อทิสมานกาย ๑๓ กำนันมั่น ครั้นได้รับฟังข่าวเกี่ยวกับอาจารย์ดำก็ถึงกลับตกตลึง มันไม่คิดว่าคนอย่างอาจารย์ดำนี้จะเสียชีวิตได้ ในระเวลาไม่เท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้เรื่องว่าใครทำ บาดแผลหรือก็ไม่มีหรือจะเหมือนคำพังเพยที่กล่าวว่า หมองูย่อมตายด้วยงู หมอผีย่อมตายด้วยผี ทำนองเดียวกัน แต่มันเป็นคนที่มีจิตใจเหี้ยมอยู่แล้วจึงเฉยๆ หันไปสั่งเด็กให้ไปบอกเจ้าแม้นลูกชายมันพร้อมแจ้งข่าวและให้ไปรีบจัดการศพโดยเร็ว พร้อมขออนุญาติทางการด้วย พลางหันไปทางจ่าเจียมกล่าวว่า.... จ่าๆ...ช่วยดำเนินเรื่องนี้ช่วยเหลือเจ้าแม้นในเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะจ่า จ่าเจียมพลางกล่าวตอบว่า เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอก ไม่ต้องให้ไอ้แม้นไปหรอก ข้าจะเป็นธุระช่วยเจ้าแม้นดำเนินเรื่องภายในให้ แต่ให้จัดการทำลายศพโดยเร็วเท่านั้นด้วยมันไม่ใช่คนไทย แล้วเรื่องการขอนั้นนายอำเภอก็ถูกย้ายไปแล้ว คนมาใหม่ก็พึ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้เองและดูเขาจะเป็นคนเอางานเอาการอยู่ด้วย ส่วนผู้ว่าฯก็มาจากกระทรวงโดยตรงนั้นพอรับมอบหมายงานจากรองผู้ว่าที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น ผู้ว่าฯคนใหม่ หลังจากรับมอบงาน ก็รีบตรวจสอบงานต่างๆทันทีเพียงรับรู้ว่าเป็นคนเอางานเอาการละเอียดรอบคอบด้วย พร้อมเรียกประชุมคนระดับสูงในศาลากลางและเจ้าหน้าที่อื่นๆทันที หลังจากตรวจสอบงานในวันรุ่งขึ้นเลย สงสัยว่าจะเป็นคนเคร่งครัดหรือได้รับคำสั่งจากปลัดกระทรวงมาก็ไม่รู้ อาจจะเป็นการสั่งจากคนระดับสูง ๆ น่าตาขึงขัง ทางสถานีตำรวจซึ่งรองผู้กำกับทั้งทางอำเภอทุกๆหน่วยงานที่เข้ามาประชุมรับแผนงานใหม่ ส่วนผู้กำกับคนใหม่ยังไม่รู้เลยว่า สำนักงานตำรวจจะส่งใครมา เพียงให้ท่านรองฯดูแลไปพลางๆก่อน กำนันรีบอ่านหนังสือจากนายอำเภอคนใหม่ซิ เขาแจ้งมาว่าอย่างไรกันบ้าง กำนันเมื่อได้รับคำกล่าวเช่นนี้ ก็รีบฉีกซองอ่านข้อความสักครู่ก็กล่าวว่า...... จ่าไม่มีอะไรหรอกเขาสั่งให้เรียกพวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและรองผู้ใหญ่บ้านเข้าประชุมในวันมะรืนนี้เท่านั้นแหละ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป แต่เอ๊ะ???....ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่า อะไรๆมันทำไมจึงรวดเร็วกันนัก ไม่เหมือนก่อนนี้ เลย ที่มักจะมากำหนดนี่หมายถึงนายอำเภอนะ แต่นี่กลับให้กำนันไปหาเอง แต่ข้าว่าใหม่ๆก็คงเป็นแบบนี้ทุกๆคนแหละว้า คนก่อนก็เหมือนแบบนี้ พอนานๆเข้าก็เข้าอีหรอบเดิมแหละ... ข้า มันดูออกจะแปลกๆ...ชอบกลเหมือนกันนะกำนัน ด้วยการย้ายครั้งนี้เหมือนยกบางกันเลย จ่าตำรวจตอบ นั่นซิข้าเองก็นึกเหมือนกันว่ามันจะยังไงๆๆดูนะ หรืออาจจะไม่เหมือนคนเก่าๆ.... กำนันเอ่ยขึ้น ในเมื่อเสร็จธุระแล้วข้าก็จะกลับเลยล่ะ ด้วยทิ้งงานด้านตรวจศพอยู่ ทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขกำลังชัณสูตรศพอยู่ อ้าวๆๆแล้วไม่ร่วมกินข้าวเช้าก่อนเลยหรือ??.... กำนันถาม ไว้วันหน้าเถอะกำนัน เรื่องมันช่างวุ่นๆจริงๆและทางรองฯท่านก็กำชับมาด้วยว่าให้รีบไปรายงานผลโดยด่วน เสียด้วยซิ กำนันท่านรองกำกับคนใหม่นี้นั้นเป็นคนไม่ค่อยพูด และมักจะขัดขวางงานเสมอๆเลยล่ะ เสียงจ่าเปรยๆ ก็ได้ในเมื่อมีงานเร่งด่วนเช่นนี้ ไว้วันหน้าข้าจะเลี้ยงดูปูเสื่อให้ก็แล้วกัน กำนันกล่าวขึ้น ดังนั้นจ่าขอตัวแล้ว ก็รีบลงบันได แล้วเดินไปที่แคร่ยังมีพวกหนุ่มๆสาวๆยังเฮฮากันอยู่ พลางกล่าวว่า... เออๆๆ!!!!!..... ข้าไปก่อนล่ะโว้ย อยากจะนั่งเป็นเพื่อนพวกมึง แล้วหันไปทางสาวลัดดายิ้ม อยากจะคุยกันด้วย แต่ว่างานมันเร่งมากว๊ะ จ่าเจียมกล่าวขึ้น เชิญตามสบายเถอะจ่า.....หากว่างๆแวะมาอีกก็ได้ส่วนใหญ่พวกข้าก็นั่งอยู่ที่นี่แหละ ส่วนสาวๆมันก็มากินอยู่ เหมือนกับพวกข้านี่แหละ ไอ้สนตอบพร้อมหันไปทางอีพวกสาวๆ พวกมึงก็เหมือนกันเวลาจ่ามาก็ตอบรับขับสู้ด้วยก็แล้วกัน อย่าให้เสียหน้าพ่อกำนันและไอ้แม้นมันเสียล่ะ... ดูก่อนว่าไอ้สน....