อทิสมานกาย ๑๑ หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป ชายหนุ่มโชติซึ่งร่ำเรียนวิชาจากพลวงพ่อและพ่อแม่ได้สำเร็จแล้ว ก็พลันนึก ถึงสิ่งที่เขานำมาและเก็บไว้ในห้องซึ่งอยู่ภายในห้องนอนของเขา หลังจากสวดมนต์ไหว้พระแล้ว เขาก็นึกถึงเรื่องหุ่นพยนต์อาจารย์ดำที่เขาได้กำหลาบไว้ และเก็บร่างทั้งสองตัวซึ่งร่างกายมันทั้งสองได้ขาด ออกจากกันทั้งคู่ เขานำมานั่งพิจารณาเห็นเป็นหุ่นที่สร้างจากดิน เขาคิดว่าคงจะไม่ใช่ดินธรรมดาแน่นอน แต่ร่างภายในทำโครงหุ่มห่อไว้เป็นผ้าซึ่งอาจจะเป็นผ้าที่เขียนยันต์กำกับไว้แน่นอน ด้วยเห็นลายเส้นที่ พอจะมองออกจากด้านภายในที่ขาดออกจากกัน ซ้ำยังหุ้มห่อด้วยสีผึ้งสีออกมอๆเหลืองๆไว้กำกับโครงร่าง ตลอดทั้งร่างยังถูกมัดด้วยด้ายสายสินธ์อีกชั้นหนึ่งพร้อมทั้งชุบยางรักจนดำไว้ บนตัวหุ่นนั้นมีการเขียนยันต์ อักขระขอมแลเห็นจางๆ ลักษณะของหุ่นนั้นกางมือกางขาทั้งหมดทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก ในหุ่นนั้นมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพถึงแม้จะถูกยางรักดำๆชุบไว้อีกทีก็ตามส่งกลิ่นโชยออกมาคละคลุ้งไปทั่วห้อง ส่วนสีผึ้งที่หุ้มไว้ไหลย้อยออกมาเล็กน้อย แต่เขาเอาสิ่งที่พอจะหาได้ในขณะนั้นมาหุ้มห่อร่างหุ่นไว้ก่อนจึง นำมาพร้อมวิญญาณที่ถูกปลุกด้วยอาคมใส่ไว้ในท่อนไม้แห้งที่หาได้ในที่นั้น โดยใช้ผ้าขาวม้าหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่งผูกมัดชายไว้ คิดว่าจะเอาไปให้พ่อเขาดู แต่ความคิดมาเปลี่ยนภายหลังจึงไม่ได้ บอกให้พ่อแม่รู้ นอกจากเอาของที่พ่อมอบให้เขาไปส่งคืนเท่านั้น และเล่าเหตุการณ์ให้พ่อแม่เขาฟัง พอพ่อฟังก็หัวร่อ พลางกล่าวว่ามันร้ายนัก พ่อรู้จึงได้เพิ่มอาคมให้แก่ควายธนูอีกแรงหนึ่ง แล้วขอตัวไปนอนเสียทั้งพ่อและแม่ เขานึกถึง ในขณะที่กำหลาบหุ่นนั้นเขาใช้วิชาอาคมนำวิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่บนร่างหุ่นมิให้หนีไปไหน ด้วยการนำเอา ท่อนไม้แห้งที่ริมทางมาเรียกเจ้าวิญญาณหุ่นให้สิงในท่อนไม้เล็กๆมิให้หนีไปไหนได้ พลันขณะนั้นเขาคิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าที่เขามักจะไปวัดเสมอๆว่า หากหากผู้ใดปล่อยสิ่งปล่อยของออกมาแล้วหากถูกจับได้และส่งย้อนคืนกลับไปหาเจ้าของเดิม เมื่อไหร่เจ้าของเดิมก็จะต้องลำบากแน่นอน ยากจะแก้ไขได้ เขายังจำได้อย่างแม่นยำ จึงคิดว่าในเมื่อมันประสงค์ร้ายและเขาได้เรียนรู้วิชาอาคมมามากมาย ผ่านการทดสอบไว้แล้ว จึงอยากจะขอลองวิชาว่าจะจริงตามได้ยินมาหรือไม่ อีกอย่างหนึ่งเขาคิดคนอย่างอาจารย์ดนั้น คงจะไม่ใช่คนดีช่วยเหลือผู้อื่นแน่ คงเที่ยวระรานถึงได้ทำเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงนำหุ่นทั้งสองมาพิจารณาต่อเข้าด้วยกันวางไว้บนจาน หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้อง หันไปบอกแก่หญิงสาวซึ่งนั่งเคียงข้างมองการกระทำเขาอยู่ว่า......... อ้อยๆ....