อทิสมานกาย ๔

แก้วประเสริฐ

76.gif
                                         อทิสมานกาย ๔
     หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไป  ความวิเวกสงบหวนกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง  แสงของนวลจันทร์ยังทอแสง
สว่างไสวไปทั่วลานวัด  เสียงเด็กๆยังละเล่นกันอย่างครึกครื้นเสมือนหนึ่งไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น บางครั้ง
สาวน้อย นาม  อ้อย  ชอบหันหน้ามามองทางชายหนุ่มเสมือนครุ่นคิดอะไรๆในใจกลับไม่ไปเล่นสนุกสนาน
กับพวกดังเดิม เธอเดินเลี่ยงไปนั่งยังขอนไม้ที่วางไว้ริมโบสถ์ บางครั้งก็หันหน้าไปมองทางพวกเด็ก  เด็กบางตน
หันมากวักมือเพื่อให้ไปร่วมเล่นด้วย แต่เธอสั่นหน้า  บางครั้งก็หันหน้ามาทางบันไดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่
คู่กับแม่นางคนสวยที่แต่งตัวแบบโบราณ  ความรู้สึกในใจของหล่อนคล้ายๆจะหงุดหงิดได้เพียงนั่งตาเหม่อลอย
     คืนนี้ท้องฟ้าสุกสกาวยิ่งนัก หมู่เมฆล่องลอยไปมีเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น  ปลายขอบฟ้าที่มืดมิด  
ดวงดาวพากันส่องแสงระยิบระยับ  คงเหลือไว้เพียงดาวดวงหนึ่งเท่านั้นที่ยังคอยเคียงคู่กับดวงจันทร์ทอแสงสกาว
สุกใส 
 ลมพัดไหวไปๆมาๆกระทบร่างกายชายหนุ่มเป็นบางครั้ง  อากาศช่างเย็นนัก  
เสียงน้ำค้างที่หยดจากใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ภายในวัด   หยดมาส่งเสียงดังเป็นบางครั้งฟังชัดเจน
     ทั้งสองนั่งอยู่บนชานบันไดที่ยกสูงเป็นที่ใช้พักเหนื่อย ทั้งสี่ด้านยกเว้นทางขึ้นบันไดเท่านั้นที่มีทางเว้นไว้ทุกด้าน
ถูกสร้างเป็นพนักทำด้วยไม้ขวางกั้นเป็นทางยาวตามรูปแบบ
เพื่อใช้สำหรับพิงนั่งเล่นของพระภิกษุหลังจากบิณฑบาต หรือนั่งเล่นยามเย็นๆหรือก่อนจะลงโบสถ์สวดมนต์
      ชายหนุ่มแปลกใจมากก้มมองดูสิ่งที่ใช้ปูนั่งนั้นกลับเป็นพรมชั้นดี   ทอด้วยลวดลายหลากสีเป็นรูปป่าเขาลำเนาไพร
ประกอบด้วยสัตว์หิมพานต์นาๆชนิด   เนื้อเป็นปุยขนนุ่มนิ่มยิ่งนัก  หล่อนไปนำมาปูเมื่อไหร่ไม่รู้ ตอนต้นเขาก็ไม่ทัน
สังเกตหรอก  เพื่อหล่อนจูงมือเขามานั่งทีแรกนึกว่าเสื่อธรรมดา แต่ก็ฉงนใจเหมือนกันที่มันช่างนิ่มเหมือนทำด้วย
ขนสัตว์บางอย่าง  พรมแบบนี้ในวัดมีด้วยหรือแล้วหล่อนไปนำมาจากไหนล่ะ    เขาเพียงฉงนในใจแต่มิได้ถามหล่อน
เกี่ยวกับเรื่องนี้  เพียงแต่นั่งเคียงคู่บนพรมนั้นต่างจ้องมองดูท้องฟ้าที่สกาวสวยสดยิ่งนัก   ชายหนุ่มคิดอะไรบางอย่าง
จึงได้หันไปถามหญิงสาว
       คืนนี้พระจันทร์แม้จะแหว่งนิดหน่อยแต่งามยิ่งนักนะเธอ    ชายหนุ่มเอ่ยเพื่อหาทางสนทนา
