อทิสมานกาย ๑๐ กำนันเองก็แสดงตนเป็นคนใจดีแต่ลึกๆนั้นซ่อนเล่ห์เหลี่ยมไว้ในใจหวังแต่ผลประโยชน์ทั้งสิ้น ใบหน้าจะยิ้ม แย้มแสดงตนเป็นคนเห็นอกเห็นใจลูกบ้านเสมอๆ โดยยินยอมให้กู้เงินแต่เพียงคิดเอาดอกเบี้ยไม่มากนัก ไม่ยุ่งยากมากมายอะไร หากมีสิ่งของเช่นพวกใบโฉนดที่ดิน นส.3 หรือใบจับจองที่ดินมา แต่มีข้อแม้ว่าต้องมาซื้อของที่บ้านแก ได้แก่เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์และสิ่งอื่นๆที่แกขายเป็นต้น และต้องนำสิ่งของที่ทำได้ทั้งหมดโดยให้มาส่งเฉพาะบ้านกำนันเท่านั้น ห้ามไปซื้อขายกับพ่อค้าคนกลาง มิฉะนั้นดอกเบี้ยจะขอเพิ่มมากเป็นสองสามเท่า ตอนแรกแกคิดแค่ร้อยละบาท เท่านั้น เพียงแค่นำใบจับจองหรือใบ นส.3 มาค้ำประกัน แต่จำนวนเงินนั้นไม่ต้องลง เพียงหาคนมาเป็นพยานก็พอ แกบอกว่าไม่ต้องกลัวแกจะเบี้ยวหรอกแกไม่ทำกับลูกบ้านแกด้วยเห็นใจทุกๆคน หากยินยอมก็เอาเงินไปเท่าใดก็ได้กำนันกล่าว ดังนั้นชาวบ้านที่ล่มจมจากการทำไร่ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหนี้แกเกือบทุกครัวเรือน เพราะหากไปที่ในเมืองก็ต้อง ใช้เวลานาน จะไปกู้ ธกส.หรือก็เรื่องมาก หากไม่มีนส.3หรือโฉนดก็ไม่ได้ แต่ชาวบ้านบางกระดี่เกือบทุกครัวเรือน น้อยคนนักจะมี ใบ นส.3หรือโฉนดที่ดิน ส่วนใหญ่แล้วการจับจองถึงจะหลายปีสมัยปู่ย่าตายายทวด มาแล้วก็ตามแต่ทางอำเภอที่ดินก็ยังไม่ยอมออกใบ นส.3 ให้อ้างสิ่งต่างๆนาๆเสมอ หรือก็ต้องไปหลายๆครั้ง ยกเว้นพวกกำนันทั้งนั้นที่จะได้รับ และคนกู้เงินก็ล้วนแล้วแต่เป็นใบจับจองเกือบทั้งสิ้นเฉพาะหมู่บ้านบางกระดี่ ทางกรมที่ดินมักจะหาเหตุเรื่องต่างๆนาๆมาอ้างเสมอ จนชาวบ้านรำคาญ บางรายต้องไปหลายๆรอบ ไปแต่ละครั้ง ก็ต้องหาที่นอนในเมือง ด้วยระยะทางมันใช้เวลาเป็นวันๆ ส่วนใหญ่อิทธิพลกำนันจะควบคุมทางการไปหมด เหตุดังนี้พวกชาวบ้านจึงต้องยอมแกทุกๆอย่าง พอนานๆเข้า กำนันก็มีที่ดินเป็นจำนวนมากด้วยชาวบ้านไม่มี เงินส่งค่าดอกหรือไถ่ถอนคืน กลายเป็นผู้เช่าอาศัยแกอยู่และต้องทำตามคำสั่งแก กำนันจึงสามารถชี้นกเป็นนกชี้ไม้ เป็นไม้ได้เกือบจะทุกๆหลังคาเรือนเลยทีเดียว ซ้ำร้ายยังคิดของที่แกรับไว้มาขายอีกด้วย โดยการบังคับให้ซื้อไว้ ส่วนราคาที่แกจำหน่ายก็สูง ผลผลิตหรือก็ได้พอสมควรตามแต่แกจะตั้งราคาให้ โดยคนของแกจะอ้างโน่นอ้างนี่ต่างๆนาๆ พวกชาวบ้านที่กู้เงินแกก็จำยอมรับดีกว่าจะไม่ได้อะไรเลย คนกลางหรือก็จะเข้ามายังหมู่บ้านไม่ได้ด้วยกลัวเกรง อิทธิพล เคยมีมาเหมือนกันแต่ก็ต้องถูกปล้นกลางทางเสมอ จนพวกนั้นขยาดไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้านนี้ ดังนั้นกำนันจึงครอบครองทั้งผลผลิตการจำหน่ายจากชาวบ้านแต่เพียงผู้เดียว ส่วนผู้มาซื้อต่อนั้นก็ต้องได้รับ การอนุญาตจากกำนันเสียก่อนถึงจะเข้ามาซื้อของจากแกได้ในราคากลางโดยปลอดภัย