อทิสมานกาย ๓ หลังจากที่ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกมวน เฝ้านั่งมองพวกเด็กๆกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานนั้น ความหวาดกลัวหายไปหมดแล้ว บัดดลก็มีเสียงพายุพัดโหมกระหน่ำ ฝุ่นผงใบไม้ปลิวเข้ามาภายในวัด กระทบร่างกายเขา เสียงกิ่งก้านต้นไม้กระทบกันดังสนั่น หวีดหวิวทั้งๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ด้วยท้องฟ้าก็ ยังแจ่มใส จะหาเมฆปกคลุมก็หาไม่ เสียงฟ้าร้องคำรามหรือก็ไม่มี แต่เหตุใดจึงเกิดพายุซึ่งมาจากบริเวณ ด้านนอกกำแพงวัดทางทิศ ที่เขาจำได้ว่าเป็นป่าช้าใช้สำหรับฝังบรรดาศพที่ตายแล้ว เขาหันไปมองทางด้านอื่นหรือ เหล่าต้นไม้ก็ยังสงบเงียบยืนต้นเฉยๆ แต่เหตุใดด้านนี้เพียงด้านเดียว ที่เกิดเสียงลมพายุขึ้นได้ทำความแปลกใจให้แก่เขาเป็นอย่างมาก ประกอบกับมีเสียงร้องอย่างโหยหวน เสียงนั้นคร่ำครวญแสนจะเยือกเย็น ประกอบกับเสียงคำรามกึกก้อง เสียงหัวร่ออย่างเยาะเย้ยผสมผสานกัน ดังมาจากภายนอกบริเวณอาณาเขตวัด บรรดากิ่งไม้ต้นไม้ต่างเอนลู่สะบัดกันไปๆมาๆ เป็นพายุที่ค่อนข้าง จะแรงมาก เสียงกอไผ่เสียดสีไปมาปานประหนึ่งว่าจะหักเสียให้ได้ หากจำไม่ผิดนั้นเป็นบริเวณหลังวัดคือป่าช้าอย่างแน่นอน เสียงเจียวจ้าวดังอึงคะนึงแซดไปทั่ว บ้างร้องร่ำไห้ คร่ำครวญ บ้างหัวร่อ บ้างเสียงเหมือนจะทะเลาะกัน แว่วล่องลอยมากับสายลมทางนั้น ในท่ามกลางแสงนวลอันเจิดจ้าสอดส่องทั่วบริเวณนั้น เหล่าเด็กๆต่างหยุดชะงักการเล่น แล้วพากัน หันไปมอง บริเวณที่มีเสียงดังขึ้น เสียงบรรดาหมาภายในวัดต่างก็เห่ากระโชกพร้อมกับหอนอย่างเยือกเย็น ป่าช้าที่อยู่ใกล้ๆกับบริเวณวัดทางด้านทิศตะวันตก ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้มืดครึ้ม จะมีแสงสว่างของ พระจันทร์สอดส่องบ้างเล็กน้อย แต่บัดนี้กลับเกิดความประหลาดเกิดขึ้นในด้านนั้น ลมพายุพวยพุ่งมายังด้าน บริเวณที่เขานั่งนั้นซึ่งเป็นชานกว้างพอสมควร เขาจึงแลเห็นได้รอบด้านเว้นจากกุฎีหลวงพ่อ ที่บดบังเท่านั้น นอกนั้นเขาเห็นกระจ่างไปทั่ว แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นตรงกันข้ามกับด้านกุฎีหลวงพ่อ เสียงลมพัดอู้ ต้นไผ่เสียดสีส่งเสียง อี๊ดอาดๆดังระงม ใบไม้ต้นไม้ใหญ่พัดกระทบกันส่งเสียงเกรียวกราว หวีดหวิวระงมไปทั่วบริเวณในวัดและนอกวัด เกิดพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ทั้งเสียงลมและเสียงสนทนา ลมที่พวยพุ่งมาหาเขาจนทำให้เสื้อผ้าร่างเขาปลิวไสว อากาศแฝงความเยือกเย็นมากระทบร่างกายเขาจนสั่น เขาลุกขึ้นยืนคิดหวังจะกลับไปยังกระโจมหน้าห้องหลวงพ่อที่เขาทำไว้กับนิ่งไม่มีการไหวเอนแต่อย่างไร ทำให้เขาสงสัยยิ่งนัก สายลมกับหายไปมิได้ติดตามทำให้กระโจมจีวรปลิวแต่อย่างใด ร่างของเขายืนนิ่งก้าวขาไม่ออก ได้แต่มองซ้ายแลขวาเพื่อหาเด็กๆมาช่วยเหลือเขา ความเยือกเย็นแฝงเข้ามาอย่างกะทันหันผสมผสานเข้า กับบรรดาเสียงต่างๆช่างวาบหวิว แทรกซ้อนเข้ามาในใจเขามันสะท้านเข้าไปในห้วงใจจนนึกกลัวอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสายลม ทั้งเสียงของต้นไม้เสียงเหล่านี้เซ็งแซ่ไปหมด ช่างโหยหวนเสียนี่ เสียงคล้ายต้นไม้หักโผงผาง เขายืนตะลึงร่างกายแข็งทื่อ เมื่อแลเห็นภาพทะมึนมากมายนอกกำแพงวัดด้านทิศที่ติดกับป่าช้าสลอนไปทั่ว เสียงนั้นมีทั้งน้ำเสียงของหญิงและชายต่างพากันหัวร่อต่อกระซิกกัน ในความรู้สึกว่า ภาพนั้นเดี๋ยวก็จางเดี๋ยวก็ ชัดเจน แต่บรรดาสิ่งทะมึนเหล่านี้ ทั้งสูงและเตี้ย จนความรู้สึกบอกว่าเป็นทั้งชายและหญิง เด็กอ่อน หญิงกำลังอุ้มเด็ก และอีกมากมายนัก ทั้งมีการฉีกหน้าอก แลบลิ้นเสียยาวดวงตากลวงโบ๋ ร่างโครงกระดูกเดินได้ พวกมันทั้งหมดกำลังจะเดินทางมาหาเขาที่ยืนอยู่คนเดียว บรรดาเด็กๆทั้งหญิงชายหยุดการละเล่น แบ่งเป็นสองกลุ่มทันที กลุ่มหนึ่งวิ่งมายืนแถวโคนบันได ที่เขาทั้งนั่งทั้งยืนอยู่ ร่างกายเขาแข็งทื่อไปหมดเหมือนคล้ายกับพบพวกเปรตมิปาน อีกส่วนหนึ่งต่างวิ่งไปยังบริเวณ กำแพงที่กันเป็นอาณาเขตวัด ต่างแยกย้ายกัน เฝ้ามองเสียงที่ดังและกำลังใกล้ๆเข้ามา เจ้าจุกเป็นผู้สั่งการทั้งหมด บรรดาเด็กๆต่างกระจายไปรอบๆบริเวณกำแพงวัด คล้ายกีดกันมิให้พวกนั้นเข้ามา ภายในกำแพงวัดด้านใน พวกผีร้ายในป่าช้าทั้งหมดต่างวนเวียนกันไปๆมาๆ ใกล้เข้ามาทุกขณะพร้อมส่งเสียงเยือกเย็น ยะเยือก เสียงเหล่านั้นบ้างสูง บ้างต่ำต่างพอถึงนอกกำแพงวัดพากันชะงัก เรียงรายไปรอบๆกำแพง ชายหนุ่มมองดู อย่างตื่นตระหนก แต่มีเสียงจากเด็กสาวชื่ออ้อยที่มีใบหน้าสวยงามยิ่งนัก พลันพูดกับเขาว่า น้าจ้า...ไม่ต้องห่วงหรือกลัวพวกมันหรอกจ้า พวกหนูจะจัดการพวกมันมิให้ทำร้ายน้าเองจ๊ะ พวกเรากำลังจะจัดการพวกมันอยู่ ถึงอย่างไรก็สู้พวกเราไม่ได้หรอกหลวงพ่อท่านสอนวิชาให้พวกเราบ้าง พอจะกำหราบมันได้จ้า ครั้นเขาได้ยินเสียงกล่าวเช่นนั้น ความหวาดกลัวพร้อมกับความอยากจะรู้อยากเห็นก็ตามกันมาพร้อมๆกัน ใจหนึ่งก็กลัวเสียงมันช่างโหยหวนเยือกเย็นยิ่งนักที่เจ้าบรรดาผีในป่าช้ามาพากันร่ำร้อง แปลกมันเรียกชื่อเขา ได้อย่างถูกต้อง เ...จ้...า...ๆ....โ..