปก่อนแล้วนะ จ๊ะ???.....ผมเห็นว่าคงจะไม่มีอะไรหรอก คงแค่คิดถึงเป็นธรรมดาของพ่อแม่กระมัง???....ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ก็ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ???....ปกติแล้วท่านไม่เคยให้ใครมาบอกกล่าวนี่ คงจะเป็นเรื่องสำคัญมาก เห็นทีจะต้องไปก่อนนะ อ้อๆๆในระหว่างที่เราทั้งสองไม่อยู่เธอไม่ต้องห่วงหรอกจ้า ฉันได้เพิ่มอำนาจให้เจ้าหุ่นทั้งสองไว้มากแล้ว ตลอดจนสาวชบากับเจ้าแกละไว้ด้วย เพื่อจะได้รับมือในสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้.....หญิงสาวกล่าว ถ้าอย่างนั้นอ้อยก็จะไปล่ะนะพี่ ระวังตัวไว้ด้วยนะ ด้วยพอจะทราบว่าหลังจากอาจารย์ดำเสียไปแล้วพวกผีทั้งหลายมันจะย้อนกลับมาที่เดิม ตอนนี้กำลังขอร้องต่อนายป่าช้าเห็นจะไม่สำเร็จหรอกจ้า ฤทธิ์เดชมันสู้นายป่าช้าไม่ได้อีกอย่างหนึ่ง นายป่าช้าก็มีอาจารย์คนหนึ่งคอยช่วยเหลืออยู่ด้วย อ้อยเห็นว่าเมื่อมันอาศัยที่อยู่ป่าช้าไม่ได้คงจะไปเที่ยว รังครวญชาวบ้านรวมทั้งเจ้าเปรตสี่ตัวนี่ด้วยแหละ ฉะนั้นทางที่ดีพี่ก็ทำของมอบให้แก่พวกพี่ๆไว้พกติดตัวประจำไว้ด้วยก็แล้วกันนะจะได้ช่วยได้จ๊ะ อ้อยไปก่อนนะ พอกล่าวจบ ร่างนางอัปสรทั้งสองก็เลือนลางหายวับไป ชายหนุ่มเมื่อได้รับฟังอัปสรอ้อยกล่าวเช่นนั้นจึงคิดว่าจะหาทางสร้างวัตถุมงคลสักอย่างหนึ่งมอบให้แก่พรรคพวก ไว้แต่ต้องคอยปรึกษาพ่อแม่ก่อนจะดีกว่า แล้วพลันรู้ว่าบัดนี้มีคนมาแอบคอยแจ้งข่าวแก่เขาแล้วยังที่เดิม ด้วยรู้ว่าคง จะไม่กล้ามาเรียกเขา จะมาก็เพียงแสร้งเดินผ่านไปๆมาๆเท่านั้น เมื่อทราบดังนี้เขาจึงออกจากห้อง พลางหันไปทางหุ่นทั้งสองให้ฝากดูแลบ้านด้วย พอเดินพ้นหน้าห้องก็เรียกสาว ชบากับเจ้าแกละทันที พลันสาวชบาและเจ้าแกละก็ปรากฏร่างยังเบื้องหน้าเขา พลางถามว่าพี่มีอะไรจะใช้ชบาและน้องแกละหรือจ๊ะ?.... ชายหนุ่มกล่าวว่าแล้วอย่าไปบอกพ่อแม่อีกล่ะ???....เขาเย้าแหย่หล่อนเล่น ทำเอาสาวชบาหน้าแดงแกมซีดทันที ต่างร้องพร้อมกันว่า ไม่หรอกจ้าพี่....พี่เองก็บอกพ่อแม่หมดแล้ว ฉันจะไปพูดอีกทำไมล่ะจ๊ะ......ทั้งสองกล่าวขึ้น พี่รู้ล่ะ???....พลางหัวร่อ.....เพียงสั่งไว้ว่าได้ข่าวมาว่า เจ้าพวกผีที่อาจารย์ดำเรียกไปใช้ บัดนี้มันได้ตายไปแล้ว ถูกพวกผีในป่าช้าที่มันขออาศัยอยู่ ได้พากันขับไล่มันให้ไปอยู่ที่อื่น มันจะหวนย้อนกลับมาถิ่นเดิมซิและมันคงจะรู้ด้วยจิตมันว่าคนที่ทำร้ายอาจารย์มันนั้นเป็นใคร จะมาแก้แค้นรุกรานบ้านเราจ๊ะ........ หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะได้เห็นดีกันเสียทีว่าบ้านนี้ไม่ใช่บ้านธรรมดานะพี่ อ้อๆ...อีกอย่างพี่หุ่นที่พี่สร้างไว้นั้น ชบา รู้ว่าไม่เหมือนเดิม มีฤทธิ์เดชมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ก่อนนั้นเขายังกำหราบพวกมันได้เลยนะพี่??...สาวอ้อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มพลันคิดได้เมื่อสาวชบากล่าว ด้วยเขาได้สอนวิชาอาคมพร้อมให้ฝึกสมาธิไว้ด้วย ตลอดจนได้นางอัปสร ทั้งสองเพิ่มพลังงานหรืออาจจะสอนอะไรบางอย่างให้แก่หุ่นเจ้าแสงสีและสินชัยไปแล้ว จึงรู้สึกสบายใจ เฝ้าบ้านไว้นะคนของพี่มาแล้วล่ะ จะได้ไปถามและสั่งงานสักหน่อย พี่ไปล่ะชบาเจ้าแกละ....... จ๊ะพี่ทางนี้ไม่ต้องห่วงอะไรหรอกจ้า......สาวชบาและเจ้าแกละตอบพร้อมๆกัน ควายธนูของพ่อก็ยังอยู่อีกด้วยจ๊ะ หากมีปัญหารับไม่อยู่ก็จะไปเรียกพี่หุ่นทั้งสองมา แต่เอ๊ะเขาชื่ออะไรบ้างหรือจ๊ะพี่....สาวชบาถาม อ้อๆๆ....หุ่นที่ใหญ่หน่อยเขาชื่อว่า แสงสี จ๊ะ ส่วนเล็กหน่อยเขาชื่อ สินชัย จ๊ะ เพียงไปบอกเขาเท่านั้นเขาก็จะรีบ มาจัดการให้เสร็จ แต่คงจะไม่เป็นไรมั๊งด้วยนี่ยังเป็นกลางวัน พวกนี้มันฤทธิ์ยังไม่พอที่จะแปลงกายได้จ๊ะ เวลาค่ำไปแล้วให้ช่วยกันระวังก็แล้วกันนะ หากยามพี่หลับนอนหรือพ่อแม่หลับนอน ก็ให้เจ้าแกละไปบอกก็ได้จ้า จ้าๆๆๆพี่.....ชบาไม่ลืมหรอกจ้า พี่ไปเถอะโน่นเขาเดินวนเวียนไปๆมาๆหลายๆครั้งแล้วล่ะ จ๊ะๆพี่ไปก่อนนะ ........ กล่าวแล้วเขาก็เดินลงบันไดไป รีบเดินออกไปจากรั้วบ้านทันที ทันใดนั้นชายที่เดินวนเวียนมาก็ชะยัก แต่แสร้งเดินช้าๆลงทำเป็นไม่รู้จักเขา ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปยังที่เดิมเห็นผู้กองและพวกนั่งรอคอยอยู่แล้ว ส่วนชายที่มาตามเห็นร่างเขาหายลับไปในพุ่มไม้ซึ่งระยะทางห่างจากถนน เบื้องหน้าก็มีรถยนต์กะบะกำลังวิ่งตรงเข้ามาตามเส้นทางที่ขรุขระผ่านมาทางที่เขากำลังเดินอย่างช้าๆอยู่ ดังนั้นชายคนนั้นก็รีบหลบเข้าไปในป่าข้างทางทันที รถคันดังกล่าววิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วนักแม้ว่าถนนจะไม่ดีนัก คงจะรีบร้อน จึงขับด้วยความเร็วสูงมากไม่คำนึงถึงถนนที่ขรุขระ จวบจนหายลับโค้งพ้นสายตาไปจนเสียงเงียบ ขณะชายคนนั้นจะก้าวออกมาก็ต้องรีบหลบเข้าไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงรถอีก ได้แอบมองดูอยู่ ยังมีรถยนต์กะบะอีกคันวิ่งตามมาอีก ด้านหลังยังมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นตามหลังมาอีกหลายๆคัน เมื่อคอยจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรบนถนนอีกแล้ว จึงออกมา เดินไปตามทางที่ชายหนุ่มหายลับไปในพุ่มไม้.......