ว่าพวกกูจะมีอารมณ์หรือไม่บางทีอาจจะมีธุระต้องทำว๊ะ พวกมันตอบ พลางหันไปยักคิ้วให้จ่า เล่นเอาจ่าเจียมชักไม่อยากจะไปเสียแล้ว เลยเสแสร้งมาทางไอ้สน งั้นกูขอเหล้าสักแก้วเถอะว๊ะ??...... ได้ซิจ่า.....เฮ้ยๆๆไอ้เบี้ยวมึงรินเหล้าให้จ่าท่านหน่อยว๊ะ ไอ้เบี้ยวรีบรินเหล้าให้ทันที แล้วยื่นให้จ่าเจียม จ่าเจียมกล่าวว่า งั้นพวกเรามาชนแก้วกันทุกๆคนนะ พวกสาวๆมองหน้ากันแต่ก็ต้องทำตามยกแก้วขึ้นชนกับ แก้วของจ่าด้วยความจำใจ ในใจพวกมันจริงๆมันไม่อยากกินร่วมหรอก แต่หวังในความสะดวกเท่านั้นเองแหละ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป จ่าก็ขอตัวแล้วเดินออกจากประตูรั้ว เสียงรถมอเตอร์ไซค์คำรามลั่นแล้วก็หายไปทางด้านป่าช้า จนกระทั่งเสียงเงียบหายไป...... ฝ่ายเจ้าแม้นครั้นรู้ตัวจากเด็กสาวของพ่อมัน มันถึงกับตกใจอย่างยิ่งเมื่อทราบข่าวเช่นนี้ แล้วนึกว่าหากไม่มี อาจารยย์มันแล้วต่อไปใครจะมาทำหน้าที่แทน มันรีบลงมาไปหาพวกที่ยังนั่งบนแคร่ พร้อมกล่าวว่า..... ไอ้สนกับไอ้เบี้ยว....มึงไปกับข้าด้วยกัน เพื่อไปดูศพอาจารย์ดำและจะได้จัดการเผาเสียวันนี้ในป่าช้าแหละว๊ะ อ้าวไอ้แม้นมึงไม่ตั้งศพสวดเลยหรือ?????...... แต่พ่อกูสั่งว่าหากทางการอนุญาตก็ให้รีบๆเผาเสียเลย แต่กูคิดว่าวันนี้คงเรียบร้อยด้วยจ่าเจียมอยู่ และอีกอย่างหนึ่งจ่าเจียมก็ดูและทางด้านนี้อยู่แล้วล่ะ คงดำเนินเรื่องให้แก่เราได้ว๊ะ ไอ้แม้นกล่าวขึ้น แล้วทางอำเภอล่ะว๊ะ อ้อๆ!!!!!....เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกปลัดอำเภอพวกเราก็มีอยู่ไม่ยากวันเดียวคงเสร็จ พอ ตกตอนเย็นก็นิมนต์พระมาสี่องค์สวด แล้วก็เผาเสียเลย พวกเอ็งก็รู้นี่นาว่าอาจารย์ไม่ใช่คนไทย และหลักฐานนั้นก็ทำปลอมขึ้นจากนายอำเภอคนเก่าโมเมขึ้นมาให้นี่นา แล้วนายอำเภอคนใหม่เป็นคนอย่างไรก็ไม่รู้ เสือกหากตรวจพบละมึงยุ่งกันใหญ่เลย ดีไม่ดีจะลามปามมาถึงพวกเรา ด้วยก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะว๊ะ....... ไอ้แม้นพูดให้เพื่อนๆมันฟัง เมื่อกี้นี่พ่อกูเล่าให้กูฟังหมดแล้วล่ะว่า นายอำเภอมันเฮี้ยบมากเสียด้วยมันอาจจะตรวจสอบเจอก็ได้ ดีนะที่มาตาย ไปก่อนมิฉะนั้นคงจะยุ่งมากกว่านี้อีกว๊ะ ไปก็ไปว๊ะ.....ทั้งสองคนตอบพร้อมลุกขึ้น หันไปทางอีกสาวๆทั้งหลาย งั้นมึงกินกันไปก่อนก็แล้วกันนะ สงสัยจะกลับมาได้ก็คงจะดึกมากๆเสียด้วย ทั้งสองกล่าวขึ้น พวกมึงไม่ได้กลับมาง่ายๆหรอกว๊ะ เรื่องแบบนี้ งั้นเลิกกันเลยกูจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนบ้างเมื่อคืนก็หนักมาก โขอยู่ว๊ะ ทางเข้าของมึงไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกกูจัดการเก็บเอง ทางเหล่าหญิงเปรี้ยวทั้งหลายกล่าว เออดีแล้วต่างก็ช่วยกันเถอะว๊ะ งั้นพวกกูไปก่อนล่ะ... เออไอ้แม้นแล้วมึงจะเอารถอะไรไปหรือว๊ะ???..... ก็รถกะบะซิว๊ะจะได้ใช้ประโยชน์หากมีอะไรมากเกิดขึ้นว๊ะ.... ไอ้แม้นกล่าว เออๆ...ดีเหมือนกันทางมันก็แคบด้วย หากขี่มอเตอร์ไซค์มันเร็วก็จริงแต่ต้องทำเรื่องหลายๆอย่าง...ไอ้สนไอ้เบี้ยว กล่าวกับลูกพี่มัน ไอ้เบี้ยวมึงคอยไปเปิดประตูให้กว้างไว้นะ อ้อๆๆแล้วพวกอีสาวๆ เมื่อพวกกูไปแล้วก็ไปปิดประตูด้วยล่ะ... เสียงรถกะบะดังขึ้นแล้วทั้งสามคนก็ออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปทางป่าช้ากระต๊อบของอาจารย์ดำทันที ครั้นไปถึงเห็นเพียงจ่าเจียมและตำรวจอีกสองสามนาย ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขกลับไปแล้ว มันก็เข้าไปจอด รถใกล้ๆกับรถมอเตอร์ไซค์ของจ่าและรถตำรวจอีกคันหนึ่ง ไอ้แม้นกล่าวขึ้นว่า...จ่าๆ...ขอพวกข้าไปดูศพอาจารย์ข้าหน่อยนะ.... เจ้าแม้นกล่าวขึ้น เออ!!!!....ไปเถอะยังนอนเหมือนเดิมแหละว๊ะ...