ช...ติ...ๆๆๆๆ!!!!!!!! มึงออกมาหากูหน่อย....มามะมา กูจะคุยอะไรกับมึงหน่อย เสียงนั้นยานเยือกเย็นแผ่วๆตามสายลม พร้อมกับบอกว่าให้ออกมาเป็นพวกมันเถอะ สถานที่นี่สงบเยือกเย็นดีนะ พร้อมกับกวักมือเรียกเขา บ้างมือมันยาวๆบ้างสั้นบ้าง ไหวๆไปๆมาๆ เสียงเจ้าจุกพูดกับพวกมันว่า............ พวกเอ็งกลับไปที่อยู่ได้แล้ว และอย่ามายุ่งกับน้ากูนะ มิฉะนั้นพวกมึงจะได้เห็นดีกับพวกกูกัน...... บรรดาผีที่ได้ยินเสียงของเจ้าจุก พากันหัวร่อ มีผีตัวหนึ่งท่าทางจะควบคุมผีหัวร่อตะโกนนอกกำแพงว่า โถๆๆๆ.... ไอ้พวกเด็กๆวานซืนจะมีน้ำยาอะไรจะมาห้ามพวกกูได้ อันที่จริงกูไม่อยากจะยุ่งกับมัน หรอกว๊ะ แต่พ่อมันเล่นงานพวกกูเสียย่ำแย่ มันจึงต้องมารับการกระทำแทนพ่อมัน....เสียงผีร้ายกล่าว อ้าวๆๆแล้วมันเกี่ยวอะไรกับน้าล่ะ พ่อน้าเขาก็ส่วนพ่อน้าซิ???.... เจ้าจุกตอบ เกี่ยวซิว๊ะ พ่อมันจับลูกน้องกูไปขังไว้มันเป็นพ่อลูกกันนี่หว่า ว่าเถอะมึงมายุ่งทำไมล่ะ???... ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกมึงไม่ไปหาพ่อเชียรเขาล่ะจะมายุ่งอะไรกับลูกเขา ......เสียงเจ้าจุกตอบ พวกกูเคยไปแล้วแต่เข้าไม่ได้ว๊ะ สู้มันไม่ได้สิ่งที่เฝ้าบ้านมันดุมาก เล่นเอาพวกกูแทบตายเจ็บไปหมด แล้วมึงเสือกมายุ่งกับลูกไอ้เชียรทำไม ในเมื่อมึงกับกูก็เป็นผีเหมือนกัน ใช่กูเป็นผีแต่คนละแบบกับมึงนะ กูมีศีลธรรม ส่วนพวกมึงเอาแต่หลอกลวงชาวบ้าน ทำร้านเขาไม่รู้ จักเวรจักกรรม เสียบ้าง มึงแค่สัมพเวสีเร่ร่อน รอท่านยมทูตมาจับมึงไปนรกเท่านั้น ความดีความชั่วไม่รู้จัก อีกหน่อยกรรมยิ่งหนักจะต้องไปนรกชั้นล่าง นี่กูเตือนมึงนะ พวกของกูล้วนแต่ทำความดีพอครบวาระกูก็ ไปในทางที่ดี ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผลบุญกูก็ได้รับเกือบทุกๆวัน ยิ่งวันพระพวกกูได้รับมาก มึงล่ะเคยได้รับผลบุญอาหารการกินสุขสมบูรณ์หรือเปล่าล่ะ หากพวกมึงทำดีไว้ไม่คิดร้าย ปองร้าย คอยช่วย เหลือเขา เขาก็จะนึกถึงพวกมึงแผ่กุศลให้ซ้ำกินอยู่อย่างสบายไม่ต้องแร้นแค้น เที่ยวหลอกลวงชาวบ้านให้หวย บ้างทั้งๆเป็นอบายมุข เข้าฝันหลอกเขาไปทั่ว เวรทั้งนั้น เจ้าจุกจารนัยสั่งสอนผีทั้งหลายดั่งพระอบรมชาวบ้าน ช่างเถอะมันเรื่องของพวกกูแต่ ทำไมมึงเสือกช่วยเหลือมันทำไมล่ะ????..... จะไม่ให้กูยุ่งได้อย่างไรน้ากูก็เคยอยู่กับกูมาก่อน และเป็นศิษย์หลวงพ่อเหมือนกับกู หากมึงแน่จริง ไม่รู้ เรื่องบาปบุญคุณโทษก็เข้ามาในบริเวณกำแพงวัดนี้ซิว๊ะ........