จึงหลบเข้าข้างทาง หาหนทางลัดเลาะ เพื่อเข้าไปสบทบซึ่งคนทั้งหมดนั้นก็ได้แยกกระจายกันหลบตามต้นไม้ต่างๆเหมือนกัน ครั้นเสียงสงบจนแน่ใจแล้ว ก็ออกมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งคอยพวกอีกคน ก็แลเห็นชายคนนั้นรีบเดินมาร่วมกลุ่มทันที ผู้กองก็รายงานผลงานต่างๆให้เขาฟัง ที่จริงเขาทราบอยู่ก่อนแล้วจึงนิ่งเฉยฟังคำรายงานต่างๆจนจบ เพียง แต่ถามว่า.... แล้วผู้ต้องหาทั้งหมดถูกส่งเข้ากรุงเทพฯนั้นไปไว้ที่ไหนหรือ???.... ชายหนุ่มถาม ได้ข่าวจากสายว่าถูกนำไปไว้ยังฝ่ายปราบปรามยาเสพย์ติดครับ ผมเองนึกว่าไปไว้ที่กองปราบเสียอีก หากนำไปไว้ที่นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ด้วยเส้นสายทางเสี่ยเม้งและ เสี่ยหว่างนั้นมันมีมาก ตลอดจนพวกนักการเมืองมันก็พวกของมันคงได้รับการประกันตัวไป แล้วเมื่อนำ ไปไว้มีใครรู้บ้างล่ะ?....ชายหนุ่มถาม ข่าวแจ้งว่าหัวหน้าฝ่ายได้นำตัวไปแยกขังเดียวทั้งหมดกำลังสอบปากคำอยู่ แล้วปิดบังมิให้ใครๆทราบ ด้วยนำไปพอถึงรอจนเกือบเที่ยงคืนถึงจะนำตัวเข้าห้องขังครับ ชายตำรวจอีกคนรายงานแทนผู้กอง ถ้าอย่างนั้นก็คงพอไว้ใจได้คงไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก ด้วยทางผู้ใหญ่ท่านกำชับและแต่งตั้ง หน่วยงานนี้ขึ้นมาพร้อมให้มีที่คุมขังสอบปากคำได้เอง มิต้องให้ฝ่ายกองปราบทำเหมือนเดิมแล้ว ด้วยผมได้เข้าประชุมลับๆกันแล้วเสนอให้สร้างสถานที่นี้ไว้สำหรับสอบสวนเป็นพิเศษไว้ ทางผู้ใหญ่เบื้องบน ก็เห็นชอบด้วยเพราะเป็นงานโดยตรงจะได้เป็นความลับจับกุมหัวหน้าใหญ่มันได้ หากสอบสวนได้ผลประการใด ก็ให้ส่งตรงไปยังกรมอัยการให้ท่านรองคนหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายไว้ใจได้เป็นผู้สั่งฟ้องนำไปให้หัวหน้าอัยการโดยตรงทันทีไม่ต้องผ่านขั้นตอน ด้วยทางท่านรองจะมีฝ่ายตรวจสอบพิเศษขึ้นตรงรองอัยการคนนี้เท่านั้น หากหัวหน้าอัยการปฏิเสธ แต่ ท่านรองคนนี้มีหนังสือลับพิเศษในมืออยู่แล้วจะได้ไม่ต้องข้ามขั้นตอน ให้เสนอหนังสือต่อหัวหน้าอัยการโดยตรงทันทีเพื่อเซ็นต์สั่งฟ้อง