       จ๊ะ...คุณโชติ  อากาศก็ดีเสียด้วย  หากเมื่อกี้ไม่มีเหตุการณ์เราคงจะไม่ได้มานั่งคุยกันหรอกนะ   หญิงสาวกล่าว
       นั่นซิจ๊ะ    แต่เอ๊ะ????.....  ผมเองรู้จักคุณยังไม่ทราบนามคุณเลยล่ะ  แต่คุณกลับทราบนามผมก่อน  ชายหนุ่มเอ่ยบ้าง
       ฉันหรือจ๊ะ???...   แล้วหล่อนก็เอามือปิดปากหัวร่อเบาๆ แต่เสียงหัวร่อของเธอชายหนุ่มฟังดูมันช่างเสนาะหูยิ่งนัก
ซ้ำนั่งเคียงใกล้ๆกับเธอ   กลิ่นหอมจางๆระเหยออกมาจากร่างของหญิงสาว   จะว่าเป็นกลิ่นกฤษณา กลิ่นแก่นจันทร์
หรือกลิ่นแป้งกระแจะที่อบด้วยร่ำจากมวลไม้นาๆชนิดแล้วอบด้วยควันเทียนหอม 
 แต่มันช่างหอมหวนเย้ายวนจิตใจอารมณ์ของเขานัก
   ชายหนุ่มสะดุ้งจากภวังค์   เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวเอ่ยนามของหล่อนขึ้น
      อ้อๆๆฉันชื่อ  รัตนาวดี จ๊ะ.... 
     รู้สึกว่า เชยหรือเปล่าล่ะจ๊ะ???...   หญิงสาวกล่าว
      ผมว่าไม่หรอกครับ  เพียงแต่แปลกใจนิดหนึ่งว่าไม่เหมือนกับชื่อของหญิงสาวทั่วๆไปเท่านั้น  แต่ชื่อไพเราะจัง
ชายหนุ่มกล่าวตอบ
      ไม่รู้ซินะ  พอฉันเกิดมาท่านก็เรียกชื่อฉันเช่นนี้เลยล่ะจ้า.....   หญิงสาวตอบ
       อ้าว???...แล้วใครตั้งชื่อให้เธอล่ะจ๊ะ???...    ชายหนุ่มถาม
       ท่านท้าวมหาราชจ้า   หญิงสาวกล่าวขึ้น  พร้อมยกมือขึ้นจรดหน้าอกแล้วยกขึ้นเหนือหน้าผากหล่อน
       ท่านท้าวมหาราช  ฮึ!!!!!!?????...... เขาอุทานขึ้นเบาๆ
ใครหนอท่านท้าวมหาราช  หรือว่า????....      ชายหนุ่มสะดุ้งนึกถึงคำพระท่านเคยกล่าวว่า  ในโลกนี้ผู้ที่เป็นมหาราช
ที่ยิ่งใหญ่มีเพียงสี่พระองค์เท่านั้นที่ คอยควบคุมดูแลช่วยเหลือเหล่ามนุษย์  จะเป็นองค์ใดหรือหนอ????....ชายหนุ่มคิด
       ท่านองค์ใดหรือแม่หญิง????.....   ชายหนุ่มถาม
       ท่านท้าวกุเวรมหาราชจ๊ะ               หญิงสาวกล่าว
              พอฉันเกิดมาพระมเหสีกับพระองค์ตรัสว่า อ้อๆ..กลับมาแล้วหรือ แล้วเรียกชื่อฉันว่า รัตนาวดี
  และยังกล่าวว่าเสียดายนะที่มีวิมานอยู่ด้วย  แต่ยังไม่ถึงเวลาของลูก และยังกล่าวว่าฉันคือธิดาของท่าน
ก่อนจะลงมาเกิดในโลกมนุษย์  ให้ฉันไปหาที่อาศัยอยู่พลางๆก่อน  อีกไม่นานหรอกพบสิ่งที่ลูกต้องการ
แล้วก็คงจะกลับมาหาพ่อและแม่อยู่ในวิมานของลูก  แต่ทว่าตอนนี้ไปอาศัยวิมานที่พ่อเนรมิตไว้ให้ลูกก่อน
พลางชี้มาทางที่ฉันอาศัยอยู่เป็นวิมานน้อยๆซึ่งเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของพระองค์ท่านจ้า.....
           หญิงสาวกล่าวพลางสายตามองไปยังทางทิศเหนือเยื้องไปทางทิศตะวันออก