เสียงเด็กผมจุกตอบพวกผีทั้งหลาย ผีบางตัวครั้นได้ฟังเจ้าจุกจารนัยให้ฟัง ถึงกับชะงักและจางหายไป จนเจ้าหัวหน้าหันไปตวาดเรียกให้กลับ แต่มัน ก็ไม่ยอมเชื่อ ยกเว้นพวกที่จิตใจกระด้างเท่านั้นที่ยัง แสดงอาการฮึดฮัดทำร่างกายน่าเกลียดน่ากลัวคอยฟังคำสั่ง ของหัวหน้ามัน ทำไมกูจะไม่กล้าว๊ะ มึงคอยดูนะ?????!!!!!!!!..... ว่าแล้วเจ้าผีที่กล่าวก็ยืดกาย สูงขึ้นหมายจะก้าวข้ามกำแพงวัดเข้ามา ส่วนพวกผีร้ายทั้งหลายก็ทำดุจหัวหน้า มันทำร่างกายสูงขึ้น ใบหน้ามันหน้าเกลียดน่ากลัว บ้างดวงตาถลนออกมาห้อยยังนอกเบ้า บ้างผอมแห้งเหลือ แต่หนังหุ้มกระดูก ร่างกร่องแกร่ง บ้างร่างกายเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไม่หมด บ้างพองโตแทบปริ นำเหลือง ไหลเยิ้มเหม็นกลิ่นเน่าตลบอบอวลไปทั่ว ทำให้กลิ่นที่ลอยตามลมพัดคละคลุ้งไปภายในบริเวณวัด มีกลิ่นหืน มี กลิ่นเน่าเหม็นบ้าง ผีบางตัวเล็กแต่หัวมันช่างใหญ่โตแลบลิ้นออกมายาวเฟื้อย ต่างจะพากันข้ามกำแพงที่ล้อมวัดเข้ามา ส่วนด้านเจ้าจุก และพวกทั้งหญิงชาย ร่างก็ทำร่างกายให้สูงชะลูดเช่นเดียวกันและต่างชักอาวุธต่างๆนาๆออกมา ส่วนเจ้าจุกนั้นดึงปิ่นปักผมของมันออกมาเป็นสีทองเพื่อจะคอยต่อสู้ป้องกันชายหนุ่มและพวกพ้องตนเองอยู่ภายใน บริเวณวัดไว้อย่างไม่กลัวเกรง ต่อพวกผีร้ายในป่าช้าเพื่อพร้อมที่จะคอยต่อสู้กับร่างของผีร้ายทันที ร่างของผีร้ายยกขาข้ามกำแพงแต่ร่างกันก็ต้องสะดุ้งด้วยกำแพงวัดกลายเป็นกองเพลิงคอยสกัดมันอยู่ จะมีบาง ตัวที่ก้าวข้ามมาได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น คือร่างของผีร้ายตัวหัวหน้าและไม่กี่ตัวผ่านกองเพลิงมาได้สงสัยว่าพวกมันก่อนตาย คงจะร่ำเรียนวิชาอาคมมาจึงทนเปลวไฟได้ เมื่อเจ้าจุกที่ร่างกายสูงใหญ่เห็นดังนั้นก็ถลาโถมเอาปิ่นของมันเข้าแทงยังร่างผีร้ายตัวหัวหน้าซึ่งร่างกายมันดำมืดสนิท การต่อสู้ระหว่างผีเด็กกับผีผู้ใหญ่ชุลมุนวุ่นวายไปทั่วบริเวณลาน ที่สว่างไปด้วยแสงของแสงจันทร์สาดส่อง เงาทะมืนกระจายไป ต้องร่างอันน่าเกลียดน่ากลัวและร่างของพวกเด็กๆที่ร่างกายสูงใหญ่ ภาพการต่อสู้ต่าง วูบวาบไปๆมาๆ สักพักใหญ่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟฉันท์ใด พวกเจ้าจุกมีมากกว่ารู้สึกว่าจะได้เปรียบพวกผีร้ายในป่าช้า และยังได้รับการช่วยเหลือจาก กลุ่มที่คอยเฝ้าชายหนุ่มที่ออกไปช่วยอีก คงเหลือไว้เพียงสองสามตนเท่านั้น เสียงผีร้ายในป่าช้าร้องอย่างโหยหวนไปๆมาๆ เมื่อโดนบรรดาเด็กๆ จะว่าเด็กก็ไม่ถูกนักด้วยร่างกายใหญ่โต พอๆกัน แต่อาวุธในมือของพวกเด็กช่างร้ายกาจนัก โดนร่างผีร้ายทีใดไม่แขนขาด