หากไม่ทำถือว่าขัดขืนนโยบายรัฐบาล ชายหนุ่มกล่าวขึ้น ตลอดจนทางฝ่ายผู้พิพากษาก็เหมือนกัน เบื้องบนกล่าวว่าท่านจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว หลังจาก เสร็จจากประชุมคราวนี้ ทางผมก็จะรีบรายงานลับไปยังหัวหน้าใหญ่ท่านเอง และพอจะทราบว่าระหว่างนี้ เสี่ยหว่างนั้นมันทำงานเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าและยังนำไม้จากต่างประเทศเข้ามาด้วย ขอให้ส่งหน่วยงานคอยระวังไว้ด้วย ให้คุณทำรายงานลับไปรายงานอีกทางหนึ่งนะ...ชายหนุ่มเอ่ย ครับผมจะเร่งให้ฝ่ายข่าวกรองรีบไปรายงานครับ อ้อๆ!!!!!!.....บอกว่าให้แยกกันรายงานนะ หากถูกจับได้ข่าวจะได้ไม่รั่วไหลไป ให้ส่งเป็นรหัสไปซึ่งทางผู้กอง และฝ่ายข่าวกรองก็รู้รหัส อย่าส่งเป็นตัวหนังสือ ให้ส่งเป็นรหัสไปนะจำไว้อย่าลืมเสียล่ะ...ชายหนุ่มกล่าวขึ้น อ้อๆๆแล้วมีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือไม่ล่ะครับ???...ชายหนุ่มถาม ได้ข่าวว่าทางกำนันมั่นมันให้คนไปเอาหมอมาจากกรุงเทพฯที่เสี่ยเม้งมันส่งมาเป็นพิเศษรักษาลูกและพวกมันครับ อีกอย่างหนึ่งได้ข่าวว่า อาทิตย์หน้าจะมีการขนถ่ายสินค้าเกี่ยวกับอาวุธเถื่อนอีกระลอกทางทิศติดกับเขมร ส่วนทางด้านเหนือนั้น จะมีการขนถ่ายลากไม้กันด้วย แต่ทางเรากำลังพลน้อยจะทำอย่างไรล่ะครับ ด้วยทางกรุงเทพฯกำลังคัดสรรคนที่ไว้วางใจอยู่เกรงจะไม่ทันการณ์ ผู้กองรายงาน เรื่องทางติดทางเหนือปล่อยให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ทางโน้นไปก่อน ส่วนการขนถ่ายอาวุธสงครามเถื่อนนั้นอยู่ ใกล้กับเรา ให้ผู้กองระดมพรรคพวกทำเหมือนการจับกุมยาเสพย์ติดไว้ก็แล้วกัน รับข่าวกรองที่แน่นอนมาถึง ต่อนี้ ไปผู้กองและพวกไม่ต้องมาหาผมก็ได้แล้ว ผมจะใช้คนของผมไปหาผู้กองเอง เขาชื่อแสงสี กับแสงชัย ผู้กองจำชื่อนี้ ไว้พร้อมจะบอกให้รหัสไว้ด้วย ชายหนึ่งเอ่ยขึ้น ครับผ๊ม...ผมจะปฏิบัติการทุกประการครับผ๊ม....ผู้กองกล่าวขึ้น ผู้กองลืมคำสั่งผมแล้วหรือว่าห้ามใช้คำว่า ครับผ๊มอีก อย่าให้ได้ยินเช่นนี้ หากผมเข้าไปในเมืองให้เพียงทำเป็นไม่ รู้จัก หรือหากจำเป็นเรียกว่า ไอ้โชติก็แล้วกันนะ แล้วหันไปสั่งทุกๆคนให้ช่วยบอกต่อๆไปด้วย ทางนี้ผมจะเป็นแค่ ชาวบ้านธรรมดา หากมีสิ่งที่ต้องการให้ทำ ผมจะให้คนผมสองคนไปติดต่อหาเอง ครับขอโทษด้วย ผมจะไม่ลืมอีกแล้วครับ อ้อๆๆๆ....