       แต่พระองค์ทรงเมตตาย้ำแก่ฉันว่า   ทนไปก่อนนะเพราะแรงอธิษฐานฉันแรงมาก   ถึงมีวิมานอยู่แล้วแต่ยัง
ยังไม่ถึงเวลาที่จะไปอยู่ในวิมานของฉัน  ต้องรอจนกว่าแรงอธิษฐานจะสมฤทธิ์ผลเสียก่อน
       หญิงสาวกล่าวพร้อมหยุดชะงักไปสักครู่หนึ่ง...ก่อนจะกล่าวอะไรเพิ่มเติมแต่หล่อนก็หยุดชะงักเสีย
แล้วหันไปทางชายหนุ่มพลางเอ่ยขึ้นว่า
      เธอก็เหมือนกัน ท่านกล่าวเล่าให้ฉันฟังแต่ฉันไม่อาจจะเล่าให้เธอฟังได้ ด้วยท่านได้สั่งห้ามฉันไว้จ้า...
       ชายหนุ่มมองใบหน้าที่สดสวย  หากเขาจำไม่ผิดหล่อนช่างสง่างามสดสวยกว่าหญิงใดๆที่เขาพบเห็นมา   
แม้แต่เด็กสาวชื่อ  อ้อย  ที่ว่าสวยแล้วหากมาเทียบกับเธอแตกต่างกันอย่างมากมายนัก
        ชายหนุ่มอึ้งไปสักครู่หนึ่ง  นี่หรือลูกสาวท่านท้าวมหาราชองค์ท้าวเวสสุวรรณ  ที่พวกมนุษย์นับถือ
กันมากนักว่า  หากใครมีรูปท่านไว้ในตัว พวกบริวารท่านมิอาจจะทำอันตรายได้ ยกเว้นพวกกุมภัณฑ์ซึ่ง
เป็นบริวารของท่านท้าววิรุฬหคมหาราชเท่านั้น      นั่นซิถึงได้สดสวยสง่างามงดงามกว่าหญิงทั่วๆไป
ยิ่งนัก   เขาทราบเรื่องราวเหล่านี้ด้วยเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะที่เคยเอ่ยพระนามของมหาราชทั้งสี่อยู่
        แล้วอีกเมื่อไหร่ล่ะ  ถึงจะได้เวลาไปสู่วิมานของเธอ???....   ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
หญิงสาวยิ้ม  โอ้ช่างเป็นใบหน้าที่เปล่งประกายสวยงามนัก   ยิ่งกระทบกับแสงของนวลจันทร์ยิ่งงามไปอีก
แบบหนึ่ง อย่างยากที่จะกล่าวพรรณาความงดงามได้
        ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันจ๊ะ  ฉันจะเล่านิทานย่อๆ   ซึ่งมันผ่านมานมนานในอดีตของฉันในภพหนึ่งซึ่ง
ก่อนที่จะไปเป็นธิดาของท่านท้าวกุเวรมหาราชเสด็จพ่อของฉันเวลานี้
ให้เธอฟังคร่าวๆก่อนนะจ๊ะว่าทำไมแรงอธิษฐานฉันจึงแรงมากนัก....   หญิงสาวกล่าวแก่ชายหนุ่ม
        จ๊ะๆ???....ฉันจะคอยรับฟังดู  แหมอากาศแบบนี้มันช่างสบายนัก และยิ่งได้รับฟังเหตุการณ์เก่าๆจากเธอ
ชายหนุ่มตอบแก่หญิงสาว  อย่างตั้งอกตั้งใจฟังถึงเรื่องราวของเธอในอดีต
       หญิงสาวหันมายิ้มกับชายหนุ่ม  กลิ่นหอมจากร่างของเธอกลับรุนแรงหอมหวลมากยิ่งทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไป
อย่างไม่รู้ตัว     สภาพเกือบครึ่งหลับครึ่งตื่นจริงๆ  ใจรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รับฟังอดีตเก่าๆที่ยากนักจะได้รับฟัง
หรืออาจจะรู้มาบ้างว่าจะตรงกันกับที่เขารู้หรือเปล่าหนอ???....   ชายหนุ่มเคลิบเคลิ้มคิด
       หญิงสาวหลับตาสักพักหนึ่งคล้ายๆย้อนความหลัง แล้วลืมตาเล่าเหตุการณ์ในอดีตของเธอให้เขาฟัง.......
              ในสมัยอยุธยาก่อนจะเสียกรุงครั้งแรกนั้น   ฉันเป็นเจ้าหญิงของพระมหากษัตริย์ครอบครองกรุงศรีอยุธยา
อยู่ฉันนั้น  เป็นธิดาองค์เล็กของพระองค์  ในวัยสาวนั้นฉันไม่สามารถไปไหนๆได้หรอก  เสด็จพ่อรักหวงแหนมาก
นอกจากเล่นอยู่แต่ในอุทยานของตำหนักเท่านั้น  
     ล้อมรอบด้วยเหล่าทหารที่คอยระมัดระวังฉัน เขาเรียกว่าทหารมหาดเล็กหุ้มแพร  สมัยนั้นกรุงศรีอยุธยารุ่งเรือง
มากด้วยบารมีของเสด็จพ่อทรงมีช้างเผือกมากมายนัก    ฉันจะออกมาได้ก็ต่อเมื่อมาทำบุญใส่บาตรเท่านั้นจะไป
เที่ยวไหนๆไม่ได้   เสด็จพ่อท่านหวงเป็นห่วงฉันมาก   ฉันมีคนสนิทเป็นทหารหุ้มแพรคนหนึ่งที่รูปร่างกำยำลำสัน
ซึ่งฉันไว้วางใจมาก  รูปร่างน่าตาดีฉันสนใจเขามาก แต่เขากับเป็นคนไม่พูดมากนอกจากทำหน้าที่ของเขาเท่านั้น
ฉันเคยยั่วเขาเล่นเสมอๆ  ยิ่งเขาไม่สนใจฉันเท่าไหร่ฉันยิ่งยั่วเย้าเขาเล่นเสมอๆเสด็จพ่อไว้ใจเขามาก
       เขามักจะมีเรื่องกับ  เจ้าพระยากลาโหมเพราะเรื่องของฉัน ตอนนั้นเจ้าพระยากลาโหมเป็นที่สนิทสนมไว้วางใจ
ของเสด็จพ่อมากเชื่อฟังเจ้าคนนี้  และก็เกรงใจเจ้าคนนี้  มันมักจะส่งสายตาและมายั่วเย้าฉันเสมอๆ เสด็จพ่อ
 จึงมอบให้เขาพักอยู่ในตำหนักฉัน แต่อยู่ในที่อีกด้านหนึ่ง  ฉันเคยแอบดูเขาในกลางคืนเขามักจะออกมาฝึกอาวุธ
เสมอๆ  ฉันรู้สึกว่าเขาใช้อาวุธได้คล่องแคล่วว่องไวมาก เรียกว่าเกือบทุกชนิด ฉันเองก็ยังแปลกใจว่า
เหตุใดคนมีฝีมือเช่นเขา น่าจะไปเป็นทหารสู้รบมากกว่าจะมาเป็นแค่ทหารมหาดเล็กหุ้มแพร  
 อย่างน้อยเขาควรจะมียศถาบันดาศักดิ์สูง    อย่างน้อยก็คงเป็นแม่ทัพได้ฉันคิดอย่างนั้น  เหตุใดเสด็จพ่อจึงคอยให้
เขามาอารักขาฉันก็ไม่รู้ใจเสด็จพ่อ  หรือว่าเสด็จพ่อจะทราบเบื้องหลังชายหนุ่มคนนี้มาแล้วจึงไว้ใจและมักจะออก
รับแทนเขา    ยามที่เขามีเรื่องกับไอ้เจ้ากลาโหมด้วยเขาไม่เกรงกลัวถึงมันจะมีอำนาจมากสูงสุดในหน่วยทหารก็ตาม
              มีหลายๆครั้งที่มันขอเสด็จพ่อเพื่อเอาตัวชายหนุ่มคนนี้ไป  เสด็จพ่อไม่ยินยอมว่าจะเอาใครไปก็ได้ยกเว้น
ชายหนุ่มคนนี้เท่านั้น  มันจึงหงอไม่รู้จะทำประการใด   หรือเบื้องหลังพ่อของเขากับเสด็จพ่ออาจจะมีสัมพันธ์กัน
อย่างลึกซึ้งก็ได้   ข้อนี้ฉันไม่รู้   เวลาฉันไปทำบุญใส่บาตร หรือแม้จะสร้างกุศลใดๆก็ตามฉันมักจะนำเขาไปด้วยเสมอ
และให้เขาใส่บาตรร่วมกับฉันเสมอมามิเคยขาด    
             แปลกนะฉันนึกรักเขาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เหตุหรือด้วยผลกรรมอะไรจึงทำให้ฉันสนใจและเอ็นดู สงสาร รักเขา