ขาขาด หัวขาด แต่มันกลับ มาต่อกันได้ แต่ก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและรีบเผ่นหนีข้ามกำแพงหนีหายไปจนหมดสิ้น คงเหลือไว้แต่ พวกเด็กๆ ซึ่งบัดนี้กลับกลายสภาพเป็นเด็กดังเดิม ต่างคนต่างหัวร่อต่อกระซิกกันใหญ่อวดตัวเองตามประสา เด็กๆ ว่าคนนี้เก่ง คนนี้เก่งน้อยจ้าละหวั่นไปทั่ว ส่วนเด็กสาวก็เชียร์พวกกันเองด้วยเสียงอันดังแต่ยังไม่ไปช่วย คอยระวังให้แก่ชายหนุ่มอยู่ เสียงเชียร์ของเด็กสาวกับเด็กๆอีกสองคนต่างเชียร์กันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็น ฝ่ายตนแทงคู่ต่อสู้ได้ ส่วนคู่ต่อสู้แม้จะใช้ฤทธิ์เดชอย่างไรก็ไม่อาจจะต้านทานฤทธิ์เดชของเหล่าเด็กที่เฝ้าวัด ได้เลย ต่างล้มระเนระนาดกันไปตามๆกัน บ้างร่างมันก็จางหายไป บ้างก็ทุลักทุเลไป ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัว หัวหน้าของมันเอง มันร้องสั่งให้พวกรีบหนีออกนอกกำแพงวัดทันที พวกมันล้มลุกคลุกคลานก้าวข้าม กำแพงที่ลุกเป็นเปลวไฟกลับสูญหายไปทันที ชายหนุ่มตกตะลึงดูภาพการต่อสู้ระหว่างผีกับผีกัน อากาศล้วนอบอวลด้วยกลิ่นซากศพเหม็นไปทั่วจนเขาต้อง เอามือปิดจมูกไว้ จะหลับตาก็ไม่ได้ตาลืมโพลง บัดดลก็มีกลิ่นหอมๆลอยเข้ามากลบกลิ่นเน่าเหม็นจนหมดสิ้น กลิ่นหอมนี้ ช่างหอมชื่นใจเสียเหลือเกิน เอ๊ะๆๆๆ....มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกันเขานึกฉงน สักครูก็ได้ยินเสียงหวานไพเราะจับใจทางเบื้องหลังของเขา คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมาช่วยคุ้มครองเธอแล้วและยังให้พลังงานแก่เด็กๆไปแล้ว เดี๋ยวพวกมันก็จะแพ้เอง ชายหนุ่มสะดุ้ง หันหลังไปทันที โอ้วว!!!!!!......?????....แม่นางเองหรือมาเมื่อไหร่นะฉันไม่ยักได้ยินเสียงเลย อ้าวแล้วไม่ได้กลับบ้านหรือ ฉันตามมาคอยคุ้มครองเธอจ๊ะ นอกวัดพวกเปรตมันทำอะไรไม่ได้หรอก เพียงแต่ฉันจะดูใจเธอเองเท่านั้นจ้า เสียงหญิงที่ชายหนุ่มเคยกล่าวว่าแต่งตัวคล้ายยี่เกเอ่ยขึ้น แล้วเธอเข้ามาบนกุฎีได้อย่างไรล่ะ???.... อ้อๆๆๆ........... ฉันมักจะมาฟังการอบรมจากหลวงพ่อฟังธรรมจากท่านเสมอๆล่ะ อ้าวแล้วเด็กๆผมจุกทั้งหญิงชายไม่ขัดขวางเธอหรือ ไม่หรอกจ้านั่นลูกหลานฉันทั้งนั้นแหละ ว่าแต่เธอล่ะกลัวมากไหมล่ะ??????...... กลัวซิจ๊ะมีใครบ้างล่ะจะไม่กลัวเขาตอบ พร้อมนึกในใจมีหรือจะไม่กลัวหากเป็นเธอคงเหมือนฉันแหละ พวกเปรตและผีพวกนี้มันกลัวฉัน เพียงแต่ไม่อยากจะสร้างเวรกรรมขึ้นเท่านั้นจ้า หญิงสาวกล่าวตอบ แล้วหล่อนก็นั่งพับเพียบยกมือพนมไหว้ไปยังกุฎีห้องหลวงพ่อ พลางพึมพรำเบาๆ แต่เขาไม่รู้ว่าหล่อน พึมพรำอะไรเท่านั้น แล้วเขาก็ทำตามหล่อนพลางนั่งยกมือไหว้ไปยังห้องหลวงพ่อทอง เสียงสวดมนต์จากห้องหลวงพ่อทองดังขึ้นเบาๆ แต่เสียงช่างกังวานสะท้านไปทั่วบริเวณที่เกิดการต่อสู้ เรียกร้องโหยหวนจากบรรดาผีร้ายจากป่าช้าร้องลั่น กรี๊ดกราดโหยหวน ต่างรีบวิ่งหนีก้าวข้ามกำแพงหายลับ ไปในป่าช้า เสียงลมที่พัดอย่างหวั่นไหวก็สงบโดยสิ้นเชิงเหมือนเดิม เสียงสวดมนต์ก็สงบลงทันที แต่หลวงพ่อไม่ได้ออกมาจากนอกกุฎีเลย คงจะนั่งสมาธิต่อ ชายหนุ่มคิด บรรดาเด็กๆทั้งหญิงชายก็กลับคืนสู่สภาพเดิม เจ้าจุกและพวกก็เดินมาหาชายหนุ่มพลางกล่าวว่า น้าจ้า...ไอ้พวกนี้มันร่ำเรียนวิชาอาคมมา ก่อนมันจะตายมันก็จะมาเอาพวกหนูไปรับใช้มัน แต่หลวงพ่อ และพ่อเชียรได้ช่วยและนำพวกหนูมาให้หลวงพ่อช่วยเลี้ยงไว้จ้า ได้คอยช่วยเหลือพวกหนูและให้พวกหนู คอยเฝ้าวัดสร้างบุญกุศล คราวก่อนพวกหนูมีมากกว่านี้แต่ไปเกิดกันเกือบหมด แต่ที่เหลืออยู่อายุขัยยังไม่สิ้นจ้า ดีนะที่พวกหนูจำมนต์คาถาอาคมจากหลวงพ่อกับพ่อเชียรที่สั่งสอน ไว้ได้พร้อมทั้งเสกเขียนมนต์กำกับให้แก่หนู มิฉะนั้นคงสู้มันไม่ได้หรอกจ๊ะน้า ครั้นกล่าวกับชายหนุ่มเสร็จ พวกเด็กๆก็หันไปยกมือไหว้หญิงสาวที่นั่งข้างๆเขาทันที พลางเอ่ยขึ้นว่า พวกหนูขอบคุณแม่มากจ้าที่ช่วยเหลือหนูไว้จ้า ไอ้ตัวหัวหน้ามันร้ายกาจจริงๆจะแม่???.... หญิงสาวหันไปยิ้มกับพวกเด็กๆอย่างเอ็นดู มันไปแล้วช่างมันเถอะลูก เธอไปเล่นเถอะแม่จะคอยระวังให้ ยังไม่กลับหรอกจะคอยอยู่ช่วยเหลืออีกทางหนึ่งนะ พวกเด็กๆต่างยกมือไหว้ แล้วกล่าวว่า งั้นพวกหนูไปเล่นก่อนนะแม่ นี่เวลาก็เหลือไม่มากนักแล้ว วันนี้สนุกหลายอย่างจังเลย พูดจบ พวกเด็กๆบางตนก็วิ่งหายไปเล่นต่อที่กลางลานวัด ชายหนุ่มสะดุ้งในใจหันไปมองหญิงสาวแต่ไม่กล่าวว่ากระไร นอกจากนึกว่า เหตุใดพวกเด็กๆเหล่านี้จึง ให้ความเคารพนับถือหล่อนยิ่งนัก เขาจ้องมองหล่อนช่างสวยงดงามเหลือนี่กระไร และหล่อนหรือก็แต่งตัว แปลกกว่าชาวบ้านทั้งปวงที่เขาพบมา เขายังนึกว่าเป็นพวกเล่นยี่เกหรือเล่นละครเสียอีก หรือว่า?????....จะเป็นคนเดียวกับที่หลวงพ่อท่านกล่าวไว้กระมังว่า คนแถวนี้ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าแม่ ตะเคียนจึงไม่ค่อยเป็นอะไรมาก หรือนางจะเป็นนางตะเคียนยิ่งการปรากฏกายของหล่อนเขาไม่รับทราบอะไร เลยว่าหล่อนมาเมื่อไหร่ ยิ่งคิดไปก็ยิ่งสงสัยแต่ช่างเถอะจะเป็นอะไรหากเธอมาเพื่อช่วยเหลือเขาก็ดี ด้วยเขาเอง นั้นตอนนี้ตัวคนเดียว ดีซิแม้หล่อนจะเป็นอะไรก็ช่างแต่สำหรับเขาไม่เป็นพิษเป็นภัยเป็นใช้ได้ ไว้ค่อยสอบถาม หล่อนภายหลังก็ได้หากได้พบกันอีกครั้ง ชายหนุ่มตรึกตรองแล้วก็ปล่อยผ่านเลยไป แต่ด้วยชายหนุ่มยังไม่หายสงสัยหันไปถามเจ้าจุกก่อนที่มันจะจากไปเล่นกับพวกว่า อะไรๆ???....