ฐานะคนในหมู่บ้านบางกระดี่จึงไม่ดีนักไม่เหมือนกัน หากเป็นพวกของแก่ก็ล้วนแล้วจะมีฐานะดีทั้งนั้น ซึ่งต่างกับคนหมู่บ้านโคกอีแร้งอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกๆคนสมานสามัคคีกลมเกลียวกันช่วยเหลือกันและกัน กำนันหมู่บ้านบางกระดี่จึงหมายมั่นปั้นมือนักว่าจะเข้าไปแทรกแซงคนหมู่บ้านโคกอีแร้ง ส่งคนไปก็แล้วจะหา วิธีการกลั่นแล้งนานาประการจากทางจังหวัดก็แล้ว ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ผล จึงทำให้กำนันเจ็บใจมากนักด้วยไม่รู้ จะทำอย่างไรดี ก็เลยหันไปทางหมู่บ้านอื่นที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนัก ถ้าหากแกต้องการลูกสาวใครในหมู่บ้านแกก็ย่อมจะได้ หากขัดขืนแกก็ใช้คนของแกไปฉุดมาเสียดื้อๆ พ่อแม่ขัดขืนหรือมักจะต้องตายไปในเวลาไม่นานนัก ดังนี้ก็มีคนในหมู่บ้านบางคนต่างอพยพหนีไปก็มากแต่ ก็ต้องหนีไปได้ไม่เท่าไหร่ มักจะไม่พ้นเงื้อมมือคนของแกจนชาวบ้านต่างพากันเกรงกลัวขยาดไปตามๆกัน ฉะนั้นอิทธิพลของแกจึงครอบคลุมหมู่บ้านบางกระดี่โดยสิ้นเชิง ในเมื่อทุกๆคนลูกบ้านแกหมดสิ้นเนื้อ ประดาตัวไม่มีเงินมีแต่กายที่ต้องทำไปเพื่อมีกินไปวันๆหนึ่ง แกจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่โดยไปคบกับเสี่ยเม้ง และพวกตัดไม้ทำลายป่า แก่เอาเกือบทุกๆอย่างที่ทำเงินให้แก่แกพร้อมอิทธิพลคอยหนุนหลังแก เมื่อแก ดำเนินกิจการใหม่ ยิ่งทำให้ฐานะแก่มั่งคั่งร่ำรวยมากยิ่งขึ้น จนชื่อเสียงแกดังไปในจังหวัดจนสนิทกับผู้ว่าฯ ตลอดจนผู้ใหญ่บางคน แต่แกมีนิสัยดีอย่างหนึ่งคือถึงคราวเสียแกยอมเสียไม่เสียดายเงิน เท่าไหร่เท่ากัน แต่เพื่อหวังผล ในการปกครองคนในหมู่บ้านของแกตลอดความสะดวกกับทางการเสมอๆ ไปที่ไหนก็ได้รับ การต้อนรับ นับน่าถือตาจากพวกพ่อค้าหรือคนในวงราชการเสมอๆ ซึ่งผิดกับกำนันหมู่บ้านอื่นบางหมู่บ้าน กูเสียไปเท่าไหร่ช่างหัวมันแต่กูต้องการอำนาจและเหตุการณ์ข้างหน้า มันมักจะกล่าวกับลูกชายของมัน เสมอๆ มึงจงดูกูเป็นตัวอย่างไว้เลี้ยงคนก็ต้องอย่าเชื่อใจให้มากนักมันอาจจะแว้งกัดมึงเมื่อไหร่มึงก็ไม่รู้ ยิ่งหากพวกชิดสนิทเท่าไหร่ก็ควรระวังไว้ให้มากด้วย แดกเท่าไหร่แดกไปมันก็แค่อิ่มเท่านั้น แต่หากมันต้องทำประโยชน์ให้แก่เรามากๆ สิ่งได้จะมากกว่าที่มันแดกเสียอีก แล้วมึงก็อย่าเมาจนลืมตัวไปล่ะไอ้แม้น กำนันมั่นกล่าวสอนลูก...... เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับทางจังหวัดที่เป็นพวกของแกจึงทำให้กำนันหวั่นไหวใจมาก และพวกพ่อบางคน โดนทางตำรวจในกรุงฯเข้ามาจับและคุมตัวเข้ากรุงเทพฯ ล้วนแล้วแต่เป็นพวกแก กำนันยิ่งตกใจกลัวว่าหากอ้าง ว่าแกมีส่วนร่วมด้วยยิ่งทำให้แกยิ่งกลัวมากขึ้น และสั่งพวกให้เพลาๆมือไว้ก่อน คอยรอจังหวะเหมือนเดิมเสียก่อน ซึ่งตอนนี้กำนันกำลังคิดหาหนทางอยู่ยังไม่รู้เลยว่าใครจะมา และแกจะเข้ากับเขาได้เหมือนสมัยก่อนได้หรือไม่ แกมานั่งนอนคิดไป ส่งคนของแกเข้าไปสืบในจังหวัดหากทราบว่าใครมาให้รีบกลับมารายงานแก จนป่านนี้ ก็ยังไม่มีใครเข้ามารายงานแกสักคนเดียว ส่งคนไปอีกเพื่อติดตามกลับมาแจ้งว่าแม้แต่คนทางการยังไม่รู้ว่าใครจะมา ดังนั้นแกมักจะเรียกไอ้แม้นมาปรึกษากับมันเสมอๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วแก่จะหมกมุ่นอยู่กับกามารมณ์ เสียเป็นส่วนมากเพื่อระบายความเครียดที่แกกระวนกระวายใจแทนไปพลางๆก่อน แท้จริงแล้วแกกลัวว่าจะลามมาถึงแกเองในภายหน้า จึงหาทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะพอผ่อนคลายอารมณ์ให้บางเบาไปได้ โดยให้คนไปสืบหาสาวๆมาเพื่อรองรับอารมณ์ของแกแทน และคอยฟังข่าวคราวๆเสมอดับอารมณ์ด้วยการกินเหล้าให้มันเมาๆไปวันๆหนึ่ง ในระยะนี้บ้านใครมีลูกเป็นหญิงพอใกล้จะเป็นสาวมักจะถูกส่งไปอยู่ที่อื่นเสียเป็นส่วนมากแอบหนีไป นับวันกำนันแกยิ่งขาดแคลนนอกเสียจากพวกติดของ ของแกเท่านั้น แต่แกเป็นคนไม่ค่อยชอบเพราะพวกนี้ ร่างกายมักสกปรกเหม็น แกกำลังคิดหาหนทางอยู่บ้านเรือนเฉพาะคนในบ้านที่อยู่ประจำโดยมีหญิงสาวเดิมอยู่ ส่วนบนแคร่ใต้ต้นมะขามก็กำลังสนุกสนานเฮฮากันด้วยพวกหนุ่มๆสาวๆกำลังเมาได้ที่ต่างหยอกเย้ากัน เล่นจนบางครั้งก็ไม่อายฟ้าอายดินกันเลย ในขณะที่บรรดาพวกลูกชายกำนันกำลังสนุกสนานเฮฮากันนั้น ไอ้แม้นก็ได้ยินเสียงเรียกดังออกมาจากริมรั้วหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้อากาศมันมืดด้วยค่อนข้างจะเกือบข้างแรมมาก ไอ้แม้นโว้ย ๆ ไอ้แม้น .......เสียงเรียกเป็นชายค่อนข้างชราแต่ร่างกายกำยำบึกบึนยิ่งนักกว่าวัยมากนัก รูปร่างกายนั้นดำมะเลื่อมสักยันต์เต็มตัวแทบจะไม่มีที่ว่างเลยนอกจากใบหน้าไม่เว้นแม้แต่หน้าผากเท่านั้นเอง ส่งเสียงตะโกนลั่น อย่างมิเกรงกลัวใครๆ ซึ่งแม้แต่กำนันเองยังเกรงใจมันเคยใช้มันให้ช่วยเหลืองานให้แก่กำนัน บางอย่างซึ่งกำนันไม่อาจจะทำได้ แต่อาจารย์คนนี้ไม่เคยสร้างความผิดหวังเลย กำนันได้ยินแล้วแต่ทำเป็นเฉยๆไว้ ใครว่าไอ้สน.... เสียงไอ้แม้นส่งเสียงอ้อแอ้ ถามขึ้น ด้วยอากาศมันสลัวด้วยตกเย็นๆมากๆแล้ว ไอ้สนป้องหน้าดูพลางเขม่นสายตา แล้วกล่าวว่า... อ้าวอาจารย์ดำหรือ....เฮ้ยไอ้แม้นอาจารย์มึงมาโน่นแน๊ะ??.. ไอ้แม้ทะลึ่งพรวดทันที ลุกขึ้นยืน พลางไล่ให้อีชบาถอยออกห่างไปก่อนแล้วรีบกลับไปห้องมันเสีย อย่าให้อาจารย์ เห็นเป็นอันขาด อีชบารู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงรีบวิ่งหลบไปไม่ยอมพบหน้าอาจารย์ไอ้แม้นก่อนที่จะแลเห็น ไอ้แม้นรีบเดินสะเงาะสะแงะ เซซ้ายเซขวา รีบไปหาที่ริมรั้วทันที รีบเปิดประตูรั้วที่ทำด้วยไม้อย่างดีล้อมรอบด้วย คอนกรีตเสริมเหล็กกั้นเป็นบริเวณขอบสูงบนรั้วกั้นด้วยลวดหนามค่อนข้างสูง ด้วยการขายของผิดกฎหมาย จึงป้องกันไว้ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันข้างหน้า พอเห็นอาจารย์มันก็ยกมือไหว้ นึกว่าใครอาจารย์หรือ เชิญ มาม๊ะมา อาจารย์เข้ามาเถอะมีธุระอะไรหรือ???.. ชายชราร่างกายกำยำสักยันต์ตั้งแต่หน้าผาก ตลอดร่างลำคอลงมาแกผิวดำอยู่แล้วยิ่งออกเป็นสีเขียวด้วยรอยสัก ทั้งตัวผสมกับผิวแกที่ดำมะเลื่อมทำให้ร่างกายแกน่าเกรงขามนัก เดินตามหลังไอ้แม้นมา ไอ้แม้นบอกให้ไอ้เบี้ยวถอยห่างไปหน่อยเพื่อให้อาจารย์มันนั่ง พร้อมรินเหล้าส่งให้อาจารย์มันทันที พร้อมถามว่า..... มีเรื่องอะไรหรืออาจารย์ ข้าพอจะช่วยได้ไหมล่ะ???...... มีซิว๊ะ ไอ้แม้นงั้นกูจะมาหามึงเองหรือ อยากจะให้มึงกับพวกมึงไปสืบดูซิว่า ไอ้คนหมู่บ้านโคกอีแร้งมีใคร เป็นหมอผีที่เก่งมากว๊ะ.... อ้าวทำไมหรืออาจารย์ต้องไปถามหาพวกมันด้วยล่ะ???.... คราวนี้ไอ้แม้นชักสงสัย พลางกล่าวขึ้นว่า ก็เด็กๆของอาจารย์ล้วนแล้วแต่พวกผีทั้งนั้นมันไม่ง่ายกว่าหรือ ล้วนแต่ละตนเก่งๆทั้งนั้นนี่นา หรือต้องใช้คนไป สืบหาจะยากกว่านาอาจารย์......ไอ้แม้นถาม???.... อ้อๆๆมึงจำไม่ได้หรือว่าให้กูปล่อยของไปเล่นงานไอ้พวกโคกอีแร้งนั่นนะ กูใช้หุ่นกูไปชักชวนพวกผีในป่าช้ามา เป็นพวกหลายตัวแล้ว แต่เมื่อคืนนี้มันหายไปกูสงสัยว่ามันไปไหน นึกว่าไปชวนพวกอีก เลยปล่ยอมันไป แต่กู สังหรณ์ใจชอบกลถามพวกเด็กมันบอกว่า พี่พยนต์ไม่ได้บอกว่าไปไหนเพียงแต่บอกว่าจะหาพวกมาเพิ่มอีกเท่านั้น กูก็เลยใช้ให้อีพรายแจ๋วตามมันไปดู แต่มันไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆเพียงแต่แอบดูเท่านั้น พอเรื่องสงบก็รีบกลับมา พอมาถึงบอกกูว่า ไอ้หุ่นพยนต์สองตัวนั้นตายห่าหมดแล้ว ร่างกายมันขาดสองท่อน ไส้ไหลเลือดนองแต่ร่างหายไป ถึงอย่างนั้นมันก็ควรจะกลับมารายงานกูได้แต่คงถูกคนมีอาคมจับตัวมันไปว๊ะ อาจารย์ดำกล่าวกับศิษย์มัน แต่ถึงอย่างไรร่างมันก็ควรจะกลับถึงจะขาดสองท่อนก็ตามจริงไหมล่ะอาจารย์ ไอ้แม้นถาม??.. ข้อนี้ก็จริงว๊ะ .....กูถึงสงสัยยิ่งนัก ปกติแล้วสิ่งที่กูปล่อยไปมันจะมาทุกๆครั้ง ถึงจะเป็นอย่างไร หากมิถูกคนมีอาคม จับตัวไว้เสียก่อน ดังนั้นกูถึงมาหามึงแหละ.....อาจารย์ดำกล่าว..... เอ้!!!!!ๆๆๆแปลกนะอาจารย์ ยกเว้นหลวงพ่อทองคนเดียวเท่านั้น ที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า นอกนั้นข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใคร นอกจากพวกชาวไร่ธรรมดาเท่านั้นเองแหละ หรือว่า???....เอ๊ะๆเป็นไปไม่ได้นาเพราะมันพึ่งกลับมาจากกรุงเทพฯคงมาเยี่ยมพ่อแม่มันเท่านั้นเอง แต่ก็เพียงสงสัยด้วยไม่รู้จักว่ามันเป็นลูกเต้าเหล่าใครอาจารย์ ส่วนทางโน้นก็ไม่มีอาจารย์ใดๆหรือหากมาที่หลังมันคงไม่เก่งกว่าอาจารย์ไปได้ ส่วนหนุ่มที่มาจากกรุงเทพฯหากมีวิชาก็คงมาจากพระอาจารย์ทางกรุงเทพฯที่ดีแต่ สร้างพระหลอกขายชาวบ้านเท่านั้นเองแหละ อืมม!!!!???แปลกๆ อีแจ๋วมันบอกว่าไม่ใช่พระหรอกเป็นชายหนุ่มกับชาวบ้านว๊ะ เลยทำให้กูงงจำต้องมาหามึงให้พวกมึงไปช่วยสืบ ข่าวดูหน่อย....เคยใช้พวกเด็กไปเหมือนกันแต่ไม่มีใครกลับมาได้สักคน กูก็ยิ่งสงสัยว่ามันหายไปไหนกันหมด ไม่ว่า ทั้งหญิงทั้งชายเหมือนกันหมด หายไปหมดเลยว๊ะ!!!!???..... ว่าแล้วอาจารย์ดำก็ยกเหล้าขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว แล้วหันไปบอกว่าไม่ต้องเติมโซดานะ กูชอบ เพียวๆ มึงไม่ต้องเติมอะไรทั้งนั้นนะโว้ย....... ไอ้เบี้ยวก็รีบรินเหล้าไม่เติมอะไรส่งให้อาจารย์ดำอีก มันก็ยกขึ้นดื่มอีกพรวดเดียวหมดแก้ว เล่นเอาพวกไอ้แม้น ต่างมองหน้ากัน ไม่ใช่หรอกกลัวเหล้ามันจะหมด พวกมันจะไม่ได้กิน หากอาจารย์มันกินแบบนี้นะ เหมือนไอ้แม้นรู้ใจพวกมัน บอกว่าพวกมึงไม่ต้องห่วงหรอกพ่อกูมีเป็นโหลๆและว๊ะ นานๆอาจารย์กูจะมาสักที แล้วหันไปถามอาจารย์มันอีกว่า ข้าสงสัยเห็นอีนางพรายมันบอกอาจารย์ว่าเป็นคนหนุ่มจะมีใครหรือที่เก่งอาคม หากเป็นชาวบ้านข้าเองก็ต้องรู้ซิ พวกชายหนุ่มก็ชาวบ้านเท่านั้นเอง ทางโน้นไม่มีใครร่ำเรียนอาคมกันเลยสักคน เก่งแต่ทางต่อสู้เท่านั้นด้วยพวกเป็น ทหารผ่านศึกมาช่วยสอนพวกมัน ตั้งเป็นหน่วยป้องกันหมู่บ้าน พวกข้าก็ยังไม่กล้าไปยุ่มย่ามหญิงมันเลย พวกมันดุๆ กันทั้งนั้น แต่ไม่เคยได้ยินว่าจะไปร่ำเรียนวิชาอาคมกับใครๆเขา เก่งแต่ดาบและปืนเท่านั้นนะอาจารย์ ไอ้แม้นกล่าว ข้าเห็นว่าคนมีวิชาอาคมเห็นมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นถ้า หากไม่ใช่หลวงพ่อทองนะ ว่าพลางมันเกาหัวมันดังแกรกๆๆๆ นั่นซิกูก็บังคับถามมันหลายครั้งจนกระทั่งกูโมโหตีมัน มันร้องไห้แต่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ว่าเป็นชายหนุ่มว๊ะ ข้าก็ยิ่งงง เพราะไม่เคยมีใครเก่งวิชาอาคมเลยในหมู่บ้านนั้นเลยกูก็ได้ยินมาเหมือนมึงนี่แหละ ไอ้พวกเด็กๆที่รอดมา มันบอกว่าไม่กล้าเข้าไปในหมู่บ้าน เห็นพวกเข้าไปไม่ได้ออกมาสักคนเดียว มันจึงรีบกลับบ้านแล้วมาบอกกูว๊ะ... มึงลองไปใช้คนของมึง หรือมึงจะไปก็ได้จะได้รู้จริงๆว๊ะ กูจะคอยฟังข่าวจากมึงนะ กูเองก็ชักจะไม่ไว้ใจเสียแล้วซิ ครับอาจารย์เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปสืบข่าวดูว่าเป็นใครแล้วจะมาบอกอาจารย์ ส่วนหุ่นพยนต์ของอาจารย์ที่ อาจารย์รักนักรักหนานั้นมันสลายไปได้อย่างไรกันถึงกับขาดสองท่อนนะ มันงงสงสัยนัก???... ระหว่างกล่าวกับลูกศิษย์มันพลางหันหน้าไปจ้องหน้าอีนวล ซึ่งรู้สึกว่าตาอีนวลชักจะลอยๆชอบกล ไอ้แม้นเห็นดังนั้นก็ร้องลั่นทันที อาจารย์ๆๆๆๆอย่าๆๆๆๆ..... อาจารย์อย่าคนนี้คืนนี้อาจารย์อย่านะ พ่อผมจองมันไว้แล้วเดี๋ยวมีเรื่องใหญ่โต ข้าขี้เกียจทะเลาะกับพ่ออยู่ด้วยหมู่ นี้อารมณ์แกไม่ค่อยจะดีเสียด้วย เพราะเรื่องในจังหวัดนั่นแหละ.......