มากก็ไม่รู้   
         หญิงสาวเล่าพลางก็หันหน้ามามองชายหนุ่มที่กำลังตั้งใจฟังหล่อนเหมือนอย่างตั้งอกตั้งจะรู้เรื่องความหลัง
  แสงจันทร์เริ่มจะจางลง ความนวลของแสงจันทร์เริ่มจางลงไปเรื่อยๆ   เนื่องจากดวงจันทร์เคลื่อนที่จากเดิมและ
เหมือนคล้อยต่ำๆลงไปมากอยู่เหนือยอดไม้แล้ว   หญิงสาวลอบอมยิ้มยิ่งมองยิ่งรู้สึกเสน่หามากขึ้นทุกที  
 เขาไม่รู้ว่าถูกหญิงสาวได้แอบมองเขาเสมอๆ  การเล่าเรื่องสมัยกรุงศรีอยุธยาเขาแม้จะได้เคยศึกษามาบ้างแต่ก็แค่
เพียงผิวเผินเท่านั้น   จนกระทั่งเสียงของหญิงสาวชะงักเว้นจากการเล่า  นั่นแหละชายหนุ่มถึงได้เงยหน้าถามทันที
        แล้วเรื่องต่อไปล่ะครับ???...      ชายหนุ่มถามเพราะฟังเรื่องในอดีตของหล่อนอย่างน่าสนใจ
        อ้อๆๆๆ?????.....เอาล่ะจะเล่าต่อให้ฟังอีกหน่อยนะนี่ก็จวนจะได้เวลาจากกันแล้วล่ะ       หญิงสาวแต่งตัวโบราณ
เอ่ยขึ้น
       ตอนนั้นฉันรักเขาเพียงข้างเดียว  ในระหว่างใส่บาตรตอนแรกเขาไม่กล้า  แต่ฉันบังคับเขาให้ใส่บาตรร่วมกับฉัน
ถวายสังฆทานพระ ไม่ว่าทำบุญอะไรๆก็ตามเขาจะมีส่วนร่วมกับฉันเสมอมา   แต่เขาคิดอย่างไรฉันไม่รู้แต่ฉันนั้นได้
ลอบอธิษฐานเวลาทำบุญทุกๆครั้งว่า   จะขออยู่ร่วมฉันท์สามีภรรยากันแม้ชาตินี้ไม่ได้ด้วยฐานันดรไม่ทัดเทียมกันก็
ตามหากชาติหน้ามีจริง  ขอให้ฉันได้พบเขาและได้อยู่ร่วมกันเสมอๆ  เมื่อกล่าวคำเช่นนี้รู้สึกว่าน้ำเสียงหล่อนจะสั่น
พล่า  เขามองดูเห็นใบหน้าค่อนข้างจะเอียงอาย แต่เนื่องจากมีแค่แสงจันทร์เท่านั้น  จึงไม่อาจจะแลเห็นใบหน้าที่
สวยงามนั้นเปลี่ยนสีเป็นอย่างใดบ้าง   แต่ชายหนุ่มหาสนใจไม่ เขาเร่งให้หล่อนเล่าเรื่องต่อไปให้ฟังเท่านั้น  ด้วย
เกรงว่าเรื่องจะไม่จบ   เพราะหล่อนกล่าวว่าเวลาเหลือน้อยอีกไม่เท่าไหร่ก็ต้องจากไป   และเขากับหล่อนจะได้พบ
กันอีกหรือไม่   ดังนั้นเขาจึงได้คะยั้นคะยอเขาให้รีบๆเล่าให้ฟัง ว่าเขาสนใจเรื่องนี้มาก  ดูเหมือนหล่อนจะทราบ
ความในใจของเขา   จึงได้เล่าเนื้อความต่อไป.......
        ต่อมาเจ้าพระยากลาโหมก่อการกบฏกับพม่า    พม่ายกพวกมาตีกรุงศรีอยุธยา  เขานำฉันหนีไปพร้อมกับพวกสนม
โดยให้ฉันออกไปทางด้านหลัง เขาบอกหนทางหนีให้ฉัน   ฉันบอกให้เขาตามไปด้วย เขาบอกว่าหากเขาตามไปก็จะ
ทำให้ฉันหนีไม่พ้นด้วยพวกพม่ามันตีเมืองได้แล้ว  จะขอเฝ้าตำหนักฉันหากบุญมีก็คงจะได้เจอกันหรอก เขาไม่ยอมทิ้ง
ตำหนักและบ้านเมือง  เพียงให้สาวสนมปลอมแปลงเป็นฉันเพื่อหลอกพวกพม่า  
         เขาให้ฉันแต่งตัวแบบชาวบ้านซึ่งเขานำเสื้อผ้ามาให้   ฉันและสนมสองสามคนพร้อมด้วยทหารมหาดเล็ก