พ่อเชียรของน้าเก่งมากจริงๆหรือ???... เก่งซิน้า.....ในหมู่บ้านนี้และในละแวกหมู่บ้านอื่นไม่มีใครเทียบพ่อเชียรกับหลวงพ่อได้หรอก แต่พ่อเชียรไม่ค่อยจะแสดงตัวเท่านั้นเอง เพียงแต่ใครเดือดร้อนก็จะมาหาให้ช่วยเหลือ ปกติท่านก็ จะทำงานเหมือนคนธรรมดา ไม่ได้ตั้งตัวเองเป็นอาจารย์หรือหมอผีเหมือนคนมีวิชาอาคมอื่นๆจ๊ะน้า... ไม่เคยสร้างพระหรือเครื่องรางจำหน่าย เคยมีคนมาติดต่อพ่อเชียร ท่านไล่ตะเพริดไปหมดจนไม่มีใคร กล้ามารบกวน ท่านไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินทองประเภทนี้หรอกจ้า.... ส่วนแม่เข็มก็เก่งน๊ะน้า เอาพ่อเชียรเสียอยู่วิชาอาคมร่ำเรียนมาจากพ่อก็มากเรียกว่าพอๆกับพ่อเชียร เลยล่ะ ฮ่าๆๆ สาวๆทั้งหมู่บ้านต่างติดพันเสมอๆ ด้วยพ่อเชียรขยัน รูปร่างหรือก็หล่อเสียด้วยซิ วิชาอาคม ก็มีมาก อุ๊ยทางด้านเสน่ห์เก่งมากร่ำลือไปทั่วทั้งบางเลยล่ะไปไกลถึงในเมือง พวกนั้นต่างมาหาเพื่อจะขอ ร่ำเรียน ฝากตัวเป็นศิษย์แต่พ่อเชียรไม่ยอมรับ สาวรุ่นกะเต๊าะแยะเลยล่ะแต่แม่เข็มแก้ได้หมดเล่นเอาพ่อเชียรหงอ ไปเลยเชียวล่ะ พูดจบเจ้าเด็กผมจุกก็หัวร่องอหาย หากแม่เข็มไม่เก่งป่านนี้พ่อเชียรเมียเต็มบ้านไปหมด ฮ่าๆๆๆ หนูเคยตามพ่อเชียรไปเที่ยวที่บ้านพ่อกับแม่เข็มและยังไปขี่ควายของพ่อเชียรเล่นเลยล่ะ พ่อเชียรเลี้ยงไว้ ห้าตัว ตัวหนึ่งชื่อทองตัวหนึ่งชื่อเงินตัวหนึ่งชื่อแดง ตัวหนึ่งชื่อหวายและอีกตัวหนึ่งชื่อเทียนจ๊ะ ภายในบ้านมีเพียงแต่พระ ควาย และเด็กชายหญิง ซึ่งพ่อแม่เลี้ยงไว้ใช้งาน กับแม่เข็มเท่านั้นจ๊ะ............... * แก้วประเสริฐ. *
2 พฤศจิกายน 2553 17:31 น. - comment id 119833
หนุกดีค่ะคุณแก้ว
2 พฤศจิกายน 2553 21:11 น. - comment id 119837
อิอิ....นั่งเทียนเขียนแหละจ้า มัี่วๆไปเรื่อย เพราะไม่เคยเขียนแบบนี้มาก่อนเลย เวลา เขียนต้องให้เลยเที่ยงคืนไปก่อน บรรยากาศ ได้ใจนั่นแหละ นั่งคนเดียวเลยนึกออกนะ เขียนไปมองหน้าต่างไป ใบไม้ อะไรไหวๆ ก็นำมาเขียนแหละจ้า รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
2 พฤศจิกายน 2553 21:49 น. - comment id 119840
วันก่อนอ่านเรื่องผีๆของโคลอนยังสยองอยู่เลย แต่เรื่องของคุณแก้วอ่านแล้วได้ความรู้เรื่องวิญญาณดีค่ะ แม้ว่าจะดูน่ากลัว อิอิ