มันกล่าวขอร้องอาจารย์มัน พ่อมึงจะทำอะไรกูได้หากกูต้องการว๊ะไอ้แม้น..... น่าๆๆๆไอ้แม้นยกมือไหว้ ข้าขอเถอะ ยกเว้นอีสร้อยกับอีนวลคนอื่นข้าไม่ว่าหรอกจ๊ะ??... ไอ้แม้นครวญ ได้ๆๆๆสำหรับมึงที่ขอร้องกูนะโว้ย นี่ดีนะที่มึงเป็นศิษย์กูให้กูได้อาศัยอยู่ มิฉะนั้น ฮึๆๆๆ มันคำรามในลำคอ จ๊ะๆๆๆ....ขอบใจอาจารย์มาก ข้าไม่อยากจะผิดใจกับพ่อจ๊ะอาจารย์ ไอ้แม้นกล่าวด้วยความดีใจ อาการเมา แทบหายไปเมื่อได้ยินอาจารย์มันจะเอาอีนวลไป ตอนนี้มันโล่งอก มันรู้ดีว่าหากอาจารย์มันต้องการหญิงใดแล้ว ไม่เคยพลาดสักรายเดียว ถ้าอย่างนั้นกูกลับก่อนว๊ะ ไม่มีอารมณ์เหมือนกันเห็นอีนี่มันเย้ายวนดีเท่านั้น คนอื่นกูเฉยๆว๊ะ กูไปก่อนนะ... แต่อย่าลืมล่ะพรุ่งนี้มึงไปหากูด้วย เดี๋ยวกูจะใช้พวกผีมันไปค้นหาดูอีกทีว๊ะ ว่าแล้วไอ้อาจารย์กล่าวจบมันก็ลุกขึ้น เดินกลับไป ท่าทางกระฉับกระเฉงยังกับคนหนุ่มๆหาความชราแทบไม่เจอเลย พวกไอ้แม้นพากันยกมือไหว้กล่าวขอบใจอาจารย์ทุกๆคน เห็นหลังอาจารย์เดินออกจากรั้วบ้านไปแล้ว ร่างเดินลับหายไปในความมืดที่ปกคลุมด้วยพุ่มไม้และต้นไม้ใหญ่บางต้น ไอ้แม้นหันไปถามพวกมันทันทีว่า .....ใครว๊ะเก่งกว่าอาจารย์กูเสียอีก นี่ขนาดกูต้องไปเชิญมาจากเขากิเลนในเขมร เชียวนะโว้ยกว่าจะได้มาแทบตาย ไข้ป่าแดก ดีอาจารย์ดำช่วยไว้มิฉะนั้นไข้แดกกูตายห่าไปแล้วล่ะ เพราะกูอยากจะ ร่ำเรียนวิชาคงกะพันชาตรีให้ร่างกายกูเหนียว ปืนดาบฟันไม่เข้า ปืนยิงไม่เข้าว๊ะ....เลยฝากตัวเป็นศิษย์ได้อาบน้ำว่าน มาตั้งหลายๆวัน ทนเจ็บให้อาจารย์สักยันต์กูและร่ำเรียนอาคมมา ไอ้ห่า!!!!....กูจำไม่ค่อยจะได้ว๊ะเลยรู้ไม่มาก ก็ เลยเชิญอาจารย์มาอยู่ด้วย โน่นพรุ่งนี้พวกมึงไปกับกูด้วยนะกระต๊อบในป่าช้าบ้านเราว๊ะ ป่าช้าหรือว๊ะ???....ไอ้สนถามพร้อมกับไอ้เบี้ยวแทบเป็นเสียงเดียวกัน.... เออ!!!ก็ในป่าช้าแหละว๊ะ อาจารย์อยู่คนเดียวว๊ะ แต่มีหญิงที่อาจารย์นำมาด้วยคนหนึ่งดำแต่สวยนะมึง เป็นคน เขมรเหมือนกัน กูกับพ่อกูวิ่งเต้นแทบตายกว่าจะให้เป็นคนไทยได้ ไอ้แม้นกล่าวกับพวก หากเป็นกลางวันกูจะไปด้วย หากเป็นกลางคืนกูไม่ไปหรอกว๊ะ ไอ้สนตอบ กูก็เหมือนไอ้สนว๊ะไอ้แม้น ไอ้เบี้ยวก็ตอบเช่นกัน ส่วนพวกสาวๆที่ได้ยินต่างบอกไม่เอาด้วยล่ะ มึงสามคนไปกันเถอะพวกกูไม่ไปแน่นอน แล้วใครบอกว่าจะให้พวกมึงไปล่ะว๊ะอีพลอย งั้นก็แล้วไป ขอบใจล่วงหน้าว๊ะคุณพ่อแม้น บรรดาสาวๆตอบ ให้กูไปนอนกับพวกมึงยังดีกว่า แต่ขออย่างเดียวอย่าให้กูไปนอนกับอาจารย์มึงก็แล้วกัน คนอะไรเหม็นฉิบหาย เลยขนาดนั่งใกล้ๆยังเหม็นบรรลัย อีลัดดาตอบขึ้นบ้าง มึงตอบกับพวกกูได้แต่อย่าพูดมากนะโว้ยเดี๋ยวมึงจะถูกลองดี พวกเด็กอาจารย์มันอยู่ทุกๆทีในหมู่บ้านนี้ด้วยล่ะ คราวนี้พวกสาวๆเงียบสนิท หน้าตาเหลิกหลั้กไปตามๆกัน อาจารย์มึงเก่งวิชามหาเสน่ห์ด้วยหรือว๊ะ อีพลอยถาม เก่งไม่เก่งเดี๋ยวมึงถามอีนวลดูซิ หากคืนนี้มันไม่ไปหาพ่อกู และกูไม่ขอร้องเสร็จอาจารย์กูแน่ว๊ะ ไอ้แม้นหัวร่อร่า จริงหรือว๊ะ!!!!.....อีนวล พวกมันต่างหันไปถามอีนวลทันที อีนวลยกเหล้าขึ้นดื่มย้อมใจแล้วก็เล่าว่า.... กูก็เหมือนมึงแหละต้องยกมือปิดจมูกเหม็นฉิบหาย!!!... คนห่าอะไรเหม็นๆหืนๆ เหม็นเขียวอีกด้วยกูสงสัยเลยมองหน้ามันดู พอกูมองหน้ามันเห็นตามันเท่านั้นไม่รู้เป็นยังไง ใจมันสั่นๆ บอกไม่ถูกว๊ะ มันรุ่มร้อนข้าง ในโดยเฉพาะที่นั่นนะ...มันสั่นๆไปหมดเลยล่ะว๊ะ!!!!......ชอบกลว๊ะ ใจกายกูอยากจะตามมันไปนอนด้วย ไอ้เหม็นๆดันหายไปเสือกมีกลิ่นหอมๆอะไรไม่รู้กูก็ไม่เคยได้ดม มันหอมๆเย็นๆบอกไม่ถูกโว้ย ส่วนไอ้นั่นมันสั่นใหญ่เลยล่ะว๊ะ แล้วทั้งใจทั้งกายมันร่ำร้องอยากจะไปสมสู่กับมันว๊ะ อีนวลเล่าให้พวกเพื่อนๆฟัง...... คราวนี้พวกสาวๆต่างเงียบกริบไม่ยอมพูดถึงอาจารย์ในเรื่องใดๆอีกเลย ต่างหันไปมองหน้ากันไปๆมาๆ เออ!!!!....นี่ยังไม่ดึกเลยเหล้าเสือกหมดเสียแล้วจะทำอย่างไรดีว๊ะ ทุกๆคนหันหน้าไปมองทางไอ้แม้นทันที พวกมึงไม่ต้องห่วง ว่าแล้วร่างไอ้แม้นก็เดินตุปัดตุเป๋ เซซ้ายทีขวาทีก้าวขึ้นบนบ้านไป ไม่นานนักมันก็หยิบเหล้า มาอีกสองขวดหนีบใต้จักกะแร้มันแน่น ค่อยๆก้าวลงบันไดมา มือหนึ่งเกาะราวบันไดไว้ ค่อยๆเดิน จนมาถึงแคร่นั่ง ให้มันได้อย่างนี้ซิว๊ะไอ้เพื่อนยาก ไอ้สนกล่าวขึ้น ส่วนพวกสาวๆก็เชียร์กันใหญ่ อย่างนี้สนุกแน่โว้ย!!!!..... ร้อนมากๆก็แก้ผ้ากันซะเลย มึงจะบ้าหรืออีชบา เสียงอีพลอยกล่าว ไม่รู้เหมือนกันว่าอีชบามันแอบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คงเห็นว่าไอ้หมอผีมันกลับไปแล้วดีนะที่ไอ้แม้นไล่มันไปเสียก่อน อีสร้อยกับอีนวลมึงอย่าเมาให้มากนักนะ เดี๋ยวพ่อกูจะด่ากูหาว่ามอมเหล้ามึง เดี๋ยวกูโดนด่าแหลกเลยว๊ะ... เออๆๆๆ!!!!.....ไม่ต้องห่วงหรอกโว้ย กูกลัวพ่อมึงจะหงายเก๋งเสียก่อน หงายเก๋งเมื่อไหร่กูจะรีบลงมาต่อกับ พวกมึงนะโว้ย อย่าพึ่งเลิกเสียล่ะ... ทั้งสองกล่าวขึ้น เออๆๆๆ....พวกกูจะคอยว๊ะ คอยจนมึงจะลงมาโว้ย แต่หากเหล้าหมดกูไม่รู้นะบางทีอาจจะนอนมันเสียที่นี้ก็ได้ คืนนี้พระจันทร์มันเสี้ยวว๊ะ พวกมึง ฮ่าๆๆจะเสี้ยวเหมือนจันทร์หรือเปล่าไหมว๊ะ???... ไอ้เบี้ยวถาม... เฮอะๆน่า....แล้วมึงจะได้เห็นคอยดูก็แล้วกันนะโว้ย แต่ว่าคงจะไม่มีวาสนาหรอกว๊ะ เมาหมาไม่แดกแบบนี้ เดี๋ยวก็พับเสียก่อนหรอก....... อีลัดดากล่าว ไอ้ห่าแน๊ะๆๆดูถูกกูซะแล้ว หรือว่ากูไม่เคยเห็นพวกมึงมาว๊ะ มันตอบเสียงอ้อๆแอ้ๆ ไม่เหมือนกันโว้ย!!!!....คนเราเปลี่ยนกันได้ว๊ะ จริงไหม๊ว๊ะอีชบา??.....หรือว่ามึงโกนหมดแล้ว อีชบาเอ่ยขึ้น พวกมึงไม่ต้องพูดมากหรอก มาม๊ะมาอีชบาพยุงกูไปนอนก่อน พวกมึงกินกันไปล่ะ แล้วหันไปทางอีสร้อย กับอีนวล มึงก็เหมือนกันมาๆตามกูมาด้วยไปหาพ่อกู นี่ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวแกบ่นว๊ะ แล้วทั้งสี่ก็ต่างช่วยกันพยุงร่างกัน เดินขึ้นบันได ทิ้งให้ไอ้สน ไอ้เบี้ยว อีลัดดา กับอีพลอย นั่งกินเหล้ากัน พลางๆก่อนเพื่อคอย อีสร้อยกับอีนวล บางทีอาจจะมีอีชบาจะลงมาด้วยเพื่อร่วมวงสนุกกันมันกินเหล้าไปคอยไป ต่างคนต่างเมา ไอ้สนเอาหัวพิงต้นมะขามหลับตา ส่วนไอ้เบี้ยวเดินหนีไปทำธุระ เสียงอ๊วกๆดังสนั่นไปทั่ว อีกสองสาวหัวร่อกันลั่น ไอ้ห่า....นึกว่าจะแน่แค่ไหน สู้พวกเราไม่ได้จริงไหมว๊ะอีพลอย อืมมมๆๆๆๆ....จริงของมึงแค่นี้ก็บ่มิไก๊แล้วล่ะ?............... คืนนี้อากาศหรือก็ดี พระจันทร์ก็งาม ดวงดาวก็เต็มท้องฟ้าระยิบระยับไปหมด ไอ้ห่า!!!..อารมณ์กูกำลังจะเกิด แหม๋ๆๆ....ไอ้ห่าราก...มันเสือกมาเมาเสียก่อนได้ มาๆๆๆอีลัดดามาชนแก้วกับกูหน่อย แล้วทั้งสองก็ยกแก้วชนกัน เอ๊ๆๆๆ....ดื่มให้หมดแก้วทีเดียวนะโว้ยใครหมดก่อนชนะว๊ะ.... เอ้าๆๆดื่มๆๆดื่มให้เมา ความสุขของเรา ใครเล่าจะดีเท่าเหล้า หม๊ามะมาๆดื่มๆให้เมา ความสุขของเรา.... แล้ว ทั้งสองหัวร่อกันแล้วพากันยกแก้วขึ้นแหงนหน้ามองท้องฟ้า แล้วจ้องหน้ากันเหมือนจะนึกในใจกันว่าจะทำอะไร ต่อกันดีอีกต่างยิ้มให้แก่กันและกัน และกันแล้วยกแก้วขึ้นดื่มๆๆพร้อมจ้องท้องฟ้าไปจนต่างหมดแก้วพร้อมๆกัน แล้วก็พากันหัวร่อกันลั่นสนั่นเสียงดังไปทั่วบริเวณ......แล้วชวนกันพากันเดินกอดกันหายลับไปทางพุ่มไม้ที่ไม่ เพียงได้ยินเสียงหัวร่อระริกๆต่อกระซิกๆกันและกัน แล้วเสียงก็เงียบหายไป พุ่มไม้ที่มืดสนิทเนื่องจากมีต้นไม้ หลายๆพุ่มเป็นทางแนวขั้นไว้ไม่สามารถมองเห็นได้ ซ้ำยังมีต้นไม้ใหญ่ๆปกคลุมไว้อีกด้วย ระยะทางก็ไม่ ห่างไกลจากแคร่มากนัก คงปล่อยให้ไอ้สนนั่งหลับตา ส่วนไอ้เบี้ยวมันหายไปยังไม่กลับมา........... * แก้วประเสริฐ. *
14 พฤศจิกายน 2553 08:32 น. - comment id 119983
สวัสดีค่ะครูแก้วประเสริฐ เหมือนกำนันผู้ทรงอิทธิพลเลยนะคะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ กำลังสนุกค่ะครู
14 พฤศจิกายน 2553 14:07 น. - comment id 119986
คุณ อนงค์นาง จ๊ะครูก็หาเรื่องเขียนสร้างจินตนาการ ไปเรื่อยๆแต่ ศิษยืเราสังเกตุไหมว่าเนื้อ เรื่องถึงจะฉีกออกไปทางอื่นแต่ก็ล้วนหา เหตุและผลเข้าสู่หัวข้อเสมอๆแหละ จำไว้การเขียนร้อยแก้วต้องอย่าให้เรื่อง นั้นแยกกันจนคนอ่านจะงุนงงนะ รักศิษย์ เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
2 มกราคม 2554 14:58 น. - comment id 121003
แวะมาอ่านต่อแล้วค่ะ
15 มกราคม 2554 17:25 น. - comment id 121418
คริๆๆๆๆ คุณชายใช้คำ ได้อารมณ์จริงเลยค่ะ ....แสดงว่าคุณชายเป็นคนเชื่อมั่นตัวเอง.. แถมดื้อด้วยนะคะ....รักค่ะ