ที่เขาไว้วางใจไม่กี่คน ลอบหนีไปตามทางที่เขาบอกไว้   จึงหนีรอดพม่าไปได้  แต่ตัวเขายอมตายเพื่อบ้านเมือง
ต้องมาสิ้นชีวิตด้วยไม่ยอมให้พม่าเข้าเมืองได้  เขาช่วยออกไปต่อสู้กับทหารพม่ายังประตูเมืองพร้อมด้วยทหาร
ที่ยังคงมีความจงรักภักดีบ้านเมือง แต่เหล่าทหารนั้นได้เสียชีวิตหมดเหลือเพียงเขาเฝ้าประตูเมือง
 ถึงแม้ว่าประตูเมืองจะเปิดอ้าแล้ว
        ด้วยทหารของไอ้กบฏกลาโหมจะมาเปิดประตูเมืองให้แล้วก็ตาม  เพื่อให้พวกพม่ายกทหารเข้าเมืองได้ง่าย
 แต่พวกพม่าก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้  ฉันรู้มาภายหลังจากนางสนมที่ปลอมตัวเป็นฉันและหนีตามฉันมาภายหลัง
       ทหารทั้งกองทัพแม่ทัพนายกองของพระเจ้าบุเรงนองก็ไม่สามารถผ่านด่านเขาซึ่งมีเพียงคนเดียวเข้าเมืองได้
แม้จะยิงด้วยธนูเป็นจำนวนมาก  ก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่เขาได้   เขาอาศัยเพียงแค่ดาบสองมือเท่านั้นปกป้องอาวุธ
นาๆนับประการ เขาฆ่าพวกแม่ทัพนายกองพม่าตายนับไม่ถ้วน  จนพระเจ้าบุเรงนองต้องออกมาบัญชาการเอง พร้อม
ตรัสชมเชยเขา  ไม่ให้ใช้ธนูยิงใส่เขาเพื่อจะดูความสามารถด้วยการส่งแม่ทัพนายกองเข้าไปต่อสู้กัน  แต่บรรดาทหาร
พม่าต่างก็ตกตายไม่สามารถต่อสู้กับเขาได้  
     จวบจนเขาหมดแรงนั่นแหละเขาถึงต้องอาวุธนับไม่ถ้วนยืนพิงกำแพงเมืองตายไม่ยอมล้มลงตายเอาดาบคู่ปักพยุง
ร่างไว้   พระเจ้าบุเรงนองพระองค์เสด็จมาเองประกาศห้ามเหล่าทหารตัดคอหรือทำลายร่างเขาเด็ดขาด  พระองค์ทรง
ประกาศก้องให้เหล่าทหารพม่าและทหารไทยที่เป็นพวกไอ้กบฏกลาโหมว่า   หากคนไทยมีใจเสมือนดังทหารผู้นี้แล้ว
กรุงศรีอยุธยาคงไม่สิ้น  ข้าเองก็ไม่สามารถจะเข้าเมืองได้และสั่งให้ทหารให้นำศพเขาไปทำพิธีอย่างสมเกียรติยศทีใน
วัดในวังหลวง    เมื่อจัดการกรุงศรีอยุธยาแล้วก็ทรงสร้างเจดีย์นำผงร่างกายเขาเก็บไว้ในเจดีย์
     พร้อมจัดงานฉลองให้แก่เขาเป็นเวลาหลายเพลา  ให้เหล่าทหารพม่าเคารพศพก่อนเผาและให้ถือเป็นตัวอย่างไว้
          ฉันมารู้ภายหลังจากเหล่าทหารหุ้มแพรและเหล่าสนม  ตลอดทหารที่หนีทัพมา ได้มาพบและนำพาฉันไปหลบ
ซ่อนไกลจากถิ่นพวกพม่าจะรู้ได้         ฉันเสียใจมากตรอมใจจนตายไป
         ก่อนฉันจะตายฉันได้ทำบุญเป็นการใหญ่เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่เขา  ด้วยความรักเขาจะรู้หรือไม่ก็ตามที
   แล้วอธิษฐานขอพบเขาสักครั้งไม่ว่าจะเป็นภพใดก็ตามที    จะนานเท่าไหร่ฉันก็จะรอคอยพบเขาโดยตั้งจิตมั่นนัก
ด้วยแรงอธิษฐานอันแรงกล้านี่แหละคือเป็นเหตุให้ฉันต้องติดตามเขามาหลายๆภพหลายชาติ 