2 พฤศจิกายน 2553 22:00 น. - comment id 119841
คุณ แจ้นเอง อันที่จริงเป็นเรื่องแรกในการหัดเขียน นิยายทั้งหมดของผมครับ อาศัยผมศึกษา ธรรมมะโดยเฉพาะพระธรรมเจ็ดคำภีร์มาด้วย นิสัยชอบและอ่านพระไตรปิฏกมาบ้าง โดย เฉพาะชาดก ก็เลยพอจะทราบ แต่เรื่องผีๆ ไม่เคยอ่านเลยล่ะ แต่ทดลองเขียนดู สิ่งใด ไม่รู้ผมมักชอบลองเสมอๆแหละจ้า แต่เวลา เขียนเรื่องนี้ผมมักจะเขียนหลังเที่ยงคืน ไปแล้วได้อารมณ์บรรยากาศไปด้วยอ่าน ทบทวนมัีนสยองขวัญดีนะ ลองเข้ามา อ่านหลังเที่ยงคืนหรืออยู่คนเดียวดึกๆซิ รสชาติจะได้มากขึ้นอีกนะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2553 11:23 น. - comment id 119850
ตอน ๓ ดูตื่นเต้นครับ มีภาค ผี สู้กับผี ด้วย.. จะมาติดตามตอนต่อไปครับครู
4 พฤศจิกายน 2553 00:51 น. - comment id 119862
คุณ กิ่งโศก ครูมักจะเขียนเรื่องแบบนี้หลัีงเที่ยงคืน ไปได้อารมณ์ในการเขียนมาก ด้วยอยู่คน เดียว เขียนไปมองหน้าต่างๆหาเหตุไป โอ้ย สนุกออกจะตายไปจ๊ะ ลองหัดเขียนนืิยาย แบบนี้บ้างซิื สนุักจริืงๆนะ ประสบการณ์เห็น ผีตอนเด็กๆครูมีมาก ตอนไปเรียนหนังสือ สมัยเด็กๆพบเสมอๆแหละ กลัวจนไม่กลัว แหละ หากจะเขียนแบบเรื่องเล่ามีมาก มายเสียจริงๆนะ แต่ครูไม่ชอบ ชอบแต่ง เป็นเรื่องราวสนุกกว่าจ๊ะ เพราะต้องผ่าน วัดดอน ยานนาวา ป่าช้าครูก็เคยไปเล่น ซ่อนหาสมัยมีหนังกลางแปลง กับพวก เด็กวัดด้วยกัน วิ่งไปแอบแถวป่าช้าหลุม ศพเยอะแยะเชียว สมัยนั้นน่ากลัวมาก ที่เขาว่าวัดดอนผีดุนั่นแหละ ด้วยครูอยู่ใกล้ๆกับวัดดอนแหละจ้า รักศิษย์เราเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2553 12:04 น. - comment id 119865
รออ่านตอนต่อไปค่ะครู
4 พฤศจิกายน 2553 15:09 น. - comment id 119867
คุณ อนงค์นาง จ้าครูจะแต่งเรื่องนี้ให้จนจบ คอยอ่าน ต่อก็แล้วกันจ๊ะ รักศิษย์เรามากเสมอๆ แก้วประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2553 15:20 น. - comment id 119868
เริ่มเข้มข้นแล้วค่ะครู...ไม่ทราบจะจบลง ตอนที่เท่าไรค่ะ..
4 พฤศจิกายน 2553 15:59 น. - comment id 119869
คุณ เทียนหยด การเขียนเรื่องยาวๆนั้น อรรถรสต้อง ร้อยสัมพันธ์ในเนื้อหาให้เรียงร้อยไม่ติดขัด กันดุจร้อยกรองแหละจ้า เธอลองเดาซิว่า ครูจะจบลงแบบไหนและตอนที่เท่าใดนะ ครูเคยเขียนถึงห้าสิบกว่าตอนก็เคยมาแล้วจ้า รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 ธันวาคม 2553 12:36 น. - comment id 120764
6 มกราคม 2554 16:41 น. - comment id 121094
......