เสียงจ่าตอบ มันทั้งสามก็เดินเข้าไปในกระต๊อบ เห็นร่างอาจารย์ดำนอนหงายดวงตาเหลือกโพลงแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวหรือไม่ ก็คงจะตกใจมาก ส่วนมือขาแขนนอนกางแผ่หรา คล้ายผีที่กำลังขึ้นอืดอยู่ ส่วนจ่าและตำรวจอีกนายก็เดินตามมาด้วย ไอ้แม้นเห็นดังนั้นหันมาถาม จ่าว่า ข้าไปปิดตาอาจารย์ได้ไหมจ่า???.... ตอนนี้มึงทำอะไรก็ได้ว๊ะไอ้แม้น เรื่องเรียบร้อยแล้วนี่สาธารณะสุขเขาเซ็นต์มาให้แล้วว่ามันหัวใจวายตายเอง ดังนั้นไอ้แม้นเดินเข้าไปยังร่างอาจารย์มัน ด้วยทนความทุเรศไม่ได้ ยกมือขึ้นหมายลูบดวงตาให้ปิดสนิท แต่ทว่าไม่ สามารถทำได้ ดวงตายังเบิกโพลงอยู่มันพยายามหลายครั้งก็ไม่ได้ จึงหันไปทางไอ้สนกับไอ้เบี้ยวกล่าวว่า เฮ้ยๆๆมึงมาช่วยปิดตาอาจารย์หน่อยว๊ะ????..... ไอ้แม้นสั่ง ไอ้สนกับไอ้เบี้ยว พากันสั่นหน้า ก็มึงยังทำไม่ได้เก่งกว่ากูเป็นลูกศิษย์เรียนวิชาอาคมมาทำไม่ได้แล้วพวกข้า ไม่ใช่ศิษย์ร่ำเรียนอะไรมาเลยจะทำได้หรือว๊ะ นอกจากให้สักยันต์เท่านั้น อาจารย์คงจะไม่ยอมกระมัง....พวกมันกล่าว คราวนี้ไอ้แม้นพึ่งนึกได้ เออๆถ้าจะจริงของมึงกูก็เป่าอาคมแล้วตาก็ยังไม่ยอมลงปิดเลยมันตอบ พลางหันมาทางจ่าที่กำลังจะก้าวออกไป พลางร้องบอกว่า จ่าๆๆอย่าพึ่งไปพ่อฝากของมาให้จ่าและพวกนะ???.... ไอ้แม้นตอบ อะไรว๊ะ???....จ่าหันหลังกลับมามองถามขึ้น ไอ้แม้นก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบซองค่อนข้างหนาคงใส่อะไรไว้เสียตุง ยื่นให้จ่า พลางกล่าวว่า พ่อสั่งว่าให้เอาไปแบ่งใช้กัน หลังจากดำเนินเรื่องให้เรียบร้อยด้วย ที่เหลือจ่ากับพวกไปแบ่งกันใช้ ไอ้แม้นตอบ จ่าเจียมหันมาหยิบซองยาวใหญ่และหนาคิดว่าคงจะมาก แล้วหันไปกล่าวกับลูกชายกำนันว่า เออ...ไปบอกกำนันด้วยไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวจ่าจะจัดการให้เรียบร้อย กล่าวแล้วพลางเอาซองเข้าไปในกระเป๋า มัน แล้วบอกว่าเดี๋ยวกูจะให้คนนำใบมรณะบัตรและการชัณสูตรศพ ส่วนทางนี้มึงจะจัดการเลยก็ได้ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าว่าจะเผาศพเสียเลยจะนิมนต์พระที่วัดมาสี่รูปสวดเป็นพิธีเท่านั้นเอง ว่าจะเผาก่อนค่ำๆนี้แหละ เมื่อจ่าพูดเช่นนี้ก็ดี แล้วด้วยจะได้ทำลายหลักฐาน ไปด้วย อ้อๆๆจ่ามาพบเห็นมีหญิงสาวเขมรอยู่หรือเปล่าล่ะ??.....มันถาม กูไม่พบอะไรเลยว๊ะ....มันคงหนีไปแล้วกลับเมืองมันแน่ๆเสื้อผ้าเงินทองก็ไม่มีเหลืออะไรสักอย่างเดียว....จ่าตอบ เออๆๆๆ!!!!!......ดีเหมือนกันจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียที เสียงจ่ากล่าวต่อ ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละจ่า จะได้หมดเรื่องจึงต้องรีบเผาๆเสียให้หมด เรื่องจะได้ไม่บานปลาย ไอ้แม้นตอบ นั่นซิว๊ะ...กูก็คิดเหมือนมึงนี่แหละ อีกอย่างปลัดและนายอำเภอที่ถูกย้ายไปแล้วมันจะรับผิดชอบก็ช่างหัวมัน ให้มึงกับพ่อมึงและทุกๆคนปฏิเสธว่าไม่รู้จัก รู้เพียงมาอาศัยอยู่ในป่าช้าเท่านั่นนะ จำไว้อย่าลืมบอกเสียล่ะ.... เอาล่ะเท่านี้นะโว้ย...กูจะได้รีบกลับไปรายงานให้ท่านรองฯทราบและทางอำเภอด้วยเพื่อเอาใบมรณะบัตรให้คน เอามาให้แก่กำนันเขาเก็บไว้เป็นหลักฐานในฐานะกำนันดูแลชาวบ้าน กล่าวจบก็เดินออกจากระต๊อบไป คงปล่อยไว้แค่พวกศิษย์อาจารย์ดำเท่านั้น เสียงรถมอเตอร์ไซค์กับรถตำรวจแล่น ห่างออกไปจนเสียงหายไป ความเงียบวังเวงก็เข้ามาแทนที่ เสียงลมพัดต้นไหม้รู้สึกว่าจะค่อนข้างรุนแรงเท่านั้น ไอ้แม้นมันก็หันไปทางไอ้สนซึ่งสนิทกับหลวงพ่อจวนเจ้าอาวาสวัดบางกระดี่ แจ้งข่าวให้ทราบเพื่อออกหนังสือ ให้เผาได้และนิมนต์พระมาสี่รูปเท่านั้นพอ เออ...ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละอ้าวแล้วก็ต้องเอารถกะบะไปด้วยนะ เพราะเดี๋ยวต้องนินิมนต์พระมาด้วยเลยและ อาจจะมีพวกสัปเหร่อจะมาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้???...มันกล่าว ไอ้แม้นก็ล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจรถยื่นส่งให้ทันที มึงรีบไปแล้วรีบมาก็แล้วกันนะโว้ย กูเองก็ชักเสียวๆเหมือนกันว๊ะ....เสียงไอ้แม้นไอ้เบี้ยวกล่าวขึ้นกูรู้สึกว่ามันจะ วังเวงยังไงก็ไม่รู้ นี่หากนำเหล้ามาด้วยเสียก็ดีซิว๊ะจะได้ย้อมใจบ้าง ไอ้ห่าต้องมานั่งเฝ้าศพอยู่ถึงเป็นอาจารย์ก็เถอะว๊ะ แต่ตอนนี้มันเป็นศพผีไปแล้วนี่นา มันรำพึงรำพันให้ไอ้สนฟัง ไอ้สนไม่ตอบ....พลางเดินออกไปแล้วเสียงรถยนต์ก็หายเงียบไป...... ไอ้ห่าเอ้ย!!!!!....ไหง๋บอกว่าไปเดี๋ยวเดียวป่านนี้ยังไม่เห็นไอ้เหี้ยสนมาเลยมันกล่าวนี้ก็เย็นมากๆแล้วล่ะว๊ะ แล้วใคร จะเป็นคนหาโลงและไม้มาเผาว๊ะ กูก็ลืมสั่งไอ้สนมันเสียด้วย มันคงจะรู้เองแหละว๊ะ หากไม่มีโลงก็คงเผากันแบบนี้แหละว๊ะ แต่กูคิดว่าอย่างไรหลวงพ่อจวนก็คงจะให้ สัปเหร่อมาด้วยหรอก สัปเหร่อมันก็รู้หน้าที่มันแหละว๊ะ.... ไอ้เบี้ยวตอบปลอบใจมันและไอ้แม้น เออๆๆๆถ้าจะจริงว๊ะ.... นั่นเสียงรถมาแล้วล่ะจะใช่มันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอ๊ะๆๆ...เสียงมันคล้ายมาสองคันนี่หว่า จริงของมึงเสียด้วย หรือว่าจะเป็นรถทางวัดกระมัง??....ไอ้เบี้ยวออกความเห็น เวลาผ่านไปนานนับเป็นชั่วโมงก็ว่าได้ ทั้งสองได้เพียงแต่มองหน้ากันไปๆมาๆ ไม่ยอมมองไปยังศพอาจารย์ มันเลย เลยออกมานั่งเฝ้ายังนอกกระต๊อบ คงปล่อยร่างศพอาจารย์มันอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้น เวลาหรือก็จวนจะใกล้ ใกล้ๆค่ำ อากาสเริ่มขมุกขมัวแล้ว ไอ้สนก็ยังไม่มาเสียงไอ้แม้นบ่นให้ไอ้เบี้ยวฟัง...... สักครู่รถยนต์แล่นเข้ามาจอด มันทั้งสองดีใจมากรีบวิ่งไปถามไถ่ทันที แลเห็นไอ้สนพร้อมพระและอีก หลายคนต่างทะยอยลงจากรถ มันรีบพาเดินเข้าไปในกระต๊อบทันที คนที่มาก็เดินเข้ามาในกระต๊อบ มีทั้งพระและอีกหลายๆคนรวมด้วย ไอ้สนเดินนำหน้าไอ้แม้นและไอ้เบี้ยวตามหลังไอ้สนเข้ามา พร้อมด้วยพระสี่รูป ด้านหลังไอ้สนมีสัปเหร่อกับลูกน้องกำลังยกโลงเก่าๆเข้ามาด้วย..... ไอ้แม้นและไอ้เบี้ยวยกมือขึ้นไหว้พระ แล้วหันไปทางไอ้สนถามว่า....หลวงพ่อว่าอย่างไรบ้างว๊ะ???.... หลวงพ่อพอรู้ไม่ได้ว่าอะไรก็เซ็นต์หนังสือมอบให้ แล้วบอกว่าจะเผายังไงกันล่ะหากไม่มีสัปเหร่อไปช่วย กูจึงบอกว่าขอให้หลวงพ่อจัดการด้วย แล้วท่านก็ให้พระไปตามสัปเหร่อมาพร้อมแจ้งให้รู้ สัปเหร่อมันหายไปสักพัก เพื่อตามลูกน้อง พร้อมนำถ่านกับฟืนมาเพี๊ยบเลยว๊ะ.... กูถึงได้มาช้านี่แหละ....มันตอบ เออๆๆๆ....มึงมันฉลาดสมเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านว๊ะ.... ไอ้แม้นชม หลังจากนั้นพวกมันก็ถอยมา พระท่านก็ยกตาลปัตรยกขึ้นยืนสวดมนต์สักพักทั้งสี่รูป แล้วก็หันไปทางสัปเหร่อวัด ว่าให้จัดการได้แล้ว สัปเหร่อวัดก็สั่งลูกน้องมันให้เข้าไปมัดตราสังศพทันที ลูกน้องสัปเหร่อมันกดอย่างไรไม่รู้นัยน์ตาที่ลืมโพลงก็หลับตาลงได้ แล้วช่วยกันมัดตราสังศพ ในระหว่างการมัดมันได้ยินเสียงสวดเบาๆจากลูกน้องสัปเหร่อ พลางหันกลับไปบอกหัวหน้าสัปเหร่อว่า มันแรงจ๊ะพ่อ มันไม่ยอมเลยล่ะไอ้ศพนี้มันแรงจริงๆมันไม่ยอม พอพันผ้าและสายสินธ์มันต่างพากันหลุดออกหมดเลยจ๊ะพ่อ.... เล่นเอาไอ้แม้นไอ้สนไอ้เบี้ยว ต่างตาเหลิกหลั่กไป ตามกัน พลางถอยออกมาอีกเกือบถึงหน้าประตูกระต๊อบ หากมีเหตุการณ์มันจะได้รีบวิ่งหนีเสียก่อน พวกมันคิด แต่ก็ยังอดหันไปมองดูการกระทำอยู่ คราวนี้หัวหน้าสัปเหร่อก็ล้วงไปในย่ามที่คล้องไหล่ไว้หยิบมีดออกมาเล่มหนึ่งมันใหญ่ยาวพอสมควร พลางก้มลงไปยังร่างของศพอาจารย์ดำ พลางหลับตาลงภาวนาอาคมของตนยกมีดขึ้นจรดหน้าฝากภาวนาเป่าลงไป ยังตัวมีดและร่างของศพ แล้วชักมีดหมอที่ลงไว้ด้วยอาคมที่เขียนยันต์อักขระต่างๆมากมาย กดลงบนหน้าผากด้วย ปลายมีดอันแหลมคมนั้นกดลงไปบนหนังหน้าฝากศพนั้น แล้วเป่าลมไปตั้งแต่หัวถึงเท้าสามครั้ง พร้อมกำทรายเสก สาดไปยังร่างของศพนั้น แล้วเป่ามนต์ลงไปกำกับอีกครั้งหนึ่ง พลางถอยหลังออกมาหันไปบอกลูกน้องทันทีว่า พวกมึงจัดการได้แล้ว นั่นแหละลูกน้องสัปเหร่อถึงได้จัดการมัดร่างมันได้สำเร็จ แล้วพากันยกเข้าโลงศพเก่าๆ และลูกน้องสัปเหร่อต่างนำศพลงใส่โลงใบเก่าๆ พลางช่วยกันหามออกไปนอกกระต๊อบทันที สักครู่หนึ่งเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอด จ่าเจียมและพวกอำเภอก็มาเข้ามา ส่วนไอ้แม้นหันไปคุยกับจ่าและ เจ้าหน้าที่อำเภอสักพักใหญ่ๆ รถของทางอำเภอก็กลับไปพร้อมจ่า มันจึงหันมาทางสัปเหร่อ ถามขึ้นว่า ต่อไปจะทำอย่างไรล่ะพ่อสัปเหร่อ หัวหน้าสัปเหร่อซึ่งเป็นคนรูปร่างเล็ก ไม่สูงใหญ่นัก แต่ทว่ามีรอยสักหลายๆแห่งตามแขนทั้งสองข้าง หันไปตอบไอ้แม้นทันทีว่า ก็ต้องเอาไปเผาที่เชิงตะกอนที่อยู่ใกล้นี่แหละ แล้วหันไปสั่งยังลูกน้องให้แบกโลงศพไปยังเชิงตะกอนเผาศพ ส่วนพระท่านก็เดินนำหน้าถือสายสินธ์จูงนำศพไป... ส่วนไอ้แม้นก็ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาฟ้อนใหญ่ ส่งให้หัวหน้าสัปเหร่อพร้อมบอกให้ถวายพระท่านด้วย นอกนั้นเป็นของพ่อสัปเหร่อกับพวกก็แล้วกัน หัวหน้าสัปเหร่อยิ้มแล้วนำเงินเข้าเก็บไว้ พลางสั่งลูกน้องให้จัดการให้เร็วๆ ด้วยมันจะมืดเสียก่อน และยังให้อีกคน ไปหยิบตะเกียงในกระต๊อบออกมาเตรียมไว้ด้วย ลูกน้องพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในกระต๊อบออกมานำตะเกียงถือมา ครั้นถึงเชิงตะกอน ก็ให้ลูกน้องยกร่างศพที่ห่อผ้าตราสังออกจากโลงศพ แล้วนำไปวางยังตระแกรงเผาศพ พลิกคว่ำหน้าศพลงแล้วให้จัดการก่อไม้เรียงสลับกันไปมาพร้อมทั้งถ่านทีละชั้นๆเพื่อเผาศพ ก่อนเผาพระก็ไปถือตาลปัตสวด มนต์สักพักก็ถอยออกมา ลูกน้องก็จัดการจุดไฟจากตะเกียงที่เริ่มจุดสว่างไว้แล้ว โดยนำเอาน้ำมันก๊าด ราดศพจนทั่วพร้อมทั้งถ่านและไม้แล้วจุดไฟขึ้นทันที ไฟก็ลุกโหมขึ้นลุกโชนไปทั่วร่างศพ สักพักหนึ่งร่างศพก็โก่ง งอขึ้นทันที แต่แปลกตราสังและผ้าที่พันศพไว้กับไม่ไหม้ไฟสักนิดเดียว เพียงแค่ร่างศพนั้นงอโก่งโค้งเท่านั้น บัดนี้อากาศมึดสนิทลงแล้ว หัวหน้าสัปเหร่อให้จุดตะเกียงตั้งไว้ให้แสงสว่างสอดเห็นชัดเจน ทันใดเสียงลมพัดอู้ๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงลมคล้ายเสียงโหยหวนยิ่งนัก หัวหน้าสัปเหร่อหันไปมองพลางร่ายมนต์เป่าขึ้น เสียงลมและเสียงโหยหวนนั้นก็หยุดชะงักหายไปสิ้น ความมึดและความสงบกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังมีเสียง เห่าหอนของหมาภายในวัด ส่วนด้านซ้ายมือของเชิงตะกอน มีร่างหมาดำสูงใหญ่เกือบเท่าม้าเทศยืนมองดูอยู่มา ทางด้านเชิงตะกอนนั้น ลูกน้องสัปเหร่อพากันหน้าตาเหลิกหลั่กไปตามกัน ต่างเหลียวซ้ายแลขวา ไอ้แม้นไอ้สนและไอ้เบี้ยวต่างทรุดตัวลงกอดกันกลมส่งเสียงร้องฮือๆๆ เนื่องจากมันมองเห็นร่างของหมาดำนั้น ตัวยิ่งสูงยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพระนั้นท่านเองก็คงจะรู้สึกกลัว หน้าตาเปลี่ยนสีกันแทบทุกๆองค์ ต่างองค์สีหน้าไม่ผิดกันกับสีหน้าของลูกน้องสัปเหร่อ ลูกน้องคนหนึ่งท่าทางจะเป็นรองหัวหน้าสัปเหร่อท่าทางไม่ค่อยกลัว จึงหันไปทางหัวหน้าสัปเหร่อ กล่าวขึ้น ว่า???......... พ่อๆศพมันไม่ไหม้แต่มันดิ้นได้จ๊ะ สงสัยจะมีของดีอยู่ในตัวมันกระมัง.....และยังมีหมาดำสูงใหญ่ยืนมอง ดูอยู่ด้วย แต่มันคงไม่ทำอะไรสงสัยว่าจะเป็นนายป่าช้ากระมังพ่อ มันกล่าวรายงานขึ้น....... หัวหน้าสัปเหร่อเฒ่าเห็นเช่นเดียวกัน พลางเดินถือมีดหมอเดินเข้าไปยังเชิงตะกอน แล้วมือข้างหนึ่งล้วงหยิบของสองสิ่งออกมากำไว้แล้วยกมือขึ้นร่ายอาคมทั้งมีดพร้อมด้วยสิ่งของ พลางเป่ามนต์ลงสามครั้ง แล้วหว่านทรายไปยังเชิงตะกอนและไม้ชิ้นหนึ่งไปยังใต้ตะแกรงศพ ที่ยังติดไฟลุกอยู่ แล้วจึงเดินเข้าไปหาศพพลางเพ่งสักพักหนึ่ง พร้อมทั้งหันไปทางหมาดำตัวใหญ่พลางพึมพรำเบาๆเหมือนพูดจากัน ฉับพลันนั้นเอง ร่างของหมาดำสูงใหญ่นั้นก็ค่อยๆจางหายไป เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวหน้าสัปเหร่อก็เดินไปทางร่างศพแล้ว ก็เอามีดหมอกรีดไปบนหัวไหล่ข้างขวาศพผ่าผ้าหุ้มห่อไปยังหัวไหล่กรีดเอาเม็ด สีคล้ายปีกแมลงทับส่งแสงวาว ออกมา เป็นก้อนกลมๆเล็กๆคล้ายเมล็ดถั่วเขียวแล้วนำเอาผ้ายันต์ในย่ามออกมาห่อก้อนกลมๆสีคล้ายปีกแมลงทับ เก็บไว้ในย่าม แล้วสั่งให้จัดการเสริมฟืนถ่านแล้วเผาอีกครั้ง พอหัวหน้าสัปเหร่อทำพิธีเสร็จไม่ช้าไฟก็ไหม้ร่างศพเสียงดัง ฉี่ๆๆน้ำเหลืองไหม้ไหลเป็นน้ำหยดลงไปยัง กองฟืนใต้ตะแกรง กลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่วด้วยศพที่ถูกไฟไหม้ จนไอ้แม้นไอ้สนและไอ้เบี้ยวตลอดจน พระทั้งหมดก็ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกไว้ เวลาผ่านไปจนมืดมากแล้วนั่นแหละร่างศพจึงไหม้หมด สัปเหร่อหันมาถามไอ้แม้นว่าจะเอากระดูกไว้หรือไม่???...... เมื่อร่างของหมาดำหายไปแล้ว พวกมันต่างยืนขึ้น บ้างหลับตาข้างลืมตาทั้งหมดบ้าง จ้องไปที่เชิงตะกอนกำลังไหม้ ไอ้แม้นตอบว่า.....ไม่หรอกพ่อสัปเหร่อพวกที่เหลือเอาไปโยนหรือจะทำอะไรๆก็ได้....มันตอบ สัปเหร่อหันไปสั่งลูกน้องทันทีตามคำของไอ้แม้น คอยสักพักไฟก็หายหมดเหลือแต่เศษขี้เถ้าทั้งฟืนถ่านและผง กระดูกซึ่งวางลงบนสังกะสีรองรับไว้ พวกลูกน้องสัปเหร่อก็นำไปเททิ้งยังโคนต้นไม้ไหญ่ทันที..... สัปเหร่อหันไปถามว่าแล้วกระต๊อบและของบูชาล่ะพ่อแม้นจะเก็บไว้หรือเปล่าล่ะ ส่วนโต๊ะบูชาถ้าจะให้เผานั้น ข้าเผาไม่ได้ หากพ่อแม้นไม่เอาข้าก็จะขอเก็บไว้ที่บ้านข้าเอง....หัวหน้าสัปเหร่อกล่าว เผาให้หมดเลยจ๊ะพ่อสัปเหร่อ ส่วนของนั้นข้าไม่เอาหรอกยกให้พ่อสัปเหร่อหมดแหละ.....ไอ้แม้นตอบ ถ้าอย่างนั้นกลับไปกระต๊อบกันเถอะ แล้วคนทั้งหมดก็เดินกลับไปยังกระต๊อบ ส่วนพระก็แยกทางไปยังกุฎีท่าน รวมกลุ่มต่างคนต่างสวดมนต์พึมพรำไปแต่ละองค์ที่เรียนรู้มา เมื่อมาถึงที่กระต๊อบนั้นหัวหน้าสัปเหร่อยืนสำรวม สักครู่ใหญ่ พร้อมหยิบทรายเสกมาภาวนาแล้วหว่านไปตามหลังคาและแถวบริเวณกระต๊อบทันที เสียงนกแสกร้องลั่นไปทันที พร้อมทั้งบินหนีไป เล่นเอาไอ้แม้นไอ้สนและไอ้เบี้ยวต่างกอดกันเดินไปใกล้ หัวหน้าสัปเหร่อ ซึ่งหัวหน้าสัปเหร่อก็เดินเข้าไปพร้อมพวก เห็นหัวหน้าสัปเหร่อเข้าไปนั่งหน้าโต๊ะบูชา พลางก้มลงกราบแล้วเพ่งจ้องไปยังฤๅษีที่ตั้งไว้สูงใหญ่สามตน และของในพาน แล้วกล่าวพึมพรำๆๆสักพัก ก็หยิบของในพานที่วางไว้ออกมากสองสามชิ้นใส่ลงไปในย่ามของแก ไอ้แม้นเห็นเป็นรูปปั้นที่ทำด้วยดินทั้งหญิงและชายคล้ายกุมารทองกุมารีและสิ่งบางอย่างที่แกคัดเลือกไว้ ถูกหัวหน้าสัปเหร่อนำเก็บไว้ในย่ามแล้วหันไปสั่งให้ลูกน้อง ยกรูปปั้นฤๅษีทั้งสามตนไปไว้ในรถเพื่อไปเก็บที่บ้านแก ส่วนจำพวกกุมารทองทั้งหลายที่ไม่ต้องการ แกร่ายเวทย์มนต์ พร้อมทั้งพึมพรำเหมือนจะบอกกล่าวอะไรสักอย่างหนึ่งแก่ผู้ที่แกไม่ต้องการ สักพักก็ปรากฏคล้ายๆควันลอยพุ่งออกจากร่างกุมารเหล่านั้น และอีกหลายๆอย่างเป็นควันดำเป็นสาย หายไปทางหน้าต่างทันที แล้วหันไปถามไอ้แม้นว่า ขากลับช่วยไปส่งข้าที่บ้านด้วยนะจะได้นำรูปปั้นฤๅษีไปเก็บไว้พร้อมของด้วย.... หัวหน้าสัปเหร่อกล่าว ได้ๆๆๆพ่อสัปเหร่อ....อ้อ...รูปปั้นชายหญิงนั้นอะไรหรือ???....ไอ้แม้นถาม ก็รูปปั้นทำด้วยดินในป่าช้าเป็นผีผู้หญิงและผีผู้ชาย แต่เอ็งคงเลี้ยงไม่ได้หรอกมันแรงมาก หรือว่าอยากจะเอาไปก็ ได้นะข้าไม่หวงหรอก เพราะเป็นของอาจารย์ของเอ็ง แต่ว่าส่วนฤๅษีนั้นเอ็งเอาไปไม่ได้หรอกจะเผาพร้อมกระต๊อบ ก็ไม่ได้ เอ็งจะว่าอย่างไรล่ะ???....หรือจะเอาไปเก็บไว้ที่บ้านก็ได้นะข้าจะได้ไม่ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นอีก หัวหน้าสัปเหร่อ กล่าวขึ้น.... อย่างนั้นพ่อสัปเหร่อเอาไปเถอะข้าไม่เอาหรอก แม้จะร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์ดำมาแต่ไม่หมด คิดว่าจะบังคับมัน ไม่ได้หรอก ไปอยู่กับพ่อสัปเหร่อก็แล้วกันนะดีแล้วเหมาะสมแล้วล่ะ มันกล่าวขึ้น.... เออๆๆๆ....ขอบใจว๊ะ หัวหน้าสัปเหร่อกล่าว แต่เวลาขากลับของพวกข้าจะขอของบางอย่างจากพ่อสัปเหร่อติดตัว บอกตรงๆว่ากลัวผีจ้า ไอ้แม้นและพวกกล่าว หัวหน้าสัปเหร่อหัวร่อ เรื่องนั้นข้าให้คนของข้าไปส่งพวกมึงแล้วไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะ ไม่ต้องเอาของๆข้าไปหรอก ข้ารับรองว่าพวกมึงจะไม่เจออะไรทั้งสิ้นจนถึงบ้านมึงแหละ ส่วนเรื่องของที่บอกเอ็งไว้และข้าต้องเก็บไว้ด้วยหาก ใครเอาไปใช้ในทางไม่ดีก็จะมีโทษ หรือคุมไม่อยู่ก็จะทำร้ายตัวเจ้าของเองว๊ะ.......หัวหน้าสัปเหร่อบอก ไม่ใช่ข้าจะห้ามนะ แต่ข้ามองออกว่าเอ็งไม่ควบคุมมันอยู่ได้หรอก ไม่ใช่ข้าหลอกเจ้านะด้วยอาคมพวกมึงมันยัง ไม่ถึง และอาจจะทำร้ายมึงและคนในบ้านมึงได้ว๊ะ.... หรือหากเปลี่ยนใจไม่เชื่อข้าจะเอาไปก็ได้นะ???... ไม่ๆๆๆๆหรอก อ้อ....แล้วเม็ดกลมคล้ายถั่วเขียวสีมันออกสีแมลงทับล่ะ คืออะไรหรือ???.... ไอ้แม้นถาม อ๋อๆๆ...มันเป็นเหล็กไหลว๊ะ...หรือเอ็งจะเอาข้าก็ไม่หวงด้วยเอ็งเป็นศิษย์ของเขา ข้าจะให้ หัวหน้าสัปเหร่อตอบ ไม่หรอกเมื่อข้าบอกไม่เอาก็ไม่เอาทั้งหมดหรอก พ่อสัปเหร่อเอาไปเถอะ....เดี๋ยวข้าจะเพิ่มเงินให้อีกพลาง มันก็ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาส่งให้พ่อสัปเหร่ออีก คราวนี้พ่อสัปเหร่อกล่าวว่า พอแล้วข้าไม่หวังเงินเท่าไหร่ ที่ทำไปเกรงใจหลวงพ่อ เด็กๆข้ามันก็เตือนข้าเหมือนกันจึงได้เตรียมตัวเข้าของมาไว้ เมื่อจำเป็นต้องใช้ เงิน เอ็งเก็บไว้ไปนั่งกินเหล้ากับพวกเถอะ มันต่างกำลังรอฟังข่าวจากพวกมึงอยู่นะ หัวหน้าสัปเหร่อกล่าวขึ้น หัวหน้าสัปเหร่อก็สั่งให้พวก ถอยออกมาจะได้เผากระต๊อบกันเสียที หมดสิ้นเรื่องราวข้าก็จะได้กลับบ้านเสียที ไอ้แม้นกล่าว พวกข้าเมื่อส่งพ่อสัปเหร่อกับพวกแล้วก็จะกลับบ้าน และนำหลักฐานไปให้พ่อข้าจ๊ะ....ไอ้แม้นตอบ สักครู่ใหญ่ๆลูกน้องสัปเหร่อและไอ้สนและไอ้เบี้ยว ต่างช่วยกันหาฟืนแห้งๆแถวนั้นมาโยนใส่ ในกระท่อมเห็นว่าพอแล้ว ลูกน้องสัปเหร่อก็เอาน้ำมันราดภายในกระต๊อบ และสาดไปบนหลังคา ที่ทำด้วยหญ้าแฝกแล้วจุดไปเผาทันที สักพักกระต๊อบก็ไหม้หมดเหลือเพียงเถ้าถ่านกองไว้ แล้วมันก็ขับรถไปส่งบ้านหัวหน้าสัปเหร่อและพรรคพวก แต่มันและพวกได้แต่ยืนมองไม่กล้า เข้าไปช่วย นอกจากครั้นพรรคพวกสัปเหร่อขนของหมดแล้ว ก็รีบขับรถกลับบ้านทันทีไม่รอช้า บ้านของ หัวหน้าสัปเหร่อยิ่งน่ากลัวกว่าบ้านอาจารย์มันมากนัก ด้วยข้างฝาบ้านพื้นนั่งล้วนแล้วแต่ทำด้วยไม้โลงศพ ทั้งสิ้น กลิ่นก็ยังเหม็นสางๆอยู่ พวกมันไม่กล้าเข้าไปนั่งนอกจากยืนอยู่ข้างนอกเท่านั้น ยังได้กลิ่นลอยลมมา พอรถพ้นป่าช้า เข้าสู่ทางเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว ด้วยเป็นเวลามืดมากแล้ว ทุกๆคนในรถได้ยินเสียงร้องอย่าง โหยหวนมาจากป่าช้าที่พึ่งจากมา เสียงร้องคร่ำครวญบ้าง ร้องไห้บ้าง เอะอะโวยวายบ้างระงมไปทั่วป่าช้า เล่นเอาทั้งสามเกิดความกลัวรีบเร่งเครื่องอย่างแรงเพื่อหนีเสียงร้องคร่ำครวญที่ยังดังแว่วเข้าไปในหูพวกมัน........... * แก้วประเสริฐ. *
17 พฤศจิกายน 2553 04:38 น. - comment id 120014
เขียนเก่ง เขียนเร็วจริงๆค่ะคุณครูแก้ว ส่วนเจี๊ยบตอนนี้ต้องหยุดชะงักก่อนใน ด้านนิยาย เพราะงานรุมสุมกายตลอด เสาร์อาทิตย์นี้ก็อบรมอีกค่ะ
17 พฤศจิกายน 2553 04:45 น. - comment id 120015
อยากจะนำมาลงเหมือนกัน แต่ถ้ายังไม่จบไม่กล้านำมาลง เพราะอาจต้องแก้ไขรีไรท์ใหม่ แบบพลิกพล็อตไปเลยก็ได้ค่ะ เขียนไปแล้วราวร้อยหน้าได้แค่ ครึ่งเรื่องเองนะคะ เขียนไว้ในเวิร์ด ใช้ตัวอักษร Cordia หรือ Angsana ขนาด 14 ไว้ค่ะ
17 พฤศจิกายน 2553 07:26 น. - comment id 120016
ยาวแค่ไหนก็ตามอ่านประจำค่ะครู เหมือนดูหนังผีไทยเลยค่ะ
17 พฤศจิกายน 2553 13:15 น. - comment id 120017
คุณ ช่ออักษราลี ศิษย์รักยิ่งของครู ที่จริงครูจะเขียน แบบวันต่อวัน การเขียนร้อยแก้วนั้นสำคัญ อยู่ที่หัวข้อเรื่อง การพอร์ตเรื่องนั้นเมื่อลงมือ แล้วมันจะไหลลื่นไปเองแหละจ้า ไปตาม อารมณ์เราที่จะวางตัวละครไปอย่างไรบ้าง ครูไม่ได้เก่งอะไรหรอก อาศัยประสบการณ์ และความนึกคิดเท่านั้น การเขียนให้จบ ก่อนนั้นก็ดี แต่ครูไม่ค่อยจะชอบๆแบบ วันต่อวันกัีนไป ที่สำคัญคือต้องเป็นสถาน ที่เงียบสงบ บรรยากาศสิ่งแวดล้อมต้อง ประกอบเข้าด้วยกันจึงจะดำเนินเรื่องได้ อย่างไม่ติดขัีดจ้า เรื่องเก่งนั้นยังไม่ถึง ขั้นเขาหรอกจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 พฤศจิกายน 2553 13:36 น. - comment id 120018
คุณ ช่ออักษราลี การเขียนยาวๆไว้ หากเราไม่พอใจก็แก้ ไขได้ก็ดีไปอย่างหนึ่ง แต่การเขียนวันต่อ วันนั้นเสมือนการฝึก หากคนเขาต้องการ ก็สามารถเขียนได้ อย่างพนมเทียนที่ครู ทราบมาท่านก็เขียนวั้นต่อวันเหมือนกันด้วย เขาเป็นศิษย์รุ่นพี่ของครูโรงเรียนเดียวกันจ๊ะ อาจารย์ที่โรงเรียนจะพูดถึงเขาเสมอว่า เขาเขียนงานเกี่ยวกับตัวของเขาเองได้ อย่างยอดเยี่ยม และยังมีการแต่งเรียงความ เกี่ยวกับตัวเองอยู่ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม อยู่เลย เขามีแววเป็นนักเขียนมาตั้งแต่ เรียนโรงเรียนแล้ว นี่ครูที่โรงเรียนเล่าให้ ครูฟัง เหมือนกระตุ้นนักเรียนนั่นแหละ ครูจึงจำไว้แล้วมาหัดแต่งให้พวกๆกัน อ่าน ก็ได้รับการยอมรับว่าใช่ได้แต่ก็ทิ้ง ไปนานแสนนานนับสิบๆปีได้ พึ่งจะมาหัด เขียนอีกครั้งถือเป็นครั้งแรกที่ลงไว้ใน เวปฯนี้แหละ หากจะติดตามก็ลองไปอ่าน ดูบางเรื่องเป็นตอนๆถึงห้าสิบกว่าตอนก็มี สั้นบ้างยางบ้าง ศิษย์รักเราลองย้อนไป อ่านผลงานครูในร้อยแก้วเอาเองดูนะจะ เห็นว่าแต่ละเรื่องจะไม่ซ้ำกันหรอกจ้า ก่อนก็เคยมีคนมาติดต่อแต่ครูไม่สนใจ และจะบอกให้ว่าเมื่อแต่งเสร็จก็ให้รีบ ทบทวนตอนๆนั้นทันที ด้วยว่าจะได้แก้ไข ทั้งตัวอักษรที่ใช้ผิด และอาจจะมีการเสริม ต่อเติมให้สัมพันธ์กันด้วย อย่าลืมหลักนี้ เสียล่ะ นำมาลงเถอะด้วยศิษย์ครูบอก ทุกๆคนว่า เราไม่ต้องการดีเ่ด่นกว่าใคร เราเพียงแค่ฝึกสมองเรา และสร้างประสบ การณ์ของเราเท่านั้น ไม่ต้องการไปชิงดี ชิงเด่น ก่อนเขียนทำใจเราให้สงบไว้ถ้า มีสิ่งรบกวนก็ให้หยุดเขียนทันที ทิ้งไว้ ก่อนหากเมื่อสงบแล้วจึงควรจะเขียนต่อ การเขียนเรื่องผี นี้ครูก็อาศัยยามหลังเที่ยง คืนไปแล้วเขียน แต่มาระยะหลังร่างกาย ไม่อำนวยก็ เวลาอยู่คนเดียวกลางวันก็ เขียนก็มีจ้า ยิ่งเขียนนั้นให้เอาใจเราใส่ ลงไปให้่เหมือนว่าเรานั้นร่วมแสดงอยู่ ด้วย ก็จะได้เนื้อหาสาระเพิ่มมากขึ้น อารมณ์เราก็จะโลดแล่นเองจ้า รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 พฤศจิกายน 2553 13:40 น. - comment id 120019
คุณ อนงค์นาง ศิษย์รับเอย ที่ยาวนี้ด้วยมันยังไม่ถึง คราวควรจะจบเพื่อเรียกร้องความสนใจจ๊ะ อีกอย่างกำลังได้อารมณ์ติดพันกันไปเรื่อง จึงยาวกว่าปกติ ปกติครูจะพยายามเอาแค่ สี่ขั้นที่คอมฯกำหนดไว้หรือเกินก็นิดหน่อย แต่หากเป็นอย่างนั้นการจบก็จะไม่เรียกร้อง ความสนใจคนอ่านจ๊ะ ติดตามเถอะจะมีหลาย รสชาติด้วยครูมองพอร์ตเรื่องไว้เรียบร้อย แล้วจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
17 พฤศจิกายน 2553 17:05 น. - comment id 120024
ไม่ได้เข้ามาเรื่องสั้น นานพอสมควร อทิสมานกายมาถึงตอนที่ 13 แล้ว ทึ่งมากๆค่ะครู
17 พฤศจิกายน 2553 21:00 น. - comment id 120032
ตอนนี้ยาวมากเลย อ่านจนดึก บรื้อสสสสส
17 พฤศจิกายน 2553 23:01 น. - comment id 120038
คุณ แก้วประภัสสร ดังที่เคยกล่าวไว้ให้ฟังแล้วว่า การเขียน ระหว่างร้อยแก้วกับร้อยกรองนั้น ต่างมีดีกัน คนละอย่างกัน ร้อยกรองจะประกอบด้วยทำนองที่เสนาะ ส่วน ร้อยแก้ว นั้นหากเป็นการเขียนเรื่องที่ พบเห็น และเรื่องสั้นๆนั้นไม่ยาก หากเขียน ในระดับนิยายยาวๆนั้น ต้องใช้สมองมากมาย ด้วยการจินตนาการตลอดประสบการณ์ เป็นปั้จจัย อีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือใส่ อารมณ์และทำตัวเราให้ลงไปเล่นกับเขา ด้วย ก็จะทำให้เรื่องนั้นๆชวนอ่านขึ้น ยิ่ง ยาวๆยิ่งยากขึ้นตามลำดับไป ไหนจะเกี่ยว กับการสนทนา ไหนจะต้องพยายามมิให้ ออกนอกพอร์ตที่เรากำหนดไว้ เนื้อเรื่อง ต้องใกล้เคียงหรือต่อเนื่องกัน นี่เป็น ความคิดของครูนะ ทดลองเขียนนิยาย สักเรื่องซี ก็จะยิ่งสนุกมากเชียวนะและ จะรู้รสชาติว่าเป็นอย่างไรจ๊ะ รักศิษย์ เรามากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 พฤศจิกายน 2553 23:03 น. - comment id 120039
คุณ แจ้นเอง ผมบอกแล้วว่าหากจะอ่านให้ได้อารมณ์ ก็ต้องอ่านตอนอยู่คนเดียวหรือให้ดึกๆจึงจะ เกิดอารมณ์สนุกจ๊ะ ทดลองดูนะ นี่ขนาด ผมสลับฉากไว้นะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 มกราคม 2554 20:48 น. - comment id 121055
18 มกราคม 2554 00:04 น. - comment id 121470
...ใครจะช่วยผมเนี่ย..อ่านดึกๆแบบนี้... 555หาคาถาไว้ป้องกันตัวก่อน คริๆๆๆ สวัสดีครับคุณชาย....