เพื่อตามหาเขาจวบจนทุกวันนี้  
        นี่แหละคือที่มาของแรงอธิษฐาน ความรักมั่นที่มีต่อเขานี่แหละ.....   หญิงสาวเล่าให้ชายหนุ่มฟัง..........
     ชายหนุ่มนั่งฟังหญิงสาวแต่งกายประหลาดอย่างเพลิดเพลินก็เลยเอ่ยถามว่า????......
     อ้าวแล้วเธอพบเขาหรือยังล่ะ???...
     พบแล้วจ้า......   ติดตามมานานแสนนานพึงจะมาพบแล้วล่ะ.....   หญิงสาวกล่าวพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม 
      อ้าวๆ......เธอพบกับเขาแล้วทำไมไม่ไปหาเขาเสียล่ะ???....    ชายหนุ่มกล่าวด้วยความสงสัย
      พบแล้วแต่เขาไม่รู้หรอกจ้า   ว่าฉันคือใคร....                           หญิงสาวกล่าว
      ในเมื่อเธอพบแล้วเหตุใดแม่นางจึงไม่บอกเขาล่ะ...                  ชายหนุ่มยิ่งสงสัย
       แต่เขากับฉันมันอยู่คนละภพ  เขาจะเชื่อฉันหรือ???....             หญิงสาวตอบ
       นั่นซินะ!!!!!.....พบแล้วจะมีประโยชน์ใดเล่า อย่างที่เธอเล่าให้ฟังนะ....   ชายหนุ่มกล่าว
             แต่ทว่าหากบุญวาสนาที่สร้างกันไว้  ท่านพ่อมหาราชเคยกล่าวไว้ว่า  จะช่วยเหลือฉันจ๊ะแต่ต้องคอยเวลาอัน
เหมาะสมเสียก่อนจ้า....     หญิงสาวกล่าวขึ้น
        ในไม่นานซินะเธอจะได้สมหวังเสียที   ผมเองก็ยินดีกับเธอด้วย   แล้วชายหนุ่มก็หันมายิ้มเสมือนให้กำลังใจ
     ฉันเห็นจะต้องกลับเสียทีล่ะ  นี่ก็ได้เวลาแล้วอีกไม่เท่าไหร่ก็จะสว่างแล้ว  หลวงพ่อท่านก็จะตื่นแล้วออก
ไปบินบาตรแล้วจ้า    หญิงสาวกล่าว   พร้อมหันไปกราบยังห้องของหลวงพ่อพลางกล่าวพึมพรำเบาๆ
     ดีเหมือนกันผมเองก็จะขอนอนสักงีบพักผ่อนหน่อย   ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวเบาๆ
   แล้วเขาและหล่อนก็ยืนขึ้น  หล่อนก้มลงหยิบพรมขึ้นมา
        ฉันไปก่อนล่ะนะ  เธอพักผ่อนได้แล้วล่ะ
        จ๊ะขอบใจเธอมากนะที่เล่าเรื่องเก่าๆให้ฉันฟัง  แล้วชายหนุ่มก็บิดร่างกายทั้งซ้ายขวาเบาๆ ให้หายเมื่อยขบ
   ร่างหญิงสาวก็เดินก้าวลงบันไดเดินไปยังประตูวัดหายไป    ส่วนพวกเด็กๆและเด็กสาวก็หายไปไหนหมดเขาก็ไม่รู้
ด้วยกำลังฟังการเล่าของหญิงสาวแต่งกายชุดประหลาดให้เขาฟัง    มิได้สนใจต่อพวกเด็กๆ   เขาหมุนตัวกลับเดินไปที่
กระโจมจัดการบางอย่างให้เรียบร้อยแล้ว ก้มลงกราบพระบนหมอน นอนคิดไปๆมาๆถึงเรื่องราวต่างๆในคืนนี้ และ
ผล๊อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้...............
                      * แก้วประเสริฐ. *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • อนงค์นาง