แล้วเมื่อไหร่ล่ะจะได้ปรากฏตัวเสียที เห็นรองผู้กำกับชอบ ถามเสมอๆๆ ก็บอกท่านว่าผมไม่รู้อะไรเขาสั่งให้มาก็มา ท่านไม่รู้แหละดีแล้ว เพียงบอกว่าก็ผมจะรู้ได้อย่างไรเพราะท่านเข้า ประชุมเสมอๆ บอกแค่นี้แหละนะ ต่อไปนี้ผมจะไม่เรียกผู้กองอีกแล้วเรียกชื่อคุณดีกว่า คุณชัชวาลย์ หรือชัชเฉยๆ ร้อยตำรวจเอกหรือเรียกว่าผู้กองรับคำทันที..... ให้คุณและพวกเราแสร้งทำตนเป็นขี้เมาชอบเที่ยวตามร้านอาหารบ้าง ร้านค้าอาหารตามริมถนนบ้าง แยกย้ายกันสืบหา แต่อย่าเป็นคนขี้เมาจริงๆเสียล่ะ ตามสถานเริงรมย์ทั้งหลาย ผมจะเน้นแค่ร้านคาราโอเกะ ด้วยร้านคาราโอเกะนั้นควรจะไปมากๆและสืบเสาะเป็นพิเศษ ด้วยเป็นที่รวมพลของพวกนอกกฏหมายมักจะจัดเป็นห้องพิเศษไว้ ให้คุณและพวกเราแอบเอาวิทยุที่เขาสร้างให้เป็นพิเศษไปคอยติดไวซ่อนไว้อย่าให้ใครเห็น แม้แต่พวกลูกร้านก็ตามหรือแม้แต่เจ้าของมันทราบ เพราะไม่แน่ว่าพวกนี้จะเป็นพวกผิดกฏหมายหรืออาจจะใช่ด้วยทำการผิดเวลาเสมอๆและไม่ได้รับการตรวจให้ถูกต้องอีกด้วย เครื่องรับส่งที่พวกเราได้เป็นพิเศษนั้นเล็กนิดเดียวเล็กกว่า เหรียญบาทเสียอีก แต่กำลังแรงส่งได้ในระยะไกลๆและพวกเราทุกคนระดับหัวหน้าจะมีนาฬิกาที่ซ่อนเครื่องรับส่งไว้แล้วนี่นา อย่าถอดแม้แต่อยู่ในห้องน้ำก็ตามหากจำเป็นต้องถอดให้ถอดเก็บไว้ในห้องน้ำใกล้ๆตัวด้วย อีกอย่างหนึ่งอย่าบอกให้คนในบ้านแม้แต่ลูกเมียรู้ล่ะ สั่งให้ทุกๆคนทราบไว้ด้วย ถ้าผมจะใช้จะให้คนของผมไปติดต่อเอง คงอีกไม่นานหรอกคุณก็จะได้รับข่าวทางสถานีบ้างแต่ให้ทำเป็นแสดงความเสียใจแก่เขาด้วยนะ ให้สืบ ว่าจ่าเจียมมีพวกใครๆบ้างจดมาให้หมดให้หมดทุกๆคนด้วยนะ และพวกที่ไม่ค่อยจะเอาถ่าน อย่าลืมละคุณชัชวาลย์ ครับผมจะได้รีบดำเนินการทันทีหลังจากกลับไปแล้ว เพียงเท่านี้ผู้กองก็ทราบเหตุผลของหัวหน้าเขาแล้วว่าคือใครที่จะต้องถูกดำเนินการย้ายไป และจะได้พวกเขาเข้ามาแทนที่ เขาเชื่อมั่นในตัวหัวหน้าเขามาก ถึงแม้อายุจะน้อยแต่มีสมองกว้างไกลมากไม่เท่าไหร่ก็ข้ามรุ่นเสียหลายๆรุ่น ทั้งยังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้ใหญ่มากนัก เขาเลือกนายได้ไม่ผิดหรอกจึงภาคภูมิใจในตัวเองเสียมิได้ แต่นายมักจะสั่งไว้เสมอๆว่าให้อย่าทนงตนเองไว้ แม้แต่ท่าน หัวหน้ารัฐบาลยังเรียกให้เข้าพบได้อีกเป็นการส่วนตัวในกรณีย์พิเศษอีกด้วย ตลอดจนหัวหน้าสำนักงานตำรวจก็เช่นเดียวกัน แม้แต่หัวหน้าใหญ่เองก็ยังเกรงใจหัวหน้าเขาเช่นเดียวกัน ดังนั้นหาก สิ่งใดที่หัวหน้าเขาต้องการมักจะไม่เคยผิดหวังเลย มักจะได้เสมอๆทุกๆครั้งที่เขารายงานไปถึงการขอหรือการทำงาน อีกอย่างผลงานของเขาปรากฏมากมาย แต่แปลกจริงๆพวกหนังสือพิมพ์กลับไม่รู้เรื่องเขาและผลงานเขามักจะเป็นของคนอื่นๆไปเสียหมด เหมือนเขาปิดทองหลังพระจะมีเพียงผู้ใหญ่บางคนเท่านั้นที่รู้ เขาจึงไม่ได้ถูกพวกหนังสือพิมพ์ทั้งทางกรุงและนอกเมืองรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่การเลื่อนยศของเขาที่ถูกสัมภาสษ์เท่านั้นแต่เขาออกตัวได้อย่างสวยงาม ว่าคงจะเป็นบุญเก่าของเขากระมัง คุณก็เห็นว่าผมเองไม่มีผลงานอะไรเลย หรือว่าท่านจะเมตตาผมเสียกระมังครับ หรือผมจะรูปหล่อกว่าทุกๆคนกระมัง แล้วเขาก็หัวร่อพลางขอร้องยกมือไหว้พวกหนังสือพิมพ์ทุกๆคน แล้วเขาก็ขอตัวเดินจากไปหายลับไปบนตึกข้างบน เขาก็ไม่ได้รับความสนใจอะไรจากพวกหนังสือพิมพ์อีกเลย พวกนั้นพยายามไปสืบเสาะทางบ้านเขาก็ไม่พบอะไรนัก แม้แต่การย้ายมาดำรงตำแหน่งของเขานี้เพียงแค่พาดหัวตัวเล็กๆเท่านั้น ด้วยเขาไม่ได้ทำตัวให้เป็นที่โด่งดังเช่นนาย ตำรวจคนอื่นๆเขา จึงขาดความสนใจไปอีกประการหนึงที่พักอาศัยของเขาผิดกับนายตำรวจชั้นนี้อันพึงจะมี คือเขา อาศัยเช่าอาพาร์ตเมนท์อยู่เท่านั้น หาได้มีบ้านมีช่องหรูหราใหญ่โตอะไรเลย สมบัติเงินในธนาคารก็มีแค่ไม่กี่หมื่นบาท หาใช่คนร่ำรวยที่พวกหนังสือพิมพ์จะต้องการได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้การเหลียวแลและรับความสนใจเท่าที่ควร หลังจากสั่งงานแก่คนของเขาแล้วชายหนุ่มก็ขอตัวกลับ แต่ผู้กองชัชวาลย์สงสัยแล้วถามว่า.... อ้าวๆๆๆแล้วจะรู้หรือว่าผมพักที่ไหน คนของท่านจะรู้ได้อย่างไรหรือครับ???...... ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆ พลางกล่าวว่า เอาเถอะน่าคุณชัชวาลย์ ถึงเวลานั้นคุณก็จะรู้เองแหละเขาเอ่ยเท่านั้นแล้วขอตัวกลับบ้านไป..... ผู้กองรอจนร่างเขาออกเดินหายลับไป สักพักก็ให้บรรดาลูกน้องที่สนิทๆต่างแยกย้ายกันคนละทิศละทางทันที เมื่อเขาพ้นแนวไม้ก็แกล้งถือมีดใช้สำหรับเดินป่าเที่ยวหาของกินต่างๆจากต้นไม้ข้างทางหอบหิ้วกลับมา ครั้นคน เดินผ่านที่เดินสวนมา พวกนั้นหันมามองเขาพลางถามว่า ไอ้หนุ่มหยุดก่อนโว้ย??....นั่นลูกเจ้าเชียรใช่ไหมว๊ะ???....ได้ยินข่าวว่ามาเยี่ยมพ่อแม่ว๊ะ???.... เห็นมึงเดินอยู่แถวๆนี้ ไม่ห่างบ้านไอ้เชียรมันมากนัก ชายค่อนข้างชรามากกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย???... เขาตอบว่า....ครับผมลูกพ่อเชียรแม่เข็ม ว่างๆก็เลยหาของมาเก็บกินครับ มันเหงาๆจะไปช่วยพ่อแม่เขาบอกว่า ไม่ให้ไปไม่มีอะไรจะทำ ให้พักผ่อนก่อนแล้วค่อยช่วยพ่อแม่ครับ ผมเหงาๆอดนึกถึงสมัยเด็กๆไม่ได้ก็เลยเอามีดมา เข้าป่าหาของไว้เก็บกินครับ ชายหนุ่มตอบ เออๆๆๆ...ข้าได้ข่าวว่าเอ็งกลับมาเหมือนกันพึงเจอนี่แหละว๊ะ เสียงชายชราเอ่ยขึ้น แต่ไม่คิดว่ามึงจะสูงใหญ่ขนาดนี้และยังรูปหล่อกว่าพ่อมึงเสียอีก กูเห็นมึงตั้งแต่เด็กๆวิ่งเล่นอยู่เลย ตัวผอมนิดเดียว พลางหัวร่อหาฟันไม่เจอมีแต่เหงือกแดงแจ๋ ดังเอิ้กๆอั๊กๆๆ..... มึงไปอยู่กรุงเทพเสียนาน กลับมาพูดจาไพเราะโว้ย ไม่เหมือนไอ้พวกนี้มันพูดจาไม่มีสัมมาคาราวะ แม้แต่หัวผู้ใหญ่มันหรือก็ไม่เกรงใจกันเลยนึกอยากทำอะไรมันก็ทำ แม้แต่พ่อแม่มันก็ไม่กลัว เห็นขึ้นมึงๆกูๆว๊ะ แต่ว่าเถอะว๊ะมันไม่ได้เรียนหนังสือมามากเหมือนมึงที่เรียนในกรุงเทพฯ แล้วมึงทำงานอะไรในกรุงเทพฯล่ะโว้ย ชายชราที่กำลังจะกลับแบกฟืนอยู่ถาม??.... อ้อๆๆๆ...ผมทำงานเป็นยามบริษัทครับ ขอเขามาเที่ยวบ้านเกิดเขาก็อนุญาต เห็นว่าคราวนี้คงแย่ต้องหางานทำ ในเมืองเสียแล้วล่ะครับ เพราะไปเขาคงจะไล่ผมออกแน่ ขอเขามาไม่กี่วันแต่มาเสียเป็นเดือนๆ ชายหนุ่มกล่าว ช่างเถอะว๊ะมึงก็เด็กที่นี่นี่หว่าจะไปกลัวห่าอะไร ไร่พ่อมึงก็ออกจะเยอะแยะซ้ำมีลูกคนเดียวเสียด้วย เพาะปลูกก็พอจะ เลี้ยงตัวได้หรอก มีเมียหรือยังล่ะโว๊ย???... ชายชราถาม???.... ยังครับผมยังไม่คิดมีลูกเมียครับ ใครๆเขาจะมารักผม ผมมันคนจนเป็นได้แค่ยามเท่านั้นในเมืองมันหรูหราเสียด้วย เขาชอบคนมีสตางค์เยอะแยะครับตา ......ชายหนุ่มกล่าว ไอ้ห่าเอ๋ย!!!!....มึงมันก็ไม่ใช่ว่าจะขี้เหร่สักหน่อย หากมึงต้องการสาวคนไหนบอกกู กูชื่อวาดโว้ย โน่นมันไอ้เวียน น้องกูเองแหละ ไอ้ห่ามันหน้าตาดีกว่าพ่อมึงเสียอีก ขนาดไม่หล่อกูดันมีเมียตั้งสองคน มันบอกว่าปวดหัวฉิบ หายเลยลูกหรือเป็นโขยงสมแล้วที่อยากเจ้าชู้แล้วมีงอย่าเอาอย่างไอ้เวียนมันล่ะ เสียงชายชรากล่าว.... โถ่ๆๆๆพี่วาด เอามาบอกเด็กมันได้ไม่อายเสียบ้างเลยตอนเป็นหนุ่มด้วยกันส่วนใหญ่พี่ก็ยกให้กูทุกๆทีนี่นาจะ แล้วจะมาว่ากูได้อย่างไร ก็พี่วาดเสือกดันพูดเก่งหล่อกว่ากูเสียอีก แล้วหันไปถามชายหนุ่ม จริงไหมว๊ะไอ้หนุ่ม... เขาหัวร่อในใจ เพียงได้แต่ยิ้มๆเท่านั้น แล้วถามว่าแล้วตาจะไปไหนล่ะเห็นแบกฟืนและของอื่นๆลากล้อเข็ญมานะ ก็กลับบ้านซิว๊ะ ป่านนี้อีหลอดมันจะด่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ว๊ะ เฮ้ยๆๆๆไปล่ะพ่อหลานชาย....วันหลังเจอกันโว้ย เชิญเถอะครับ...ผมเองก็จะกลับบ้านเหมือนกันเดินนิดเดียวก็ถึง ชายหนุ่มกล่าวกับชาวบ้านสองคนที่ชรามากแล้ว เขามองเห็นสองพี่น้องเดินลากเข็ญคนหนึ่ง แบกฟืนไปอีกคนหนึ่งมุ่งหน้าเดินลงเนินหายลับไป เขาถอนหายใจ พลางนึกนี่หนอชีวิตชาวไร่ชาวนาก็แบบนี้แหละ ต้อนดิ้นรนหาเลี้ยงชีวิต ตีนถีบปากกัดไปตามมี ตามเกิด แต่รู้สึกว่าแกก็มีความสุขดีตามประสาคนชนบทดีนะ หากพวกเห็นแก่เงินนำสิ่งผิดกฏหมายมาหลอกลวง ชีวิตก็คงจะสุขสบายกว่านี้ แต่หมู่บ้านนี้พ่อกำนันและผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมให้ลูกบ้านมันติดยา หากรู้ไล่ตะเพิดหมด หากเขาไม่เป็นอะไรไปก็จะใช้ชีวิตแบบนี้นี่แหละ ไม่คิดเข้ากรุงเทพฯอีกแล้วล่ะ ชายหนุ่งรำพึง........ * แก้วประเสริฐ. *
21 พฤศจิกายน 2553 05:19 น. - comment id 120087
สนุกมากค่ะครู อยากรู้ว่าใครจะได้เป็นนางเอกตัวจริง แล้วพระเอกจะได้กลับมาทำไร่หรือเปล่าในตอนจบ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ สาวงามในภาพ เป็นใครเหรอคะครู
21 พฤศจิกายน 2553 12:40 น. - comment id 120088
คุณ อนงค์นาง ครูเองก็ไม่รู้ว่าภาพนี้เป็นใครด้วยไปเอา มาจากกลูเกิ้ลจ๊ะ ครูเองรีบเขียนๆนึกไป ก็เขียนไปเลยยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นใคร หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้นะจ๊ะ คอย ติดตามดูเอาก็แล้วก้นจ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.
21 พฤศจิกายน 2553 20:57 น. - comment id 120091
ไหลลื่นเชียวค่ะคุณแก้ว
21 พฤศจิกายน 2553 21:11 น. - comment id 120092
คุณ แจ้นเอง เรื่องนี้ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ เพราะว่าอาจจะเคยเขียนเรื่องยากกว่านี้มา ก่อนก็ได้ นี่ดีอย่างไม่ต้องค้นหาประวัติศาสตร์ หรือเรื่องสำคัญๆมาอ่านเพราะจะเอาข้อมูล มาแต่งเรื่อง แต่นี่เพียงแค่เรื่องธรรมดาที่อาศัยประสบ การณ์และจินตนาการเท่านั้นเองครับ ขอบคุณครับลองหัดเขียนกึ่งนิยาย ดูซิครับสนุกมากเชียวเลยนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
24 มกราคม 2554 15:30 น. - comment id 121792
แสงดาวคิดอะไรสักอย่าง.... คริๆๆๆๆๆค่อยมาบอกและกัน...นะครับ