พี่ฝากดูแลหน่อยนะเดี๋ยวพี่จะกลับมาจ๊ะ อ้าวแล้วพี่จะไปไหนล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วนะ????...... หญิงสาวถามด้วยความสงสัย???... พี่จะไปยังป่าช้าวัดเราหน่อย ไม่นานหรอก แต่หากพ่อแม่ถามว่าไปทำไม ให้บอกว่าไม่รู้พี่ไม่ได้สั่ง ไว้เพียงแต่ให้เฝ้าของนี้ไว้ แต่อย่าให้ท่านเห็นนะให้ อ้อย รีบออกไปต้อนรับก่อน แต่หากท่านไม่มาก็เฝ้าไว้ พี่คิดว่า ท่านคงจะนอนหลับไปแล้วด้วยต้องไปทำงานที่ไร่อีก แล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆแง้มประตูเดินไปยังรถจักยานรีบขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว ระยะป่าช้าวัดกับบ้านเขานั้น ไม่ห่างกันมากนัก เมื่อเขาถึงยังป่าช้าที่ตอนนี้เงียบสนิท เขายืนภาวนาสักครู่หนึ่งก็เดินเข้าไป ไม่มีสิ่งใดๆเกิด ขึ้นนอกจากได้ยินเสียงหมามันหอนกันในวัดอยู่เท่านั้นเอง อากาศตอนนี้มึดเขานำไฟฉายติดตัวมาด้วยจึงทำให้ แลเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวล้วนแล้วด้วยหลุมฝังศพ เรียงรายติดๆกันไปตามแบบฉบับคนบ้านที่ห่างไกลความเจริญ ชายหนุ่มเดินไปยังที่กลางป่าช้า ยกมือขึ้นภาวนา สักพักเสียงลมพัดอู้ๆมา บรรดาต้นไม้ต่างไหวเอนไปทั่ว ร่างดำทะมึนร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเขา เขากล่าวขอขมาด้วยรู้ว่านี่คือนายป่าช้าที่ควบคุมบรรดาพวก สัมพเวสีทั้งหลายอยู่ ร่างนั้นกล่าวขอโทษเขาว่าช่วงนั้นไม่ได้อยู่เฝ้าดูแลจึงเกิดเหตุร้ายขึ้นแก่เขา ด้วยต้องไปเฝ้า ผู้ใหญ่และรายงาน พอกลับมาถึงได้รู้ว่าจะลงโทษมันแต่มันทั้งหมดได้หนีหายไปอยู่ที่วัดบางกระดี่หมดแล้ว ร่างที่มองเห็นดำทะมึนเอ่ยขึ้น พลางกล่าวว่า..... แล้วพ่อหนุ่มมานี่มีธุระอะไรหรือ.....ข้าพอจะช่วยเหลือได้ไหม???... ชายหนุ่มยกมือไหว้ พลางกล่าวว่า ขอบคุณมากครับผมมารบกวนท่านและบรรดาพวกๆหรือเปล่าล่ะ??... ไม่หรอกพ่อหนุ่ม ฉันรู้แล้วตั้งแต่พ่อหนุ่มย่างเข้ามา พ่อหนุ่มเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนน่ารักมากที่ขอขมาฉัน ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามา และยังมาขอขมาฉันอีก ฉันถึงได้ปรากฏตัวเพื่อจะช่วยเหลือพ่อหนุ่มนะฉันรู้ว่าพ่อหนุ่มต้องการ อะไร เชิญได้เลยฉันจะนำไปเอาของที่แรงๆที่สุดในที่นี้ให้นะ.... ชายหนุ่มหันไปยกมือไหว้พลางกล่าวว่า...... ขอบคุณท่านนายป่าช้ามากที่กรุณากับผม อันที่จริงผมเองก็ไม่อยากจะทำหรอก แต่มาคิดว่าหากไม่ทำคนดีๆก็จะ ต้องถูกรังแกอยู่เรื่อยๆ จริงของพ่อหนุ่มแต่ระวังตัวหน่อยนะ มันไม่ใช่คนในเมืองนี้เรา มันมาจากนอกเมืองแต่ตอนนี้มันสู้พ่อหนุ่ม ไม่ได้แล้วหรอก หากได้ดินที่ฉันจะให้ไปด้วยรับรองว่ามันถึงฆาตแน่นอน..... นายป่าช้ากล่าว ผมเพียงคิดจะลงโทษมันเท่านั้นไม่อยากให้ถึงตายหรอกครับ ชายหนุ่มกล่าว พ่อหนุ่มเป็นคนดี แต่ว่าดีก็ต้องว่ากันไปในส่วนดี ไม่ดีก็ต้องว่ากันในส่วนที่ไม่ดี อีกอย่างหนึ่งท่านผู้ใหญ่ท่านก็รู้ และบอกฉันไว้ด้วยว่า อีกไม่นานคนชั่วร้ายจะถูกกำหลาบฉันนึกฉงนเหมือนกันว่าใครจะมาปราบมัน ไม่คิดว่าจะเป็น พ่อหนุ่มนี่เอง นายป่าช้ากล่าวขึ้น แล้วแต่บุญแต่เวรเถอะ หากมันแก้ไขไม่ได้ก็แสดงว่าถึงฆาตจ๊ะ ชายหนุ่มตอบผีนายป่าช้า อย่าคิดมากเลยล่ะพ่อหนุ่ม มาๆนี่ก็ใกล้ๆจะถึงแล้วล่ะ แล้วผีนายป่าช้าก็เดินนำหน้าชายหนุ่มไป พอเลี้ยวพุ่มไม้ก็เป็นโคกที่ใช้ฝังศพๆหนึ่ง เขาได้ยินเสียงนายป่าช้า พึมพรำเบาๆกับหลุมศพ ฉับพลันหลุมศพที่ถูกดินทับไว้ก็แยกแตกออกจากกัน แลเห็นโลงผุเก่าๆที่นอนไว้ด้วยโครงกระดูกที่ค่อนข้างจะป่น อยู่แล้ว ส่วนโลงผุพังไปแค่ยังมองออกว่าเป็นโลงอยู่ด้วยยังมีลักษณะเป็นโลงไม้เก่าๆผุๆพังๆ ผีนายป่าช้าหันไปบอกกับชายหนุ่มทันทีว่า ให้ไปขุดตรงกลางระหว่างโลงและโครงที่ผุๆนั้นได้แล้ว เขาอนุญาต ด้วยฉันบอกเล่าให้เขาฟัง อดีตศพนี้เป็นอาจารย์วิทยาคมแก่กล้าคนหนึ่งแต่เขาประพฤติตัวอยู่ในศีลธรรม หมดวาระ ญาติพี่น้องไม่มี หลวงพ่อท่านก็นำมาจัดการสวดศพแล้วนำมาฝังไว้ที่นี่ พร้อมทั้งยังลงอาคมไว้ด้วย ฉนั้นดินแถวนี้ จึงขลังกว่าดินตามหลุมศพอื่นๆอีกนะ ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น เขาก็ก้มลงกราบยังหลุมฝังศพขอขมาที่ต้องขอเอาดินไปประสานกับหุ่นไว้ด้วย เสมือนจะรับรู้ ดินตรงใจกลางหลุมนั้นก็พลันแตกแยกอีกชั้นหนึ่งมีห่อผ้าเล็กๆซุกอยู่ แต่ผ้าที่ห่อได้เปื่อยไปหมดแล้ว แต่ยังพอจะหลงเหลืออยู่บ้างภายในซุกอะไรไม่รู้เขาฉายไฟไปดูเห็นเป็นวงกลมๆ นอกนั้นคงเหลือเพียงแต่เนินเล็กๆ เท่านั้น แต่แปลกอย่างหนึ่งดินนั้นกลับมีสีแตกต่างกันหลายๆสี ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงหรือดำ แต่นี่เป็นสีออกเทาๆ ปะปนกับสีอื่นๆอยู่ล้อมรอบห่อผ้าที่ใช้คลุมอะไรไม่รู้เป็นวงกลมๆ ครั้นชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็ยกมือไหว้โครงกระดูกและก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมโลงต้องฝังสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย เสียงนายป่าช้าเตือนเขาว่า รีบๆหน่อยพ่อหนุ่ม อาจารย์เขาอนุญาติหลีกทางให้แล้ว พ่อหนุ่มอาจจะสงสัยที่เห็นในห่อผ้าเปื่อยนั้นคือใบลาน ที่จารึกวิชาต่างๆของอาจารย์ท่านนี้ไว้ แต่ยังม้วนเป็นวงกลมไว้พ่อหนุ่มเอาไปศึกษาเพิ่มเติมก็แล้วกัน ส่วนดินที่ใต้ ใบลานนั้นพ่อหนุ่มขุดเอาไปให้พอก็แล้วกันนะ เมื่อเขาได้ยินเสียงเร่งของผีนายป่าช้าเช่นนั้นก็อดถามไม่ได้ว่า ท่านอาจารย์ท่านนี้ชื่ออะไรหรือท่านนายป่าช้า เวลาผมร่ำเรียนจะได้รำลึกบูชาไว้ด้วย เสียงนายป่าช้าหัวร่อเบาๆ พลางกล่าวว่าเขาเองก็ดีใจที่จะได้คนดีมารับการถ่ายทอดที่เขาไม่แสดงตัวนั้นไม่ต้อง การให้มีเรื่องมากนัก เขาชื่อเลื่อมจ๊ะพ่อหนุ่ม ชายหนุ่มท่องชื่อจดจำไว้ แล้วกล่าวขึ้นว่า ผมชื่อโชติครับอาจารย์เลื่อมหากอย่างได้ช่วยแนะนำสั่งสอนด้วยครับ กระแสลมพัดอย่างแรงมากระทบร่างชายหนุ่มทันที ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งมันรู้สึกเย็นยะเยือก คล้ายๆกับหลวงพ่อทอง ที่เรียกเขาไปเป่ากระหม่อมไม่ปานเลย หลังจากชายหนุ่มลงไปในหลุมแล้วนำเอาใบลานเก่าๆค่อนข้างจะผุพังพร้อมขุดดินมาห่อไว้ที่ชายผ้าขาวม้าคนละ ข้าง แล้วยกสะพายคล้องคอไว้ ก้าวขึ้นจากหลุม หันไปทางนายป่าช้าแล้วยกมือไหว้ พร้อมทั้งหันไปยกมือไหว้เจ้าของหลุม ที่มีชื่อว่าอาจารย์เลื่อมกล่าวขอขมาฝาก เนื้อฝากตัวไว้ด้วย ผมขอกราบขอบพระคุณท่านทั้งสองที่กรุณาแก่ผมครับ พลางยกมือขึ้นไหว้มาทางนายป่าช้าและข้างๆ แล้วผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้อย่างสม่ำเสมอ จะหมั่นศึกษาร่ำเรียนวิชาจากใบลานก็ขออาจารย์จงช่วยดล บันดาลให้สำเร็จด้วย ผมขอกราบลากลับนะครับด้วยจะรบกวนเวลาท่านทั้งสองมากไปครับ ผีนายป่าช้าก็กล่าวขึ้นว่า จำเริญๆเถอะพ่อหนุ่ม อาจารย์เลื่อมท่านยิ้มแย้มแจ่มใสอวยพรด้วย และบางทีจะติดตามไปช่วยแนะนำให้อีกทาง หนึ่ง แต่อย่ากลัวนะ ผีนายป่าช้ากล่าวขึ้น...... หลังจากร่ำลาแล้วชายหนุ่มก็รีบออกจากป่าช้า ไปยังจักรยานแล้วรีบปั่นอย่างรวดเร็วเดินทางกลับบ้านทันที เมื่อเขาจูงรถจักรยานผ่านรั้วเข้ามา ก็แลเห็นหญิงสาวและเด็กผมแกละกำลังเล่นกันอยู่ ทั้งสองหันมาทางเขาแล้วก็ส่ง ยิ้ม หญิงสาวพลางกล่าว่า เรียบร้อยแล้วหรือพี่.... หญิงสาวตอบ กำลังเล่นกันอยู่หรือชบา เดี๋ยวพี่จะรีบไปทำหน่อยนะด้วยนี่ก็ย่างเข้าวันเสาร์แล้วจะต้องทำก่อนสว่าง ชายหนุ่มกล่าว อ้าวถ้าพี่ทำเสร็จแกละก็มีเพื่อนเล่นอีกซีพี่ เจ้าแกละหันมาตอบบ้าง คงไม่อย่างนั้นนะ อ้าว!!!!???.....แล้วไม่ไปชวนพี่อ้อยเขามาเล่นด้วยล่ะ???....... พี่อ้อยเขาคอยเฝ้าของให้พี่อยู่จ๊ะ เมื่อกี้นี้ชบาไปชวนเขาแล้วจ้า หญิงสาวตอบ เอาล่ะๆ....พี่ไปก่อนนะนี่ก็จวนจะได้ฤกษ์อยู่แล้วล่ะ ชายหนุ่มกล่าวเสร็จก็รีบเดินขึ้นบันไดไปเข้าห้องเขาทันที พอเปิดห้องก็แลเห็น สาวอ้อยยังนั่งมองหุ่นที่วางอยู่บนจานที่ชายหนุ่มต่อไว้แต่ยังเป็นรอยขาดอยู่ ครั้นชายหนุ่มเดินเข้ามา อ้อยก็ถามว่าทำไมไปนานนักล่ะพี่โชติ อ้อ???...พี่ไปคุยกับผีนายป่าช้ามาและได้วิชาจากอาจารย์เลื่อมมาอีกด้วยจ๊ะ นี่ไง พลางปลดผ้าขาวม้าที่คล้องคอไว้ แก้ปมอีกปลายหนึ่งออกมา เขาเห็นหญิงสาวสะดุ้งถอยหลังกรูดๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอกจ้าเป็นแค่ใบลานเก่าๆไม่รู้ว่า จะอ่านได้อีกหรือไม่ กล่าวจบก็รำลึกยกมือไหว้อาจารย์เลื่อมบอกกล่าวว่าหญิงสาวอ้อยเป็นคนของเขาเอง ดังนั้นเห็นสาวอ้อยยิ้มออกมาได้ พลางกระเถิบเข้ามาใกล้ๆมองดู เห็นเป็นใบลานที่ม้วนเป็นวงกลมๆไว้ ชายหนุ่ม จึงนำไปวางไว้ที่หัวหมอนเขาทันทีพร้อมยกมือไหว้ไปทางหน้าประตูห้อง แล้วรีบมาแก้ปมอีกด้านหนึ่งของผ้าขาวม้า เป็นดินสีเทาหลากสี เขาจึงนำมาพร้อมทั้งยกหุ่นที่ร่างขาดออกมาตัวหนึ่งพร้อมนำดินนั้นมากเสกมนต์สักพักใหญ่แล้วพันต่อร่างหุ่นไว้มิให้ขาดกลางพร้อมนำเชือกที่เขาเตรียมไว้พร้อมผ้าขาวเล็กๆมาแล้วมา ท่องมนต์สักครู่หนึ่งเอาผ้าพันรอบเอวที่ขาดแล้วเอาเชือกรัดไว้ แล้วก็ไปทำกับอีกตัวหนึ่งเหมือนๆกัน ครั้นเสร็จแล้ว เขาก็นำหุ่นทั้งสองไปวางยังที่เดิม พลางหันไปหยิบท่อนไม้สองท่อนที่ยังหลังตู้เสื้อผ้าเขาออกมา วางเคียงข้างหุ่นแต่ละตัว พร้อมหันไปบอกอ้อยให้ออกไปจากห้องได้แล้ว ไปเล่นกับพวกชบาและเจ้าแกละก่อน อ้อย....ไปเล่นเถอะนะพี่จะต้องทำพิธีคนเดียวจ้า อ้อยจะคอยนั่งเฝ้าที่หน้าประตูห้องไม่ได้หรือพี่ อ้อยไม่ค่อยยากจะไปเล่นมันรู้สึกชักจะอายๆอย่างไรชอบกล หญิงสาวเอ่ยขึ้น???..... อย่างงั้นก็ได้แต่ห้ามอ้อยเข้ามาจนกว่าพี่จะเปิดประตูนะ หากได้ยินเสียงอะไรก็ไม่ต้องเข้ามานะจำคำพี่ไว้ด้วย... ชายหนุ่มสั่งสาวอ้อยทันที...... จ้าพี่....อ้อยเชื่อพี่อยู่แล้ว เสียงอ้อยรู้สึกจะแช่มชื่นเมื่อเขาอนุญาตหล่อน ดังนั้นเขาจึงรีบไปปิดประตู หลังจากสาวอ้อยเดินออกไป เขาเดินไปที่จานที่วางร่างหุ่นไว้ แล้วนั่งสมาธิภาวนา วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากตาที่สอนแม่ไว้และได้ถ่ายทอดให้แก่เขา เรื่องเกี่ยวกับหุ่นพยนต์ สักครู่หนึ่งเสียงลมพัดอู้ๆๆจนหน้าต่างเปิดเข้าเปิดออกประตูก็เปิด แต่แปลกจริงๆ พ่อแม่เขาไม่ได้ยินหรือว่า ท่านคงจะรู้แล้วกระมัง เขาเพ่งวิชาของพ่อด้วยวิชากสิณที่ร่ำเรียนมาพลางเพ่งไปยังท่อนไม้ทันที ฉับพลันเงาดำๆพวยพุ่งออกจากท่อนไม้ ทันที พุ่งมาหาเขาแต่ก็ต้องชะงัก เขาร่ายมนต์กำกับไว้ เสียงมันร้องอย่างโหยหวนแล้วในที่สุดก็คุกเข่าลงยังเบื้องหน้า เขา ชายหนุ่มกล่าวว่า บัดนี้ข้าจะชุบชีวิตใหม่ให้แก่พวกเอ็ง ต่อไปเอ็งต้องเป็นพวกของข้าจำไว้ด้วยอย่าทำอะไรโดยที่ข้าไม่สั่งนะ... นายจะให้ข้าทำอะไรหรือ หากว่านายชุบชีวิตข้าไว้ให้เกิดอีกครั้งหนึ่ง ข้าขอสาบานว่าจะอยู่รับใช้นาย เชื่อฟังนาย งั้นเอ็งก็เข้าไปในร่างของเอ็งได้แล้วข้าทำพิธีต่อร่างใหม่ให้เอ็งแล้วล่ะ.... มันทั้งสองหันไปมองยังร่างที่ใส่จาน แล้วหันมากราบชายหนุ่มทันที ข้าทั้งสองขอขอบใจนายที่กรุณาแก่ข้าเว้นการ กักขังข้าไว้ ครั้นแรกนึกว่าจะนำไปฝังให้ข้าทุกข์ทรมานเสียอีก มันกล่าวสีหน้าแสดงความขอบคุณชายหนุ่ม ไม่หรอก....ข้าไม่ใจร้ายเหมือนอาจารย์ดำเก่าของเอ็งหรอก แต่จะให้เอ็งทำแต่ความดี เพื่อช่วยเหลือพวกมนุษย์ที่ดีๆจะได้เป็นบุญกุศลแก่เอ็งต่อไป เวลาจุติไปจะได้ไปบังเกิดใน ภพดีๆ แม้ว่าวิญญาณเอ็งมาสิงในหุ่น ก่อนนั้นเอ็งคงจะทำแต่ความชั่วช้าโหดร้ายมาก อาจารย์ดำถึงสร้างเอ็งขึ้น มา เป็นไงพอถึงตัวเองจะรู้สึกว่าเจ็บปวดมากแค่ไหน ให้เขาใช้วิชาบังครับเอ็งโดย เขาใช้ทำให้สิ่งที่ชั่วร้าย แต่ข้าจะให้เอ็งทำแต่ในสิ่งดีๆ หัดเป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ จะได้ผ่อนหนักเป็นเบากับเขาบ้าง ปีศาจหุ่นทั้งสองกล่าวว่า ที่จริงก่อนนั้นข้าเองก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอกนาย ด้วยเมืองที่ข้าอยู่นั้นเกิด สงครามฆ่ากัน และมีคนที่มีอำนาจมาฆ่าพ่อแม่พี่น้องข้าจนหมดไม่ยกเว้นแม้แต่เด็กๆและหญิงทั้งสิ้นต่างตายหมด ข้าทั้งสองจึงได้ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวและหาพวกไปปล้นพวกมันเพื่อแก้แค้นพวกมันที่มาทำกับพวกข้าก่อน โดยกลับไปและฆ่าคนที่มาฆ่าพวกของข้าเอง แต่มันกับทางการรู้กันจึงส่งทหารมาล้อมพวกข้าและฆ่าพวกเราเสียหมด แรกๆข้าก็ทำมาหากินโดจสุจริต ด้วยความจำเป็นจึงต้องโหดเหี้ยมมิฉะนั้นอยู่ไม่ได้จ้า พวกข้าทั้งสองเป็นหัวหน้า รวบรวมกลุ่มที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งมิได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ออกไปทำไร่กันหมด กลับมาถึงได้รับรู้มันทรมานพวกข้า จึงได้ ต่อต้าน กิติศัพท์ข้าเลื่องลือไปไกลและมาถูกฆ่าตายด้วยพวกข้ายกพวกไปฆ่าพวกที่มาฆ่าพ่อแม่พี่น้องข้าจนพวกมัน ตายหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก และยังยกพวกไปปล้นพวกทหารฆ่าพวกมันที่ร่วมมือกันมาฆ่าพวกหมู่บ้านเรา ฉนั้นอาจารย์ดำจึงไปนำข้ามาเลี้ยงไว้ด้วยเห็นว่าฆ่าไม่เกรงกลัวใครๆแต่เขามอมเมาข้าด้วยวิชาอาคมบังคับแต่สู้เขา ไม่ได้ มันให้ข้าไปทำให้สิ่งบางครั้งข้าก็ไม่อยากทำแต่ต้องทำ ด้วยตกอยู่ในอำนาจของมัน ปีศาจทั้งสองกล่าวกับชายหนุ่ม ถ้าอย่างงั้นเอ็งก็ไม่ใช่คนโหดเหี้ยมในสันดานนี่หวา เอาล่ะหากมาอยู่กับข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ใช้พวกเอ็ง ในทางที่ผิดหรอก และจะให้เอ็งสร้างแต่ผลบุญกุศลรู้จักธรรมบ้าง ข้าเองก็จะสั่งสอนทางธรรมให้เอ็งรับรู้ไว้บ้างจะได้ค่อยๆคลายจิตที่ถูกบังคับเกาะกุมมานาน ชายหนุ่มตอบ หากข้าได้นายเช่นนี้ข้าขอสาบานว่าจะจงรักภักดีแก่นายและจะทำความดีไม่จำเป็นจะไม่ฆ่าใครเด็ดขาดจ้า มัน รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ พร้อมก้มลงกราบชายหนุ่มทันที ถ้าอย่างนั้นเอ็งจงไปสู่ยังร่างหุ่นของเอ็งได้แล้ว นี่ก็จวนจะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว ข้าจะได้ปลุกเสกเอ็งให้ฟื้นแถม ยังมีพละกำลังอำนาจมากกว่าเดิมอีก ชายหนุ่มกล่าว ร่างปีศาจสองตนเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ก้มลงกราบชายหนุ่มทันที มันทั้งสองนึกในใจว่า ชายหนุ่มรูปร่างหล่อคนนี้ เหตุใดจึงมีวิชาอาคมเก่งกาจเหลือหลายนัก แล้วร่างมันก็ค่อยสลายเป็นควันทางยาวพุ่งไปยังร่างของหุ่นที่ชายหนุ่ม วางไว้ในจานทันที ครั้นชายหนุ่มเห็นดังนั้น ก็เข้าฌานสมาธิเดินลมปราณทั้งทางฌานและทางกสิณ ด้วยอำนาจที่บริสุทธิ์แห่งจิตใจ ร่างของหุ่นพยนต์ก็เริ่มไหวตัว ลุกขึ้นยืนบนจานนั้นทันที ชายหนุ่มรีบพรมน้ำมันที่เขาสร้างขึ้นไว้มีกลิ่นหอมมาก พรมลงไปยังร่างของหุ่นทั้งสองทันที พร้อมร่ายพระเวทย์กำกับไว้อีกคาบ พร้อมใช้คาถาอาคมถอดถอนมนต์ต่างๆ ที่อาจารย์ดำทำไว้ แล้วใช้อำนาจจิตเขียนยันต์ลงแทนพร้อมทั้งจารอักขระเสียใหม่ กลิ่นเหม็นสาปสางก็หายไป บังเกิดกลิ่นหอมใหม่ขึ้นมาแทนที่พร้อมทั้งพรมน้ำมนต์ที่เขาทำไว้สำทับลงไปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหุ่นนั้นฟื้นคืนชีพ อีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้เจ้าหุ่นพยนต์นี้ รู้สึกตัวว่าร่างของมันมีพลังงานมหาศาลมากกว่าเดิมเสียอีกแผ่ซ่านเข้ามา ซึมซ่านภายในกายหุ่นมัน มันเหลือบมองไปยังบริเวณที่ถูกควายธนูขวิดขาดเป็นสองท่อน บัดนี้หายสนิทไม่มี บาดแผลใดๆเลย มันจึงก้าวลงจากจาน แล้วเข้ามาคุกเข่าก้มลงกราบชายหนุ่มทันที รูปร่างหุ่นก็เปลี่ยนไปจากที่ เคยกางแขนขา กลายกลับเป็นคล้ายๆคนธรรมดาไปด้วยมีรูปร่างใบหน้าเหมือนพวกกุมารทองมิผิด ชายหนุ่มกล่าวว่า เอ็งไม่ต้องกลัวยันต์ที่ห่อหุ้มเป็นโครงร่างเอ็งหรอก ข้าได้ทำลายเสียสิ้นหมดแล้วไม่สามารถ ทำอะไรหรือบังคับเอ็งได้อีกแล้ว ในทำนองเดียวกันข้าได้ใช้อำนาจข้าสร้างยันต์ของข้าทับกำกับลงไว้แทนหมดแล้ว อีกประการหนึ่ง บรรดาสิ่งชั่วร้ายในการใช้บังคับเอ็งบัดนี้ข้าทำลายเสียสิ้น และปรับแต่งกายเอ็งเสียใหม่ด้วยอำนาจ ฌานกสิณของข้าหมดแล้ว แต่ข้าจะให้เอ็งทำงานให้แก่ข้าอย่างหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ที่ไม่รู้วิชาอาคมถูกทำ ร้ายเอ็งจะยอมทำหรือไม่ หากไม่ยินยอมข้าก็ไม่บังคับใจเอ็งหรอก ชายหนุ่มกล่าวขึ้น..... ข้าอยากรู้ว่านายข้าชื่อไร??.... หุ่นตัวใหญ่กว่ากล่าว ส่วนข้าก่อนนั้นอาจารย์ดำเรียกข้าว่า แสง ส่วนอีกตัวเรียกว่า สิน มันหันไปกล่าวกับชายหนุ่มด้วยความเคารพนอบน้อม ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า เอ็งเรียกข้าว่าโชติก็แล้วกัน ส่วนชื่อเดิมนั้นข้าจะตั้งให้เป็น แสงสี กับสินชัย นะ เพียงแค่ เพิ่มขึ้นเท่านั้น หุ่นทั้งสองท่องชื่อมันและนายมันอย่างจดจำ พลางกล่าวว่า แล้วนายจะให้ข้าไปทำอะไรหรือ???...... หุ่นทั้งสองถามขึ้น ข้าเพียงแต่ให้เอ็งย้อนรอยไปทำร้ายมันด้วยตอนนี้มันกำลังจะคิดชั่วร้ายจึงไม่อยากจะไว้ชีวิตมัน ด้วยข้ารู้มาว่ามันถึง คราวต้องใช้กรรมเก่า หากเป็นสิ่งอื่นคงจะทำมันไม่ได้นอกจากของที่มันเคยทำไว้เองด้วยการเรียกว่าหอกนั้นคืนสนอง วิชาอาคมมันย้อนรอยเท่านั้น ชายหนุ่มกล่าวตอบ ตกลง....นายข้าจะไปจัดการให้ตามที่นายสั่งไว้ทุกๆประการจ้า.....มันทั้งสองกล่าวพร้อมเพรียงกัน ดีแล้วจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่มันกำลังคิดจะทำอยู่กำจัดมันเสียก็แล้วกัน แต่อย่าให้มันสงสัยมันถามอะไรก็ ตอบมันไปตามสถานะการณ์แต่งเติมของเอ็งก็ได้ มันจะได้ไม่สงสัยอะไร ไม่ระวังตัวมันก็จะถึงเวลาที่ลงมือได้ ชายหนุ่มกล่าวหากจนปัญญาก็รีบกลับมาหาข้าก็แล้วกันนะ ครับนาย...... พอมันกล่าวจบร่างมันก็จางหายพุ่งออกจากหน้าต่างหายลับไปทันที.................. * แก้วประเสริฐ. *
15 พฤศจิกายน 2553 05:46 น. - comment id 119993
สวัสดีค่ะครู กำลังสนุก ตื่นเต้นค่ะ อยากรู้ว่าอาจารย์ดำจะตายด้วยน้ำมือของกุมารทองใหม่หรือเปล่า ประเภท หมองูตายเพราะงูใ่ช่มั้ยคะครู
15 พฤศจิกายน 2553 20:20 น. - comment id 120004
คุณ อนงค์นาง ครูว่างๆก็เลยเขียนเล่นฝึกสมองไว้ แต่ก็สนุกดีนะ ครั้นจะเขียนแบบหวาดเสียว มากก็จะทำให้เกิดความกล้ัวกันขึ้นมากๆ จึงเขียนสลับแนวกันจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
3 มกราคม 2554 13:50 น. - comment id 121048
น่าติดตามค่ะ ไปอ่านต่อล่ะค่ะ
16 มกราคม 2554 14:20 น. - comment id 121457
สวัสดีครับผม...ก่อนอื่นใด ตามลักษณะผู้มาเยือนที่ดี...ตามที่ท่านแฝง คำสอนไว้ในบทนี้....