    5 พฤศจิกายน 2553 22:15 น. - comment id 119879

    กำลังสนุกมากค่ะครู อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ใช่ โชติ หรือเปล่า แล้วแรงอธิษฐานมีจริงมั้ยคะครู อนงค์นางอยากอธิษฐานว่าเกิดชาติใดขออย่าได้พบกับบางใครอีกเลย แค่พบกันชาตินี้ก็เกินพอแล้วค่ะ
    
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    5 พฤศจิกายน 2553 22:52 น. - comment id 119880

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ อนงค์นาง
    
            ครูจะไม่กล่าวเกี่ยวกับเรื่องหรอกจ้า
    เพราะจะทำให้ไม่สนุก ให้คนอ่านคิดเอาเอง
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ครูมักจะตั้้งใจไว้เสมอจ้า
            มาพูดเรื่องแรง อธิษฐาน  ครูขอยืนยัน
    ว่ามีจริง  มีมาก่อนสมัยพุทธกาลนี้ สมัย
    พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็เคยมีจ๊ะ แต่แรงอธิษฐาน
    นั้นจะสมฤทธิ์ผลได้ก็ต้องพร้อมด้วยเหตุ
    สามประการ คือกาย หมายถึงการสร้าง
    ความดีเช่นสร้างผลบุญกุศลถวายอาหาร
    แก่พระพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์ และคนที่
    อนาถาเป็นต้นหนึ่ง
    สองต้องพร้อมด้วยวาจาที่มั่นคงกล่าวคำๆ
    นั้นด้วยความตั้งใจมีสติสัมปชัญญะไม่
    ว๊อกแว๊กเป็นต้น
    สามต้องพร้อมวาจาหรือจิตใจที่สอาด
    หมดจดปราศจากความเศร้าหมอง เกิด
    ปิติยินดีอย่างใดอย่างหนึ่งแม้แต่ในใจเรา
    ก็ถือเป็นวาจาทั้งสิ้น เป็นต้น
            หากพร้อมด้วยสามอย่างนี้คำของ
    แรงอธิษฐานจะเกิดผลทันทีและต่อเนื่อง
    กันไป จนกว่าจะได้ในสิ่งที่อธิษฐานนั้นจึง
    จะจบลง
            ฉะนั้นแรงอธิษฐานที่บางคนกล่าวว่า
    อธิษฐานแล้วไม่เห็นผลทันทีเสียล่ะ ก็
    ด้วยแรงแห่งกรรมของคนๆนั้นจะมากหรือ
    น้อยเป็นปั้จจัยขวางกั้นไว้ แต่ก็ต้องสมเสร็จ
    อยู่ที่กาลเวลาไม่ภพใดภพหนึ่งแน่นอน
    ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หากแรงอธิษฐานมี
    มากกว่ากรรมของผู้นั้นแรงอธิษฐานก็จะ
    เกิดขึ้นทันที เหมือนเราสร้างกุศลเช่น
    เดียวกัน
            ครูจึงยืนยัน อย่างเทวทัตที่สร้างกรรม
    หนักขั้นอนันตกรรมและภพก่อนเคยสร้าง
    สิ่งที่ดีงามไว้มาก เป็นสหายรักของ
    พระพุทธเจ้าทำบุญมาด้วยกัน อธิษฐาน
    มาด้วยกัน แต่ด้วยความสำรวมไม่ครบ
    มีความอิจฉาริษยาหมกหมุ่นแต่อารมณ์
    มาก ไม่ปล่อยวางจึงเกิดผลเป็นอนัตกรรม จนต้องไปเสวยกรรมในชั้นต่ำสุด
    ของนรกอเวจี อันเป็นชั้นหนักสุดของนรก
         แต่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทำนายไว้
    ว่าต่อไปเมื่อว่างเว้นพระพุทธศาสนาก่อน
    ที่พระศรีอริยะจะมาตรัสรู้ห้าร้อยปีนั้น 
    เทวทัตจะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
    เหมือนกัน  พระพุทธเจ้ากับพระปัจเจกพุทธเจ้า
    นั้นต่างกันคือ พระพุทธเจ้ามีสาวกสั่งสอน
    ใครก็สามารถรู้ถึงอริยสัจจ์สี่และทางแห่ง
    พ้นทุกข์ คนรับฟังรู้เรื่อง ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้า 
    ไม่ค่อยมีสาวกด้วยสั่งสอนคน คนรับฟัง
    จะไม่เข้าใจในคำสอน  การสร้างอธิษฐาน
    เป็นพระพุทธเจ้ากับพระปัจเจกพุทธเจ้าก็
    ต่างกาลกันใช้เวลาน้อยกว่าพระพุทธเจ้า
    มากนักจ๊ะ แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดได้
    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพานไปแล้ว ก็
    สามารถเกิดพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ นี่คือ
    คำทำนายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจ้า
       นี่คือเท่าที่ครูศึกษามานะ ผิดอย่างไร
    ครูรับผิดชอบเพียงผู้เดียว  รักศิืษย์เรามาก
    เสมอ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แจ้นเอง

    5 พฤศจิกายน 2553 22:57 น. - comment id 119881

    36.gif
    
    อย่าให้รอนานนะคะกำลังสนุกเชียว
    
    มีลุ้นด้วย อิอิ
    
    31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    5 พฤศจิกายน 2553 23:28 น. - comment id 119882

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
            ไม่หรอกจ้าด้วยผมไม่ชำนาญเขียน
    ในแนวทางผีๆสางๆนางไม้เท่าไหร่หรอก
    ที่เขียนได้เพราะอยากเขียนจ๊ะว่ามันจะเป็น
    อย่างไรเท่านั้น ว่ามันจะออกหัวหรือออก
    ก้อยเท่านั้นเองจ้า  รักเสมอ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • คิดถึงเสมอ

    25 ธันวาคม 2553 14:05 น. - comment id 120766

    น่าติดตามค่ะ
    อ่านไปเหมือนตกในภวังค์
    ขอบคุณที่เขียนให้อ่านค่ะ
    ขอตั้งจิตอธิษฐานให้พี่แก้วประเสริฐ
    มีแต่ความสุขความเจริญและขอให้
    พี่มีสุขภาพดีตลอดไป  29.gif
  • ทางแสงดาว

    9 มกราคม 2554 14:49 น. - comment id 121208

    อ่านด้วยความแปลกใจในงานเขียนของท่าน
    
    
    ......36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน